activity on January 18, 2016, 03:32:08 PM
มาสด้าโต 15% สูงสุดในตลาด ขายกว่า 4 หมื่นคัน ปีนี้เตรียมส่งอีก 7 รุ่นลุยตลาด ตั้งเป้าเพิ่มอีก 10%

ปี 2558 ทำเซอร์ไพรส์กระโดดขึ้นครองอันดับ 3 ของตลาดรถเก๋ง

ปี 2559 วางเป้าแชร์ 16% ครองตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี




          บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด เผยถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในปี 2558 ที่ผ่านมา จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆมากที่สุดถึง 5 รุ่น พร้อมกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้า ต่างยกย่องให้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟคือที่สุดของยานยนต์ในยุคนี้ ส่งผลให้ยอดขายทะลุกว่า 40,000 คัน เติบโตสูงสุดในตลาดถึง 15% ในขณะที่ปีนี้มาสด้ายังคงเดินหน้าสร้างความสำเร็จด้านยอดขาย เตรียมพร้อมการเป็นพรีเมียมแบรนด์ และถือเป็นการร่วมพัฒนายานยนต์ให้ก้าวไปอีกขั้นให้พร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ โดยเตรียมเปิดตัวเข้าสู่ตลาดมากถึง 7 รุ่น พร้อมงัดกลยุทธ์การตลาดมาใช้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งปี คาดว่าการแข่งขันของตลาดรถยนต์ในปีนี้จะดุเดือดมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของตัวเองให้เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งแคมเปญส่งเสริมการขาย ไปจนถึงการปรับราคาตามโครงสร้างภาษีใหม่ ถือเป็นบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของทุกแบรนด์อย่างแท้จริง

          นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับตลาดรถยนต์ไทยในปี 2559 นั้น ในช่วงไตรมาสแรกยังคงได้รับอิทธิพลจากภาวะเศรษฐกิจของปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่กำลังฟื้นตัว โดยจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งปีหลัง และจะเห็นแววความสดใสชัดเจนขึ้นในตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่สอง โดยจะเป็นการเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากปีที่ผ่านมาแม้ว่ากำลังซื้อจะมีน้อยก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากยอดขายของปีที่ผ่านมา มาสด้ายังสามารถเดินหน้าได้ตามแผนงานอย่างมั่นคง อย่างไรก็ตามมาสด้ายังคงเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ในปีนี้จะมียอดขายทะลุถึง 8 แสนคัน อันเนื่องมาจากกำลังซื้อยังมีอยู่อีกมาก โดยเฉพาะรถยนต์นั่งและรถอเนกประสงค์เอสยูวี ซึ่งมาสด้าได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วจากยอดการขายรถเก๋งที่สามารถก้าวขึ้นมาครองอันดับ 3 ของตลาด ในขณะที่ปีนี้มาสด้ามองว่าเซ็กเม้นของรถอเนกประสงค์เอสยูวีจะเป็นอีกรุ่นที่สอดแทรกเข้ามา โดยเฉพาะมาสด้ามั่นใจว่าจะสามารถครองก้าวขึ้นเป็นผู้นำในเซ็กเม้นต์นี้

          ตลาดรถยนต์และสภาวะเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา พบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีความต้องการรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์กับการใช้งานอย่างครบครัน มีการค้นหาเปรียบเทียบข้อมูล ไตร่ตรองมากขึ้น และไม่บริโภคสินค้าตามเทรนด์กระแสของตลาด ทำให้มาสด้าเพิ่มช่องทางการสื่อสารให้หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการสื่อสารในรูปแบบดิจิตอลที่สามารถเจาะถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายจนกลายเป็นเครื่องสำคัญ และเข้ามามีบทบาทในการสื่อสารมากขึ้น เมื่อพิจารณาจากยอดขายรวมของตลาด พบว่ารถยนต์ที่มีราคาตั้งแต่ 5 แสนบาทขึ้นไปจนถึงราคาที่สูงระดับ 1 ล้านบาท มียอดจองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันมีรถยนต์อีโคคาร์เข้ามาทำตลาดหลากหลายค่าย เสนอขายในราคาสบายกระเป๋า เพื่อรับกับสถานการณ์รัดเข็มขัด แต่กลับต้องอัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างหนักเพื่อจูงใจผู้บริโภค ทำให้เกิดภาพที่ชัดเจนว่าปัจจัยที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจซื้อไม่ใช่เพียงสินค้าราคาถูก หรือแคมเปญส่งเสริมการขายเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เกิดการซื้อขายในยุคปัจจุบัน คือ สินค้าที่สามารถตอบสนองได้ครบทุกความต้องการที่มาพร้อมกับราคาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่มาสด้าใช้ในการสร้างยอดในปี 2558 ที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย

          สำหรับปี 2558 ที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของมาสด้า จากยอดจำหน่ายรถยนต์รวมจำนวนทั้งสิ้น 797,000 คันโดยประมาณ เป็นยอดขายรถยนต์มาสด้าที่ทะลุเป้าถึง 39,471 คัน ซึ่งมาสด้าเป็นค่ายเดียวที่ยอดขายพุ่งขึ้นได้สูงสุดถึง 15% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2557 ที่ผ่านมา ที่มียอดขายอยู่ที่ 34,326 คัน และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ตามเป้าหมาย คือ 5% โดยยอดขายในแต่ละรุ่นประจำปี 2558 มีดังนี้

           All New Mazda2 จำนวน 19,091 คัน เพิ่มขึ้น 181% ส่วนแบ่งการตลาด 8.9%
           New Mazda BT-50 PRO จำนวน 8,054 คัน ลดลง 38% ส่วนแบ่งการตลาด 2.5%
           All New Mazda3 จำนวน 7,143 คัน ลดลง 20% ส่วนแบ่งการตลาด 17.3%
          All New Mazda CX-5 จำนวน 3,832 คัน ลดลง 32% ส่วนแบ่งการตลาด 3.1%
          All New Mazda CX-3 จำนวน 1,321 คัน na ส่วนแบ่งการตลาด 1.1%
          Mazda MX-5 จำนวน 28 คัน na
          Mazda CX-9 จำนวน 2 คัน na

          อีกหนึ่งที่มาของความความสำเร็จของมาสด้าในปี 2558 กับการเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดประเทศไทยมากถึง 5 รุ่น มาสด้าก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของการขับขี่ ทำให้เกิดเป็นความแปลกใหม่และแตกต่าง ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับที่ดีอย่างคาดไม่ถึง สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของรถยนต์แต่ละเซ็กเม้นต์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งรถยนต์ที่ได้เปิดตัวในปี 2558 ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วย

          1. All New Mazda2 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1500 ซีซี และสกายแอคทีฟเบนซิน 1300 ซีซี ซึ่งมีให้เลือกทั้งรุ่นแฮตช์แบค และรุ่นซีดาน และมีการเพิ่มรุ่นเข้ามาโดยการเพิ่มไฟหน้า LED และกล้องมองหลัง รวมทั้งการเพิ่ม Daytime Running Light ส่งผลให้มาสด้า2 กลายเป็นรถยนต์ที่ให้ความคุ้มค่า คุ้มราคา แถมอัตราการประหยัดน้ำมันดีที่สุดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน กลายเป็นรถยนต์นั่งสปอร์ตพรีเมียมขนาดซับคอมแพ็คหนึ่งเดียวในคลาส สร้างภาพลักษณ์ให้มีความชัดเจน พร้อมแนะนำแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของรถมาสด้า2 สกายแอคทีฟ นั่นคือ น้องนาย ณภัทร เสียงสมบุญ นายแบบ นักแสดงคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถรอบตัว
          2. New Mazda BT-50 PRO นับเป็นการปรับโฉมครั้งสำคัญที่เพิ่มความสปอร์ตให้แกร่งมากขึ้นอีกระดับภายใต้คอนเซ็ปต์ Tough as Life ที่มาพร้อมเครื่องดีเซล คอมมอนเรล อันทรงพลัง สร้างความคึกคักให้กับตลาดรถปิกอัพ และบรรลุยอดขายเฉลี่ยเดือนละประมาณ 700 คัน
          3. All New Mazda CX-3 อีกหนึ่งน้องใหม่ ฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ สร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ให้กับคนไทย เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์โดดเด่น ที่ต้องการความแปลกใหม่ จัดเต็มทั้ง โคโดะ ดีไซน์ และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ใส่ระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE มีมาให้เลือกทั้งเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 1500 ซีซี และสกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2000 ซีซี ซึ่งได้สร้างสีสันให้กับตลาดนี้เป็นอย่างมาก สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง
          4. All New Mazda MX-5 ที่เป็นรถสปอร์ตระดับไอคอนที่เอาใจผู้ที่หลงใหลความสปอร์ตของมาสด้า การกลับมาคราวนี้พร้อมรูปลักษณ์ใหม่หมดทั้งคัน หวังปลุกชีพคนรักความสปอร์ตให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง สมรรถนะขั้นเทพที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่การตอบสนองได้ทันใจ ให้ความแม่นยำในการควบคุมในแบบ จินบะ-อิตไต และเสน่ห์ของรถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่มีบทพิสูจน์จากการตอบรับของผู้ใช้ทั่วโลกกับการเป็นรถสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลกจากการบันทึกของกินเนสบุ๊คเวิร์ลออฟเรคคอร์ด
ในส่วนของสายการผลิตนั้น ในปีที่ผ่านมา มาสด้าสามารถผลิตได้ตามเป้าทั้งการขยายสายการผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งขายทั้งภายในไทยและต่างประเทศ มีการเริ่มเปิดสายการผลิตทั้งเครื่องยนต์ และเกียร์อัตโนมัติ ณ โรงงานแห่งใหม่ มาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) ได้อย่างราบรื่น ตอกย้ำความมุ่งมั่นของมาสด้าที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิต และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของมาสด้าทั่วโลก นอกเหนือจากที่เมืองฮิโรชิมา และเมืองโฮฟุ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับมีการลงทุนในประเทศจีน และเม็กซิโก เพื่อขยายธุรกิจ และตอบรับกับยอดขายที่มาสด้าที่คาดว่าจะโตขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 44,000 คัน และตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 5.5% ซึ่งจะเป็นเป้าที่สูงที่สุดที่เคยมีมา สำหรับยอดรวมของตลาดรถยนต์ของไทยในปีนี้คาดว่าจะจบที่ 800,000 คัน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

          นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งที่ทำให้มาสด้าประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่และมียอดจำหน่ายทะลุเป้าในปีที่ผ่านมานั้น เกิดจากความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์มาสด้า ซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างมุ่งมั่น และแข็งแกร่ง ประกอบกับความเป็นแบรนด์พรีเมียมที่ลูกค้าสัมผัสและรับรู้ได้ในทุกองค์ประกอบของมาสด้า ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้ในทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์สวยงามภายใต้ โคโดะ ดีไซน์ บ่งบอกถึงความมีรสนิยมของผู้ขับขี่ เครื่องยนต์พลังแรงให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ให้ความรู้สึกเร้าใจ เชื่อมต่อออนไลน์ด้วยระบบ MZD Connect ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงป้องกันการเกิดเหตุกับระบบ i-ACTIVSENE และประหยัดน้ำมันล้ำที่สุดกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ให้ได้ทั้งความแรงและสามารถประหยัดน้ำมันในรถยนต์คันเดียวกัน การนำเสนอราคาที่เหมาะสม คุ้มค่า นอกจากนี้ยังรวมถึงการยกระดับคุณภาพของโชว์รูมและศูนย์บริการ การพัฒนาศักยภาพของพนักงานในทุกๆหน่วยที่ได้มาตรฐานการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย

          อีกหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญ คือ จากนโยบายการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่เริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมาซึ่งคิดตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แทนการคิดตามความจุกระบอกสูบ ส่งผลให้ราคารถยนต์ของมาสด้าในปี 2559 มีการปรับทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง หรือบางรุ่นมาสด้ายืดอกรับภาระบางส่วนแทนลูกค้า พร้อมมอบความคุ้มค่าให้ลูกค้าเพิ่มเติมด้วยการเพิ่มอุปกรณ์เสริม โดยมีราคาของแต่ละรุ่น ดังนี้

1. All New Mazda 2 : ได้ประกาศปรับราคาใหม่ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา โดยปรับลดลง 21,000 บาท หลังจากที่รถยนต์รุ่นนี้เข้าร่วมโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลระยะที่ 2 หรือ โครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ที่มีข้อกำหนดทั้งเรื่องสมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อม และมาตรฐานด้านความปลอดภัย จากเดิมที่มีอัตราภาษีที่ 17% ลดลงเหลือ 14% เนื่องจากมีอัตราการปล่อยไอเสียต่ำกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร ส่งผลให้ราคาขายรถยนต์รุ่นนี้โดยรวมปรับลดลงทุกรุ่น
2. New Mazda BT-50 PRO : แม้ว่าอัตราภาษีใหม่ของรถปิกอัพจะมีการปรับขึ้นในบางรุ่นรูปแบบตัวถัง พร้อมกับการนำเอาเกณฑ์การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้เพื่อกำหนดอัตราภาษีใหม่ มาสด้ายังคงยืนยันที่จะจำหน่ายในราคาเดิมโดยไม่มีการปรับขึ้นหรือปรับลงแต่อย่างใดในทุกรุ่น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถปิกอัพได้ง่ายขึ้น
3. All New Mazda CX-5 : ในขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคาใหม่ โดยการประกาศราคาใหม่จะมาพร้อมกับการเปิดตัวรุ่นใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้
4. All New Mazda CX-3 : มาสด้ายืนยันจำหน่ายในราคาเดิมตั้งแต่ในช่วงการเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา พร้อมรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท E85 และผ่านเกณฑ์การปล่อยไอเสียตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ช่วยให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของรถฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์ที่โฉบเฉี่ยวในราคาที่จับต้องได้
5. All New Mazda 3 : มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยปรับเพิ่มเพียง 5,000 และ 14,000 บาท แต่ทางมาสด้าได้เพิ่มความคุ้มค่าด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ไม่เพียงสามารถช่วยเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น แต่ยังช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกเหนือไปจากการรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท E85 อีกด้วย ประกอบด้วย เพิ่มระบบประหยัดน้ำมัน i-Stop เพิ่มกล้องมองหลัง (Rear View Camera) ระบบกุญแจอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) ตั้งแต่ในรุ่น 2.0C เป็นต้นไป และเปลี่ยนสีเบาะนั่งและแผงประตูในรุ่น 2.0SP จากสีครีม-ดำ เป็นสีดำ เพิ่มอารมณ์สปอร์ต

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า สำหรับในปีนี้ มาสด้าเตรียมเปิดตัวและเผยโฉมใหม่มากถึง 7 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการให้มากยิ่งขึ้น หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการเจาะกลุ่มลูกค้าสำหรับรถยนต์นั่งในทุกรุ่นในปีที่ผ่านมา ในปีนี้มาสด้าได้วางแผนกลยุทธ์ในการเพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยจะพุ่งเป้าไปที่ลูกค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่น มีประสบการณ์ที่ดี มุ่งเน้นการเอาใจใส่ดูแล สร้างความพึงพอใจ เพื่อให้เกิดความจงรักภักดี และก่อให้เกิดเป็นภาวะลูกค้าเก่าเป็นผู้สร้างลูกค้าใหม่ในที่สุด ซึ่งสามารถถ่ายทอดจากความประทับใจที่เกิดขึ้นจริง นอกเหนือจากนี้ การสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความโดดเด่น แตกต่าง สร้างจุดแข็งให้กับสินค้าทุกรุ่นให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้รถก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยมุ่งสื่อสาร 4 Key Pillars อันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า ประกอบไปด้วย เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ, โคโดะ ดีไซน์, MZD Connect และ i-ACTIVSENSE และการสร้าง Brand Loyalty ด้วยการนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ

          ในส่วนของงานบริการหลังการขายนั้น มาสด้าได้เปิดโครงการศูนย์กลางอะไหล่ที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน พร้อมพัฒนาบริการหลังการขายที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศ มีมาตรฐานที่ดี สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเรา มาสด้าจะไม่ใช่เพียงแค่แบรนด์ที่ลูกค้าเลือก แต่จะแบรนด์ที่ลูกค้ารัก และแนะนำให้กับคนที่ลูกค้ารักต่อไปอีกด้วย และจะขยายใหญ่จนกลายเป็น "สังคมคนรักมาสด้า" ขนาดใหญ่

          สำหรับแผนเพิ่มยอดขายในปีนี้นั้น จากการสังเกตในปีที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพฯ จึงมีการปรับกลยุทธ์ให้มีความชัดเจน และเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของแต่ละพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวของกระบวนการทำงาน ในด้านของผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้าซึ่งเป็นเสมือนประตูใหญ่ของแบรนด์ทั่วประเทศ มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการอย่างเต็มรูปแบบ ให้สามารถเดินหน้าธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างยอดขาย และให้ทุกโชว์รูมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์มาสด้าให้แข็งแกร่ง ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมสมบูรณ์แบบ และเติบโตไปด้วยกันในอนาคต และเตรียมวางนโยบายการการบริหารของผู้จำหน่าย เพื่อสร้างมาตรฐานและควบคุมคุณภาพให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากลทั่วประเทศ เตรียมพบกับรูปแบบภาพลักษณ์โชว์รูมใหม่ ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความทันสมัย และการเป็นพรีเมียมแบรนด์ ตอบรับกับการที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มตัว

          ความสำเร็จที่กล่าวมาข้างต้น มาสด้าจะไม่ลืมที่จะตอบแทนสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม โดยจะเน้นการทำกิจกรรมเพื่อสังคมให้มากยิ่งขึ้นโดยจะมุ่งเน้นให้ให้ความรู้ ถ่ายทอดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในด้านการใช้รถยนต์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมการจราจรของประเทศไทย

          ทั้งหมดที่ผู้บริหารมาสด้าได้กล่าวมาในวันนี้ คือ ยุทธศาสตร์เพื่อการขับเคลื่อนครั้งสำคัญของมาสด้าที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป เพื่อต่อยอดความสำเร็จ และมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจตลอดไป
« Last Edit: January 21, 2016, 10:52:59 AM by activity »

activity on January 21, 2016, 12:47:48 PM
Mazda achieves highest growth in Thai auto market with 15% sales increase in 2015 seven new models to be introduced this year with 10% sales growth target

          Mazda is number 3 passenger car brand in 2015
          Eyeing SUV market leadership with 16-per cent share




          Mazda Sales (Thailand) Co. Ltd. has announced significant business success in 2015, with a record of 5 new models launched into the market and customers praising the SKYACTIV technology. Mazda sales in 2015 were close to the 40,000-unit mark, reflecting a 15% growth that is the highest in the market, and this year the company is maintaining the sales momentum in order to become a truly premium brand.
          A total of 7 new models will be launched in Thailand this year, complemented by full marketing strategies throughout the year.
 
         Competition within the Thai automobile market is expected to grow more intense than ever in 2016. Mazda will be launching sales campaigns as well as introducing new retail pricing due to the new excise tax structure, in order to stimulate sales as well as achieve its sales targets.

          Mr. Hidesuke Takesue, President of Mazda Sales (Thailand) Co. Ltd., said the automobile market during the first quarter of this year is still affected by last year's economic crunch, and is in a state of recovery before returning to normal situation during the second half of this year.

          "Recovery will take place slowly starting from the second quarter and even though purchasing power is still low in general, Mazda is still able to follow its business plans effectively. Mazda believes that the total market will be higher than 800,000 units this year thanks to strong demand in the passenger car and SUV markets. Mazda has proven our capability last year by becoming the third best-selling brand in the passenger car market, and this year the SUV segment will be another important market. Mazda is confident that we will become one of the top brands in this market this year."

          Last year's automobile market and economic situation has resulted in changing consumer behavior, with people looking for vehicles that answer to all their requirements, Mr. Takesue said. Consumers are comparing information and making decisions more by themselves, rather than following the market trend. This allows Mazda to increase our communications channels with customers.

          "If we look more closely into the market, vehicles priced from Bt500,000 to Bt1 million enjoyed continuous sales growth last year. At the same time, eco cars have been launched by many manufacturers and they have very affordable prices. However, heavy promotions were needed to convince customers to purchase them, and this shows us that it's not only the retail pricing that consumers consider before making placing an order. What actually drive sales in the present day are products that respond to every requirement of the customer, and coming with suitable pricing. This is one of the marketing strategies that Mazda has been using to generate sales in 2015, and the result is thundering success for our brand," he added.

          Mr. Takesue said 2015 was a huge success for Mazda, and as the total market finished at 797,000 units approximately (Mazda internal projection), Mazda was able to achieve sales of 39,471 units. Mazda was the only brand in the market with exceptionally high growth of 15 per cent compared to 2014, where Mazda sold 34,326 vehicles for a 5-per cent market share. Sales of each model are as follows.

          All-New Mazda2 19,091 units up 181% 8.9% market share
          New Mazda BT-50 PRO 8,054 units down 38% 2.5% market share
          All-New Mazda3 7,143 units down 20% 17.3% market share
          All-New Mazda CX-5 3,832 units down 32% 3.1% market share
          All-New Mazda CX-3 1,321 units NA 1.1% market share
          Mazda MX-5 28 units NA
          Mazda CX-9 2 units NA

          Success in 2014 is also attributed to the introduction of 5 new Mazda models in the Thai market, allowing the brand to cross all boundaries and create a bigger difference. These new models received tremendous customer response and were able to answer to all requirements in each segment.

          New Mazda models launched in 2015 include:
          1. All-New Mazda2 coming with 1,500cc SKYACTIV Clean Diesel and 1,300cc SKYACTIV Gasoline engines as well as hatchback and sedan body styles. Additional models also came with LED headlights, Daytime Running Lights and rearview camera, giving the Mazda2 great value-for-money. The Mazda2 also boasts a segment-best fuel economy of 26.3km/liter (diesel version) and features safety technology all-round, becoming the only sport premium subcompact in the market. Image is enhanced by the Mazda2 brand ambassador Napat Siangsomboon, a highly-talented model and actor.
          2. New Mazda BT-50 PRO gets a sportier evolution with the "Tough as Life" concept. It comes with a powerful commonrail diesel engine and was able to create much fanfare in the pickup market with average sales of approximately 700 units per month.
          3. All-New Mazda CX-3 is the freestyle crossover that gives a new experience to Thai customers, targeting those with outstanding lifestyles. Attractive KODO design and SKYACTIV technology, plus i-Activesense safety features are joined by a choice of 1,500c SKYACTIV Clean Diesel and 2,000cc SKYACTIV Gasoline. The CX-3 has been creating much hype to the market and is able to generate continuous strong sales.
          4. All-New Mazda MX-5 is the iconic sports car which returns with new design that wakes up the sportiness in you. Its exceptional performance provides drivers with fun-to-drive character, with swift response and precise control the "Jinba-Ittai" way. The MX-5 is the world's most popular roadster that makes it into the Guinness Book of World Records.

In terms of vehicle assembly, last year Mazda was able to achieve all targets, substantially with production increase for both the domestic and export markets. Engine and transmission plants were also built in Thailand and started operations last year. Mazda Powertrain Manufacturing (Thailand) Co. Ltd. was opened in late 2015, further proving Thailand's importance as a production and export hub for Mazda, apart from facilities in Hiroshima and Hofu in Japan, as well as in China and Mexico. The new production facilities in Thailand will enable Mazda to supply enough vehicles for its 44,000-units sales projection in this market in 2016, reflecting a 10% increase from last year. Mazda is also hoping to achieve a 5.5% market share this year, its highest ever in the Thai market.

          Mr. Takesue added: "Factors that enabled Mazda to achieve tremendous success and over-the-top sales performance last year were the confidence of customers towards the Mazda brand, which has been strengthened significantly. The Mazda brand is a premium brand that customers can easily experience in every dimension, whether it is the beautiful KODO design that reflects the driver's taste, or the powerful engine and excellent driving dynamics. Among the innovations offered are the MZD Connect online system, i-Activesense safety system plus fuel-efficient and eco-friendly SKYACTIV technology. Suitable pricing and great value are also contributing factors, along with showrooms and service centers offering excellent service to customers both before and after sales."

          Due to the new carbon dioxide-based excise tax structure which took effect since January 1 this year, retail pricing of Mazda models in 2016 has been increased as well as lowered according to the model, with Mazda absorbing part of the burden and offering increased equipment level for customers as follows:
          1. All-New Mazda2: New pricing has been announced since December 2015, with price dropping by Bt21,000 after entering the Eco Car Phase 2 program that carries stringent environment and safety standards. From the previous 17-per cent excise duty, the Mazda2 now enjoys 14-per cent duty thanks to its exceptionally low CO2 emission of under 100g/km, resulting in the lower retail pricing.
          2. New Mazda BT-50 PRO: Although the excise duty for pickup trucks is raised for certain models and body styles due to CO2 requirements, Mazda confirms old pricing for the BT-50 PRO, making it easier for customers to own a Mazda pickup.
          3. All-New Mazda CX-5: Presently there is no price change as the new pricing will be announced for the new model to be introduced in the near future.
          4. All-New Mazda CX-3: No change in pricing that was first announced in November 2015, with E85 gasohol compatibility and passing the emission levels required by the new excise tax, allowing customers to enjoy this freestyle crossover at reachable prices.
          5. New Mazda3: Price increase from Bt5,000 and Bt14,000, with increased value from additional equipment that not only helps lower fuel consumption but also CO2 emissions effectively. Apart from E85 compatibility, the Mazda3 comes with i-Stop, rearview camera, and Smart Keyless System for the 2.0C model upwards, while the 2.0SP also gets beige/black seat and door panel upholstery for a sportier appeal.

          Thee Permpongpanth, Marketing Director, added: "This year Mazda is preparing to launch as many as 7 new models to expand our product lineup and reach more customers. "After being successful with penetrating the various customer groups in the passenger car range last year, this year Mazda will work on a new group of customers, targeting those with unique and outstanding characters. We will also concentrate on looking after the customer and providing the highest satisfaction in order to create brand loyalty, leading to old customers helping us find new customers by sharing their positive experience with the brand. In addition, building the brand image to become outstanding and building up product strength in every segment is also important. We will concentrate on four key pillars that are Mazda's trademark which are SKYACTIV technology, KODO design, MZD Connect and i-ACTIVSENSE. Brand loyalty will be achieved by offering high-quality products.

          In terms of after sales service, last year Mazda opened a new parts distribution center in Thailand which is also its largest in the Asean region, and carried out crucial developments aimed towards excellence and superior standards, giving confidence to customers that they will receive the best products and services from us. Mazda will not be just a brand that customers choose, but will be a brand that is loved by the customers who will recommend Mazda to their loved ones as well. This will also lead to the growth of the Mazda community in Thailand.

          "As for our sales growth this year, we need to look back at what happened last year – we found that most of the customers with high purchasing power are based in Bangkok. We have adjusted our strategy to suit customers in Bangkok and upcountry, in order to create fluency in the work process. As for Mazda dealers who are the brand representatives all over the country, much work has been done in maximizing their potential so that they can move ahead effectively and generate sales. Every showroom plays a part in strengthening the Mazda brand and helping Mazda to achieve premium brand status, with future growth ahead. We are planning to introduce dealer management policies to achieve high standards that we will maintain countrywide. You can expect to see a new Mazda showroom concept which is more contemporary and reflects Mazda's premium brand status," he said.

          "With the great success that Mazda achieved, the company is also determined to give back to Thai society with even more CSR activities. We will concentrate on education and transferring knowledge that is beneficial for motorists in Thailand," he added.

          "These are the driving forces that will take place and continue our success story, making Mazda a brand that customers cherish and trust," Thee concluded.