MSN on February 02, 2016, 03:31:18 PM
KTAMขายตราสารหนี้6เดือนชู1.75%ต่อปี ปลื้มบริหารกองทุนบอนด์ผลตอบแทนเด่น
 
นางชวินดา  หาญรัตนกูล  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)   เปิดเผยว่า  บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ  ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 83 ( KTFF83)  และกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส  3 เดือน 2 ( KTSIV3M2 )  โดยกองทุน  KTFF83   เสนอขายในวันที่ 3-9 กุมภาพันธ์  2559  อายุ 6 เดือน  เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ  ได้แก่  MTN ที่ออกโดย  Banco  Latinoamericano de Comercio   Exterior , S.A.   , เงินฝากประจำ  Agricultural  Bank of CHINA ,Bank of China  (Macau )  , Abu Dhabi Commercial  Bank PJSC   และ  Ahli Bank QSC  ผลตอบแทนประมาณ 1.75% ต่อปี

ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน2 ( KTSIV3M2 )   เสนอขายรอบใหม่ ( Roll Over )ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 5  กุมภาพันธ์  2559   อายุ 3 เดือน  เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ  ประเภทเงินฝาก ตั๋วเงินคลัง   พันธบัตรรัฐบาล  ในสัดส่วน 44% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน   ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ประกอบด้วย บจ. บีเอสแอล   ลีสซิ่ง  ,  บมจ. บัตรกรุงไทย  และ บมจ. แสนสิริ    ผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี

นางชวินดา  กล่าวต่อไปว่า  ในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถบริหารกองทุนรวมประเภทตราสารหนี้ให้ได้ผลตอบแทนที่ดี  โดยอยู่อันดับ 1ใน 3 ของอุตสาหกรรม   เช่น  กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF2 )  มีผลตอบแทน ณ วันที่ 29  มกราคม 2559   ย้อนหลัง 1  ปี  อยู่ที่ 2.50%    YTD อยู่ที่ 7.34%    เกณฑ์มาตรฐาน AIMC  ย้อนหลัง1 ปี อยู่ที่ 3.26%   YTD  อยู่ที่ 9.68%   และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล  (KTDF )   ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 2.47%  YTD อยู่ที่ 6.69%   เกณฑ์มาตรฐาน AIMC ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 3.26 %  YTD อยู่ที่ 9.68%  โดยทั้ง 2  กองทุน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่บริษัทพิจารณาแล้วว่า ผู้ออก ผู้รับรอง  ผู้รับอาวัล  มีความมั่นคง  และมีความสามารถในการชำระหนี้  และตราสารหนี้นั้นให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสม   เมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง  รวมทั้งจะต้องมีสภาพคล่อง  โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตามความเหมาะสม

ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทย คอนเซอเวทีฟ 25/75 เพื่อการเลี้ยงชีพ  ( KT25/75 ) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 2.05%   YTD  อยู่ที่ 2.54%   เกณฑ์มาตรฐาน AIMC ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -0.82%   YTD อยู่ที่ 0.85% เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ  ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง  และลงทุนในตราสารทุน  ไม่เกินร้อยละ 25 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน   ทั้งนี้  บริษัทมีการบริหารกองทุนอย่างใกล้ชิด  ติดตามความเคลื่อนไหว ที่จะส่งผลกระทบกับกองทุนอยู่ตลอดเวลา  เพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ

แนวโน้มอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติหลังธนาคารกลางสหรัฐ ( FED )  ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  โดยในช่วงแรกของสัปดาห์ตลาดมีแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนประเภทสถาบันที่ขายออกมา  ก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ สลับกับแรงซื้อจากต่างชาติที่เข้าซื้อตราสารหนี้ทั้งภูมิภาคหลัง FED คงดอกเบี้ย และ ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ( BOJ ) ใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ  ในขณะที่ตราสารออกใหม่ในประเทศมีไม่เพียงพอกับความต้องการลงทุน โดยตลาดตอบรับการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุคงเหลือ 13 ปี ค่อนข้างดี  สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิจำนวน 41,412 ล้านบาท

ด้านอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุคงเหลือตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป  ปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุ ตามความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยหลัง Fed ยังคงอัตราดอกเบี้ยคงเดิม ไว้ที่ระดับ 0.25% - 0.50% และได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะผันผวนในตลาดการเงิน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ประกอบกับการที่ BOJ ได้ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมด้วยการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบโดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.10% ต่อปี และ อาจมีการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในฝั่งของธนาคารกลางยุโรป ( ECB) ในการประชุมเดือนมีนาคม โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 11 bps มาอยู่ที่ 0.77% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับลดลง 16 bps. มาอยู่ที่ 1.33% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 15 bps.มาอยู่ที่ 1.92% ต่อปี     สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางของการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ และการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ