เรื่องย่อ : บุพเพสันนิวาส

“ปั้นจั่น – ปรมะ” แฮปปี้!!แฟนๆละครแห่เรียก “หมื่นเรือง” กับบทบาทสองคาแรคเตอร์ สองยุค ใน “บุพเพสันนิวาส”









          ออเจ้าของคุณพี่หมื่นเรือง ก็ไม่น้อยหน้าใครทำเอานักแสดงหนุ่มนิสัยดี "ปั้นจั่น - ปรมะ อิ่ม อโนทัย" ยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียว กับแฟนๆละครแห่เรียก "หมื่นเรือง" กันทั่วประเทศ กับละครที่กำลงัดังติดลมบนอยู่ตอนนี้ อย่าง "บุพเพสันนิวาส" ที่ดูท่าว่าพี่หมื่น หรือว่าพี่สองหมื่นของเรา ก็จะแฮปปี้เป็นอย่างมาก เมื่อกระแสละครและเรตติ้งดังเป็นพลุแตก กับบทบาทที่ต้องเล่นทั้งในอดีต และปัจจุบัน จะเป็นอย่างไร เรื่องราวจะสนุกสนานและเข้มข้นมากแค่ไหน ปั้นจั่น เผยว่า

          เผยว่า "ตอนนี้ออเจ้าทั้งหลายเวลาเห็นพี่หมื่นเรืองก็จะเรียกแบบนี้ตลอด พี่หมื่นเรือง พี่สองหมื่น ซึ่งผมเองก็ดีใจนะครับ ที่ละครได้การตอบรับที่ดีทำให้เป็นกระแสและมีเรตติ้งที่ดี ซึ่งตอนแรกก็ไม่คาดคิดว่าจะมาได้ขนาดนี้ครับ ตอนที่รับเล่นละครเรื่องนี้ยอมรับว่าไม่รู้สึกกดดันเท่ากับเรื่องที่ผ่านมา อย่างเรื่อง บางระจัน เพราะ มันจะเหนื่อยหนักไปทางแอคชั่นมากกว่า ส่วนในเรื่องนี้จะต้องชัดเจนกับ บท คำพูด ไดอะล็อก ที่จะต้องเข้าถึงบทตัวละครให้มาก ๆ ครับ ผมเล่นสองคาแรคเตอร์ครับ คือ พาร์ทปัจจุบันจะรับบทเป็น เรืองฤทธิ์ นักศึกษาโบราณคดี ที่เป็นเพื่อนกับ เกศสุรางค์ รับบทโดย เบลล่า ส่วนตัวมองว่าการเล่นบท เรืองฤทธิ์ จะอยากกว่าบท ขุนเรือง ในพาร์ทอดีตครับ คือจะต้องเล่นและถ่ายทอดออกมาให้เข้ากับบท หมื่นสุนทร ด้วย ก็ได้คำแนะนำจากผู้กำกับครับ เรื่องนี้บอกได้เลยว่าทีมงานเก่งมาก มีการเตรียมตัวและวางแผนการทำงานอย่างดี ทำให้เราได้เข้าถึงกับตัวละครในแต่ละพาร์ทที่จะต่างกันทั้งเรื่องเวลา ยุคสมัย ที่จะห่างกันเป็นร้อยปี ส่วน ขุนเรือง บทมันไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร เข้าใจง่าย คือ เป็นข้าราชการในยุคสมัยนั้นและหลงรักนางเอก จะเป็นคนซื่อตรง ชัดเจน ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก ในเรื่องเราจะเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ เข้าถึงง่าย ขี้เล่น เป็นคนดี และจะมีเหตุการณ์ที่จะทำให้ได้รักกับ แม่หญิงจันทร์วาด รับบทโดย ปราง ตามประวัติศาสตร์แล้ว แม่หญิงจันทร์วาด มีตัวตนจริงเรียกได้ว่าละครพีเรียดเรื่องนี้แฟนๆจะได้เห็นและรับชมกันอย่างคุ้มค่ามากๆ คือได้รู้ถึงความเป็นมาของประวัติศาสตร์ และส่วนที่เข้ามาเสริมอีกมากมาย เพื่อเพิ่มอรรถรสให้สนุกมากยิ่งขึ้น"

          บอกได้เลยว่าแฟนๆละคร ห้ามพลาดกับความเข้มข้นที่ถูกถ่ายทอดผ่าน ตัวละครมากมาย อย่างเช่น พ่อหมื่นเรือง โดย "ปั้นจั่น – ปรมะ อิ่มอโนทัย" ที่จะมาโชว์ความสามารถหลายกหลายรูปแบบ พร้อมทั้งรับชมความสวยงาม ความเป็นมาของประวัติศาสตร์ไทย ได้ทุกวันพุธ – พฤหัสบดี เวลา 20.20 – 22.50 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 และช่อง 33 พร้อมรับชมผ่านทาง Application 3Live

ละคร “บุพเพสันนิวาส” ตอนที่ 9 ออกอากาศวันพุธที่ 21 มีนาคม 2561









          หลังจากเกิดโรคไข้มาลาเรียระบาดไปทั่วทำให้มีบ่าวในเรือนเสียชีวิต เกศสุรางค์ในร่างการะเกด (เบลลา-ราณี) เลยหาวิธีแก้ไข โดยเกศสุรางค์นำเงินส่วนตัวมาซื้อมุ้งเพื่อแจกจ่ายให้กับบ่าวในเรือน จนมีบ่าวไพร่มากมายมาอ้อนวอนขอร้องเพื่อขายตัวเป็นทาสกับ ท่านออกญาโหราธิบดี (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) จนออกญาโหราธิบดีถามถึงสาเหตุบ่าวไพร่ทั้งหลายตอบเสียงระงมว่าอยากได้มุ้ง คุณหญิงจำปา (เหมียว-ชไมพร) ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาติการะเกดที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่ก็ไม่พ้นท่านออกญาโหราธิบดี และขุนศรีวิสารวาจา (โป๊ป-ธนวรรธน์) ช่วยแก้ต่างให้

          ด้าน หลวงสรศักดิ์ (ก๊อต-จิรายุ) นำความบอก โกษาเหล็ก (หนู-สุรศักดิ์) ว่า คอนสแตนติน ฟอลคอน (หลุยส์ สก๊อตต์) สมคบกับฝรั่งอังกฤษโกงบริษัทที่ค้าขายของตัวเอง โกษาเหล็กจึงเรียก คอนสแตนติน ฟอลคอน มาเตือนสร้างความไม่พอใจให้คอนสแตนติน ฟอลคอนยิ่งนัก และในวันเดียวกันนั้นกรมการเมืองก็มาขอให้โกษาเหล็กทูลต่อ ขุนหลวงนารายณ์ (ปราปต์-ปฎล) ขอให้ยกเลิกการสร้างป้อมปราการและมอบของเงินเป็นกำลังใจให้กราบทูล โกษาเหล็กจึงรับเงินนั้นไว้เพราะคิดว่าไม่ใช่สินจ้าง โดยหารู้ไม่ว่าคอนสแตนติน ฟอลคอนได้ยินและได้เห็นเรื่องราวทั้งหมด คอนสแตนติน ฟอลคอน จึงนำเรื่องไปกล่าวทูลกับขุนหลวงนารายณ์ ด้าน ตองกีมาร์ (ซูซี่-สุษิรา) แอบได้ยินเรื่องที่คอนสแตนติน ฟอลคอนกับพวกฝรั่งคุยกันถึงเรื่องโกษาเหล็ก จึงรีบมาเล่าให้เกศสุรางค์ฟัง เพื่อให้เตือนโกษาเหล็กแต่ก็ไม่ทันการ โกษาเหล็กถูกตัดสินในข้อหาคอรัปชั่น และโดนโทษโบยจนโกษาเหล็กตรอมใจตาย ด้าน พระเพทราชา (บิ๊ก-ศรุต) เชื่อว่าคอนสแตนติน ฟอลคอนเป็นตัวการ หลวงสรศักดิ์จึงนำเรื่องหารือกับขุนศรีวิสารวาจาและขุนเรืองอภัยภักดีเพื่อเปิดโปงความเลวร้ายของคอนสแตนติน ฟอลคอน!!! แต่จะด้วยวิธีใด โปรดตามตาม "บุพเพสันนิวาส" !! ในวันที่พุธที่ 21 มีนาคม 2561 เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 และช่อง 3 HD (ช่อง 33)

ละคร “บุพเพสันนิวาส” ตอนที่ 10 ออกอากาศวันพุธที่ 22 มีนาคม 2561









           ขุนศรีวิสารวาจา (โป๊ป-ธนวรรธน์) ขุนเรืองราชภักดี (ปั้นจั่น-ปรมะ) และ หลวงสรศักดิ์ (ก๊อต-จิรายุ) แอบลักลอบเข้าเผาโกดังคลังสินค้าของอังกฤษ แต่ถูกทหารอังกฤษจับได้ จึงเกิดการต่อสู้ กว่าทั้งสามจะหนีออกมาได้ก็รีบแยกย้ายกันกลับเรือน เมื่อขุนศรีวิสารวาจากลับมาก็เจอ เกศสุรางค์ในร่างการะเกด (เบลล่า-ราณี) ที่รอด้วยความเป็นห่วง เมื่อเกศสุรางค์ถามไถ่ขุนศรีวิสารวาจากลับได้กลิ่นควันไฟจากตัวของขุนศรีวิสารวาจา ทำให้เกศสุรางค์รู้ว่าขุนศรีวิสารวาจาไปทำอะไรมา และการเผาโกดังคลังสินค้าในครั้งนี้ ทำให้คอนสแตนติน ฟอลคอน (หลุยส์ สก็อตต์) เบอร์นาบีและไวท์ ถูกผู้แทนบริษัทอังกฤษสอบสวน แต่คอนสแตนติน ฟอลคอนยังยืนกรานว่าไม่มีส่วนรู้เห็น ผู้แทนอังกฤษจึงให้คอนสแตนติน ฟอลคอนไปกล่าวทูลต่อขุนหลวงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่คอนสแตนติน ฟอลคอนกลับไม่ทำตาม ทำให้ผู้แทนอังกฤษโกรธมากจึงประกาศทำเรื่องยุบบริษัท จนบรรดาคนทำงานต้องตกงาน และหลังจาก โกษาเหล็ก (หนู-สรศักดิ์) ได้เสียชีวิตไป ขุนเรืองราชภักดีมีใจสงสารแม่หญิงจันทร์วาด (ปราง-กัญญ์ณรัณ) พร้อมกับชื่นชมที่แม่หญิงเป็นคนที่เข้มแข็ง จึงคอยมาดูแลแม่หญิงจันทร์วาดเป็นครั้งครา แต่ก็ถูก คุณหญิงนิ่ม (แพร-รัชนี) ผู้เป็นแม่ ไม่กีดกัน เพราะขุนเรืองราชภักดียศน้อยกว่าขุนศรีสารวาจา

          วิญาณของการะเกดได้กลับมาหาเกศสุรางค์ การะเกดรู้ว่าเกศสุรางค์จะตอบตกลงแต่งงานกับขุนศรีวิสารวาจา ถึงแม้การะเกดจะโกรธและเสียใจมากแต่การะเกดก็ไม่สามารถกลับมาแต่งงานกับขุนศรีวิสารวาจาได้เพราะเธอได้ตายไปแล้ว เกศสุรางค์รู้สึกผิดที่ตนเผลอไผลมีใจให้กับขุนศรีวิสารวาจา เพราะใจจริงเกศสุรางค์รู้อยู่แล้วว่าขุนศรีวิสารวาจาคือคู่หมายของการะเกดไม่ใช่ของตัวเอง ขุนศรีวิสารวาจาจึงตัดสินใจขอร้องให้ คุณหญิงจำปา(เหมียว-ชไมพร) ผู้เป็นแม่จัดงานแต่งงานให้กับตนกับการะเกด เกศสุรางค์ได้แต่ครุ่นคิดถึงคำสัญญาที่ตัวเองได้ให้ไว้กับการะเกด พร้อมกับรับปากกับการะเกดว่าจะไม่ผิดสัญญาแน่นอน เกศสุรางค์จะทำอย่างไร เมื่อต้องรักษาคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับการะเกด "บุพเพสันนิวาส" จะนำพาความรักให้ลงเอยได้หรือไม่ โปรดติดตามในวันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2561 เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 และช่อง 3 HD (ช่อง 33)

‘โป๊ป’ นำทีม ‘ปั้นจั่น-ก็อต’ รวมพลังบู๊เรียกเรตติ้งทะลุเพดาน ใน ‘บุพเพสันนิวาส’









          ต้องขอบคุณออเจ้าคนไทยทั้งพระนครเป็นอย่างมาก ที่ตอบรับละคร "บุพเพสันนิวาส" กันอย่างดีเยี่ยม และล้นหลามขนาดนี้ จนเรตติ้งขึ้นอันดับ 1 ตั้งแต่เข้าสู่ยุคทีวีดิจิตอลมาเลยก็ว่าได้ และในหลายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมาแฟนๆ ก็คงทั้งจิ้นทั้งฟินกันมาพอหอมปากหอมคอในระดับหนึ่งแล้ว ถึงสัปดาห์นี้เลยต้องขอเบรกความหวาน เพื่อดักไม่ให้น้ำตาลในเลือดของแฟนละครพุ่งปรี๊ดขึ้นสูงไปกว่านี้นะเจ้าค่ะ เพราะเรื่องราวกำลังเข้าสู่เรื่องทางการเมือง และตัวละครประวัติศาสตร์ทั้งหมดจะออกมาดำเนินเรื่องกันอย่างเข้มข้น โดยในฉากนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ โกษาเหล็ก (หนู-สุรศักดิ์) ถูก คอนสแตนติน ฟอลคอน (หลุยส์ สก็อต) ใส่ร้ายว่ารับสินบน จนถูกลงโทษอย่างหนัก จนสุดท้ายก็ตรอมใจและเสียชีวิต ขุนศรีวิสารวาจา (โป๊ป-ธรวรรธน์) ขุนเรืองอภัยภักดี (ปั้นจั่น-ปรมะ) และ หลวงสรศักดิ์ (ก็อต-จิรายุ) จึงวางแผนที่จะใส่ร้ายฟอลคอนกลับ ทั้ง 3 บุกเข้าไปเผาคลังสินค้าของอังกฤษ เพื่อหวังทำให้อังกฤษกับฟอลคอลแตกคอกัน

          เมื่อต้องเผชิญกับฉากไนท์ ที่มีทั้ง จุดไฟเผา บู๊ ขี่ม้า บอกเลยว่าฉากนี้ไม่ง่ายซะแล้ว เพราะหลังจากยกบทหนักๆ ให้เบลล่ามาอยู่หลายสัปดาห์ งานนี้จึงถึงคาหนุ่มๆ โป๊ป ปั้นจั่น และ ก็อต มาบู๊กันแบบจัดเต็มสักครั้ง และก่อนอื่นเลยเพื่อความชัวร์ "พี่ใหม่-ภวัต พนังคศิริ" ผู้กำกับต้องขอเช็คความมั่นใจเรื่องการขี่ม้า ด้วยการขอให้หนุ่มโป๊ปมากองก่อนหมดแสง เพื่อซักซ้อมทวงท่าบนหลังม้า ส่วน 2 หนุ่ม ปั้นจั่นและก็อต เรียกว่าหายห่วงเพราะชินกับการขี่ม้าจากละครพีเรียดเป็นมาพอตัวแล้ว ซึ่งโป๊ปเองก็ใช้เวลาไม่นานจนเข้าที่เข้าทางเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับม้าที่จะเข้าฉาก ในระหว่างนั้นก็อตเองก็ถือโอกาสซ้อมคิวบู๊ เพื่อเรียกเหงื่อและกระตุ้นฟิวก่อนเริ่มถ่ายทำจริง ไม่นานเวลาก็ล่วงเลยมาจนค่ำ การถ่ายทำจึงได้เริ่มขึ้น ทั้งสามหนุ่มขึ้นม้า พี่ใหม่วางบล็อกกิ้ง ตำแหน่งในการจุดไฟ แต่ในความยากที่ยิ่งกว่าทุกสิ่งคือจะต้องบู๊ในขณะที่อยู่บนหลังม้า เพราะในระหว่างจุดไฟเผา พวกทหารที่ดูแลคลังสินค้าก็โผล่เข้ามา ซึ่งทั้ง 3 หนุ่มก็บู๊ได้ดี ควบคุมม้าได้อย่างสวยงาม แต่ฝนเจ้าเอยก็ดันเทลงมาชุดใหญ่ แต่ภาพออกมาสวยสมใจผู้กำกับ ก็เลยให้นักแสดงเล่นยาวจนถ่ายเสร็จ ต่อกันที่คัทซุ่มวางแผนก่อนเผาคลังสินค้า เวลาก็ล่วงเลยมาจนดึกดื่น แล้วฝนที่ตกลงมาก่อนหน้าก็ทำให้ทั้ง 3 ต้องเผชิญกับฝูงยุงชุดใหญ่ แถมยังใส่ชุดดำเรียกยุงสุดๆ เพื่อให้ไม่ง่วงและหนียุงได้อย่างปลอดภัย กว่าจะได้มาซึ่งฉากหนึ่งบอกเลยว่ายากประมาณนี้ละออเจ้า

          พักฟินมาหวาดเสียวกับฉากบู๊มันส์ๆ ใน "บุพเพสันนิวาส" วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2561 เวลา 20.20 น. ทางช่อง 33 HD นะออเจ้าทั้งพระนคร

ละคร “บุพเพสันนิวาส” ตอนที่ 11 ออกอากาศวันพุธที่ 28 มีนาคม 2561









          ขุนเรืองอภัยภักดี (ปั้นจั่น-ปรมะ) คอยไปหา แม่หญิงจันทร์วาด (ปราง-กัญญ์ณรัน) ที่บ้านตลอด แต่ คุณหญิงนิ่ม (แพร-รัชนี) กลับไม่ชอบ ทำให้ขุนเรืองอภัยภักดีต้องคอยมาปรึกษา เกศสุรางค์ในร่างการะเกด (เบลล่า-ราณี) จนทำให้ ขุนศรีวิสารวาจา (โป๊ป-ธนวรรธน์) ออกอาการหึงหวงจนออกนอกหน้า คุณหญิงจำปาเริ่มรู้สึกได้ว่าขุนศรีวิสารวาจามีใจให้การะเกดจึงเริ่มสอนงานบ้านงานเรือนให้กับการะเกด รวมไปถึงการทำอาหารจานโปรดของขุนศรีวิสารวาจานั้นก็คือ "หมูโสร่ง" วิญญาณของการะเกดได้กลับมาหาเกศสุรางค์ ด้วยคุณงามความดีที่เกศสุรางค์ทำให้ และทุกคนเริ่มยอมรับความดีของการะเกด ทำให้การะเกดจำยอมและตัดสินใจให้เกศสุรางค์ได้ตบแต่งกับขุนศรีวิสารวาจาด้วยความรักที่แท้จริง ด้าน คอนสแตนติน ฟอลคอน (หลุยส์ สก๊อตต์) ยังคงปวดใจกับความรักที่มีต่อ ตองกีมาร์ (ซูซี่-สุษิรา) ถึงแม่ว่าจะแต่งงานอยู่กินกันแล้ว คอนสแตนติน ฟอลคอน ก็ไม่สามารถทำให้ตองกีมาร์ รักตนด้วยใจจริงได้ ความรักของคอนสแตนติน ฟอลคอน ที่มีต่อตองกีมาร์ จึงกลายเป็นเพียงผลประโยชน์แต่เพียงเท่านั้น

          เมื่อเชอร์วาลิเยร์ เดอ โชมองต์ ราชทูตของฝรั่งเศส ได้เดินทางมาเชื่อมสัมพันธไมตรี โดยการนำสาส์นจากพระเจ้าหลุยส์ที่14 มายื่นต่อ ขุนหลวงนายรายณ์ (ปราปต์-ปฎล) ที่อยุธยา ขุนหลวงนารายณ์ก็ให้ขุนนางแต่งตั้งราชฑูตอยุธยาเดินทางไปฝรั่งเศส คอนสแตนติน ฟอลคอน ทูลเสนอแก่ขุนหลวงนารายณ์ให้พระวิสุทธสุนทร (เก่ง-ชาติชาย) ไปเป็นราชทูต และในขณะเดียวกัน พระปีย์ (เก่ง-ธชย) ก็เริ่มมีอิทธิพลในราชสำนักเพราะคอนสแตนติน ฟอลคอน คอยสนับสนุน ทำให้พระวิสุทธสุนทรไม่สบายใจนัก เรื่องราวความรักของแต่ละคู่ก็เริ่มจะเข้าที่ เรื่องราวราชการในวังหลวงก็เข้มข้น!! ติดตามชม "บุพเพสันนิวาส" ในวันพุธที่ 28 มีนาคม 2561 เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 และช่อง 3 HD (ช่อง 33)

ละคร “บุพเพสันนิวาส” ตอนที่ 12 ออกอากาศวันพุธที่ 29 มีนาคม 2561









          เกศสุรางค์ในร่างการะเกด (เบลล่า-ราณี) ใช้ชีวิตอยู่ในเรือน ออกญาโหราธิบดี (หนิง-นิรุตติ์) ได้อย่างมีความสุขด้วยความรักที่ ขุนศรีวิสารวาจา (โป๊ป-ธนวรรธน์) มีให้ และเริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ด้าน ขุนหลวงนารายณ์ (ปราบ-ปฎล) ก็มีคำสั่งให้ ออกพระวิสุทธสุนทร (เก่ง-ชาติชาย) กับ ขุนศรีวิสารวาจา ไปเป็นราชทูตที่ฝรั่งเศส จึงขอให้การะเกดอาสาไปเป็นล่ามในการเรียนภาษาฝรั่งเศส เพื่อเตรียมการไปราชทูต

          ขุนศรีวิสารวาจาได้พาเกศสุรางค์ไปเที่ยวเมืองละโว้ได้เห็นพระปรางค์สามยอด และวัดเมืองละโว้ในประวัติศาสตร์มากมายทำให้เกศสุรางค์ตื่นเต้น นอกจากนั้นขุนศรีวิสารวาจายังพาการะเกดไปหา ตองกีมาร์ (ซูซี่-สุษิรา) ที่บ้านอีกด้วย ซึ่งครั้งนี้เกศสุรางค์ได้ยังเห็นความเป็นมาในการทำขนมไทยด้วยตาตัวเองเพราะตองกีมาร์กำลังทำขนมและมีส่วนร่วมในการคิดชื่อขนมด้วย แต่เมื่อคอนสแตนติน ฟอลคอนเห็นขุนศรีวิสารวาจามาก็เกิดอาการหึงหวง เพราะคิดว่าตองกีมาร์ยังมีใจให้ขุนศรีวิสารวาจาอยู่

          เมื่อใกล้ถึงวันที่ขุนศรีวิสารวาจาต้องเดินทาง เกศสุรางค์ได้ทำเสื้อกั๊กมอบให้กับขุนศรีวิสารวาจา เพราะรู้ว่าที่ฝรั่งเศสหนาวมาก ส่วนขุนศรีวิสารวาจาเมื่อต้องไกลห่างจากการะเกด จึงขอของแทนใจจากการะเกดไปฝรั่งเศส การะเกดจึงให้หมอนขุนศรีวิสารวาจาติดตัวไป งานนี้ขุนศรีวิสารวาจาต้องห่างบ้านไปเป็นแรมปี เกศสุรางค์จะทนรอไหวหรือไม่ ติดตามชม"บุพเพสันนิวาส"!! ในวันที่พฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2561 เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 และช่อง 3 HD (ช่อง 33)

‘เบลล่า’ ให้หมอนแทนใจ ‘โป๊ป’ อีกหนึ่งฉากที่อบอวลทั้งหัวใจ









          เตรียมฟินกันทั้งพระนคร กับฉากที่ทุกคนรอคอย ใน "บุพเพสันนิวาส" โดยเฉพาะสาว ๆ ต้องออกอาการฟินจิกหมอนขาดกระจุยกระจาย เขินแทนแม่หญิงการะเกด (เบลล่า ราณี) แน่นอน กับฉากเด็ดในคืนวันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2561 เมื่อคุณพี่เดช (โป๊ป ธนวรรธน์) ต้องไกลห่างจากแม่หญิงการะเกดนานเป็นแรมปี เลยขอของแทนใจจากการะเกดไปฝรั่งเศสเพื่อให้ระลึกถึง การะเกดจึงให้หมอนขุนศรีวิสารวาจาเป็นของติดตัวไป แถมด้วยชอตเด็ดกระชากใจ เมื่อคุณพี่เดชส่งสายตาหวานเชื่อม พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงนุ่ม ๆ สุดละมุนว่า "สิ่งที่ออเจ้าใช้อยู่ทุกวัน สิ่งที่ติดกายออเจ้า ให้ข้าได้อุ่นใจ ว่าข้าไปไกล แต่ออเจ้าก็จะรอคอยข้า ไม่หันเหไปทางอื่น ให้มีราคี" แค่นี้ก็ทำเอาสาว ๆ ใจละลายกันเป็นแถวแล้วจ้า ส่วนแม่การะเกดก็ไม่น้อยหน้า พูดอ้อนกลับว่า หมอนใบนี้ข้าใช้หนุนนอนทุกคืน ข้าให้คุณพี่เอาไปหนุนนอนเจ้าค่ะ หากคุณพี่เผลอไผลไปได้เมียฝรั่ง ตอนเอนตัวลงนอน จะได้ยับยั้งชั่งใจได้บ้าง ถ้าคุณพี่อดใจไหว ข้าก็จะรักษาเนื้อรักษาตัว ลิ้นไม่ไต่ไรไม่ตอม รอคอยคุณพี่กลับมาเจ้าค่ะ

          รับรองว่าในคืนวันที่ 29 มี.ค.นี้ เชื่อว่าออเจ้าคงจะฝันดีกันถ้วนหน้าเป็นแน่ !

‘เบลล่า’ ยอมแล้ว!! สายตาหวานพิฆาต ‘โป๊ป’ ทนรับไม่ไหว ใน ‘บุพเพสันนิวาส’









          สัปดาห์ที่แล้วเรียกว่าชวนแฟนละคร "บุพเพสันนิวาส" ไปอยู่กับเรื่องราวในประวัติศาสตร์ทางด้านการเมืองอย่างเข้มข้นมาแล้ว ก็เลยจะมีความสนุกปนดราม่ากันไปสักหน่อย สัปดาห์นี้เราเลยขนความฟินระดับ 10+++ มาเอาใจแฟนๆ กันเลยเจ้าค่ะ งานนี้นำทีมโดยพระนาง "โป๊ป-ธนวรรธน์" และ "เบลล่า-ราณี" กับฉากที่ เกศสุรางค์ในร่างการะเกด (เบลล่า-ราณี) ลองเสื้อกั๊กที่ตั้งใจตัดเย็บด้วยตนเองให้กับ ขุนศรีวิสารวาจา (โป๊ป-ธนวรรธน์) เพื่อให้ขุนศรีวิสารวาจาใส่กันหนาวยามที่ต้องไปเป็นราชทูตอยู่ที่เมืองฝรั่งเศส แม่การะเกดลองทาบกั๊กวัดตัวกันอยู่นาน จนขุนศรีวิสารวาจาถึงกับสงสัยว่ามันคือเสื้ออะไรกันแน่ การะเกดเลยบอกว่าเป็นเสื้อกั๊กไว้ใส่ข้างใน "จะได้กั๊กคุณพี่ไว้ไงเจ้าคะ" อุ๊บ!!! งานหวงคู่หมั้นคู่หมายออกนอกหน้าออกตาก็มาเจ้าค่ะ

          ถึงจะดูเป็นซีนหวานมุ้งมิ้งชิวๆ ที่ไม่มีบู๊ ร้อน ขี่ม้า หรือ ฝนตก อะไร มาทำให้การถ่ายทำต้องพบเจอกับอุปสรรค แต่กว่าจะผ่านถึงขนาดที่ "พี่ใหม่-ภวัต พนังคศิริ" ผู้กำกับยกนิ้วให้ผ่านก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ค่ะคุณผู้ชม ฉากนี้ความหวานจะอัพเลเวลจากที่เคยถ่ายทำมาทั้งหมด เพราะมาถึงจุดๆ นี้แล้วทั้งโป๊ปทั้ง เบลล่าจะต้องมีความแน่ใจในตัวเองไม่น้อย ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนที่เขาและเธอรักจากใจจริงๆ ซึ่งพี่ใหม่ก็เรียกโป๊ปและเบลล่ามานั่งบิ้วความรู้สึกกันตั้งแต่ตอนซ้อม เบลล่านั่งจับเสื้อกั๊กที่ทำไว้ให้ และตื่นเต้นที่โป๊ปจะเดินเข้ามาเพื่อลองเสื้อที่ตนตัดเย็บเองกับมือ จนเมื่อโป๊ปเดินเข้ามาเบลล่าต้องแสดงท่าทางตื่นเต้นอย่างเลเวลอัพมากยิ่งขึ้น และหยิบเสื้อกั๊กมาจับๆ ลองๆ บนตัวโป๊ปอย่างมีความสุข ก่อนที่โป๊ปจะงงและสงสัยว่าเสื้อตัวนี้คือเสื้ออะไร ทำไมจะต้องมี ทำไมจะต้องใส่ จังหวะนี้เบลล่าจึงรีบพูดสวนกลับทันทีว่า "เสื้อกั๊กใส่ข้างในดีกว่าค่ะ จะได้กั๊กคุณพี่ไว้ไงเจ้าค่ะ" ก่อนที่โป๊ปจะตอบกลับว่า "ข้าคงมองไม่เห็นใครที่โน้น นอกจากคนที่อยู่ไกล" ส่งสายตาหวานฉ่ำกันไปกันมา แต่สบตากันหวานได้ไม่เท่าไร เบลล่าก็หลุดขำ เปลี่ยนอารมณ์กันแทบไม่ทัน ก่อนที่เบลล่าจะออกปากทนสายตาหวานเว่อร์ของพี่โป๊ปไม่ไหวจริงๆ หนูยอม!!! งานนี้พี่ใหม่เลยต้องรีบเข้ามาบอกว่าอารมณ์แบบเมื่อกี้ดีแล้ว ขอลากยาวกว่านี้ เอาละสิ..งานหนักเลยจ๊ะเบลล่า เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ไม่รอช้าเริ่มถ่ายจริงทันที อารมณ์หวานที่กำลังค่อยๆ ฟิน ค่อยๆ ฟิน ก็ดันมาหลุดขำกันเองอยู่หลายเทค แต่ในหลายเทคก็ย่อมมีเทคที่ดีที่สุด เพราะจังหวะเบลล่าทั้งถอดเสื้อกั๊ก ทั้งใส่เสื้อกั๊กให้โป๊ปมันช่างแนบชิดชวนฟินเป็นที่สุด ก่อนถึงคัทสุดท้ายโป๊ปขอดึงมือเบลล่ามาแนบที่หัวใจ เพื่อพิสูจน์ให้รู้กันไปว่าหัวใจดวงนี้มีให้แค่เพียงเบลล่าคนเดียว แต่หมายถึงเป็นเบลล่าที่รับบทการะเกดในร่างเกศสุรางค์นะออเจ้าแฟนๆ รับประกันตรงนี้เลยว่าฉากนี้ได้ฟินปรอทแตก หมอนกระจุย คนไม่มีคู่ตายไปข้างเลยละออเจ้าทั้งพระนคร

          ฝากติดตามฉากฟินๆ นี้ใน "บุพเพสันนิวาส" ในวันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคมนี้ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 33 HD เตรียมหมอนไว้กอดแน่นๆ นะออเจ้า

ละคร “บุพเพสันนิวาส” ตอนที่ 13 ออกอากาศวันพุธที่ 4 เมษายน 2561









          หลังจากขุนศรีวิสารวาจา (โป๊ป-ธนวรรธน์) เดินทางไปฝรั่งเศสพร้อมคณะฑูต เกศสุรางค์ก็เป็นแม่สื่อให้ขุนเรืองอภัยภักดี (ปั้นจั่น-ปรมะ) และ จันทร์วาด (ปราง-กัญญ์ณรัณ) ได้ลงเอยกัน แม้ จันทร์วาดจะมีใจให้ขุนเรืองแต่ คุณหญิงนิ่ม (แพร-รัชนี) ก็มิยอมรับและจะให้จันทร์วาดแต่งงานกับ บุตรชายขุนนางที่มีทรัพย์สมบัติมหาศาล เมื่อ เกศสุรางค์ (เบลล่า-ราณี) รู้เข้าก็ออกอุบายให้จันทร์วาดแกล้งป่วยตรอมใจ จนคุณหญิงนิ่มทุกข์ใจมาก และให้ขุนเรืองเดินหน้านำข้าวของแต่งเรือนที่มีราคาขนมาให้คุณหญิงนิ่ม จนทำให้คุณหญิงนิ่มเริ่มใจอ่อน

          สองปีผ่านไป ขุนศรีวิสารวาจาได้เดินทางกลับถึงอยุธยา ทำให้ทุกคนในเรือนและเกศสุรางค์ดีใจเป็นอย่างมาก ออกญาโหราธิบดี (หนิง-นิรุตติ์) ก็ได้เล่าให้ขุนศรีวิสารวาจาฟังว่าที่อยุธยาเกิดกบฎมักกะสันของพวกแขก คอนสแตนติน ฟอลคอน (หลุยส์-สก็อตส์) มีอำนาจล้นเหลือ สึกพระไปสร้างป้อมสร้างกำแพงมากมาย และยังปราบกบฎมักกะสันได้ราบคาบ จนได้อวยยศเป็น พระยาวิไชยเยนทร์ ในวันเดียวกันนั้นเกศสุรางค์ได้เข้ามาหยิบหนังสือที่หอสมุดและนำสมุดข่อยมนต์กฤษณะกาลีมาดู ทำให้วิญญาณของเกศสุรางค์หลุดออกจากร่างไป ขุนศรีวิสารวาจาตัดสินใจสวดมนต์กฤษณะกาลีอีกครั้ง เพื่อเรียกวิญญาณของเกศสุรางค์ให้ฟื้นคืนมา วิญญาณของเกศสุรางค์ได้กลับมาที่ภพปัจจุบัน ทำให้เธอมีโอกาสได้เห็น ยายนวล (บรรเจิดศรี ยมาภัย) กับ แม่สิปาง (เจี๊ยบ-ปวีณา) และ เรืองฤทธิ์ (ปั้นจั่น-ปรมะ) อีกครั้ง และครั้งนี้เกศสางค์ก็ได้รู้ความจริงว่าเธอได้ตายไปแล้วในภพปัจจุบันแล้ว!!

          เกศสุรางค์จะกลับไปหาขุนศรีวิสารวาจาได้หรือไม่ บทสรุป "บุพเพสันนิวาส" เริ่มใกล้เข้ามาทุกที ติดตามชมในวันที่พุธที่ 4 เมษายน 2561 เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 และช่อง 3 HD (ช่อง 33)

‘พี่หน่อง’ นำทีม ‘โป๊ป-เบลล่า’ พร้อมนักแสดง ‘บุพเพสันนิวาส’ รำกลองยาว ชุดใหญ่ถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์









          กลายเป็นละครแห่งประวัติศาสตร์วงการบันเทิง สำหรับ "บุพเพสันนิวาส" ของบอสใหญ่ "หน่อง-อรุโณชา ภาณุพันธุ์" ที่คว้าทั้งกระแส ทั้งเรตติ้ง จนกลายเป็นค่านิยมไปทั่วประเทศ แถมยังดังไกลไปถึงต่างประเทศ และในเมื่อ "บุพเพสันนิวาส" คว้าเรตติ้งสูงสุดหลังจากที่ทีวีเข้าสู่ยุคดิจิตอลมา งานนี้ "พี่หน่อง" จึงนำทีมนักแสดง "โป๊ป-ธนวรรธน์ , เบลล่า-ราณี , ปราง-กัญญ์ณรัณ , หลุยส์ สก็อต , ซูซี่-สุษิรา , ก็อต-จิรายุ , ปราบ-ปราปต์ปฏล , หยา-จรรยา , นุ่น-รมิดา จุ๊บแจง-วิมลพันธ์ , แอ๊ว-อำภา , เอิร์ธ-วิศววิท , โมสต์-วิศรุต ,เก่ง-ธชย , ซูริ-ซูซานน่า , บิ๊ก-ศรุต , เก่ง-ชาติชาย และ หนู-สุรศักดิ์" รำกลางยาว ณ บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น ถนนเทียมร่วมมิตร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา เวลา 10.30 น. เป็นระยะทางประมาณ 300 เมตร เพื่อถวายแก้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ละครประสบความสำเร็จขนาดนี้ งานนี้เหล่าบรรดาแฟนคลับจึงขนทัพมาให้กำลังใจนักแสดงกันอย่างคับคั่ง

          รับประกันว่าอีก 3 ตอนสุดท้าย จะยิ่งฟิน ยิ่งเข้มข้น ยิ่งสนุก ครบรสชาติ จนไม่ควรพลาดแม้แต่เบรคเดียวแน่นอน ฝากติดตามชม "บุพเพสันนิวาส" ทุกวันพุธ-พุฤหัสบดี เวลา 20.20 น. ทางช่อง 33 HD

ละคร “บุพเพสันนิวาส” ตอนที่ 14 ออกอากาศวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 2561









          วิญญาณของเกศสุรางค์ (เบลล่า-ราณี) ได้กลับมาที่เรือนของ ขุนศรีวิสารวาจา (โป๊ป-ธนวรรธ์) และได้พบกับวิญญาณของการะเกดอีกครั้ง เกศสุรางค์ได้รู้ความจริงว่าการะเกดคือพี่น้องฝาแฝด!! เมื่อ เกศสุรางค์ฟื้นขึ้นขุนศรีวิสารวาจาจึงตัดสินใจจะทำลายมนต์กฤษณะกาลี เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เกศสุรางค์จึงได้รู้ว่าทุกคนในเรือนรู้ความจริงแล้วว่าเธอไม่ใช่การะเกดคนเดิม วันต่อมาเกศสุรางค์ชวนขุนศรีวิสารวาจาไปเยี่ยมจันทร์วาด (ปรางค์-กัญญ์ณรัณ) ทำให้ขุนศรีวิสารวาจาได้รู้ความจริงว่าจันทร์วาดออกเรือนและกำลังตั้งท้องกับขุนเรืองอภัยภักดี (ปั้นจั่น-ปรมะ) ที่ตอนนี้ได้อวยยศเป็น หลวงเรืองณรงค์เดชา ต่อมาขุนศรีวิสารวาจาก็ได้อวยยศเป็น พระศรีวิสารสุนทร ขณะที่พระวิสุทธสุนทร (เก่ง-ชาติชาย) ได้รั้งตำแหน่ง โกษาธิบดี และฟอลคอน (หลุยส์-สก็อตส์) ก็ได้อวยยศเป็น เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ ด้านหลวงสรศักดิ์ (ก็อต-จิรายุ) ยังคงพยายามขัดขวางไม่ให้ฟอลคอนเกณฑ์คนไปสร้างป้อม จนมีปากเสียงทะเลาะกัน ถึงขั้นหลวงสรศักดิ์ชกหน้า ทำให้ฟอลคอนแค้นใจเป็นอย่างมาก พอกลับมาบ้านก็กลับมาทะเลาะกับ ตองกีมาร์ (ซูซี่-สุษิรา) อีก ฟอลคอนเมามายจึงไปนอนกับ คลาร่า (ซูริ-ซูซานน่า) เด็กในบ้านที่ตองกีมาร์เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้ตองกีมาร์โกรธมากและตัดสินใจหนีกลับอยุธยาไป เกศสุรางค์ได้ทราบข่าวของตองกีมาร์และฟอลคอน จึงเข้าไปช่วยเจรจาจนทำให้ตองกีมาร์กลับมาหาฟอลคอนที่เรือน และได้ยินฟอนคอลหารือเรื่องแผนการณ์ที่จะนำทหารฝรั่งเศสเข้ามาในอยุธยา เกศสุรางค์จึงใช้วิชาล่องที่พระอาจารย์ชีปะขาวเคยให้ไว้เพื่อไปสืบความจากฟอลคอล แต่ฟอลคอนเกิดรู้ตัวทำให้เกศสุรางค์ต้องหนีออกมาก่อน เรื่องถึงหูพระศรีวิสารสุนทรทำให้ทั้งโกรธและเป็นห่วงอย่างมากจึงเปิดเผยความในใจที่มีต่อเกศสุรางค์ ด้วยความรักที่ทั้งสองมีต่อกันและกัน พอพระศรีวิสารสุนทรกลับถึงอยุธยาไม่กี่วันต่อมา ออกญาโหราธิบดี (หนิง นิรุตต์) ก็จัดงานแต่งงานให้พระศรีวิสารวาจาและเกสสุรางค์ทันที

          "บุพเพสันนิวาส" ที่นำพาความรักของทั้งคู่มาบรรจบกันกำลังจะถึงบทสรุป ติดตามชมในวันที่พฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 2561 เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 และช่อง 3 HD (ช่อง 33)

‘โป๊ป-เบลล่า’ ชวนฟิน!!! ขยี้จูบกลางป่า รับประกันเฉือนหัวใจออเจ้าทั้งพระนคร









          ออเจ้าทั้งหลาย!! เตรียมหมอนมานั่งรอฟินหน้าจอกันสักโหลสองโหลได้เลย เพราะสัปดาห์นี้ออเจ้าจะได้เต็มอรรถรสไปกับฉากสวีทหวานปรอทแตกของคู่พระนาง โป๊ป–ธนวรรธน์ กับ เบลล่า–ราณี จากละครรักโรแมนติกอิงประวัติศาสตร์ที่กำลังโกยเรตติ้งถล่มทลายอยู่ในขณะนี้อย่าง "บุพเพสันนิวาส" กับฉากที่ เกศสุรางค์ในร่างการะเกด (เบลล่า-ราณี) ใช้วิชาล่องหนของอาจารย์ชีปะขาวเข้าไปสอดแนม พระยาวิไชยเยนทร์ (หลุยส์ สก๊อตต์) เรื่องการนำทหารมาจากฝรั่งเศส เมื่อ พระศรีวิสารสุนทร (โป๊ป-ธนวรรธน์) รู้เรื่องเข้าก็รีบตามมาช่วย เมื่อหาตัวต้นเรื่องที่ทำให้ทั้งโกรธ ทั้งหวง และทั้งหวงอย่างการะเกดเจอ พระศรีวิสารสุนทรจึงใช้กริชจี้คอตัวเอง เพื่อขอคำมั่นสัญญาจากว่าจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงเยี่ยงนี้อีก พระศรีวิสารสุนทรยังเอยปากบอกการะเกดว่าตนแทบขาดใจ เมื่อคิดว่าการะเกดจะเป็นอะไรไป ทำเอาเกศสุรางค์ในร่างการะเกดอึ้งต่อความรักและความห่วงใยของพระศรีวิสารสุนทรที่มีให้ จนรู้สึกผิดและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก พระศรีวิสารสุนทรจึงดึงการะเกดมากอดไว้แน่นพร้อมกับจูบที่หน้าผากเบาๆ แต่การะเกดกลับดึงตัวออก และจูบพระศรีวิสารสุนทรกลับ อือ! หือ! แม่นายเป็นหญิงนะเจ้าค่ะ

          โดยฉากนี้ พี่ใหม่-ภวัต พนังคศิริ ผู้กำกับ ต้องเรียกทั้งคู่มาซ้อมต่อบทกันก่อน แต่บทหนักเห็นจะเป็นหนุ่มโป๊ปเพราะต้องท่องบทยาวถึง 3 หน้า แถมยังต้องใส่อินเนอร์ต้องทั้งโกรธทั้งรักและทั้งเป็นห่วงในเวลาเดียวกัน จึงจำเป็นต้องใช้สมาธิสูง แต่ขณะที่ต่อบทกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม พอโป๊ป-เบลล่ามองหน้ากันปุ๊ปก็หลุดขำออกมากันตลอด ก็จะไม่ให้เขินได้ยังไงละเจ้าค่ะ งานนี้ผู้กำกับออกปากรีเควส ขอจูบฉ่ำๆ เน้นๆ แต่อบอุ่น ทั้งโป๊ปและเบลล่าก็เลยยิ่งเขินกันเข้าไปใหญ่ ต่างคนเลยต่างยิ้มอายหน้าแดง เล่นเองยังฟินกันเอง แต่เมื่อฟ้าครึ้มทุกคนก็ต่างไม่รอช้าเร่งทำงานแข่งกับเวลาทันที เริ่มที่โป๊ปส่งสายตาความเป็นห่วงเป็นใยที่มีต่อเบลล่า ก่อนที่โป๊ปจะตัดสินใจหยิบกริชขึ้นมาจี้ที่คอเพื่อให้เบลล่าสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก เบลล่าตกใจรีบเอ๋ยปากสัญญาทันที ก่อนที่หนุ่มโป๊ปจะดึงเบลล่ามากอดอย่างทะนุถนอม แล้วค่อยๆ บรรจงจูบที่หน้าผาก และด้วยบรรยากาศพาไปทั้งคู่ก็โน้มตัวลงมาจูบกันชุดใหญ่ไฟกระพริบ แต่!!!! จูบครั้งแรก ยังไม่โดนใจผู้กำกับ เลยต้องจูบวนไปมาอยู่หลายรอบ ก่อนสิ้นเสียงคัท ทั้งโป๊ปและเบลล่าบอกว่าถ้ายังไม่สั่งคัทปากเราจะเปื่อยแล้วเจ้าค่ะ (หัวเราะ)

          ติดตามฉากรักโรแมนติกกลางป่านี้ได้พร้อมกันในละคร "บุพเพสันนิวาส" คืนวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 2561 เวลา 20.20 น. ทางช่อง 33 HD ห้ามพลาด!!!

‘เบลล่า’ กรี๊ด!! สุดเสียง คลอดลูกให้ ‘โป๊ป’ สนั่นพระนคร ใน ‘บุพเพสันนิวาส’









          ส่งท้ายตอนจบ "บุพเพสันนิวาส" ทั้งที ก็ต้องจัดเต็มให้แฟนละครแบบสุดๆ ไปเลย กับฉากที่ การะเกด (เบลล่า-ราณี) เจ็บท้องพร้อมที่จะคลอดลูก โดยมี พระศรีวิสารสุนทร (โป๊ป-ธนวรรธน์) ยืนลุ้นรอดูหน้าลูกอันเป็นที่รักอยู่อย่างใจจดใจจ่อ งานนี้ "สาวเบลล่า" เพราะต้องพลิกคาแรกเตอร์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต กับการรับบทแม่ครั้งแรก ที่นอกจากจะไม่มีประสบการณ์ เบลล่ายังต้องผจญกับฉากหินปราบเซียน นั่นคือ ฉากคลอดลูกแบบโบราณ ขึ้นเตียง โหนผ้ากับขือ แล้วก็นับ 1 2 3 เบ่ง!!!!! "พี่ใหม่-ภวัต พนังคศิริ" ผู้กำกับการแสดง เลยต้องเกณฑ์ กูรูผู้รู้ทั้งกองละคร ไม่ว่าจะ ช่างหน้า/ ช่างผม ยันสวัสดิการ มาติวเข้มกันก่อนถ่ายทำจริง จนสาวเบลล่าข้อมูลแน่นปึ้ก น้องเบลจึงขอซ้อมสัก 2-3 รอบ ใส่อินเนอร์มาเต็ม กรี๊ดสุดเสียง เล่นเอาตอนถ่ายทำจริงมีเสียงแหบ เสียงแห้งกันเลยทีเดียว พอถ่ายทำเสร็จ สาวเบลล่าถึงกับออกปากว่าคลอดลูกแบบโบราณทำไม๊ ทำไม มันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ เบ่งลูกแต่ละทีเหนื่อยยิ่งกว่าวิ่งรอบสนามซะอีก ส่วนพี่โป๊ปก็งานชิวนั่งส่งกำลังใจให้เบลล่าสู้ๆ เพราะเพิ่งรับบทคุณพ่อจากละครเรื่องที่ผ่านมา การจะต้องแสดงความรู้สึกตื่นเต้น เตรียมจะเป็นพ่อคน จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

          ว่าแต่ "สาวเบลล่า" แต่จะตีโจทย์คุณแม่แตกขนาดไหน ติดตามชมตอนจบกับฉากนี้พร้อมกันใน "บุพเพสันนิวาส" วันพุธที่ 11 เม.ย. นี้ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 33 HD

ละคร “บุพเพสันนิวาส” ตอนที่ 15 (ตอนจบ) ออกอากาศวันพุธที่ 11 เมษายน 2561









          ศรีปราชญ์ (ดรีม-ณฐพล) บุตรชายอีกคนหนึ่งของ ออกญาโหราธิบดี (หนิง-นิรุตติ์) มาเข้าฝันออกญาโหราธิบดีโดยมอบแหวนวงหนึ่งกับโคลงบทหนึ่ง เพื่อกล่าวคำลาต่อออกญาโหราธิบดี หลังจากนั้นออกญาโหราธิบดีก็ล้มเจ็บจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ออกญาโหราธิบดีจึงสั่งเสียให้ พระศรีวิสารสุนทร (โป๊ป-ธนวรรธน์) เป็นผู้ดูแลบ้านเรือนและคุณหญิงจำปา (เหมียว-ชไมพร)

          ด้าน ขุนหลวงนารายณ์ (ปราป-ปราปต์ปฎล) ก็ล้มป่วยเจ็บหนักมากขึ้น เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ (หลุยส์-สก็อตส์) ได้คิดทำการกบฎ เพื่อให้ พระปีย์ (เก่ง-ธชย) ได้ขึ้นครองราชย์แทนขุนหลวงนารายณ์ และทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของการค้าฝรั่งเศส พระเพทราชา (บิ๊ก-ศรุต) รู้ดังนั้นจึงวางแผนกำจัดเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์โดยให้ ออกพระวิสุทธสุนทร (เก่ง-ชาติชาย) หลอกให้เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์เข้าเฝ้าขุนหลวงแต่เมื่อมาถึงวังกลับถูกพระเพทราชาจับตัวไว้ โดยก่อนที่เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์จะไปขอร้องให้ตัวเองได้พบ ตองกีมาร์ (ซูซี่-สุษิรา) เป็นครั้งสุดท้าย พระศรีวิสารสุนทรจึงเอ่ยปากว่าจะคอยดูแลตองกีมาร์และลูกให้ หลังจากเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ได้ตายไป พระเพทราชาจึงปราดาภิเษกเป็นกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์บ้านพลูหลวงและแต่งตั้ง หลวงสรศักดิ์ (ก็อต-จิรายุ) เป็นกรมพระราชวังบวร พระมหาอุปราชและแต่งตั้ง หลวงเรืองณรงค์เดชา (ปั้นจั่น-ปรมะ) เป็นพระรามณรงค์ ในขณะที่พระศรีวิสารสุนทรได้เลื่อนยศเป็น "พระยาวิสูตรสาคร"

          เกศสุรางค์ในร่างการะเกด (เบลล่า-ราณี) ได้เป็นคุณหญิงตั้งแต่ยังสาวและตั้งท้องลูกคนแรก ทำให้พระยาวิสูตรสาครปลื้มใจและดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหิน ต่อมาเธอก็ได้คลอดลูกชายฝาแฝดให้พระยาวิสูตรได้ชื่นชมสมใจ เกศสุรางค์ตั้งชื่อลูกชายของเธอว่า "เรือง" และ "ริด" และไม่นานก็มีลูกสาวอีกคือ "แก้ว" และ "ปราง" ซึ่งทั้งสี่ก็เป็นเพื่อนกับ "เดือน" ลูกสาวของ จันทร์วาด (ปรางค์-กัญญ์ณรัณ) และ "ยอร์ช" กับ "โยฮัน" ลูกของตองกีมาร์
 
          หากเป็น "บุพเพสันนิวาส" อีกกี่ภพกี่ชาติเขาและเธอก็เป็นคู่กัน ติดตามชมตอนจบ ของ "บุพเพสันนิวาส" ในวันที่พุธที่ 11 เมษายน 2561 เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 และช่อง 3 HD (ช่อง 33)

พีคในพีค! ตอนจบละครบุพเพฯ ทั้งฟินทั้งน้ำตาท่วม เชื่อจะรัก “หลุยส์ สก็อต” ฟันเปรี้ยงภาค 2 ต้องเป็น “โป๊ป-เบลล่า” ปีหน้ามาแน่!

          ละครฟีเวอร์ "บุพเพสันนิวาส" มาถึงตอนอวสานในค่ำคืนนี้(11 เม.ย.) ละครเรื่องนี้ทำให้คนไทยและต่างประเทศต่างฟินกันไปทั่วพระนคร ถึงขนาดเรียกร้องให้มีภาคสอง และภาคพิเศษที่จัดทำขึ้นมา โหนกระแสวันที่ 11 เม.ย. ดำเนินรายการโดย "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.20 น. ทางช่อง 28 ได้เปิดใจผู้อยู่เบื้องหลังความฟิน "หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธ์" ผู้จัดละคร และ "ใหม่ ภวัต พนังคสิริ" ผู้กำกับถึงความสำเร็จ บุพเพสันนิวาสกวาดเรตติ้งอันดับ 1
          พี่หน่อง ทำไมหยิบบทประพันธ์เรื่องนี้มาทำ?
          หน่อง : "จริงๆ เรื่องนี้เป็นบทประพันธ์ที่โด่งดังมาตั้งแต่แรกเลย ถูกโหวตจากผู้อ่านว่าอยากจะเห็นเป็นละครมากอันดับหนึ่ง จริงๆ ต้องบอกว่าผู้ชมแนะนำว่าอยากดูเรื่องนี้ หน่องก็เลยไปตามคุณรอมแพงเลยได้บทประพันธ์มา แล้วก็เริ่มปรึกษากับทางพี่ใหม่ อาจารย์แดงที่เขียนบทโทรทัศน์"
          อาจารย์แดงเขียนบทเป็นปี?
          หน่อง : "สองปีค่ะ เพราะอาจารย์บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากที่สุดเรื่องหนึ่งจากที่เคยเขียนมา เพราะว่าเป็นละครรักโรแมนติก แต่อิงประวัติศาสตร์ การเขียนต้องมีความเข้าใจในบริบท อาจารย์ต้องอ่านหนังสือ 10 กว่าเล่ม อาจารย์บอกว่าตอนเขียนอาจารย์วางหนังสือกองไว้รอบตัวเลย เขียนตั้งแต่จดหมายเหตุลาลูแบร์ เรื่องราวที่เกี่ยวในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช การค้า พงศาวดาร อ่านหมดเลยก่อนลงมือเขียน เขียนไปก็คิดตลอด ทำให้ใกล้เคียงมากที่สุด"
          พี่ใหม่ตอนกำกับกลัวมั้ย ทำให้ประวัติศาสตร์ผิดเพี้ยนไป ต้องระวังขนาดไหน?
          ใหม่ : "มาก เรียกว่าเกร็ง ตอนกำกับต้องคุยกับพี่หน่องและอาจารย์แดงตลอดเวลา อย่างที่รู้ว่าอาจารย์อ่านข้อมูลมาเยอะมาก เราต้องตัดอารมณ์ส่วนตัวเราไปก่อนแล้วทำงานตามบทป้าแดงที่ท่านวางมา เคยลองแล้วใส่อารมณ์ส่วนตัวเข้าไป มันไม่ได้ผล ต้องเรียงใหม่ ตัดใหม่ตามที่ป้าแดงเขียนมา เราถึงรู้เหตุผลว่าทำไมป้าแดงถึงให้เหตุผลอย่างนั้น กับซีนต่อไปอย่างนี้"
          ทำไมเลือกพี่ใหม่มากำกับ เพราะผู้กำกับเยอะมาก?
          หน่อง : "น่าจะเป็นคู่บุญกันมา(หัวเราะ) จริงๆ พี่ใหม่เก่งหลายแนว โรแมนติกคอมเมดี้ สวยเริดเชิดโสดก็น่ารัก จนมาถึงโปรดักชั่นใหญ่มากคือบางระจัน ทำทั้งรบทั้งประวัติศาสตร์ บุพเพสันนิวาสไม่ได้คิดเลยว่าต้องเป็นใคร เป็นพี่ใหม่คนเดียวเท่านั้น เพราะว่าหนึ่งด้วยความละเอียดลออ ในการถ่ายทำแต่ละอย่างประณีต ถ้าเห็นพร็อบเราแน่นมาก เสื้อผ้าช่วยกันคิด มีการประชุมเยอะมาก แต่ละฉากพี่ใหม่ฝ่ายศิลป์มีการสเก็ตและดีไซน์เกือบทุกฉาก"
          เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อน?
          ใหม่ : "พอรู้ว่าพี่หน่องให้เรื่องนี้มาทำ ก็อ่านมาก่อน ใช้เวลาเตรียมตัวปีนึง รอบท รอการเช็ตฉากด้วย ก็มีเวลาอ่าน เราต้องอ่านเป็นคนอ่านนวนิยายเรื่องนี้ ซึ่งสนุกมาก เราอ่านแล้ววางไม่ลง เรารู้สึกว่าเราชอบเรื่องนี้จังเลย ชอบตั้งแต่ชื่อแล้ว มันพูดถึงความรัก ให้สวย ให้ดูโรแมนติกอย่างภาพที่เราฝันไว้"
          ฉากบางฉาก นึกถึงผู้กำกับในอดีตคืออาชูศักดิ์ รายละเอียดทำให้คนดูจิกหมอน ผู้กำกับทำแบบนี้ได้น้อยมาก พี่ใหม่ทำไมมีลูกเล่นแบบนี้?
          ใหม่ : "ต้องชมพระเอกกับนางเอก โป๊บ-เบลล่าเป็นคนที่เล่นละเอียด เวลาเขาเล่นเรารู้ว่าเขามีลูกละเอียดกันยังไง เรื่องการใช้สายตาทั้งคู่ดีมากผมเลยรู้สึกว่าผมต้องเก็บรายละเอียดตรงนี้ให้คนได้เห็นด้วย ในจังหวะที่เขามองหน้ากันให้ชัดขึ้น จนป้าแดงบอกว่าพอบ้างก็ได้มั้ย(หัวเราะ)"
          ในมุมพี่หน่องเอง ทางประวัติศาสตร์ต้องไปดูหรือไปคัดเลือกเองมั้ย ว่าจะไปถ่ายที่ไหน?
          หน่อง : "จริงๆ เรื่องมันค่อนข้างระบุอยู่แล้วในเบื้องต้น ตอนเราเริ่มงานไปบวงสรวงกันที่วังพระนารายณ์ที่ลพบุรี ก็มีโป๊ปเบลล่าพี่ใหม่ ทีมงานเราไป ส่วนใหญ่ก็ครบนะ มีวัดที่อยุธยา 4 วัด ก็มีวัดไชยวัฒนาราม ตอนนี้กำลังฮือฮามาก ก็เป็นไปตามประวัติศาสตร์ แต่ว่าภายในที่เป็นฉากสำคัญมากของเรื่องฉากสมเด็จพระนารายณ์ท่านรับพระราชสาสน์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อันนี้ต้องชื่นชมทุกฝ่าย พี่ใหม่เนี้ยบมาก เอารูปไปตั้งเอาไว้เป๊ะเลย"
          ใหม่ : "ตั้งแต่อ่านหนังสือรู้สึกว่าฉากนี้อยากทำมาก เวลาเราพูดถึงยุคสมเด็จพระนารายณ์ ภาพนี้มันลอยมาเลย ตอนอ่านหนังสือแล้วรู้ว่าต้องทำ ผมรู้สึกว่าผมต้องทำฉากนี้ออกมาให้ได้ ต้องทำให้ทุกคนเห็นเพราะเป็นสิ่งที่เราประทับใจและอยากทำ พอถึงเวลาทำป้าแดงเขียนบทมาให้ประมาณหนึ่งเพราะไม่คิดว่าเราจะทำออกมาประมาณนี้ ป้าแดงเขียนมาแค่เห็นเงา เห็นมือแล้วเอื้อมลงไปแต่ของผมมากกว่านั้น ตอนที่ถ่ายน้ำตาก็จะไหล"
          หน่อง : "ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฉากนี้ขลังมาก เหมือนพาทุกคนย้อนกลับไปสมัยกรุงศรีอยุธยา เหมือนทุกคนอยู่ในเหตุการณ์จริง ไม่เหมือนเราดูละคร"
          คืนนี้จะอวสานแล้วมีหนังสือพิมพ์เขาลงว่าแฟนๆ ละครระวังจะเป็นโรคซึมเศร้า เพราะจะคิดถึง?
          หน่อง : "ก็เดือนเศษๆ เป็นกระแสเหมือนกันหมด คือไม่อยากให้จบ รู้สึกใจหาย"
          ใหม่ : "ก็ใจหายนะ รู้สึกถึงพลังบวกมาตลอดตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย ผมได้พลังดีๆ จากคนดูมาตลอดเลย"
          เรื่องกุ้งเผา การเอาตัวกรองน้ำมาใช้ในสมัยนั้น ใครเป็นคนคิด?
          ใหม่ : "จริงๆ อยู่ในบทประพันธ์อยู่แล้ว แค่ทำให้เห็นภาพชัดขึ้น แล้วไม่คิดว่าจะฟีเวอร์กันขนาดนี้ ตอนตัดอันนี้เสร็จ พี่หน่องบอกว่าให้ไปซอยออกหน่อยเพราะรู้สึกเรื่องไม่เดิน ทีนี้ก็รอลุ้นกัน เพราะไม่รู้จะไปซอยตรงไหนออก"
          หน่อง : "จริงๆ แล้วทำออกมาดีมาก น่ากินมาก แต่มันจะเยอะไปมั้ย ต้องมาบาลานซ์ว่าเอาแบบนี้กำลังดี ต้องมีฉากไปเก็บมะม่วงน้ำปลาหวาน"
          ผมมองว่าเรื่องนี้เป็นปรากฎการณ์ที่สุดยอด เรื่องนักแสดงใครเป็นคนแคสติ้งตัวละคร?
          หน่อง : "จริงๆ ก็คุยกันไปเรื่อยๆ อย่างโป๊ปเราก็จอง จนโป๊ปบอกว่าพี่หน่องรู้มั้ย พี่หน่องจองผมไว้ 5 ปี ตั้งแต่สะใภ้จ้าว ก็พูดกรอกหูโป๊บว่ามีเรื่องนี้นะ เนื่องจากบุคลิกของโป๊ปเขาเคยเล่นกับเราตั้งแต่ดอกส้มสีทอง โป๊ปนี่สร้างประวัติศาสตร์กับเราเป็นครั้งที่สองแล้ว มาในสะใภ้จ้าวก็เป็นคุณชายก็มีบุคลิกต้องเป็นนักการทูต โป๊ปลงตัวมากๆ ก็จองกันมายาวนาน"
          ตอนที่ไปบ้านพี่หน่องตีท้ายครัว โป๊ปก็ไป เหมือนดูแลกันมาตลอด?
          หน่อง : "ก็เป็นอะไรที่ไปทำบุญด้วยกันบางครั้ง น้องมีฝีมือด้วยค่ะ ใหม่ก็แฮปปี้ได้โป๊ปมาก็ตรงคาแร็กเตอร์"
          ใหม่ : "จริงๆ รู้จักน้องมานานแล้ว กว่าเราจะเปิดกล้องเขาก็ถามว่าเมื่อไหร่จะเปิดกล้องซะที เพราะระยะเวลาก็นานเหมือนกัน โป๊ปทำงานละเอียด ภาษายากแค่ไหนก็ตามเขาก็ไปทำการบ้านมาจนได้ เพราะเรารู้ว่าบทป้าแดงจะใช้ภาษาโบราณและยาก ตอนแรกมีข้อต่อรองว่าพี่ขอปรับตรงนี้ได้มั้ย เราบอกว่าไม่ได้ๆ โป๊ปไม่ต้องปรับ ลองพูดเต็มๆ ดูแล้วเดี๋ยวมานั่งดูมอนิเตอร์กัน พอมาดูมอนิเตอร์ เออ เป็นไงล่ะโป๊ป โอเคมั้ย ก็ยิ้มออก"
          อย่างเบลล่าล่ะ?
          หน่อง : "ในเรื่องเขาต้องเล่นถึงสามคาแร็กเตอร์ เป็นการะเกดที่ร้าย เป็นเกศสุรางค์ที่น่ารัก และเป็นเกศสุรางค์ที่อยู่ในร่างการะเกด จริงๆ ก็ชื่นชมมาตั้งนานแล้ว พอเล่นเป็นสามตัวละคร ต้องชมพี่ใหม่ เล่นขาดในทุกคาแร็กเตอร์ เหมือนแยกร่าง ทำได้ดีมากๆ แล้วเราเชื่อ"
          ใหม่ : "เบลทุ่มสุดตัวจริงๆ ในวันเดี๋ยวกัน บางทีต้องเล่นถึง 3 ตัว ต้องวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมาเล่น เบลก็แบ่งได้ชัดเจน แต่จากการที่ได้คุยกัน น้องก็ทำการบ้านอย่างที่ทุกคนเห็น ต้องยกให้เบลว่าเก่งจริงๆ"
          คาแร็กเตอร์ใครบอกให้เขาทำอย่างโอเค?
          ใหม่ : "ก็มีเติมให้เขาบ้าง พอคุยกันถ่ายไปก็สนุก เพราะตัวเกศสุรางค์เป็นตัวละครปัจจุบันที่ย้อนกลับไปในอดีต เวลาใส่อะไรเข้าไปร่วมสมัยคนในยุคปัจจุบันรับได้ มันก็เลยง่ายต่อการใส่ อย่างโอเคหรือบทอะไรก็ตาม ทำให้โดนใจคนสมัยนี้ด้วยทำให้คนชื่นชอบ"
          เรื่องมีคนทุจริตหรือเปล่าแล้วใส่คำว่าสับๆๆ?
          ใหม่ : "บทป้าแดงใส่มา ท่าเราดีไซน์มา เราคุยกันแล้วเราก็ใส่เข้าไป เราก็ต่อยอดจากบทป้าแดงอีกที ป้าแดงเขียนมาค่อนข้างละเอียดเหมือนกัน ไม่ว่าจะคาแร็กเตอร์นี้ๆ ต้องเบาลงหน่อยอย่าเยอะ เขาก็กำกับมา ตรงนี้เราก็ต้องยอมรับ"
          ออเจ้ามาจากไหน ไปค้นหาจากไหน?
          หน่อง : "เป็นครั้งแรกที่ละครนำเสนอในยุคพระนารายณ์มหาราชเป็นครั้งแรก แล้วในจดหมายเหตุลาลูแบร์จะเขียนบันทึกไว้ว่าออเจ้าคือคำเรียกที่คนในสมัยอยุธยาในยุคนั้นเรียกคนที่เสมอกันหรือต่ำกว่าว่าออเจ้า เลยอยู่ในบทประพันธ์ อยู่ในบทละคร ก็อาจจะเป็นเพราะคนเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ก็เลยน่ารักและแปลกหู"
เป็นความชาญฉลาดหยิบคำนี้มาเรียกกันในละคร และแต่งเป็นเพลงด้วย?
หน่อง : "ก็เป็นครั้งแรกที่ละครออนไปแล้ว เพลงมาแต่งตาม ออนไปสองตอน ออเจ้าเพิ่งแต่งเพลงนี้เข้ามา แล้วก็เพลงเธอหนอเธอ เป็นเพลงผู้หญิงต่อ ก็ผ่านมาอีกอาทิตย์หนึ่ง ก็เป็นเพลงที่ไพเราะมาก เราอยากได้เพลงที่มีดนตรีทำนองไทยเดิม ก็แต่งมาแล้วชอบมาก"
          ทำไมเลือกคุณบิ๊กมาเล่นเป็นพระเพทราชา แล้วเลือกตัวคุณปราบมาเป็นพระนารายณ์?
          ใหม่ : "คือทำงานกับทั้งปราบและบิ๊ก ชื่นชมทั้งคู่อยู่แล้ว ทั้งสองคนมีพลังในการเล่น เวลาเล่นอะไรที่ต้องการอินเนอร์แรงๆ สองคนนี้มีพลังให้ผมได้ เลยนำเสนอพี่หน่องไป อย่างตัวปราบเลือกมาเป็นพระนารายณ์เพราะผมเห็นโครงหน้า เห็นเหลี่ยมเขาบางส่วนแล้วนึกถึงพระนารายณ์ เลยเลือกเขามา ทำงานด้วยกันง่ายมาก บรีฟทุกอย่างให้เข้าใจ เขาก็ถ่ายทอดออกมา อย่างบทพระเพทราชากับพระนารายณ์ ทุกซีนจะเป็นเรื่องการเมือง เราก็บอกทั้งคู่ว่าเฟดตัวเองให้เป็นกลางมากที่สุด ให้มีอารมณ์ลึกๆ อยู่ข้างใน อย่างพระนารายณ์ ทะเลาะกับพระเพทเสร็จแล้ว พระเพทออกไปผมจะทิ้งอารมณ์ไว้ที่พระนารายณ์ แล้วบอกว่าพี่ปราบถ่ายทอดอารมณ์ออกมา ลึกๆ เสียใจมั้ย เขาก็ทำได้ดี ในขณะที่ทะเลาะกันก่อนหน้านั้น แต่ทิ้งท้ายได้ดี บิ๊กก็มีน้ำตาคลอ น้ำตาไหลให้รู้สึกว่าตัวเองเสียใจ ไม่ได้เดินมาแค่ทะเลาะๆ กัน"
          คาแร็กเตอร์พี่ใหม่วางให้หมดเลย ว่าต้องมีลักษณะ อัตลักษณ์แบบนี้ๆ?
          ใหม่ : "ครับ ต้องหาคาแร็กเตอร์ชัดๆ ของพวกเขาดึงออกมาให้หมด"
          มีมั้ยนักแสดงนำเสนอเอง อยากเล่นแบบนี้?
          ใหม่ : "มีครับ ผมก็รับฟังและแชร์กัน"
          อย่างบทก็อต จิรายุ พระเจ้าเสือ?
          ใหม่ : "คือคุยกับก็อตว่าพระเจ้าเสือช่วงวัยรุ่นให้ดูแบดบอย ให้ดูนักเลง เพราะพระเจ้าเสืออารมณ์ร้อน ชอบต่อยมวย หาเรื่อง นี่คืออารมณ์ภายนอก แต่อารมณ์ภายในอะไรบางอย่าง ความน้อยเนื้อต่ำใจพระเจ้าเสือมีอยู่นะ เราจะบอกว่าให้เล่นเป็นกลาง มีสองอารมณ์ อย่าไปร้ายซะเลยทีเดียว อย่างหลุยส์ สก็อต ทุกคนคิดว่าร้ายแน่นอน อยากให้ติดตามคืนนี้เหลือเกิน เขามีอะไรบางอย่าง ผมเชื่อว่าทุกคนจะรักหลุยส์ สก็อตในบทฟอลคอน"
หน่อง : "ขอคอนเฟิร์มค่ะ เรืองนี้ไม่มีใครเสีย ไม่มีใครทางใดทางหนึ่ง ทุกคนเป็นมนุษย์ ฉากฟอลคอนจะลุกไปไหนไม่ได้เลยค่ะ(หัวเราะ)"
          คาดหวังเรื่องเรตติ้ง?
          ใหม่ : "ไม่ปฏิเสธว่าคาดหวังเรื่องเรตติ้ง หรือสิ่งที่คนดูจะได้รับ เพราะงานที่ทำก็อยากให้คนดูยอมรับ แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเรื่องน่ารักจังเลย เบลกับโป๊ปเข้าฉากกัน มันน่ารักมาก มันมีอะไรให้คนดูได้ดูแน่นอน เรื่องราวประวัติศาสตร์เข้มข้น ป้าแดงเขียนมาอย่างที่อยากได้ถูกใจมาก ก็คาดหวังให้คนดูชอบ ก็คาดหวังเรตติ้งตอนทำ แต่ไม่คิดว่าขนาดนี้"
          บุพเพภาคสอง หลายคนอยากรู้ ยังไงต่อ จะมีมั้ย?
          หน่อง : "พอกระแสออกปุ๊บ มีนักข่าวมาถามว่าจะมีภาคสอง เราก็ยังงงๆ ไปถามคุณอุ้ยรอมแพง จะเขียนภาคสองหรือเปล่า เขาก็บอกว่าแน่นอนค่ะพี่ อยู่ในหัวอุ้ยหมดแล้ว ชื่อเรื่องคือพรหมลิขิต เราชอบชื่อเรื่องมากนะเพราะบุพเพสันนิวาสเป็นเรื่องความรักและพรหมลิขิต ตรงมากๆ แค่ฟังชื่อเรื่องก็อยากอ่านแล้ว"
          จะนานแค่ไหน?
          หน่อง : "เดิมจะนาน แต่ตอนนี้คิดว่าจะไม่นาน(หัวเราะ) บทประพันธ์ปลายปีน่าจะได้อ่านพรหมลิขิตค่ะ ปีหน้าก็เริ่มทำแล้วค่ะ (หัวเราะ) พี่ใหม่ยังกำกับเหมือนเดิม จริงๆ เหตุการณ์ในบุพเพสันนิวาสจะจบในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพราะฉะนั้นภาคต่อก็จะต่อเนื่อง แต่จะเป็นรัชกาลไหนก็เดี๋ยวมาว่ากันอีกที ถามว่าโป๊ปเบลยังอยู่มั้ยก็อยู่ค่ะ(หัวเราะ) ต้องรอชมค่ะ"
          แรงเงา 2?
          หน่อง : "น่าจะปลายปีค่ะ ไปได้สักครึ่งนึงแล้ว"
          รู้สึกยังไงบ้าง ละครที่ทำประสบความสำเร็จทุกเรื่อง?
          หน่อง : "สาธุ(หัวเราะ) จริงๆ แล้วอย่างบุพเพสันนิวาส มันเกิดจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะผู้กำกับ นักแสดง พี่ใหม่ ป้าแดง ตั้งใจมาก ทุกคนมีความจริงจัง การหาข้อมูล ตั้งแต่เราเริ่มเตรียมงาน แล้วอีกส่วนที่ขาดไม่ได้คือซีจี เราจะได้ชมเบื้องหลังการทำงาน วันที่ 19 เมษา เป็นบุพเพภาคพิเศษ จะได้เห็นการทำงาน ความยากในแต่ละส่วนต่างๆ ทำซีจีนี่ไม่ง่ายเลย"
          ภาคพิเศษจะมีสามตอน จะเป็นเรื่องราวยังไง?
          ใหม่ : "จริงๆ ก็คือเราเลือกเฉพาะซีนเด็ดๆ ซีนดีๆ ที่คนชอบนำมาเรียงร้อยในระยะเวลา 3 ตอน"
          เราทำเหมือนหนังย่อจาก 15 ตอนลงมาให้เป็นแค่ 2 ตอนครึ่ง?
          ใหม่ : "มันก็เลยอัดแน่นไปด้วยความสนุกหมดเลย เอามาร้อย เอามาเรียง"
          หน่อง : "คือผู้ตัดบอกว่าตัดยากมาก ชอบไปหมดเลย ไม่อยากจะตัดอะไรออกเลย เสร็จแล้วสองตอนค่ะ"
          คืนนี้จบแล้ว ให้ติดตามฟอลคอนดีๆ อยากฝากอะไรกับผู้ชม?
          ใหม่ : "วันนี้คือพีคในพีค ไคลแม็กซ์ที่ทุกคนพูดถึงอยู่ตลอดเวลา มีปมหลายๆ อย่างที่จะถูกคลี่คลายในคืนนี้ เข้มข้นมาก อยากให้ติดตามจุดจบฟอลคอน ส่วนเรื่องราวน่ารัก ความฟินพระนางมีไปจนถึงคัตสุดท้าย อยากให้ติดตามไว้เหมือนเดิม อยากให้เตรียมหมอนกับผ้าเช็ดหน้า(หัวเราะ)"
          หน่อง : "บุพเพสันนิวาสเดินทางมาถึงจุดที่เราไม่อยากให้ถึงเลย เป็นวันจบ ตอนจบจะเข้มข้นจนไม่รู้จะพูดยังไง พูดอะไรไม่ได้ เป็นความตั้งใจของทีมงาน ทุกคนตั้งใจอย่างมาก อยากให้บุพเพสันนิวาสเป็นของขวัญสำหรับทุกคนจริงๆ ขอบพระคุณออเจ้าทั้งประเทศ ที่เป็นแรงใจมาจนถึงตอนจบ"