MSN on June 07, 2016, 02:06:38 PM
บลจ.กรุงไทยขายตราสารหนี้3เดือนชู1.40%ต่อปี
                   
นางชวินดา  หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้   ได้แก่  กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 98  (KTFF98)  เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2559  อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ  ประกอบด้วย  เงินฝากประจำ ของ Bank of China  (Macau) , China Construction Bank ( Asia) Corp.Ltd.  , Agricultural Bank of CHINA  , Union  National  Bank  PJSC    และ First Gulf Bank PJSC   ผลตอบแทนประมาณ 1.40% ต่อปี

ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3เดือน3 (KTSIV3M3) เสนอขายรอบใหม่( Roll Over ) ถึงวันที่  10 มิถุนายน 2559  อายุ 3เดือน  เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศ   79% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก  ตั๋วเงินคลัง  และพันธบัตรรัฐบาล  ผลตอบแทนประมาณ 1.30% ต่อปี

นางชวินดา  กล่าวต่อไปว่า   ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ เริ่มกลับมาแข็งค่าจากท่าทีของ Fed ที่อาจจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้   ส่งผลให้ตราสารหนี้โดยส่วนใหญ่เริ่มเผชิญแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะตราสารหนี้ไทย   รวมถึงราคาทองคำ  และกองทุน REITs   ราคาน้ำมันยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่องจากแรงเก็งกำไร  ขณะที่ตลาดหุ้นแกว่งตัวลดลงในช่วงต้นเดือน และฟื้นตัวในครึ่งเดือนหลัง    โดยเฉพาะตลาดพัฒนาแล้ว  ส่วนกลุ่มตลาดเกิดใหม่มีการปรับฐาน หลังจากปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้า   ยกเว้น ตลาดหุ้นอินเดียที่ได้รับแรงหนุน จากผลประกอบ ซึ่งส่วนใหญ่ดีกว่าคาด

ส่วนในเดือนมิถุนายน ให้จับตาดูการตัดสินใจของที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ( Fed)   ในวันที่ 14-15 มิถุนายน  และการลงประชามติในสหราชอาณาจักร  ในวันที่ 23 มิถุนายน 2559   โดยฝ่ายวิจัยของบริษัท  คาดว่า  Fed  จะยังตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย  เพื่อรอความชัดเจนจากผลการลงประชามติของสหราชอาณาจักร ว่า จะเลือกคงสถานะในกลุ่มประชาคมยุโรปต่อไปหรือไม่    แต่มีแนวโน้มสูงมากที่  Fed   จะเลือกขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม    เหตุการณ์ทั้งสอง จะมีอิทธิพลต่อภาวะการลงทุนอย่างมาก  ท่าทีของ  Fed ต่อความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต จะมีอิทธิผลสำคัญต่อราคาตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ  รวมถึงค่าเงิน USD    ขณะที่การคงสถานะสมาชิกกลุ่ม EU ของUK  จะลดความไม่แน่นอนในการคงอยู่ของ EU  ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจโลก  และภาวะการลงทุนในตราสารทุน  โดยเฉพาะตลาดพัฒนาแล้ว  เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น  รวมถึงสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ

แนวโน้มอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตามแรงขายทำกำไรสลับกับแรงซื้อกลับ   เพราะกังวลว่า Fed มีโอกาสมากที่จะขึ้นดอกเบี้ยในไม่กี่เดือนข้างหน้า    โดยนักลงทุนต่างชาติ  ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มียอดซื้อสุทธิจำนวน 2,528 ล้านบาท โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 bps. มาอยู่ที่ 1.65% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12 bps.มาอยู่ที่ 1.96% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13 bps.มาอยู่ที่ 2.24% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางของการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ  และการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ
« Last Edit: June 07, 2016, 02:43:43 PM by MSN »