จัดจำหน่ายโดย แฮนด์เมด ดิสทริบิวชั่น
ชื่อภาพยนตร์ HIGH-RISE ตึกระทึกเสียดฟ้า
ภาพยนตร์แนว แอ็คชั่น-ไซไฟ-ดราม่า
กำหนดเข้าฉาย 5 พฤษภาคม 2559
กำกับการแสดงโดย Ben Wheatley (เบน วีทลี่ย์) ผลงานที่ผ่านมา ภาพยนตร์ Kill List
ลิงค์ตัวอย่างhttps://www.youtube.com/watch?v=rku8qO_9xvsนำแสดงโดย…
Tom Hiddleston (ทอม ฮิดเดิลสตัน) รับบท Dr.Robert Laing (ดร.โรเบิร์ต แลงก์)
ผลงานที่ผ่านมา Thor : The Dark World , The Avengers , Only Lovers Left Alive
Jeremy Irons (เจเรมี ไอร์ออน) รับบท Anthony Royal (แอนโธนี รอยัล)
ผลงานที่ผ่านมา Beautiful Creatures , Die Hard : With a Vengeance , The Man in The Iron Mask
Luke Evans (ลุค เอแวนส์) รับบท Richard Wilder (ริชาร์ด ไวลเดอร์)
ผลงานที่ผ่านมา The Hobbit Trilogy , Dracula Untold , Furious 6 , The Raven , The Three Musketeers
Sienna Miller (เซียนนา มิลเลอร์) รับบท Charlotte Melville (ชาร์ลอตต์ เมลวิลล์ )
ผลงานที่ผ่านมา American Sniper , Foxcatcher , Burnt , G.I.Joe : The Rise of Cobra
Elisabeth Moss (อลิซาเบธ มอส) รับบท Helen Wilder (เฮเลน ไวลเดอร์)
ผลงานที่ผ่านมา Truth , On The Road , Mad Man , The One I Love , Get Him to The Greekเรื่องย่อ ในปี 1975 คุณหมอหนุ่ม โรเบิร์ต แลงก์ (รับบทโดย ทอม ฮิดเดิลสตัน) ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ทเมนต์หลังใหม่ของเขาบนชั้น25 ของตึกระฟ้าหรูหราและสันโดษของกรุงลอนดอน เขาก็ได้พบว่าเพื่อนบ้านของเขาไม่คิดจะปล่อยเขาให้อยู่ตามลำพังอย่างปกติสุข หลังจากปลงกับสภาพทางสังคมที่ซับซ้อนรอบตัวเขา โรเบิร์ตค่อยๆปรับตัวและยอมรับความจริง เขาจึงเริ่มผูกมิตรกับเพื่อนบ้าน ต่อมาโรเบิร์ตได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของชนชั้นต่างๆที่อยู่ในแต่ละชั้นของตึกแห่งนี้ โดยมี ริชาร์ด ไวลเดอร์ (รับบทโดย ลุค เอแวนส์) นักทำหนังสารคดีที่อาศัยอยู่ชั้น2 เป็นแกนนำของนักต่อสู้เรื่องชนชั้น “…ผู้คนเป็นปัญหา เหล้าคือเงินตรา เซ็กส์คือยาอมฤต…” ติดตามบทสรุปของการเรียกร้องสิทธิของพวกเขาได้ในภาพยนตร์เรื่อง High-Rise 5 พฤษภาคมนี้ในโรงภาพยนตร์จุดเด่นภาพยนตร์เรื่อง HIGHT-RISE1. ทอม ฮิดเดิลสตัน สลัดคราบในบทโลกิจากภาพยนตร์เรื่อง Thor ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องHigh-Rise จะได้เห็นหนุ่มทอมสวมบทบาทร้ายในแบบที่ไม่คุณคาดไม่ถึง
2. ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายยุค 70 ของเจ.จี. บัลลาร์ด นิยายสมเหตุผลต่อยุคนี้ยิ่งกว่ายุคนั้น มันถูกเขียนขึ้นในยุค 70 โดยมีฉากเป็นอนาคตอันใกล้ซึ่งเราอยู่ในอนาคตอันนั้นแล้ว
3. นิยายของ เจ.จี. บัลลาร์ด เคยถูกหยิบมาสร้างเป็นหนังหลายเรื่องเช่น Empire of the Sun (น้ำตาสีเลือด) นิยายกึ่งชีวประวัติของบัลลาร์ดได้ถูกสร้างเป็นหนังโดยสตีเว่น สปีลเบิร์กในปี 1984 หนังสืออื้อฉาวเรื่อง Crash (รักดิบ) ถูกสร้างเป็นหนังโดย เดวิด โครเนนเบิร์ก เรื่องดังกล่าวเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปี 1996 และคว้ารางวัลปรีซ์ ดู จูรี มาครองได้สำเร็จ
4. โลกที่อยู่บนตึกระฟ้าที่มีการแบ่งชนชั้น พร้อมทั้งงานออกแบบงานสร้างกับงานกำกับภาพที่ดูเป็นเสน่ห์ของหนังยุค 70
5. นักแสดง ทอม ฮิดเดิลสตัน ใช้เวลากับศึกษาการบำบัดทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับบทบาทที่เขาได้รับในภาพยนตร์เรื่องนี้เจ.จี. บัลลาร์ด เจ้าของนิยายชื่อดัง
เจ.จี. บัลลาร์ด (1930-2009) นักเขียนชาวอังกฤษคลื่นลูกใหม่สำหรับนิยายไซไฟ ผู้ได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในนักเขียนที่มีความสำคัญที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20
บัลลาร์ดใช้เวลาในวัยเด็กอยู่ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน พอเข้าวัยหนุ่ม เขาก็มาลงหลักปักฐานในเมืองเชพเพอร์ตัน ประเทศอังกฤษ และหลังจากศึกษาด้านการแพทย์ เขาก็เริ่มต้นอาชีพนักเขียน สภาพดิสโทเปียของเพศสภาพ ความแปลกต่างและเทคโนโลยีที่ปรากฏในงานเขียนของเขาได้ส่งให้บัลลาร์ดกลายเป็นบุคคลสำคัญในแวดวงวรรณกรรมโพสต์โมเดิร์น ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาได้แก่ The Atrocity Exhibition, The Drowned World, Cocaine Nights, Crash, Empire of the Sun, High-Rise, Super-Cannes และ Concrete Island
ความมีเอกลักษณ์ด้านวรรณศิลป์ในผลงานของบัลลาร์ดทำให้เกิดคำคุณศัพท์ที่ว่า “แบบบัลลาร์ด” ซึ่งได้รับคำนิยามจากพจนานุกรมภาษาอังกฤษคอลลินส์ว่า “คล้ายคลึงหรือมีลักษณะตามสภาพที่บรรยายเอาไว้ในนิยายหรือเรื่องราวของเจ.จี. บัลลาร์ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสมัยใหม่แบบดิสโทเปีย ภูมิประเทศฝีมือมนุษย์ที่มืดหม่นและผลกระทบเชิงจิตวิทยาต่อการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคมหรือเทคโนโลยี”
Empire of the Sun นิยายกึ่งชีวประวัติของบัลลาร์ด ได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์โดยสตีเฟน สปีลเบิร์กในปี 1984 ที่นำแสดงโดยคริสเตียนเบล หนังสืออื้อฉาวของเขาเรื่อง Crash ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์โดยเดวิด โครเนนเบิร์ก อำนวยการสร้างโดยเจเรมี โธมัสและนำแสดงโดยเจมส์ สเปเดอร์และฮอลลี ฮันเตอร์ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปี 1996 และคว้ารางวัลปรีซ์ ดู จูรีมาครองได้สำเร็จ
“…ผมได้รู้จักเจ.จี.อย่างดีระหว่างการสร้าง Crash และโปรเจ็กต์อื่นๆ และการใช้เวลาร่วมกับเขาก็เป็นเรื่องน่าทึ่งเสมอไม่เพียงแต่ด้วยความกระตือรือร้นที่เขามีต่อวัฒนธรรมภาพยนตร์และการดัดแปลง Crash เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการที่ผู้กำกับคนอื่นๆ นำหนังสือของเขามาดัดแปลงเป็นหนังด้วย ผมรู้ว่าเขาจะตื่นเต้นมากๆ กับมุมมองที่เบนและเอมีมีต่อนิยายที่เล่าถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าของเขาครับ…”ผู้อำนวยการสร้างเจเรมี โธมัสกล่าว.สารจากผู้กำกับเบน วีทลีย์
High-Rise เป็นการตีความที่เต็มไปด้วยความเคารพต่อนิยายโมเดิร์นคลาสสิกโดย เจ.จี. บัลลาร์ด ที่เขียนขึ้นในปี 1975 และเป็นจุดสุดยอดสำหรับอาชีพคนทำหนังของผมด้วยจนถึงปัจจุบัน ผมพยายามจะผสมผสานความเข้มข้นทางอารมณ์แบบ Down Terrace และ Kill List ความตลกขบขันของ Sightseers และการฝึกฝนอย่างเป็นทางการจาก A Field in England เข้าด้วยกัน ผมหวังว่าคุณคงจะคิดว่ามันตลกและน่าประหลาดใจอย่างมีชีวิตชีวา
“…ผมอยากจะขอบคุณนักแสดงทุกคนสำหรับการแสดงที่เอื้อเฟื้ออย่างเหลือเชื่อของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทอม ฮิดเดิลสตัน ที่ยอมสละทุกอย่าง รวมถึงเสื้อผ้าของเขา เพื่อเนรมิตชีวิตให้กับดร.โรเบิร์ต แลง ด้วยความสง่างาม เฉลียวฉลาดและเปราะบางทางอารมณ์ ซึ่งทำให้ผมสามารถถ่ายทอดโทนแบบบัลลาร์ดออกมาได้…”สารจากมือเขียนบท เอมี จัมป์
“…ฉันจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากความวิตกกังวลเมื่อนึกถึงการโตขึ้นมาในลอนดอนช่วงปลายยุค 70s ท้องถนนเต็มไปด้วยขยะ เศษยางและเหล็กขึ้นสนิม การเดินย่ำเท้าที่ไม่รู้จักจบจักสิ้นด้านหลังรถเข็นที่เต็มไปด้วยข้าวของที่ซื้อมาไปตามอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์ของถนนฟินช์ลีย์ พ่อแม่ขี้เมาที่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายจากผับและรถวอลโว ตามบันไดและเตียงของคนอื่นๆ ฉันมองดูพวกผู้ใหญ่สนุกกันแบบเลอะเทอะเปรอะเปื้อน และสงสัยว่าทั้งหมดนี้จะลงเอยยังไง มีคนที่เข้าใจถึงความตั้งใจอย่างเป็นทางการเชิงปรัชญาของบัลลาร์ดมากกว่านี้ แต่ฉันรู้ว่าการรู้สึกเหมือนสูญเสียตัวตนในอาคารหลังนั้นเป็นยังไง เสียงสะท้อนบางอย่างที่ดังก้องผ่านท่อระบายความร้อนที่เสื่อมสภาพในหนังเรื่องนี้เป็นของฉันแต่แน่นอนว่า High-Rise ถูกสร้างขึ้นโดยคุณเจ.จี. บัลลาร์ด ดังนั้น ฉันอยากจะขอขอบคุณคุณบัลลาร์ด ครอบครัวของเขาและคุณโธมัสที่เปิดโอกาสให้ฉันได้พักพิงอยู่ที่นั่นชั่วคราว…”โลเกชั่นถ่ายทำ
High-Rise ถ่ายทำในเมืองเบลฟาสต์ ทางตอนเหนือของไอร์แลนด์ ที่ซึ่งกองถ่ายได้พบบริเวณที่ดูคล้ายคลึงกับลอนดอนยุค 70s ในเมืองบังกอร์ที่อยู่ริมทะเล ซึ่งหาได้ยากแม้แต่ในกรุงลอนดอนเอง
โลเกชั่นสำคัญสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้คือศูนย์นันทนาการบังกอร์ ซึ่งถูกออกแบบโดยฮิวโก้ ซิมป์สันในปี 1970 อาคารสไตล์บรูทัลลิสต์แห่งนี้มีพื้นที่ที่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนมากมาย ที่มีลักษณะตรงกับยุคสมัยในภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงสระว่ายน้ำและสนามสควอช ที่นี่เองที่ผู้ออกแบบงานสร้างมาร์ค ทิลเดสลีย์ ได้สร้างฉากสำหรับห้องของผู้พักอาศัยขึ้นมา ซึ่งรวมถึงห้องของแลง, ชาร์ล็อต, ไวลเดอร์, ทัลบอทและสตีล ทางเดินและระเบียงของอพาร์ทเมนต์ก็ถูกสร้างขึ้นที่นี่ด้วยเช่นกัน และตัวอาคารแห่งนี้ก็ถูกใช้เป็นฐานสำหรับการถ่ายทำ
โอลด์ สเตนา เทอร์มินัลตรงท่าเรือบัลลาสต์ทำให้ทิลเดสลีย์รับรู้ถึงสเกลในการออกแบบเพนท์เฮาส์ที่น่าประทับใจของรอยัล และส่วนโถงด้านหน้าที่โอ่โถงของอพาร์ทเมนต์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากผลงานของสถาปนิกยุคศตวรรษที่ 20 ชาวฝรั่งเศส เลอ กอร์บูซีเย
สวนบนหลังคาของเพนท์เฮาส์ของรอยัลถูกถ่ายทำที่สวนในพระราชวังบังกอร์ ซึ่งถูกออกแบบโดยตระกูลวอร์ดในยุค 1840s
โลเกชั่นอื่นๆ รวมถึงอาคารแอชบี้ที่มหาวิทยาลัยควีนส์ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำสถาบันทางสรีรวิทยาของแลงและอุทยานธุรกิจคิลรู้ทคือสถานที่ที่เฮเลน ไวลเดอร์ถูกลักพาตัวไปบนบันได
