กรมทรัพยากรน้ำ จัดวันน้ำโลก Water and Jobs: น้ำและการพัฒนาอาชีพ
พร้อมเสวนา “”ยุทธศาสตร์การจัดการน้ำ ไม่ให้เกิดภัยแล้งอย่างยั่งยืน”
นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล โฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551เห็นชอบให้สัปดาห์ที่ตรงกับวันที่ 22 มีนาคมของทุกปี เป็นสัปดาห์อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำแห่งชาติและวันน้ำโลก มาโดยตลอดต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2559 องค์การสหประชาชาติ กำหนดหัวข้อของวันน้ำโลกว่า Water and Jobs:น้ำและการพัฒนาอาชีพ เน้นถึงความสัมพันธ์ระหว่างน้ำและอาชีพ ภายในงานมีการจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้ สร้างจิตสำนึก ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ ซึ่งประชาชนที่มาร่วมงานสามารถชม นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นิทรรศการสัปดาห์อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและวันน้ำโลก นิทรรศการทรัพยากรน้ำในประเทศไทย นิทรรศการยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและยุทธศาสตร์ภัยแล้งปี 2558-2559 มีการแสดงแนวคิดการแก้ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่ประกาศภัยแล้ง 15 จังหวัด และมีพื้นที่ขาดแคลนน้ำ 43 จังหวัด ภาคเหนือ 9 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15 จังหวัด ภาคตะวันออก 4 จังหวัด และภาคใต้อีก 4 จังหวัด ในส่วนพื้นที่ประสบปัญหาน้ำเค็ม คือ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สมุทรสงคราม สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ในส่วนความเค็มของน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำเค็มรุกถึงโรงพยาบาลศิริราช ด้านแม่น้ำบางปะกง น้ำเค็มรุกถึงแม่ข่ายการประปาสาขา อ.เมือง บางปะกง และบ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีการนำแนวคิดจากการคำนวณสถิติการใช้น้ำในปีที่ผ่านๆมา แล้วนำมารวมกับแนวทางการแก้ปัญหารูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องน้ำในเขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังมีปริมาณน้ำพอใช้ คือ ร้อยละ 35 46 38 และ 42 ตามลำดับ หากมีการบริหารจัดการที่ดีก็จะมีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและการรักษาระบบนิเวศได้ตลอดหน้าแล้งนี้ นิทรรศการประวัติคลองผดุงกรุงเกษม และนิทรรศการจากหน่วยงานที่ร่วมจัด เข้าร่วมรับฟังการเสวนาหัวข้อ “ประชารัฐ ร่วมใจ คืนความใสให้ลำน้ำ” โอกาสนี้จะมีการเสวนาหัวข้อการแก้ปัญหาภัยแล้งจากหลากหลายแนวคิด โดยในส่วนของกรมทรัพยากรน้ำ มีหน้าที่หลักในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ มีการศึกษาแนวทางแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืนไว้อย่างละเอียดแล้ว ทั้งเรื่องการบริหารน้ำในเขื่อนหลักให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง ด้วยการเพิ่มน้ำต้นทุนไม่ต้องสร้างเขื่อนเพิ่ม หากมีน้ำขาดในภาคหรือจังหวัดใด มีการจัดเตรียมรถน้ำแจกในพื้นที่ขาดแคลน และลงแขกนำเครื่องขุดบ่อบาดาล จากทุกภาคทั่วประเทศระดมขุดบ่อบาดาลในจุดที่วิกฤต แต่ละพื้นที่เป็นครั้งๆไป ส่วนคลองต่างๆทั่วประเทศจะมีการบูรณาการให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น คลองผดุงกรุงเกษม ยาว 20 กม.กว้าง 20 เมตร ไม่มีการเดินเรือ น้ำเน่าเสีย มีแนวคิดพลิกฟื้นกลับมาเป็นคลองสวยน้ำใส และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ ให้เกิดประโยชน์หลากหลาย เป็นต้น ประชาชนทั่วไปสามารถร่วมงานได้ในวันที่ 22 มีนาคม 2559 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. ณ ห้องบีซีซีฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ