MSN on January 22, 2016, 03:40:33 PM










คุณอิบรา เวน ร่วมงานกับอมุนดิในปี 2542 และดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกลยุทธ์ตราสารทุนตั้งแต่ปี 2551โดยก่อนหน้านั้นคุณอิบราเคยทำหน้าที่หลายบทบาทภายในองค์กร รวมถึง หัวหน้านักวิเคราะห์ตราสารทุน สาขาลอนดอน รองหัวหน้านักวิเคราะห์ในสาขาปารีส และนักวิเคราะห์รับผิดชอบส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์

คุณอิบรา เวน ได้รับรางวัล Distinction Award ในฐานะนักวิเคราะห์จากฝรั่งเศสและนานาประเทศ  ก่อนมาร่วมงานกับอมุนดิ คุณอิบราทำงานในฝ่ายSector Research ที่ Société Générale และ CCF Securities (ปัจจุบันเป็น HSBC France) เป็นเวลา 12 ปี นอกจากนี้คุณอิบรายังเป็นนักเศรษฐศาสตร์ให้คณะทำงานระดับมันสมองของฝรั่งเศสFrench think-tank SEDES-CREP และรับภาระกิจต่างๆ ให้ธนาคารโลก  คุณอิบราสำเร็จการศึกษาเศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเกรอน็อบล์(ปี 2522) บริหารธุรกิจมหาบัณฑิตจากสถาบัน Institut Supérieur de Gestion ในปารีส รวมทั้งได้รับการรับรองในฐานะนักวิเคราะห์การลงทุนที่ได้รับการรับรอง (Certified Investment Analyst) จาก CFAF ในปารีส  และคุณอิบราก็เป็นสมาชิกคณะกรรมการ SFAF ซึ่งเป็นสมาคมนักวิเคราะห์การเงินของฝรั่งเศส และได้เป็นกรรมการสมาคมในปี 2553ถึง 2554


เกี่ยวกับอมุนดิ

อมุนดิ คือผู้จัดการทรัพย์สินยุโรปอันดับ 1 และเป็นหนึ่งใน 10 ของโลก1โดยมีทรัพย์สินภายใต้การจัดการมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก2

อมุนดิ ตั้งอยู่ในใจกลางของภูมิภาคแห่งการลงทุนที่สำคัญในกว่า 30ประเทศ และเสนอผลิตภัณฑ์ครบวงจรที่ครอบคลุมสินทรัพย์ทุกคลาสและสกุลเงินหลักทั้งหมด

อมุนดิได้พัฒนาโซลูชั่นการออมเงินตามความต้องการของลูกค้ารายย่อยกว่า 100ล้านราย และออกแบบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีผลการดำเนินงานที่ดีเพื่อลูกค้าประเภทสถาบันซึ่งจัดทำเฉพาะตามข้อกำหนดและโพรไฟล์ความเสี่ยงของลูกค้าประเภทสถาบัน

อมุนดิ กลายเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของยุโรปที่ได้รับการยอมรับด้าน

ความโปร่งใสและผลการดำเนินงานของผลิตภัณฑ์
คุณภาพของความสัมพันธ์ของลูกค้าซึ่งบริการด้วยแนวทางให้คำแนะนำระยะยาว
ความมีประสิทธิผลในองค์กรและคำสัญญาของทีมในการให้บริการลูกค้า
« Last Edit: January 25, 2016, 08:08:38 AM by MSN »

MSN on January 25, 2016, 06:22:27 AM
ปรับข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการณ์ตลาดล่าสุด

ปีใหม่ได้เริ่มขึ้นพร้อมกับการตกลงอย่างมากของตลาดหุ้น   การลดค่าเงินหยวนและการปิดตัวลงของตลาดในเมืองจีนล้วนเป็นเหตุการณ์ซ้ำรอยที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ความกลัวเดิม ๆ ได้เกิดขึ้นมาอีกซึ่งก็

คือการล่มสลายของการเติบโตในประเทศสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก  การหาทางลงที่แสนจะเป็นไปได้ยากของเศรษฐกิจจีน ค่าเงินที่ตึงตัวอันเนื่องมาจาก Fed  และความซับซ้อนของสถานะการณ์ทางการเมือง  ทำให้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ดำเนินต่อไป

เมื่อปีใหม่เริ่มขึ้น ก็เป็นเรื่องคุ้มค่าที่จะหวนนึกถึงกระแสเงินซึ่งเป็นแนวโน้มหลักของปี 2015  ซึ่งเป็นปีที่เป็นที่ได้ถูกจารึกว่าเป็นปีแห่งการถอยหลังลงทางเศรษฐกิจและเป็นปีที่เกิดการผันผวนทางการเงินในประเทศระดับแนวหน้าเช่น  สหรัฐอเมริกา การขึ้น ๆ ลง ๆ ของอัตราการแลกเปลี่ยน  การตกลงของราคาสินค้า  ทำให้คนใช้บัตรเครดิตมากขึ้น   ต้องยอมรับว่า อัตราการแลกเปลี่ยนยังคงต่ำอยู่และยังได้ขยายตัวไปยังประเทศรอบ ๆ ของยุโรปด้วย แต่สถานะการณ์ของกองทุน ซึ่งขยายตัวอย่างกว้างขวางและมีสภาพคล่องน้อย  ทำให้ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น

โดยรวม  ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาในปี 2015 ทำให้ปีนี้เป็นปีที่มีบทบาทสำคัญ  ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติในยุโรป  วิกฤติในตลาด  ความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของโลก  ความกังวลเกี่ยวกับการหาทางลงสำหรับประเทศจีนการกลับมาของความผันผวนโดยเฉพาะในรัสเซียและในบราซิล  การที่ราคาสินค้าตกต่ำลง  อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่คงที่และความกลัวเรื่องสงครามทางการเงิน  ปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2016  เรื่องราคาที่ตกต่ำของสินค้าและเรื่องเศรษฐกิจในประเทศจีนกลับมาเป็นปัญหาหลักต้น ๆ เราจะอธิบายว่าสถานะการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่เรามองไว้เลยในช่วง 2-3 อาทิตย์ที่ผ่าน
มา


การที่น้ำมันราคาตกลง  เป็นการบอกอะไร?

ราคาน้ำมันตกลงเกือบ 75% ตั้งแต่กลางปี 2014 เป็นเหตุการณ์ที่ช๊อคโลกมากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา  ราคาที่ตกลงมาล่าสุดจาก 50  ดอลล่าร์สหรัฐเหลือ 28 ดอลล่าร์สหรัฐเมื่อวันที่ 18 มกราคม   ทำให้อุปสงค์เกินความต้องการตลาดและเกิดภาวะเงินเฟ้อ พร้อมด้วย (1) กลวิธีใหม่ของกลุ่มโอเปค (ในต้นเดือนธันวาคม  กลุ่มประเทศโอเปคพยามทุกวิถีทางที่จะรักษามาร์เกตแชร์เอาไว้) และ (2) การกลับมาในตลาดของประเทศอิหร่าน  จากทั้ง 2 เหตุผลนี้  ผู้ส่งออกหลัก ๆ ของกลุ่มประเทศโอเปคจึงพยายามบีบบังคับผู้มาใหม่ในตลาด เช่น อเมริกาเพื่อที่จะตัดอุปทานออก  ถึงแม้ยุทธศาสตร์ทางราคาจะเกิดขึ้น และดูเหมือนจะไปได้ดี  เราก็ต้องเข้าใจว่าการที่จะทำให้น้ำมันน้อยลงในตลาดเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันอยู่  ในปี 2016 ผู้จำหน่ายน้ำมัน non –conventional  คาดหวังว่าจะลดการผลิตลง  ดังนั้น  เราคาดว่าราคาน้ำมันจะดีดตัวขึ้นและคงที่อยู่ที่เกิน 40  ดอลล่าร์สหรัฐแต่คงจะไม่ก่อนปลายปี 2016

เราไม่ได้มองว่าการที่ราคาน้ำมันตกลงเป็นการคุกคามต่อเศรษฐกิจโลก  ยิ่งไปกว่านั้น  การที่น้ำมันมีราคาต่ำลงจะทำให้เกิดการคงที่หรือถึงขั้นเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศในหมู่ผู้ส่งออกน้ำมัน   อย่างที่พูดไปแล้ว  ความกดดันของผู้ส่งออกน้ำมัน (รัฐที่มีอำนาจสูงสุด)  และบริษัทน้ำมัน (ทั่วโลก) ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างเฉียบพลัน  นอกจากนี้  การที่ดอลล่าร์สหรัฐและราคาน้ำมันไม่สัมพันธ์กัน  บริษัท EM  ที่เป็นหนี้ค่าเงินสหรัฐอย่างหนักก็จะยิ่งอ่อนแรงลงในช่วง 2  เดือนนี้ ผู้ที่อยู่ในตลาดก็จะยิ่งกังวลกับพวกที่มีความเป็นไปได้ในการสร้างเครดิต  ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะทำให้การเติบโตของตลาดโลกถอยลงได้   ในขณะที่เรารู้ว่าการผิดสัญญาของ corporate จะเพิ่มขึ้นในปีนี้ (ในส่วนของพลังงานของอเมริการวมไปถึง EM countries) เรายังคงเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการถดถอยทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น

หรือถึงแม้จะมีการถดถอยเกิดขึ้น อัตราการขยายตัวของ GDP โลกก็ยังคงอยู่ที่อัตรา 3% ตลอดปี 2015 เป็นปีที่ 4 ถึงแม้จะมีการติด ๆ ขัด ๆ ในบางภูมิภาคเช่น อเมริกา  หรือจีน  ก็จะกลับมาสู่ผิวน้ำใหม่ใน Q4  15   อัตราการขยายตัวของ GDP จะปิดลงที่ 3% ในปี 2016-2017  การเติบโตของโลกจะคาดการณ์ว่ายังคงสูงอยู่   แต่จะไม่มีการถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน  เหตุการณ์ที่เราเห็นเมื่อปีที่แล้วระหว่างเศรษฐกิจที่นำหน้าและเศรษฐกิจที่เกิดใหม่ก็จะยังคงเห็นต่อไปในปีนี้
จีนกำลังช้าลงแต่นีคือเส้นทางสู่การพัฒนา

ในประเทศจีน  การช้าลงไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มันเป็นตัวเชื่อมเบื้องต้นที่เกี่ยวกับลักษณะจำนวนประชากรของประเทศและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทางเศรษฐกิจซึ่งการบริการจะมาแทนที่อุตสาหกรรม เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงกลางของวิกฤติของการมีมากเกินไป (overcapacity) และก็จะช้าลงในปีที่กำลังจะมาถึง  จริง ๆ แล้ว การเติบโตที่ช้าลงของจีน (อายุของประชากร,  การมีอัตราการเกิดต่ำ) ซึ่งก็เหมือนกับในกลุ่มประเทศ EM   แต่ข่าวดีก็คือความสมดุลย์กำลังจะตามมา ด้วยการเปลี่ยนกิจกรรมของภาคผู้ผลิตไปยังภาคการให้บริการซึ่งก็คือการเปลี่ยนจากการลงทุนไปสู่การบริโภค  GDP จริง ๆ ในการบริการได้เพิ่มความเร็วขึ้นเมื่อปีที่แล้วจาก 7.8 yoy ใน Q4 2014 เป็น 8.3% ใน Q4 2015 ซึ่งในขณะเดียวกันภาคการผลิตได้ช้าลงอย่างรวดเร็วจาก 7.3 yoy ใน Q4 2014 เป็น 6.0% ใน Q4 2015
ต้องขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ระหว่างภาคบริการและภาคผลิต  การเติบโตของ GDP ควรจะอยู่ที่ประมาณ 6% ทั้งในปี 2016 และ 2017 เราสังเกตุว่าการบริการจะกลายเป็นตัวหลักในการจ้างงานและเราเชื่อว่าการพัฒนาของการบริการซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าได้ส่งผลอย่างมากต่อรายได้ต่อหัวในเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าแล้วเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการบริการนี้ได้ถูกประเมินต่ำเกินไปในหมู่ผู้ร่วมตลาด  จากประสบการณ์ทางเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าหลัก ๆ   เราคาดว่าการเติบโตของจีนจะเกิดขึ้นจากการบริการ  ในปี 2016  การสร้างสมดุลย์ใหม่ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างทางจะเป็นตัวกันการถอยลงของภาคการผลิต

นอกจากนี้ ในกรณีฉุกเฉิน PBoC และรัฐบาลควรจะต้องลงมือเพื่อให้เกิดความราบรื่นของวงจร จีนได้ให้ความเพียงพอในการจัดทัพ  เมื่อ QE มาถึง PBoC ก็จะเป็นผู้มาใหม่เมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารกลางแห่งหลัก ๆ อื่น ๆ และแทบจะไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ เราเชื่อว่าในสถานะการณ์ที่จะเกิดการเสี่ยงในการสร้างสมดุลย์ใหม่ของเศรษฐกิจ  จะเกิดปีงบประมาณและเงินที่แข็งแกร่ง  เราหวังว่าทั้ง  PBoC และรัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความราบรื่นในช่วงการเปลี่ยนแปลงนี้
« Last Edit: January 25, 2016, 08:11:17 AM by MSN »

MSN on January 25, 2016, 06:22:42 AM
คำถามเกี่ยวกับเงินหยวน  (ซึ่งจะรวมในสกุลเงินที่ใช้ใน IMP special Drawing Rights ตั้งแต่ตุลาคม 2016)  กลายเป็นเรื่องที่กังวลเป็นเรื่องหลักในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาและเมื่อต้นปีนี้  เงินหยวนได้เพิ่มค่าขึ้นตั้งแต่ปี 2008 ในช่วงวิกฤติทางการเงินเบื้องหลังที่เงินดอลล่าร์เพิ่มขึ้นและการลดลงของสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่กลายเป็นปัญหาสำหรับเมืองจีน  แต่เราไม่ควรคาดหวังว่าการลดค่าเงินหยวนจะเกิดขึ้นอย่างมากและรวดเร็ว  จีนต้องการส่งเสริมให้เงินหยวนเป็นสกุลเงินนานาชาติในขณะที่เศรษฐกิจยังคงขึ้นอยู่กับสกุลเงินในปี  1994  เมื่อจีนลดค่าเงินลง 1/3  ภาครัฐได้เข้ามาแทรกเมื่อไม่นานมานี้เพื่อทำให้อัตราการแลกเปลี่ยนทางการค้าคงที่มากขึ้นและก็ดูเหมือนว่าจะยังคงทำแบบนั้นต่อไป  ดูเหมือนว่ารัฐบาลต้องการทำให้เงินหยวนกลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวของภูมิภาค ตั้งแต่เกิดสงครามสกุลเงินขึ้น  ก็ยังไม่มีวัตถุประสงค์ที่แน่นอน  เราคาดว่าเงินหยวนจะลดค่าลงทีละเล็กทีละน้อยเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐในปลายปีนี้    อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนอาจะควบคุมการลงทุนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นี้

ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก  เราขอเพิ่มเติมว่า :
เมื่อเศรษฐกิจช้าลงมันมีผลกระทบต่ออเมริกาด้วย  ไม่มีการถดถอยทางเศรษฐกิจที่อยู่นอกภาคการผลิต หรือในอีกนัยหนึ่ง  การส่งออกจะขึ้นอยู่กับการเติบโตของ GDP ในปี 2016  แต่การบริการซึ่งเป็นตัวบอกเศรษฐกิจอเมริกาทั้งหมด จะต้องได้กำไรจากการบริโภคที่กลับสู่สภาพเดิมได้  หรืออาจจะพูดได้ว่าวงจรธุรกิจนำหน้ายุโรป การที่ค่าเงินดอลล่าร์แข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว  อาจจะทำให้วงจรของ corporate profit จบลง  ที่ดีที่สุดคือหลังจากความยากลำบากที่การเติบโตของ GDP ลดลงใน Q4 2015  การเจริญเติบโตควรจะค่อย ๆ มาบรรจบกันตามที่จะเป็นไปได้  ซึ่งมันได้ลดลงอย่างมากตั้งแต่วิกฤติทางการเงิน (ความเป็นไปได้ของการเติบโตคาดว่าจะต่ำว่า 2% เนื่องมาจากความอ่อนทางการผลิต)   Fed ต้องรอดูอีกครั้งหนึ่ง

เศรษฐกิจขาลงจะเกิดขึ้นในประเทศที่เกิดขึ้นใหม่  การพึ่งในโลกของการค้าและสินค้าบริโภคซึ่งราคาได้ตกลงมาเป็นเวลาหลายปี  ทำให้ไม่เพียงพอที่จะชดเชยโดยอุปสงค์ภายในประเทศ  และบางประเทศใหญ่ ๆ เช่น รัสเซียและบราซิลก็อยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง  มีเพียงประเทศที่บริโภคสินค้าเท่านั้นที่ยังคงได้เปรียบแต่ประเทศเหล่านี้ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความวุ่นวายทางการเงินที่เกิดขึ่นในประเทศเกิดใหม่ได้

กรณีของ Eurozone เป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป  หลังจากความยากลำบากเป็นเวลาหลายปี  ประเทศแถบนี้ก็ได้เปรียบในเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ (ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว) กระบวนการที่รวมการเงินเข้าด้วยกัน ระบบเศรษฐกิจที่ช่วยเหลือกัน รวมไปถึงนโยบายทางการเงินทำให้เกิดการฟื้นตัวภายในประเทศ  การเติบโตอาจจะไม่น่าตื่นเต้นแต่ก็เกินกว่าที่คาดว่าจะเป็นในปี 2016- 2017

อีกตัวอย่างหนึ่งเรื่องสถานะการณ์ทางการเงินคือความตกต่ำในตลาดการค้าโลก  ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเทศเกิดใหม่ ด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ การกระจายไปทั่วโลกก็ยากขึ้น  ซึ่งทำให้มีผลต่อการพัฒนาใหม่ ๆ  การเติบโตภายในประเทศก็เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจ   ซึ่งนั่นก็หมายความว่าประเทศนั้น ๆ จะต้องเสี่ยงกับปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ อีกด้วย
ในปี 2015 ความเสี่ยงทางด้านการเมืองก็กลายเป็นเรื่องสำคัญ  การเลือกตั้งที่เสี่ยง  เช่นในกรีซ  โปรตุเกส  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสเปน,  สถานะการณ์ทางการเมืองที่ยุ่งยากซับซ้อน เช่นในบราซิลและตุรกี  และการโจมตีของขบวนการก่อการร้ายทำให้มีผลต่อสถานะการณ์ในปัจจุบันด้วย    ซึ่งผลกระทบเหล่านี้ก็ยังไม่ได้ถูกควบคุม  ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบียได้กลับมาใหม่ในปี 2015  เรารู้กันอยู่แล้วเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมือง  ทางการฑูต  ทางศาสนาระหว่างสองประเทศนี้  แต่วิกฤติก็ยังเกิดขึ่น

นโยบายทางการเงินก็ยังคงมีการปรับเปลี่ยน  ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยต่ำ    Fed เป็นแบ้งค์กลางที่หาได้ยากในปี 2015   แบ้งค์กลางของสหรัฐอเมริกาต้องการที่จะส่งสารที่เป็นบวกเกี่ยวกับการเติบโตและการกลับมามีบทบาทอีกครั้ง  จึงถูกบังคับให้รอจนถึงเดือนธันวาคมก่อนที่จะประกาศอะไรออกมาใหม่   ในระหว่างนี้  ในส่วนของอัตราดอกเบี้ย (ทั้งทางตรงและทางอ้อม)  ECB ได้สร้างเงื่อนไข

เพื่อให้บริษัทต่าง ๆ สามารถกู้ได้   อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องของตลาดหุ้นด้วย  การซื้อทรัพย์สินก็ยังดำเนินต่อไปอย่างน้อยจนถึงเดือนมีนาคม 2517   หรือเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือแบ้งค์กลางและ ECB  ทำให้ Eurozone ค่อย ๆ พัฒนาไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก

มีกุญแจสำคัญอยู่ 5 เรื่องคือ

ตามที่ราคาน้ำมันตกลงและเงินค่าแรงที่เฟ้อในเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าหลายแห่ง   ทำให้การที่จะกลับไปยังเป้าหมายเรื่องการขยายตัวของแบ้งค์กลางในปี 2016  เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในกลุ่มเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าหลัก ๆ นโยบายทางการเงินก็ยังมีการปรับอยู่มาก  Fed จะรอดู  ECB และ BOJ จะต้องทำอะไรมากกว่านี้ในเดือนที่กำลังจะมาถึงนโยบายทางการเงินไม่สามารถจะทำได้ทุกอย่าง แต่ถ้าทุกอย่างแย่ลงนโยบายงบประมาณก็ยังคงจะไม่ขยับต่อไปในจีน สหรัฐอเมริกา  ญี่ปุ่นและบางประเทศในยุโรปกลาง

การแยกและความแตกต่างได้สร้างโอกาสในเรื่องของราคาและความน่าสนใจ  ผลของการแยกตัวออกมาคือค่าเงินดอลล่าร์สูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยก็ขยายตัวกว้างขึ้น (ทั้งระยะสั้นและระยะยาว) ระหว่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป ผลของความแตกต่างนี้ก็คือจะมีกลับไปสู่ความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงของประเทศหรือความเสี่ยงด้านอื่น (ภาคพลังงานในอเมริกาซึ่งมีผลประกอบการมาก (เปรียบเทียบกับยุโรป) จะเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปี 2015

ระยะเวลาของความเครียดนี้จะทำก่อให้เกิด การมองข้ามด้านศาสนาและชนชั้น มองข้ามหรือไม่ได้ให้คุณค่า  ทุกวันนี้เป็นยุคของประเทศเกิดใหม่และการขยายตัวของเรื่องที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน  อันแรกจะดูน่าสนใจกว่าในระยะสั้นเมื่อเทียบกับอันหลังเนื่องมาจากการไม่มีการขยายตัว

ข้อควรระวังในการครอบงำกลยุทธ์ทั้งหมด การคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตยังคงไม่จบ  และด้วยสถานะการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันจึงเป็นเรื่องบอบบางมากกว่าปีก่อน ๆ

การชะลอตัวของสภาพคล่องจากรายได้ประจำยังเป็นเรื่องที่น่ากังวล เราได้เน้นเรื่องนี้มาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว ความคล่องตัวที่ต่ำซึ่งมีสภาพที่แย่ลงเนื่องมาจากนโยบายของแบ้งค์กลาง  กฎเกณฑ์ต่าง ๆ และตำแหน่งของนักลงทุนหลัก ๆ ซึ่งมีผลต่อตลาดหุ้นซึ่งความไม่แน่นอนได้เพิ่มมากขึ้น
« Last Edit: January 25, 2016, 08:13:14 AM by MSN »