มติบอร์ดทรู เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติเพิ่มทุน 60,000 ล้านบาท เสริมความแกร่งทางการเงินต่อยอดความเป็นผู้นำ 4จี และโมบายล์ บรอดแบนด์ ในไทย
กรุงเทพฯ 1 กุมภาพันธ์ 2559 - ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ. ทรูคอร์ปอเรชั่น เมื่อวันที่ 29มกราคม 2559 มีมติเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติให้กลุ่มทรูเพิ่มทุน ผ่านการจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) มูลค่า 60,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มเงินทุนเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสถานะการเงินพร้อมรองรับการเติบโตทางธุรกิจ รวมทั้งตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะสร้างโครงข่ายที่ดีที่สุดและครอบคลุมที่สุดในประเทศ พร้อมรักษาความเป็นผู้นำโทรคมนาคมด้านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้งเเบบมีสายเเละไร้สาย (ทั้ง4G & 3G) โดยราคาที่เสนอขายจะมีการกำหนดอีกครั้ง โดยจะเฉลี่ยจากราคาซื้อขายหุ้น 20 วันทำการ จนถึงการซื้อขายในวันที่ 30 มีนาคม 2559 (5 วันทำการ ก่อนการประชุมสามัญประจำปีของผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 8 เมษายน 2559) โดยจะลดราคาลงอีก 10% ของราคาเฉลี่ยดังกล่าว
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเอกฉันท์ ที่จะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติให้ กลุ่มทรูเพิ่มทุน ผ่านการจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) มูลค่า 60,000 ล้านบาท อันจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อบริษัทและต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว ซึ่งการระดมทุนที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายกลุ่มทรู ในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA (Net Debt-to-EBITDA Ratio) ให้ได้ที่ระดับไม่เกิน 2 ต่อ 1 ซึ่งเป็นระดับที่สะท้อนฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง รวมทั้งยังจะคงอันดับเครดิตเรตติ้งที่เป็นระดับการลงทุน หรือ Investment Grade ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมิได้มีการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีความผันผวน จึงมีมติให้กำหนดเป็นวิธีการคำนวณ โดยราคาที่จะเสนอขายเป็นราคาเฉลี่ยจากราคาซื้อขายหุ้น 20 วันทำการจนถึงก่อน 5 วันทำการประชุมสามัญประจำปีของผู้ถือหุ้น เพื่อให้เป็นไปตามราคาที่แท้จริงของตลาดได้มากที่สุด และสะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แท้จริง
“ด้วยความเป็นผู้นำ 4G และ 3G ของกลุ่มทรู ผนวกกับคลื่นความถี่ที่มีอยู่ครบครันทั้งคลื่น 900 1800 2100 และ 850*MHz (ภายใต้กสท.) ทำให้ปัจจุบันกลุ่มทรูอยู่ในสถานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ด้านโมบายล์ บรอดแบนด์ ดังนั้นเราเชื่อว่าการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินผนวกกับความมุ่งมั่นที่จะสร้างโครงข่ายที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่องในครั้งนี้ จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะเสริมสร้างให้บริษัทมีศักยภาพในการขยายธุรกิจรองรับโอกาสที่มีมูลค่าสูง จากการเติบโตของธุรกิจโมบายล์ บรอดแบนด์และวิวัฒนาการของยุคเศรษฐกิจดิจิตอล (Internet of Things) อันจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ ลูกค้า เเละผู้ถือหุ้น อีกทั้งยังจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตเป็นบริษัทไทยที่มีบทบาทในระดับภูมิภาคต่อไป”