MSN on February 29, 2016, 08:38:26 AM
ผู้ประกอบการเอกชนเสนอแนวทางการพัฒนาพื้นที่บริเวณ นิคม กม. 11 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยเน้นการลงทุนจากผู้ประกอบการหลายราย พร้อมเสนอระยะเวลาสัญญาเช่าไม่ต่ำกว่า 50 ปี เมื่อเร็วๆ นี้ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้จัดงานทดสอบความสนใจของภาคเอกชนในการลงทุน (Market Sounding) เพื่อแนะนำและเสนอแนวทางการพัฒนาพื้นที่บริเวณ นิคม กม. 11 พร้อมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนาโครงการจากกลุ่มผู้ประกอบการเอกชน ณ ห้องพิมานแมน โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการลงทุนในโครงการฯ ไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการเอกชนภาคอสังหาริมทรัพย์ต่างให้ความสนใจในโครงการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งยังเสนอว่าควรเป็นการลงทุนจากผู้ประกอบการหลายรายที่ชำนาญในธุรกิจเฉพาะด้าน นอกจากนี้ ยังเสนอว่าการรถไฟฯ ควรพิจารณาอนุมัติระยะเวลาในเช่าที่ดินแก่เอกชนที่เข้ามาลงทุนอย่างน้อย 50 ปี
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความสนใจในโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณ นิคม กม. 11 เนื่องจากมองว่าที่ตั้งโครงการเป็นที่ดินที่มีศักยภาพ ตั้งอยู่ในบริเวณกลางเมือง และพื้นที่ที่มีลักษณะใหญ่ ซึ่งหาได้ยากในใจกลางเมือง และในอนาคตพื้นที่บริเวณนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมเมื่อสถานีกลางบางซื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ
นายชลสิญจ์ วัฑฒนาธร Senior Vice President บริษัท แอลแอนด์เอช โฮเทล แอนด์ มอลล์ จำกัด ให้ความเห็นว่า หากโครงการนี้ประกอบด้วยผู้ประกอบการหลายรายย่อมส่งผลดีต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย เนื่องจากที่ดินแปลงนี้ประกอบด้วยการพัฒนาโครงการหลายประเภท ควรมีผู้ประกอบการหลายรายเนื่องจากส่งผลดีในแง่ความชำนาญของผู้ประกอบการ กล่าวคือได้ผู้ประกอบการที่มีความชำนาญในธุรกิจเฉพาะด้าน เช่น ผู้ประกอบการที่มีความชำนาญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ผู้ประกอบการที่มีความชำนาญในการพัฒนาอาคารสำนักงาน หรือธุรกิจค้าปลีก เป็นต้น อีกทั้งยังส่งผลดีต่อการรถไฟฯ ในแง่ผลตอบแทนค่าเช่าที่ดิน เพราะจะได้รับผลตอบแทนการเช่าที่ดินจากผู้ประกอบการหลายรายที่เข้ามาร่วมในโครงการ แทนที่จะได้รับผลตอบแทนจากผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่เข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการ
ในส่วนระยะเวลาสัญญาเช่า ผู้ประกอบการเห็นว่าระยะเวลาของสิทธิการเช่าควรไม่น้อยกว่า 50 ปี และ ยิ่งมีความน่าสนใจมากหากระยะเวลายาวถึง 99 ปี ซึ่งเทียบเท่ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยนายสัมมา คีตาสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC ให้ความคิดเห็นว่าระยะเวลาที่ 50 ปีเป็นระยะเวลาที่สามารถคืนทุนให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการ ส่วนนายรุ่งโรจน์ จงศุจิพันธุ์ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ได้ให้ความคิดเห็นในแง่ระยะเวลาของสิทธิการเช่า ในแง่ของผู้ที่ซื้อที่พักอาศัยเพื่ออยู่อาศัยเอง รับได้ที่ประมาณ 1 ช่วงอายุ หรือประมาณ 50-60 ปี
นายพสุธา สร้อยทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายจัดหาที่ดินและพัฒนาโครงการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อเสนอแนะต่อโครงการว่าการพัฒนาโครงการที่มีที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับการพัฒนาศูนย์ประชุม อาจส่งผลกระทบต่อผู้พักอาศัยในโครงการเนื่องจากเมื่อมีการจัดงานต่างๆ จำนวนคนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวชมงานในศูนย์ประชุม จะส่งผลให้เกิดการจราจรที่ติดขัดในโครงการ ซึ่งสร้างผลกระทบต่อผู้ที่พักอาศัยในโครงการ
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้ให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาโครงการนี้ว่า กำหนดเวลาการพัฒนาอาคารในที่ดินแต่ละแปลง และถนนในโครงการที่ผ่านหน้าโครงการ ควรจะจับคู่การพัฒนาให้ดี เนื่องจาก หากการพัฒนาถนนเสร็จแต่การพัฒนาโครงการซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ถนนสร้างเสร็จแล้วยังไม่เสร็จ ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อถนนในโครงการ
การจัดสัมมนาเพื่อศึกษา ทบทวน และสำรวจความสนใจของผู้ประกอบการเอกชนภาคอสังหาริมทรัพย์ (Market Sounding) สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณ นิคม กม. 11 ซึ่งเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้การรถไฟฯ ได้ว่าจ้างสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เพื่อดำเนินการศึกษาความเหมาะสม และออกแบบเบื้องต้น โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณ นิคม กม. 11 ในการดำเนินการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว การจัดงานสัมมนาครั้งนี้ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ประกอบการเอกชน และสมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์กว่า 40 ราย เช่น CP Land, TCC Land, Q House, Major Development, MBK, The Platinum Group, Siam Future, The Mall Group, LH Mall & Hotel, The Erawan Group, Homepro, ภิรัช บุรี กรุ๊ป, บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, สิงห์ เอสเตท, ศุภาลัย, นารายณ์พร็อพเพอร์ตี้, สัมมากร, พฤกษา เรียลเอสเตท, สยามพิวรรธน์, เซนทรัลพัฒนา, ทรอปิคอล เฮอริเทจ, สมาคมโรงแรมไทย, สมาคมอาคารชุดไทย, สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร
Notes to Editors
Knight Frank LLP is the leading independent global property consultancy. Headquartered in London, Knight Frank and its New York-based global partner, Newmark Knight Frank, operate from 417 offices, in 58 countries, across six continents. More than 13,000 professionals handle in excess of US$1.4 billion worth of commercial, agricultural and residential real estate annually, advising clients ranging from individual owners and buyers to major developers, investors and corporate tenants. For further information about the Company, please visit www.knightfrank.co.th
« Last Edit: February 29, 2016, 03:12:48 PM by MSN »
Logged