Zoolander 2
ชื่อไทย ซูแลนเดอร์ 2
วันที่เข้าฉาย 18 กุมภาพันธ์ 2559
จัดจำหน่าย บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัดเรื่องย่อเก๊กหน้าปากจู๋ท่าบลูสตีล ท่าเลอทีกรา ท่าแม็กนั่ม มีพลังสูงส่งจนสามารถหยุดดาวกระจายจีนเอาไว้กลางอากาศ และสามารถขัดขวางแผนการยึดครองโลกของวายร้ายจอมบงการไว้ได้ มีเพียงนายแบบชายเพียงคนเดียว และนายแบบชายคนเดียวนี้เท่านั้นที่สามารถใช้ทั้งความหล่อเหลาและพลังของท่าปากจู๋นั่นได้ เขาคือ เดเร็ก ซูแลนเดอร์
ครั้งหลังสุดที่เราได้เห็นสองนายแบบหนุ่ม เดเร็ก (เบน สติลเลอร์) และแฮนเซล (โอเว่น วิลสัน) พวกเขากำลังสนุกกับความมหัศจรรย์ของ “ศูนย์เดเร็ก ซูแลนเดอร์ เพื่อเด็กที่อ่านหนังสือไม่เก่ง และอยากเรียนรู้ที่จะทำเรื่องอื่นๆ ให้เก่งด้วย” และมูกาตู (วิลล์ เฟอร์เรลล์) ต้องเข้าไปอยู่ในคุก หายนะที่คาดไม่ถึงจู่โจมศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ บีบให้สองหนุ่มต้องปลีกวิเวก หลีกหนีแสงสีความเจริญ 15 ปีต่อมาพร้อมตีนกาเริ่มมาเยือน เราพบว่าเดเร็กและแฮนเซลที่ยังละอายแก่ใจ ยังใช้ชีวิตสันโดษ ถอนตัวเองออกจากโลกภายนอก
แต่เมื่อต่างฝ่ายต่างได้รับคำเชิญชวนพิเศษให้ไปเป็นดาวเด่นในอีเว้นต์ด้านแฟชั่นระดับโลกในนครโบราณที่แสนลึกลับอย่างโรม พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธความเย้ายวนของการได้หวนกลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีต และหาทางกลับคืนสู่ความศิวิไลซ์ และเมื่อเดินทางมาถึงโรม เดเร็กและแฮนเซลได้พบบรรดาดีไซเนอร์สุดประหลาดสุดเพี้ยนที่อยู่เบื้องหลังอาณาจักรแฟชั่นแห่งใหม่ ทั้งสองรู้ตัวอย่างรวดเร็วเลยว่าโลกแฟชั่นที่พวกเขาเคยรู้จักได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ทำให้การหวนกลับคืนสู่แสงสปอตไลต์ของพวกเขากลายเป็นความเงอะงะ
ขณะที่พวกเขาพยายามหาทางปรับตัวให้เข้ากับโลกใบใหม่ที่มีทั้งการทำบล็อกและแฟชั่นที่เป็นการแอนตี้แฟชั่น พวกเขาก็ถูกเรียกตัวให้ไปช่วยหยุดแผนการร้ายสุดอันตรายที่มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าพวกเขาหยุดมันไม่ได้ มันจะทำลายความหวังของวงการแฟชั่นที่จะหวนกลับไปสู่ความรุ่งโรจน์อย่างเดิม มีเพียงเดเร็กและแฮนเซลเท่านั้นที่มีพลังที่จะช่วยกู้แฟชั่นไว้ได้
พาราเม้าต์ พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอผลงานการสร้างของ เร็ดอาวเวอร์/ สก็อตต์ รูดิน โปรดักชั่น เรื่อง ZOOLANDER 2 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย เบน สติลเลอร์ จากบทภาพยนตร์ที่เขียนโดย จัสติน ธีโรซ และเบน สติลเลอร์ กับจอห์น แฮมเบิร์ก และนิโคลัส สโตลเลอร์ ขณะที่ สติลเลอร์, โอเว่น วิลสัน และวิลล์ เฟอร์เรลล์ กลับมารับบทบาทเดิมจากภาพยนตร์ภาคแรก เพเนโลปี้ ครูซ และคริสเตน วีก ร่วมประชันความฮาให้กับทีมนักแสดงที่ล้วนแต่เป็นดาราดัง ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย สติลเลอร์, สต๊วร์ต คอร์นเฟลด์, สก็อตต์ รูดิน, เคลย์ตัน ทาวน์เซ่น และเจฟฟ์ แมนน์
ผู้กำกับภาพได้แก่ แดน มินเดล โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ได้แก่ เจฟฟ์ แมนน์ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายได้แก่ ลีซ่า อีแวนส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ลำดับภาพโดย เกร็ก เฮย์เด้นเบื้องหลังงานสร้าง: การกลับมาของท่าเก๊กหน้าหล่อปากจู๋
ภาพลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์ของเขา เคยจับหัวใจคนในโลกแฟชั่นและคนดูมาแล้ว และกลายเป็นส่วนหนึ่งของพจนานุกรมวัฒนธรรม เขาคือแฮชแท็ก#ก่อนที่จะเกิดแฮชแท็กขึ้นมาเสียอีก
แนวคิดเริ่มแรกของภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดมาจากมันสมองของสองคู่หูที่สร้างสรรค์งานแนวตลกอย่าง เดรก ซาเธอร์ และเบน สติลเลอร์ โดยในทีแรกมันเป็นเพียงภาพสเก็ตช์สำหรับงานแจกรางวัล VH1 Fashion Awards ประจำปี 1996 เท่านั้น ไอเดียนี้ถูกคิดสร้างขึ้นมาให้เป็นเพียงภาพชอตเบื้องหลังของการถ่ายแฟชั่นเท่านั้น และตัวละครที่ยิ่งใหญ่ก็ถูกพบในโลกใบนั้น
“เดรกถามว่าผมอยากเป็นนายแบบไหม ตอนนั้นผมคิดว่ามันตลกดี ซึ่งก็คือเหตุผลที่เขาอยากจะทำมันขึ้นมา” สติลเลอร์เล่า
“เดรกชอบแฟชั่นมาก และเขาก็เป็นคนช่างคิดแนวตลกที่ทั้งฉลาดและไม่กลัวอะไร เราลงเอยด้วยการสร้างงานนี้สองปีติดกัน” ภาพสเก็ตช์ดังกล่าวเป็นที่ยอมรับ จนทำให้เกิดเป็นไอเดียที่จะสร้างเป็นภาพยนตร์ขึ้นมา
ถนนที่ปูให้เดเร็กและแฮนเซลคืนกลับสู่จอเงินถือว่าทั้งยาวไกลและคดเคี้ยว จนต้องใช้เวลานานถึง 15 ปีและผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายหน
“ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เวลาในการสร้างนานมาก” เบน สติลเลอร์ ซึ่งเป็นทั้งมือเขียนบท/ ผู้กำกับและดารานำ อธิบาย “เราอาจจะสร้างภาพยนตร์ภาคต่อออกมาหนึ่งปีหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ ออกฉายแล้ว แต่ไม่มีใครออกมาดูภาพยนตร์ภาคแรกกันในโรงหนัง ก็เลยไม่มีใครต้องการมัน” สติลเลอร์เล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
เมื่อตอนที่ภาพยนตร์ภาคแรกเปิดตัวฉายในเดือนกันยายน ปี 2001 มันคือช่วงเวลาที่แสนบาดใจ อันเนื่องมาจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรม 9/11 ทำให้รายได้ของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ดีนัก อย่างไรก็ดี ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับได้พบฐานแฟนใหม่ๆ หลังจากที่มี DVD เริ่มวางจำหน่าย และกลายเป็นภาพยนตร์แนวคัลท์สุดคลาสสิกไป “ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ทุกคนส่งต่อ จนเหมือนเป็นหนังใต้ดิน จนแทบจะเหมือนการตามหาแผ่นเสียงไวนิลกันเลยทีเดียว คนดูมีความรู้สึกว่ามันคือการค้นพบที่แสนพิเศษ และพยายามหามันมาไว้ในครอบครอง” จัสติน ธีโรซ ซึ่งร่วมแสดงในภาพยนตร์ภาคแรก และทำหน้าที่เป็นมือเขียนบทในภาพยนตร์ภาคต่อนี้ บอก
ตัวละครและวลีฮาๆ จากภาพยนตร์ภาคแรก โดนใจคนดู และกลายมาเป็นสิ่งที่คนนำมาแบ่งปันกัน และด้วยจุดกำเนิดของโซเชียลมีเดีย วลีโดนใจเหล่านั้นกลายมาเป็นข้อความที่มีคนแฮชแท็กกัน มีการแชร์มุขตลกในหนังกันไปทั่วโลก ”ตลอดหลายปีผมต้องประหลาดใจเมื่อมีกลุ่มคนคอยติดตามไม่ว่าผมจะไปไหน ไม่ว่าจะเป็นยุโรป เม็กซิโกหรืออเมริกาใต้ จะมีคนเดินมาหาผม และขอให้ผมเก๊กหน้าบลูสตีล ซึ่งที่จริงไม่ใช่เอกลักษณ์ของตัวละครของผมด้วยซ้ำ” โอเว่น วิลสัน หัวเราะ”ปกติแล้วภาพยนตร์ตลกใช่ว่าจะสามารถเก็ตมุขจากวัฒนธรรมที่ต่างกัน แต่ตัวละคร เดเร็ก และแฮนเซล มีความฮาในระดับที่ผมว่าทุกคนต่างชื่นชอบ”
โอกาสในการสร้างภาพยนตร์ภาคต่อออกมานั้น ถูกขับเคลื่อนไปในหลายระดับตลอดระยะเวลา 15 ปีต่อมา โดยระหว่างนั้น สติลเลอร์ได้ทำงานร่วมกับมือเขียนบทตลกชื่อดังหลายคน รวมถึงผู้ร่วมงานเดิมอย่าง จอห์น แฮมเบิร์ก,มือเขียนบท/ ผู้กำกับ นิโคลัส สโตลเลอร์ และจัสติน ธีโรซ ซึ่งเคยร่วมงานกับสติลเลอร์ในภาพยนตร์เรื่อง Tropic Thunder “หลังจากพักใหญ่ๆ ที่ผมเชื่อว่าเราคงไม่มีวันได้สร้างมันออกมาแน่ แต่ถึงจุดหนึ่ง องค์ประกอบทั้งหมดก็เริ่มปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน และมันเหมือนกับว่า ‘เอาล่ะ เรากำลังจะสร้างหนังเรื่องนี้กันจริงๆ แล้วนะ’” สติลเลอร์เล่า
กระบวนการทำงานที่ใช้เวลานานเช่นนี้ ทำให้สติลเลอร์และทีมครีเอทีฟของเขา มีโอกาสได้พัฒนาเรื่องและตัวละครไปในแบบที่เป็นการยกย่องจิตวิญญาณของสิ่งที่คนดูเคยชื่นชอบในภาพยนตร์ภาคแรก สติลเลอร์เล่าว่า “เราอยากจะสร้างหนังที่จะต้องสนุกเท่าทันกับหนังภาคแรก และจะต้องเป็นไปตามความหวังของคนดูที่เคยชอบหนังเรื่องนี้มาก ผมรู้สึกโชคดีมากที่มีคนที่ชอบหนังเรื่องนี้เอามากๆ และผมก็ไม่อยากทำให้พวกเขาผิดหวัง”เดเร็ก, แฮนเซล และมูกาตู ยังร้อนฉ่า
สามตัวละครดังกลับมาแล้ว
ในการเกิดใหม่แต่ละครั้งในกระบวนการพัฒนางานสร้าง การกลับมาของสามตัวละครดังอย่าง เดเร็ก, แฮนเซล และมูกาตู ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย และยังคงเป็นหัวใจของเรื่องเสมอมา ในการทำงานในโลกสุดโหด อย่างการเป็นนายแบบชายในวงการแฟชั่น จุดแข็งของตัวละครเหล่านี้ก็คือสิ่งที่เป็นพื้นฐานให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ สติลเลอร์รู้ดีกว่าการกลับมาของตัวละครหลักทั้งสามตัวนี้คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ”สุดท้ายแล้ว ผู้คนต่างอินกับตัวละคร เมื่อมีคนบอกผมว่าพวกเขาชอบ Zoolander มาก สำหรับผมมันหมายความว่าพวกเขารักตัวละครทุกตัว และเดเร็ก, แฮนเซล และมูกาตู เพราะพวกเขาคือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นอย่างที่เป็นอยู่ครับ” สติลเลอร์กล่าว
สำหรับสติลเลอร์ การกลับไปรับบท เดเร็ก ถือเป็นความท้าทายหลังจากหยุดพักไปนาน “เดเร็กมีบุคลิกที่โดดเด่น เขาคือตัวจริงและหลงตัวเอง ทั้งหมดเกิดมาจากความใสซื่อโดยแท้ ผมได้ดูหนังภาคแรกอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าผมกำลังทำมันออกมาได้อย่างถูกต้อง และหลังจากผ่านไปสองอาทิตย์ มันก็เริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้น และกลายมาเป็นความสนุกครับ”
ในการจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงโดยมีแค่ชื่ออย่างเดียวเท่านั้น ตัวละคร แฮนเซล ของโอเว่น วิลสัน คือตัวละครที่มีความลึกลับแบบร็อคสตาร์โบฮีเมี่ยนที่ทำให้คนดูวงกว้างรู้สึกติดอกติดใจ “ผมโชคดีมากที่ได้เล่นตัวละครดีๆ หลายตัวตลอดหลายปีมานี้ และความจริงที่ว่าแฮนเซลมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักด้วยชื่อเพียงอย่างเดียว เหมือนกับมาดอนน่า และสติง มันสะท้อนให้เห็นว่าเขาคือตัวละครที่อยู่ในความทรงจำแบบไหน” วิลสันกล่าว
“โอเว่นมีบุคลิกตลกที่โดดเด่นมาก ผมเป็นแฟนผลงานของเขานะ” สติลเลอร์ที่ร่วมงานกับวิลสันมานาน กล่าว “เขาเป็นคนมีอารมณ์อ่อนไหวที่แสนพิเศษ และเมื่อเขาได้ด้นมุขสดในบริบทที่เขารู้สึกสบายใจ คุณจะได้งานในแบบที่คุณจินตนาการไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็เหมือนตัวละครของเขานั่นแหละ เขาเป็นคนหน้าตาดีมาก สำหรับผมจึงเป็นเรื่องสนุกที่ได้เห็นเขาต้องมานั่งจำว่าจะเล่นเป็นแฮนเซลยังไง อาทิตย์แรกที่เขากำลังแสดงฉากหนึ่ง ซึ่งเขากำลังมองออกไปที่ทะเลทราย และเขาก็พบท่าหรี่ตาปากจู๋แบบแฮนเซล เท่านั้นแหละก็ไม่มีการหันกลับอีกแล้ว”
จาโคบิม มูกาตู กลายเป็นตัวละครที่ทุกคนชื่นชมเช่นกัน เขากลายเป็นหนึ่งในวายร้ายที่ชวนให้นับถือมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ด้วยชุดเปรี้ยวจี๊ดจนเข็ดฟัน หมาตัวเล็ก ลาเต้สาดกระจาย และความสามารถที่จะประเมินได้ว่าใครกำลังฮอตสุดๆ มูกาตูจึงเป็นตัวละครที่มีความโดดเด่นในแบบที่ไม่เหมือนใคร เมื่อคิดว่าเขายังเป็นนักแสดงหน้าใหม่อยู่เลยเมื่อตอนแสดงภาพยนตร์ภาคแรก วิลล์ เฟอร์เรลล์ นักแสดงตลกตอบรับโอกาสที่จะสร้างตัวละครน่าขันจากศูนย์จริงๆ “ตัวละครทุกตัวในโลกแฟชั่นนี้ล้วนแต่สนุกสุดๆ เพราะมันมีที่มามากมาย” เฟอร์เรลล์บอก “มูกาตูเป็นตัวละครที่สำคัญสำหรับผม เพราะมันเป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสได้แสดงตัวละครที่โดนใจคนดูขนาดนี้”
สติลเลอร์กล่าวว่า “วิลล์อาจจะเป็นคนที่ตลกที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้เลย เขาตลกที่สุดเท่าที่คุณจะหาได้แล้ว ถึงภาพยนตร์ตลกของเขาจะเพี้ยนแค่ไหน และตัวละครของเขาจะหลุดโลกเพียงใด แต่เขากลับเป็นคนที่ติดดินที่สุดเท่าที่คุณเคยพบมา มันถึงจุดที่ว่าบางครั้งคุณก็เกิดความรู้สึกว่าเขากำลังแสดงเป็นตัวละครเวลาที่เขาเป็นตัวเอง เหมือนเป็นตัวละคร วิลล์ เฟอร์เรลล์ ที่เป็นคนปกติธรรมดาอย่างงั้นแหละ”
สำหรับเฟอร์เรลล์ การได้กลับมาใส่วิกผมชื่อกระฉ่อนนี้อีกครั้งคือประสบการณ์ที่น่าสนใจหลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 15 ปี “ในตอนแรก มันก็แปลกๆ นะครับที่ต้องกลับมาแสดงเป็นตัวละครตัวนี้ และต้องใส่ชุดพวกนั้น จากนั้นมันก็กลายมาเป็นความรู้สึกแปลกที่มันไม่รู้สึกแปลกอีกต่อไป” เฟอร์เรลล์หัวเราะ “ผมลืมไปแล้วว่ามูกาตูนั้นเครียดแค่ไหน เขาไม่เคยผ่อนคลายเลย และมักจะตวาดใส่คนอื่นเสมอ เพราะไม่มีอะไรใช้ได้เลย แต่นั่นก็เป็นบุคลิกที่เล่นได้สนุกมาก”
สติลเลอร์ที่ได้นั่งอยู่แถวหน้าจอมอนิเตอร์ ได้เห็นมูกาตูฟื้นคืนชีพมาอย่างสนุกสนาน “เราไม่ได้ทำงานด้วยกันอีกเลยนับแต่ภาพยนตร์ภาคแรก ดังนั้น ผมจึงสนุกมากครับที่ได้เห็นเขากลับมาเล่นเป็นตัวละครตัวนี้อีก ในวันแรก เขาได้แสดงกับท็อดด์ (รับบทโดย เนธาน ลี แกรห์ม) และรู้สึกราวกับเวลาไม่ได้ผ่านไปเลย ให้ผมนั่งดูเขาแสดงเป็นตัวละครตัวนี้เป็นชั่วโมงๆ ก็ยังได้ ผมหัวเราะท้องคัดท้องแข็งตั้งแต่เทกแรกเลยครับ”