ปรับข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการณ์ตลาดล่าสุด
ปีใหม่ได้เริ่มขึ้นพร้อมกับการตกลงอย่างมากของตลาดหุ้น การลดค่าเงินหยวนและการปิดตัวลงของตลาดในเมืองจีนล้วนเป็นเหตุการณ์ซ้ำรอยที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ความกลัวเดิม ๆ ได้เกิดขึ้นมาอีกซึ่งก็
คือการล่มสลายของการเติบโตในประเทศสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก การหาทางลงที่แสนจะเป็นไปได้ยากของเศรษฐกิจจีน ค่าเงินที่ตึงตัวอันเนื่องมาจาก Fed และความซับซ้อนของสถานะการณ์ทางการเมือง ทำให้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ดำเนินต่อไป
เมื่อปีใหม่เริ่มขึ้น ก็เป็นเรื่องคุ้มค่าที่จะหวนนึกถึงกระแสเงินซึ่งเป็นแนวโน้มหลักของปี 2015 ซึ่งเป็นปีที่เป็นที่ได้ถูกจารึกว่าเป็นปีแห่งการถอยหลังลงทางเศรษฐกิจและเป็นปีที่เกิดการผันผวนทางการเงินในประเทศระดับแนวหน้าเช่น สหรัฐอเมริกา การขึ้น ๆ ลง ๆ ของอัตราการแลกเปลี่ยน การตกลงของราคาสินค้า ทำให้คนใช้บัตรเครดิตมากขึ้น ต้องยอมรับว่า อัตราการแลกเปลี่ยนยังคงต่ำอยู่และยังได้ขยายตัวไปยังประเทศรอบ ๆ ของยุโรปด้วย แต่สถานะการณ์ของกองทุน ซึ่งขยายตัวอย่างกว้างขวางและมีสภาพคล่องน้อย ทำให้ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น
โดยรวม ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาในปี 2015 ทำให้ปีนี้เป็นปีที่มีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติในยุโรป วิกฤติในตลาด ความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของโลก ความกังวลเกี่ยวกับการหาทางลงสำหรับประเทศจีนการกลับมาของความผันผวนโดยเฉพาะในรัสเซียและในบราซิล การที่ราคาสินค้าตกต่ำลง อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่คงที่และความกลัวเรื่องสงครามทางการเงิน ปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2016 เรื่องราคาที่ตกต่ำของสินค้าและเรื่องเศรษฐกิจในประเทศจีนกลับมาเป็นปัญหาหลักต้น ๆ เราจะอธิบายว่าสถานะการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่เรามองไว้เลยในช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา
การที่น้ำมันราคาตกลง เป็นการบอกอะไร?
ราคาน้ำมันตกลงเกือบ 75% ตั้งแต่กลางปี 2014 เป็นเหตุการณ์ที่ช๊อคโลกมากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา ราคาที่ตกลงมาล่าสุดจาก 50 ดอลล่าร์สหรัฐเหลือ 28 ดอลล่าร์สหรัฐเมื่อวันที่ 18 มกราคม ทำให้อุปสงค์เกินความต้องการตลาดและเกิดภาวะเงินเฟ้อ พร้อมด้วย (1) กลวิธีใหม่ของกลุ่มโอเปค (ในต้นเดือนธันวาคม กลุ่มประเทศโอเปคพยามทุกวิถีทางที่จะรักษามาร์เกตแชร์เอาไว้) และ (2) การกลับมาในตลาดของประเทศอิหร่าน จากทั้ง 2 เหตุผลนี้ ผู้ส่งออกหลัก ๆ ของกลุ่มประเทศโอเปคจึงพยายามบีบบังคับผู้มาใหม่ในตลาด เช่น อเมริกาเพื่อที่จะตัดอุปทานออก ถึงแม้ยุทธศาสตร์ทางราคาจะเกิดขึ้น และดูเหมือนจะไปได้ดี เราก็ต้องเข้าใจว่าการที่จะทำให้น้ำมันน้อยลงในตลาดเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันอยู่ ในปี 2016 ผู้จำหน่ายน้ำมัน non –conventional คาดหวังว่าจะลดการผลิตลง ดังนั้น เราคาดว่าราคาน้ำมันจะดีดตัวขึ้นและคงที่อยู่ที่เกิน 40 ดอลล่าร์สหรัฐแต่คงจะไม่ก่อนปลายปี 2016
เราไม่ได้มองว่าการที่ราคาน้ำมันตกลงเป็นการคุกคามต่อเศรษฐกิจโลก ยิ่งไปกว่านั้น การที่น้ำมันมีราคาต่ำลงจะทำให้เกิดการคงที่หรือถึงขั้นเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศในหมู่ผู้ส่งออกน้ำมัน อย่างที่พูดไปแล้ว ความกดดันของผู้ส่งออกน้ำมัน (รัฐที่มีอำนาจสูงสุด) และบริษัทน้ำมัน (ทั่วโลก) ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างเฉียบพลัน นอกจากนี้ การที่ดอลล่าร์สหรัฐและราคาน้ำมันไม่สัมพันธ์กัน บริษัท EM ที่เป็นหนี้ค่าเงินสหรัฐอย่างหนักก็จะยิ่งอ่อนแรงลงในช่วง 2 เดือนนี้ ผู้ที่อยู่ในตลาดก็จะยิ่งกังวลกับพวกที่มีความเป็นไปได้ในการสร้างเครดิต ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะทำให้การเติบโตของตลาดโลกถอยลงได้ ในขณะที่เรารู้ว่าการผิดสัญญาของ corporate จะเพิ่มขึ้นในปีนี้ (ในส่วนของพลังงานของอเมริการวมไปถึง EM countries) เรายังคงเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการถดถอยทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น
หรือถึงแม้จะมีการถดถอยเกิดขึ้น อัตราการขยายตัวของ GDP โลกก็ยังคงอยู่ที่อัตรา 3% ตลอดปี 2015 เป็นปีที่ 4 ถึงแม้จะมีการติด ๆ ขัด ๆ ในบางภูมิภาคเช่น อเมริกา หรือจีน ก็จะกลับมาสู่ผิวน้ำใหม่ใน Q4 15 อัตราการขยายตัวของ GDP จะปิดลงที่ 3% ในปี 2016-2017 การเติบโตของโลกจะคาดการณ์ว่ายังคงสูงอยู่ แต่จะไม่มีการถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน เหตุการณ์ที่เราเห็นเมื่อปีที่แล้วระหว่างเศรษฐกิจที่นำหน้าและเศรษฐกิจที่เกิดใหม่ก็จะยังคงเห็นต่อไปในปีนี้
จีนกำลังช้าลงแต่นีคือเส้นทางสู่การพัฒนา
ในประเทศจีน การช้าลงไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มันเป็นตัวเชื่อมเบื้องต้นที่เกี่ยวกับลักษณะจำนวนประชากรของประเทศและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทางเศรษฐกิจซึ่งการบริการจะมาแทนที่อุตสาหกรรม เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงกลางของวิกฤติของการมีมากเกินไป (overcapacity) และก็จะช้าลงในปีที่กำลังจะมาถึง จริง ๆ แล้ว การเติบโตที่ช้าลงของจีน (อายุของประชากร, การมีอัตราการเกิดต่ำ) ซึ่งก็เหมือนกับในกลุ่มประเทศ EM แต่ข่าวดีก็คือความสมดุลย์กำลังจะตามมา ด้วยการเปลี่ยนกิจกรรมของภาคผู้ผลิตไปยังภาคการให้บริการซึ่งก็คือการเปลี่ยนจากการลงทุนไปสู่การบริโภค GDP จริง ๆ ในการบริการได้เพิ่มความเร็วขึ้นเมื่อปีที่แล้วจาก 7.8 yoy ใน Q4 2014 เป็น 8.3% ใน Q4 2015 ซึ่งในขณะเดียวกันภาคการผลิตได้ช้าลงอย่างรวดเร็วจาก 7.3 yoy ใน Q4 2014 เป็น 6.0% ใน Q4 2015
ต้องขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ระหว่างภาคบริการและภาคผลิต การเติบโตของ GDP ควรจะอยู่ที่ประมาณ 6% ทั้งในปี 2016 และ 2017 เราสังเกตุว่าการบริการจะกลายเป็นตัวหลักในการจ้างงานและเราเชื่อว่าการพัฒนาของการบริการซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าได้ส่งผลอย่างมากต่อรายได้ต่อหัวในเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าแล้วเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการบริการนี้ได้ถูกประเมินต่ำเกินไปในหมู่ผู้ร่วมตลาด จากประสบการณ์ทางเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าหลัก ๆ เราคาดว่าการเติบโตของจีนจะเกิดขึ้นจากการบริการ ในปี 2016 การสร้างสมดุลย์ใหม่ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างทางจะเป็นตัวกันการถอยลงของภาคการผลิต
นอกจากนี้ ในกรณีฉุกเฉิน PBoC และรัฐบาลควรจะต้องลงมือเพื่อให้เกิดความราบรื่นของวงจร จีนได้ให้ความเพียงพอในการจัดทัพ เมื่อ QE มาถึง PBoC ก็จะเป็นผู้มาใหม่เมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารกลางแห่งหลัก ๆ อื่น ๆ และแทบจะไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ เราเชื่อว่าในสถานะการณ์ที่จะเกิดการเสี่ยงในการสร้างสมดุลย์ใหม่ของเศรษฐกิจ จะเกิดปีงบประมาณและเงินที่แข็งแกร่ง เราหวังว่าทั้ง PBoC และรัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความราบรื่นในช่วงการเปลี่ยนแปลงนี้