FB on January 08, 2016, 08:26:07 AM
ตะลุยกองถ่าย “ทองดีฟันขาว” เปิดฉากแอ็คชั่นใหญ่ครั้งแรก “บัวขาว” สู้ยิบตากลางแดดร้อนระอุ









          ได้ฤกษ์ดีให้สื่อมวลชนยกทัพไปเก็บภาพข่าวตะลุยกองถ่าย "ทองดีฟันขาว" ภาพยนตร์แอ็คชั่นพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดของค่าย "สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล" ร่วมกับ "บิณฑ์ บูม บิสซิเนส" ซึ่งกำกับโดยผู้กำกับมากความสามารถ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ณ แก่งเสี้ยน จ.กาญจนบุรี

          แม้อากาศจะร้อนระอุและมีฝุ่นดินแดงกระจายทั่วโลเกชั่นมากแค่ไหน แต่ทีมงานก็ไม่หวั่นต่อการถ่ายทำแข่งกับเวลาอย่างขะมักเขม้น โดยฉากนี้เป็นฉากการต่อสู้เปรียบมวยครั้งใหญ่ระหว่าง "ทองดี" (บัวขาว บัญชาเมฆ) และ "ครูห้าว" (จรัญ งามดี) ครูมวยคนสำคัญของพระยาตาก เพื่อฉลองแด่พระยาตากคนใหม่ โดยมี "รำยง" (มะนาว ศรศิลป์) สาวที่ทองดีหลงรัก, "เรือง" (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) สหายรุ่นพี่ผู้มีพระคุณ และ "บุญเกิด" (วรรณภูมิ ทรงสุภาพ) กับ "หมวยเล็ก" (ชุติรดา จันทิตย์) สองเพื่อนรักคอยลุ้นและเชียร์อยู่ไม่ห่าง ท่ามกลางนักแสดงประกอบกว่า 400 ชีวิตเต็มรอบลานมวยหน้าที่นั่งของพระยาตาก ซึ่งผู้กำกับได้ทุ่มทุนสร้างฉากนี้อย่างสุดอลังการ เพื่อให้การถ่ายทำอีกหนึ่งฉากแอ็คชั่นของเรื่องนี้ยิ่งใหญ่สมจริงถึงอารมณ์ทุกประการ

          และพระเอกของเรื่องอย่างบัวขาวที่ได้มารับบทนำเต็มตัวเรื่องแรกนี้ก็ทุ่มเทพลังแสดงฉากแอ็คชั่นนี้กลางแดดแรงจ้าโดยไม่มีบ่นอิดออด ด้วยการออกลีลาและเชิงมวยอย่างเต็มที่แบบไม่ให้เสียชื่อสุดยอดนักมวยไทยชื่อก้องโลกคนนี้แน่นอน

          ผู้กำกับบิณฑ์เปิดเผยถึงการถ่ายทำฉากนี้ว่า

          "เราถ่ายฉากใหญ่ไปหลายฉากแล้วครับ ฉากนี้ก็เป็นอีกหนึ่งฉากใหญ่ของเรื่องที่ใช้เวลาถ่ายทั้งวันเช้ายันเย็นเลยครับ เป็นฉากแอ็คชั่นเปรียบมวยหรือชกมวยครั้งสำคัญของทองดีที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เขาได้กลายเป็นทหารคู่ใจของพระเจ้าตากสินครับ ฉากนี้เราก็สร้างฉากลานชกมวยขึ้นใหม่เลย มีเซ็ตที่ประทับของพระยาตากที่มาชมการเปรียบมวยด้วย เป็นฉากใหญ่มากทั้งนักแสดงหลักและรับเชิญ รวมถึงตัวประกอบเอ็กซ์ตร้าที่มาเล่นเป็นทหารและชาวบ้านต่างๆ รวมแล้วก็กว่า 400 คนได้

          ผมอยากให้เห็นความยิ่งใหญ่ของฉากแอ็คชั่นต่อสู้ฉากนี้ก็จะใช้ทั้งเครนและสเตดิแคมในการถ่ายทำให้เห็นทั่วบริเวณรอบลานชกกว้างใหญ่ไพศาลเลย รวมถึงลีลาการชกแบบหนักแน่นสมจริงของบัวขาวในฉากนี้ รับรองว่าผู้ชมจะสนุกและลุ้นตามไปอย่างแน่นอนครับ

          หลายปีที่ผ่านมา ยังไม่มีใครทำประวัติ 'นายทองดีฟันขาว' หรือ 'พระยาพิชัยดาบหัก' อย่างจริงจังเลย แต่จริงๆ แล้วท่านเป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่สามารถกอบกู้อิสรภาพของไทยโดยการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพระเจ้าตากสิน เพราะฉะนั้นผมจึงอยากจะสร้างหนังให้รู้ว่า เราสมควรที่จะยกย่องและเทิดทูนท่านว่าเป็นวีรบุรุษของประเทศชาติอย่างมากอีกท่านหนึ่ง เรื่องนี้ก็ได้ 'บัวขาว บัญชาเมฆ' มาถ่ายทอดการแสดง ซึ่งตำนานที่เล่าขานกันมาคือ พระยาพิชัยดาบหักหรือนายทองดีเนี่ยเป็นนักมวย ชอบต่อยมวย และเป็นมวยที่สวยงาม เพราะฉะนั้นไม่มีใครแล้วที่จะเหมาะสมและมาสู้บัวขาวได้ในตอนนี้ซึ่งลงตัวอย่างมากทั้งหน้าตา, คาแรคเตอร์ และเชิงมวยของบัวขาว และเขาก็เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก นี่คือสิ่งที่ผมปรารถนาให้ทุกคนรู้จักกับประวัติและวีรกรรมของวีรบุรุษไทยที่ชื่อทองดีฟันขาว และต่อมาทำไมถึงได้ชื่อว่าพระยาพิชัยดาบหัก..."

          ภาพยนตร์แอ็คชั่นพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ "ทองดีฟันขาว" จะเล่าเรื่องราวความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ, ความกล้าหาญจงรักภักดีในช่วงชีวิตสำคัญของ "นายทองดีฟันขาว" นักสู้หัวใจแกร่งที่ความสามารถ, ฝีไม้ลายมวย และโชคชะตานำพาให้เขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่งพระเจ้าตากสินมหาราช และพลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทยที่รู้จักกันในนาม "พระยาพิชัยดาบหัก"

          พร้อมฉายให้ชมภายในปี 60 นี้แน่นอน...อีกไม่นานเกินรอ
« Last Edit: December 14, 2016, 08:45:54 AM by FB »

FB on August 30, 2016, 02:43:28 PM
“ทองดีฟันขาว” ภาพยนตร์ไทยแอคชั่นฟอร์มยักษ์ปี 60 พร้อมประกาศศักดาทั่วประเทศ



          "สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล" และ "บิณฑ์ บูม บิสซิเนส" พร้อมประกาศความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ไทยแอคชั่นฟอร์มยักษ์ปี 60 เรื่อง "ทองดีฟันขาว" ของผู้กำกับมากความสามารถ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" โดยวางโปรแกรมเข้าฉาย20 ตุลาคมนี้ทั่วประเทศ

          ทุก "ความยิ่งใหญ่" ต้องมี "การฝึกฝน" ทุก "วีรบุรุษ" ย่อมมี "ทหารเอก" อยู่เคียงข้าง และนี่คือเรื่องราวก่อนที่ชายเลือดนักสู้จะได้เป็น "พระยาพิชัยดาบหัก"

          "ทองดีฟันขาว" จะเล่าเรื่องราวการเดินทางเพื่อเรียนรู้ชีวิตของ "จ้อย" หรือ "ทองดี" (รับบทโดย "บัวขาว บัญชาเมฆ" ซูเปอร์สตาร์นักมวยไทยชื่อก้องโลกกับการแสดงในบทนำเต็มตัวเรื่องแรก) นักสู้หัวใจแกร่งผู้มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อและมีฝีไม้ลายมือทางหมัดมวยและดาบอย่างหาตัวจับยาก จนนำพาให้เขาได้พบเจอทั้งมิตรแท้, ศัตรูคู่อาฆาต และสาวคนรัก

          สุดท้ายแล้วโชคชะตาและวีรกรรมอันเลื่องชื่อของเขาก็ทำให้ได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่งพระเจ้าตากสินมหาราช และพลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทยที่รู้จักกันดีในนาม "พระยาพิชัยดาบหัก"
« Last Edit: November 28, 2016, 11:18:08 PM by FB »

FB on November 30, 2016, 03:39:42 PM
Movie: ทองดีฟันขาว









กำหนดฉาย 26 มกราคม 2560
แนวภาพยนตร์ แอคชั่นอิงประวัติศาสตร์
บริษัทผู้สร้าง สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และ บิณฑ์ บูม บิสซิเนส
บริษัทจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ, บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์
ควบคุมการสร้าง ธนิตย์ จิตนุกูล
กำกับภาพยนตร์ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์
ทีมนักแสดง บัวขาว บัญชาเมฆ, ศรศิลป์ มณีวรรณ์, นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์, ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล,
กชกร นิมากรณ์, รพีภัทร เอกพันธ์กุล, จรัญ งามดี, นิรุติ สาวสุดชาติ, วรรณภูมิ ทรงสุภาพ,
ชุติรดา จันทิตย์, แผงฤทธิ์ แสงชา, มานพ อัศวเทพ, นัยนา ชีวานันท์, ธนา สินประสาธน์,
สหัสชัย ชุมรุม, ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง, คำรณ ลาภาวิวัตร์, ครรชิต ขวัญประชา

          ทุก "ความยิ่งใหญ่" ต้องมี "การฝึกฝน"
          ทุก "วีรบุรุษ" ย่อมมี "ทหารเอก" อยู่เคียงข้าง
          และนี่คือเรื่องราวที่โลกต้องจดจำ
          ก่อนที่ชายเลือดนักสู้จะได้เป็น "พระยาพิชัยดาบหัก"

          "ทองดีฟันขาว" ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดในแนวแอคชันอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีของผู้กำกับมากฝีมือ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" จะเล่าเรื่องราวการเดินทางผจญชีวิตครั้งสำคัญของ "จ้อย" หรือ "ทองดี" (รับบทโดย "บัวขาว บัญชาเมฆ" ซูเปอร์สตาร์นักมวยไทยชื่อก้องโลกกับการแสดงในบทนำเต็มตัวเรื่องแรก) นักสู้หัวใจแกร่งผู้มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ, รักษาคำมั่นสัญญา, กล้าหาญจงรักภักดี, มีความสามารถและฝีไม้ลายมือทางหมัดมวยและดาบอย่างหาตัวจับยาก เขาไม่ชอบกินหมาก จึงเป็นที่มาของฉายา "ทองดีฟันขาว"
          ชีวิตของเขาต้องระหกระเหินจากครอบครัวตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย และต้องออกเดินทางหาเงินเลี้ยงตัวจากการชกมวยและร่ำเรียนวิชามวยเพิ่มเติมจากบรรดาครูมวยตามเมืองต่างๆ นั่นทำให้เขาจำเป็นต้องต่อสู้จนสร้างความเจ็บแค้นให้แก่ศัตรูคู่อาหลานอย่าง "พันฤทธิ์" และ "ไอ้เชิด" แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้พบพานกับมิตรแท้อย่าง "บุญเกิด", "หมวยเล็ก" และ "ถึก" รวมถึงสาวคนรักอย่าง "รำยง" ด้วย
          สุดท้ายแล้วโชคชะตาและวีรกรรมอันเลื่องชื่อของเขาก็นำพาให้เขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่งพระเจ้าตากสินมหาราช และพลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทยที่รู้จักกันในนาม "พระยาพิชัยดาบหัก"

          บันทึกผู้กำกับ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์"
          หลายปีที่ผ่านมา ยังไม่มีใครทำประวัติ "นายทองดีฟันขาว" หรือ "พระยาพิชัยดาบหัก" อย่างจริงจังเลย แต่จริงๆ แล้วท่านเป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่สามารถกอบกู้อิสรภาพของไทยโดยการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพระเจ้าตากสิน และท่านเองก็มีความเสียสละแม้แต่ครอบครัวเพื่อที่จะมาปกป้องประเทศ เพราะฉะนั้นผมจึงอยากจะสร้างหนังให้รู้ว่า เราสมควรที่จะยกย่องและเทิดทูนท่านว่าเป็นวีรบุรุษของประเทศชาติอย่างมากอีกท่านหนึ่ง
          เรื่องนี้ก็ได้ "บัวขาว บัญชาเมฆ" มาถ่ายทอดการแสดง ซึ่งตำนานที่เล่าขานกันมาคือ พระยาพิชัยดาบหักหรือนายทองดีเนี่ยเป็นนักมวย ชอบต่อยมวย และเป็นมวยที่สวยงาม เพราะฉะนั้นไม่มีใครแล้วที่จะเหมาะสมและมาสู้บัวขาวได้ในตอนนี้ซึ่งลงตัวอย่างมากทั้งหน้าตา, คาแรคเตอร์ และเชิงมวยของบัวขาว และเขาก็เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก นี่คือสิ่งที่ผมปรารถนาให้ทุกคนรู้จักกับประวัติและวีรกรรมของวีรบุรุษไทยที่ชื่อ "ทองดีฟันขาว" และต่อมาทำไมถึงได้ชื่อว่า "พระยาพิชัยดาบหัก"

          บทบาท-คาแรคเตอร์
          ทองดี (แสดงโดย บัวขาว บัญชาเมฆ) - เป็นคนมีความมุ่งมั่น รักษาคำมั่นสัญญาเสมอ ความคิดไม่ค่อยเหมือนคนอื่น ไม่ชอบกินหมาก จึงเป็นที่มาของฉายา "ทองดีฟันขาว" เขาเป็นคนพูดน้อยต่อยหนักแต่ก็มีอารมณ์ขัน ชื่นชอบการต่อยมวยเป็นชีวิตจิตใจ ไม่หาเรื่องใครก่อนแต่ถ้ามีคนมาหาเรื่องก็ไม่ยอมเช่นกัน มีความเก่งกาจเรื่องมวยและดาบ ความสามารถและโชคชะตาทำให้เขาได้มาเป็นทหารเอกของพระเจ้าตากสินและสู้รบปกป้องบ้านเมืองเคียงข้างกันมา จนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทยที่รู้จักกันในนาม "พระยาพิชัยดาบหัก"
          รำยง (แสดงโดย ศรศิลป์ มณีวรรณ์) - สาวสวยและแข็งแกร่ง เป็นนางกำนัล-หัวหน้าคนคุ้มกัน "แม่สอน" ภรรยาของพระยาตาก เก่งกาจทั้งดาบและมวย เพราะมีน้าเป็นครูมวยคนสำคัญของพระยาตาก รำยงเป็นคนตรงไปตรงมา กล้าตัดสินใจ ไม่ค่อยกลัวใคร เรื่องความรักก็กล้าที่จะแสดงออกว่าสนใจก่อน มีความมั่นใจในตัวเองซึ่งต่างจากสาวๆ ในยุคนั้น
          เชิด (แสดงโดย นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์) – ลูกชายเจ้าเมืองพิชัย เป็นคนโอ้อวด ทำอะไรตามใจตัวเอง มักจะใช้อิทธิพลของพ่อข่มขู่ทุกคน เป็นคู่อริของทองดีตั้งแต่เล็กจนโต เพราะทองดีไม่ยอมอ่อนข้อให้จึงตามราวีไม่เลิก โดยมี "พันฤทธิ์" อาของเขาคอยช่วยเหลือและเสี้ยมสอนไปในทางที่ผิด
          บุญเกิด (แสดงโดย วรรณภูมิ ทรงสุภาพ) - เด็กหนุ่มกำพร้าที่ถูกชะตากับทองดี จึงอยากจะเดินทางติดตามไปไหนมาไหนด้วย เป็นเด็กที่ค่อนข้างจะพูดมากจนบางครั้งก็ทำให้ทองดีรำคาญ แต่ก็จริงใจกับเพื่อนมากเช่นกัน ทำให้ทองดีเห็นความจริงใจนั้นของเขาจนยอมรับเป็นศิษย์ในที่สุด
          หมวยเล็ก (แสดงโดย ชุติรดา จันทิตย์) - อาหมวยลูกสาวเจ้าของโรงงิ้ว แต่ไม่ค่อยชอบงิ้ว ทำให้เธอตัดสินใจออกเดินทางใช้ชีวิตไปกับทองดีและบุญเกิด เก่งเรื่องมวยจีนพอตัว และเป็นคู่กัดของบุญเกิด ทั้งคู่จะมีเรื่องให้หยอกล้อและทะเลาะกันเกือบตลอดเวลา
          เรือง (แสดงโดย ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) - รูปร่างสูงใหญ่ ใจกล้า มีน้ำใจเอื้ออารีย์ ท่าทางอาจหาญ เป็นคนมีฐานะ และดูมีอิทธิพลในเมืองตาก เป็นผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยชีวิตทองดีในช่วงเวลาสำคัญ จึงทำให้ทองดีรู้สึกติดหนี้บุญคุณอย่างมาก แต่แล้วเหตุการณ์ก็พลิกผันทำให้ทั้งคู่ต้องมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ทำให้ทองดีต้องตัดสินใจเลือกบางอย่าง
          ครูห้าว (แสดงโดย จรัญ งามดี) - เป็นครูมวยคู่ใจของพระยาตาก เป็นคนห้าวสมชื่อ ชกมวยเก่ง เป็นน้าของรำยง เป็นนักมวยนิรนามที่เคยล้มทองดีได้ จนทำให้ทองดีมุ่งมั่นดิ้นรนที่จะมีครู เพื่อเรียนรู้มวยและดาบเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ทองดีต้องเปรียบมวยประชันฝีมือกับครูห้าวก็มาถึงอีกครั้ง

          เกร็ดภาพยนตร์ "ทองดีฟันขาว"
          ภาพยนตร์แอคชั่นฟอร์มยักษ์ "ทองดีฟันขาว" เป็นผลงานกำกับเรื่องที่ 10 ของ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ผู้กำกับมากความสามารถที่กำกับภาพยนตร์มาแล้วหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น กระสือครึ่งคน (2559), กรรไกร ไข่ ผ้าไหม (2557), ปัญญาเรณู 3 ตอน รูปูรูปี (2556), ปัญญาเรณู 2 (2555), ปัญญาเรณู (2554), เดอะโกร๋น ก๊วนกวนผี (2547), ช้างเพื่อนแก้ว (2546), ตำนานกระสือ (2545), มนต์รักเพลงลูกทุ่ง (2538)
          ในวาระปีที่ 21 ของการนั่งแท่นผู้กำกับ บิณฑ์จึงตั้งใจผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ออกมายิ่งใหญ่สมการรอคอย และถือเป็นการเทิดเกียรติและวีรกรรมความหาญกล้า ไม่ย่อท้อ และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวีรบุรุษของชาติไทยที่ควรได้รับการยกย่องและเอาเยี่ยงอย่าง โดยงานนี้ได้ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์มากฝีมืออย่าง "ปื๊ด-ธนิตย์ จิตนุกูล" ก้าวเข้ามาช่วยดูแลงานเบื้องหลังและควบคุมงานสร้างให้สมคุณภาพหนังฟอร์มยักษ์แห่งปี
          ทุ่มเทพลังกายและใจในการแสดงภาพยนตร์ที่ได้รับบทนำเต็มตัวเรื่องแรกนี้อย่างเต็มที่ "บัวขาว บัญชาเมฆ" จึงเทคิวถ่ายทำและฝึกซ้อมบทบาทการแสดงอย่างเต็มความสามารถ พร้อมออกแอคชั่นโชว์ลีลาและชั้นเชิงมวยไทยให้สมชื่อซูเปอร์สตาร์นักมวยไทยชื่อก้องโลก และสมกับที่ผู้กำกับออกปากว่า "เรื่องต้องบัวขาวเล่นเท่านั้น" เพราะทั้งบัวขาวและทองดีมีช่วงชีวิตพื้นฐานที่คล้ายกันมาก เช่น ถูกห้ามชกมวยในวัยเด็กก่อนมุ่งมั่นฝึกฝนเรื่องหมัดมวยจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาติได้ในที่สุด

          ผู้ชมจะได้เต็มอิ่มกับไฮไลต์ฉากแอคชั่นสุดมันตระการตาตลอดทั้งเรื่อง อาทิ
          ฉากค่ายมวยที่นอกจากจะสร้างฉากใหญ่ขึ้นใหม่ทั้งหมดแล้วยังลงทุนเผาจริงด้วย ส่วนบัวขาวก็เล่นจริงคลุกดินทรายจริง โดยถูกจับมัดมือโดนม้าลากในระยะทางยาวหลายร้อยเมตร
          ฉากเปรียบมวยครั้งใหญ่ฉลองแด่พระยาตากคนใหม่ ที่ต้องเซ็ตฉากลานประลองฝีมืออันมหึมาขึ้นที่แก่งเสี้ยน จ.กาญจนบุรี ถ่ายทำกันแบบเช้ายันเย็นท่ามกลางพื้นทราย โดยมีตัวประกอบเข้าร่วมฉากกว่า 400-500 ชีวิตเลยทีเดียว
          ฉากขี่ม้าลุยน้ำที่ยากต่อการทรงตัวแล้ว บัวขาวยังต้องแอคชั่นต่อสู้กับคู่อริบนหลังม้า ซึ่งแน่นอนว่าความยากย่อมเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
          ฉากประลองฝีมือชกมวยตามสถานที่ต่างๆ เช่น ในคอกหมู, กลางสายฝน, ริมแม่น้ำ, ลานประลองข้างวัด ซึ่งจะเน้นลีลาที่หนักแน่นและสวยงามตามแบบฉบับมวยไทย
          ระดมทีมนักแสดงมากความสามารถทั้งรุ่นใหม่อย่าง "มะนาว-ศรศิลป์ มณีวรรณ์ (นางเอกฝีมือดีช่อง 7), นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์ (แอคชั่นสตาร์ดาวรุ่งของไทย), วรรณภูมิ ทรงสุภาพ, ชุติรดา จันทิตย์" และรุ่นเก๋าอย่าง "ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล, จรัญ งามดี, กชกร นิมากรณ์, รพีภัทร เอกพันธ์กุล, มานพ อัศวเทพ, ธนา สินประสาธน์, สหัสชัย ชุมรุม" และอีกมากมายมาประชันบทบาทกันอย่างเข้มข้นล้นจอ
          "ทองดีฟันขาว" พร้อมประกาศศักดาความยิ่งใหญ่อลังการแห่งแอคชั่นภาพยนตร์ไทย 26 มกราคมนี้ในโรงภาพยนตร์

          ประวัติและผลงาน "บัวขาว บัญชาเมฆ" รับบทนำครั้งแรกใน "ทองดีฟันขาว"
          ชื่อจริง: สิบตรี สมบัติ บัญชาเมฆ
          อายุ: 34 ปี
          สถานที่เกิด: จังหวัดสุรินทร์
          สูง: 174 เซนติเมตร หนัก: 70 กิโลกรัม
          การศึกษา: คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
          ตำแหน่ง: รองผู้บังคับหมู่ หมวดบริการ กองร้อยบริการ กองบริการ โรงเรียนการกำลังสำรอง ศูนย์การกำลังสำรอง หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (รอง ผบ.หมู่ มว.บร.ร้อย.บร.กบร.รร.กสร.ศสร.นรด.) โรงเรียนกำลังสำรอง ค่ายธนะรัชต์ ศูนย์การทหารราบ ปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์
          สถิติ: ชกทั้งหมด 316 ครั้ง ชนะ 262 ครั้ง (ชนะน็อกเอาต์ 68 ครั้ง) แพ้ 42 ครั้ง เสมอ 12 ครั้ง
          เกียรติประวัติสำคัญ:
          - แชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอร์เวต ปี 2544
          - แชมป์ประเทศไทย รุ่นเฟเธอร์เวต สนามมวยลุมพินี ปี 2544
          - แชมป์ไหว้ครูมวยไทยสวยงาม สนามมวยลุมพินี ปี 2545
          - แชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นไลต์เวต ปี 2545
          - แชมป์มวยไทยมาราธอน โตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์ สนามมวยลุมพินี ปี 2545
          - แชมป์ K-1 World MAX Champion 2004 ปี 2547
          - แชมป์ K-1 World MAX Champion 2006 ปี 2549
          - แชมป์ Shoot Boxing S-Cup World Champion ปี 2553
          - แชมป์สภามวยไทยโลกในพระบรมราชูปถัมภ์ WMC World Champion ปี 2549, 2552, 2554, 2557
          - แชมป์มวยไทยไฟต์ ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปี 2554, 2555
          - รางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่น ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปี 2555
          - รางวัลสุดยอดนักกีฬาขวัญใจมหาชน (ป๊อปปูลาร์โหวต) สยามกีฬา อวอร์ดส ครั้งที่ 7 ปี 2556
          - รับพระราชทานปริญญาบัตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปริญญาโท) สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปี 2556
          - แชมป์มอนติคาโล ไฟต์ติง มาสเตอร์ ถ้วยพระราชทานกษัตริย์อัลแบรต์ที่ 2 แห่งโมนาโก ปี 2557
          - แชมป์สภามวยโลก WBC Muay Thai Diamond World Championship ปี 2557
          - รับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปริญญาเอก) สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค กลุ่มการศึกษาและจัดการภูมิปัญญา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ปี 2557
          - อาจารย์พิเศษ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
          - อาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
          - แสดงศิลปะไม้ไม้มวยไทย หน้าพระที่นั่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี งาน เวิลด์ เอ็กซ์โปร มิลาน 2015 ประเทศอิตาลี ปี 2558
          - แชมป์สภามวยไทยโลก WMC World Championship รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท (70 กก.) ปี 2558
          - แชมป์ WLF Wu Lin Feng World Championship (รุ่น 70 กก.) ปี 2558
          ผลงานด้านบันเทิง:
          ละคร คาดเชือก ช่อง 7 (2558 - รับเชิญ)
          ภาพยนตร์ ซามูไรอโยธยา (2553)
          คุณนายโฮ (2555 - รับเชิญ)
          ทองดีฟันขาว (2560 - บทนำเต็มตัวเรื่องแรก)

FB on December 08, 2016, 08:51:15 AM
“บัวขาว บัญชาเมฆ” ทุ่มทั้งตัวและหัวใจนักสู้ กับการแสดงภาพยนตร์เต็มตัวเรื่องแรกใน “ทองดีฟันขาว”







แนะนำตัว
          สวัสดีครับ ผม "บัวขาว บัญชาเมฆ" รับบทเป็น "จ้อย" หรือ "ทองดีฟันขาว" ตามชื่อหนังเลยครับ เรื่องนี้เป็นหนังที่ผมรับบทนำเต็มตัวเรื่องแรกครับ

บทบาท-คาแรคเตอร์
          "จ้อย" หรือ "ทองดี" จะเป็นคนพูดน้อยต่อยหนักแต่ก็มีอารมณ์ขัน เขาจะชื่นชอบในเรื่องหมัดมวยเป็นชีวิตจิตใจ ไม่หาเรื่องใครก่อน แต่ถ้ามีคนมาหาเรื่องก็จะไม่ยอมเช่นกัน ทองดีเป็นนักสู้มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อในการเรียนรู้และฝึกฝนในวิชามวยต่างๆ จนโชคชะตาและความสามารถทำให้เขาได้เป็นทหารเอกของพระเจ้าตากสิน
          คาแรคเตอร์นี้ก็จะเกี่ยวกับการแสวงหาหรือการค้นหา คือ อยากจะเป็นนักต่อสู้ อยากจะเรียนมวย อยากจะมีวิชาของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก คาแรคเตอร์ก็จะเป็นคนบู๊ๆ เป็นคนรักอิสระ ไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบอยู่ภายใต้ใคร มีความคิดของตัวเอง อยากเรียนรู้ศึกษาวิชาต่างๆ ไปเรื่อย พูดน้อยๆ สนใจเกี่ยวกับการต่อสู้มากกว่า ทุกคนในสมัยนั้นจะชอบเคี้ยวหมากกันก็เลยทำให้ฟันดำ ในส่วนของทองดีจะเป็นคนไม่ชอบกินหมากเคี้ยวหมาก ฟันก็จะขาว เลยได้ฉายาว่า "ทองดีฟันขาว" ตามชื่อเรื่อง

เรื่องราวชีวิตของทองดีฟันขาว
          ครับ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวชีวิตนักสู้ของ "จ้อย" หรือ "ทองดี" ที่ต้องระหกระเหินจากครอบครัวตั้งแต่เด็กจนต้องออกเดินทางหาเงินเลี้ยงตัวเอง และเรียนรู้ฝึกฝนวิชาหมัดมวยจากครูมวยตามเมืองต่างๆ ทำให้เขาต้องต่อสู้เรียนรู้ชีวิตจนได้พบกับทั้งมิตรและศัตรูจนนำไปสู่จุดพลิกผันของชีวิตครั้งใหญ่เมื่อเขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่งพระเจ้าตากสิน
          คือเริ่มต้นตั้งแต่เด็กๆ ก็จะชื่อ "จ้อย" ก่อน เป็นเด็กในเมืองพิชัย พอโตมาเราก็จะเปลี่ยนชื่อเป็น "ทองดี" แต่จะรู้จักกันในฉายา "ทองดีฟันขาว" เพราะว่าฟันขาวแตกต่างจากทุกคน เพราะเราจะไม่กินหมาก พ่อเราก็เป็นครูมวย รู้เกี่ยวกับวิชามวย แต่ไม่สอนวิชามวยให้ อยากให้ศึกษาเล่าเรียนไป แต่ในส่วนของทองดีก็คือ สนใจในการต่อสู้มากกว่า อยากเรียนวิชาหมัดมวย แต่พ่อไม่อยากให้เดินตามรอยพ่อ ไม่อยากจะให้มาเป็นเด็กอันธพาลเกเรไปชกต่อยกับชาวบ้านเค้า แต่ทองดีก็โดน "เชิด" ลูกเจ้าเมืองรังแกเสมอ จนวันหนึ่งเกิดเรื่องชกต่อยกันจนเชิดบาดเจ็บ เราก็เดือดร้อนอยู่ไม่ได้ละ ก็เลยต้องหนีออกจากหมู่บ้าน หนีจากพ่อแม่ไป ก็เลยต้องสนใจศึกษาเกี่ยวกับวิชามวยต่างๆเพื่อที่จะทำให้ตัวเองเก่งขึ้นมาเลยเป็นการเริ่มต้นหาวิชาความรู้เกี่ยวกับมวย, ดาบ, เหาะเหินตีลังกาไปเรื่อยๆ ต้องเดินทางไปแต่ละสำนักแต่ละค่ายที่ได้ยินว่ามีสอนวิชาต่างๆต้องร่อนเร่ไปเรื่อย โดยในใจของทองดี คือ ถ้าอยากจะเก่งเหนือใคร ก็ต้องไปหาครูที่เก่งกว่าเขาทางนั้น แล้วก็ต้องศึกษาว่าครูคนไหนที่เก่งด้านไหนก็จะต้องไปเรียนกับครูคนนั้นตามที่ได้ยินมาว่าเค้าเก่งจริงๆ
          หลังจากที่เราแสวงหาได้เรียนวิชาต่างๆ จนตัวเองคิดว่ามีวิชามวยในตัว จากที่ไปศึกษาจากครูมวยทั่วทุกสารทิศละ ก็ได้ยินว่าเค้าจะมีการเปรียบมวยขึ้นชกเพื่อพิสูจน์ความเก่งของแต่ละคน แต่ละภาค แต่ละที่ ไหนๆ เราก็ได้เรียนวิชามวยต่างๆ มาก็น่าจะไปประลองดูว่าจะเป็นยังไง ซึ่งจะต้องไปประลองหน้าพระที่นั่งของท่านพระยาตากด้วย ตรงนี้ก็เลยทำให้เราสนใจขึ้นมาครับ

การเดินทางผจญภัยนี้ก็จะมีเพื่อนร่วมแก๊งด้วย
          ใช่ครับ ในการเดินทางไปทั่วทุกที่ก็จะมีคู่หูคู่เพื่อนที่มีประสบการณ์ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน อยากเดินทางไปด้วยกันก็จะมี "บุญเกิด" ที่เป็นเด็กขาดพ่อแม่ไร้ญาติเหมือนกัน พอเห็นทองดีเก่งเรื่องหมัดมวยก็อยากฝากตัวเป็นศิษย์เลยตามติดทองดีไม่ห่าง แล้วก็มี "หมวยเล็ก" ลูกสาวเจ้าของโรงงิ้วที่ทองดีไปฝึกวิชาด้วย หมวยเล็กไม่ค่อยชอบทางงิ้ว อยากออกผจญภัยไปกับเราก็เลยแอบตามมา พอเดินทางไปเรื่อยๆ ก็จะมี "ไอ้ถึก" อีกคนหนึ่งที่อยากอยู่ในแก๊งเราด้วย อยากเดินทางไปด้วย ก็ทำให้เรามีความคิดแตกต่างกัน ถกเถียงหยอกล้อกันไปในการเดินทางต่างๆ เพื่อไปร่ำเรียนวิชามวย การป้องกันตัว การตีลังกา การฟันดาบ เทคนิคการออกอาวุธต่างๆ จนนำไปสู่การพิสูจน์ความสามารถของตัวเองในภายภาคหน้าครับ

การเตรียมตัวในการรับเล่นบทนี้
          จริงๆ แล้วคาแรคเตอร์ในเรื่องแรกนี้ก็เข้ากับสไตล์ของผมครับ ซึ่งเป็นสไตล์การต่อสู้เสียส่วนมาก ก็จะใช้แอคติ้งกับบุคลิกหน้าตานิดหน่อย แต่ว่าอาจจะมาขัดนิดนึงตรงการสื่อคำพูด เราแบบลิ้นใหญ่ พูดไม่ค่อยคล่อง และบทมันเป็นการพูดสไตล์ย้อนยุคก็ทำให้ลืมหรือว่าต้องคิดอยู่ตลอดเวลา และก็อาจจะพะวง กลัวผิดอะไรอย่างนี้ แล้วพูดเสร็จก็มาต่อสู้ ก็อาจจะมีเกร็งพอสมควร ตอนแรกๆ ก็จะมีครูมาสอนเรื่อง แอคติ้งรวมถึงการพูดการจา การพูดในระยะห่าง ระยะใกล้ เราพูดเหมือนคุยกันแบบไหน ครูก็มาสอนที่ค่ายมวยเลย แล้วก็แอคติ้งพูดไล่เสียง ก็รู้สึกว่าตรงนี้ช่วยได้มาก

ก่อนมาแสดงรู้จักประวัตินายทองดีมากน้อยแค่ไหน
          ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ศึกษาอะไรมากมาย รู้แค่พื้นๆ ตอนสมัยเรียน แต่พอเราได้รับบทก็เริ่มศึกษาว่าความเป็นมาเป็นยังไง นายทองดีมาจากไหน จ้อยมาจากไหน พระยาพิชัยมาจากไหน พระยาพิชัยเป็นอะไรกับพระเจ้าตาก อยู่เมืองไหน ต่อสู้แบบไหน ก็รู้จักมากขึ้นครับ
พอเราได้รู้ประวัติ ตอนเล่นเราก็รู้สึกอยู่ข้างในว่าคล้ายๆเรา คล้ายๆสิ่งที่เราเป็นมา สิ่งที่เราเคยคิด พอมันเหมือนที่เราคิด เราก็มีกำลังใจในการเดินต่อ ตัวผมก็เดินทางไปเห็นตรงไหนที่เค้ามีนักมวยก็ไปซ้อมที่ค่ายนั้น จนกระทั่งไปซ้อมที่วัดที่เค้ามีค่ายมวยในวัดจนมีวิชาแข็งแกร่งขึ้นมา ก็คล้ายๆ กับเราพอเปรียบเทียบขึ้นมา ที่เดินทางไปตามที่ต่างๆ ตามต่างจังหวัดที่ทำให้เราเรียนรู้วิชาตรงนี้มาได้ ตรงนี้ก็เป็น
          ส่วนหนึ่งที่สร้างกำลังใจ สร้างประวัติ หรือสร้างความคิดให้เราต้องทำแบบนี้ แสดงแบบนี้ เราต้องมีใจแบบนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราแสดงเรื่องนี้ได้ด้วยครับ

เรื่องราวชีวิตของบัวขาว
          ก็จะเล่าย่อๆ ถึงชีวิตของบัวขาวนะครับ ชีวิตตอนเด็กๆ หรือประวัตินายทองดีเท่าที่รู้มาก็จะคล้ายๆ กันเลยกับประวัติของผม ก็เป็นเด็กบ้านนอก เป็นเด็กชาวบ้านธรรมดา ก็จะมีการซุกซน ตีลังกาเวลาได้ไปเจอสถานที่ที่น่าเล่น แต่พอมาถึงจุดหนึ่งผมได้ไปชมมวยที่เขาชกกันบนเวที ก็เลยเกิดความสนใจขึ้นมาตอนนั้นอายุ 7-8 ขวบได้ ก็ไปเจอเพื่อนรุ่นพี่ขึ้นไปชกบนเวทีก็มีคนเชียร์เขาเป็นร้อยๆ คนเลย เชียร์เขาเฮฮา ก็เลยสนใจขึ้นมา เราก็น่าจะอยากไปอยู่บนนั้น จริงๆ แล้วก็ไม่ได้คิดว่า มันน่าจะเจ็บ มันน่าจะอะไรมากมาย คิดแค่ว่าอยากให้คนดูเรามั่ง เชียร์เรามั่ง เราอยากไปซัดบนเวทีมั่ง ก็เลยกลับมาศึกษาด้วยตัวเอง ก็ไปขอเพื่อนรุ่นพี่ซ้อม ไปเตะกระสอบปุ๋ยที่บ้านรุ่นพี่ ก็ไปเตะอยู่พักหนึ่ง เรียนเสร็จก็ถอดเสื้อเหลือแต่กางเกงนักเรียน ก็ไปเตะ เตะไปเรื่อยตามประสาเด็กๆ มีอยู่วันหนึ่งก็เผอิญเขาจัดงานวัด ก็มีมวยขึ้นมา เราก็สนใจอยากชกมั่ง ก็ไปเปรียบมวย พอไปเปรียบก็ได้ชกเลย ครั้งนั้นก็เลยเป็นอะไรที่เราฝันอยากจะชกมวยบนเวที โอกาสมาละ พอได้ขึ้นชกครั้งนั้นก็เป็นไปตามที่เราฝันอยากให้คนอื่นได้เชียร์ คนในหมู่บ้านก็ขึ้นรถไปเชียร์กันหมดเลย ครั้งแรกก็เป็นฝ่ายชนะ พอชนะก็ฮึกเหิม มีกำลังใจต่อสู้ จากนั้นมาก็เลยเริ่มศึกษา เริ่มเรียนรู้อะไรมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้

ประหลาดใจมั้ยที่ชีวิตบัวขาวกับทองดีคล้ายกันเลย
          ประหลาดใจมากครับ พอได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติมากขึ้นก็รู้สึกประทับใจ ก็ดีใจกับตัวเองที่ได้รับบทนี้ ได้รับเกียรติเป็นอย่างดีที่ได้มาเล่นเรื่องนี้ ภูมิใจมากครับ อย่างหนึ่งก็คือคล้ายๆ ชีวิตผมด้วย อีกอย่างก็เป็นประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นการต่อสู้เพื่อความถูกต้องอย่างแท้จริง เหมือนเป็นฮีโร่ของชาติ แล้วก็เป็นฮีโร่ของหลายๆ คนที่ต่อต้านสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้องด้วยครับ

ผู้กำกับบอกว่าถ้าเรื่องนี้ไม่ใช่บัวขาวก็จะไม่ทำ บัวขาวรู้สึกยังไงบ้าง
          บอกตรงๆ ว่า ผมก็ไม่เข้าใจ ตอนนั้นพี่บิณฑ์เค้าก็ไปคุยกับผู้จัดการก่อนแล้ว ผจก.ก็มาคุยกับผม จริงๆ ตอนนั้นนั้นผมยังไม่พร้อมเท่าไหร่ ปฏิเสธไปสองสามครั้ง แต่แกก็ยังตื๊อไปหาบ่อยที่ค่าย แกก็บอกว่ามีความฝันว่าต้องเป็นบัวขาว ถ้าไม่เป็นบัวขาวไม่ได้ ผมไม่อยากรับเล่นแล้ว ผมไม่เอาแล้ว ผมจะชกมวย อย่า
          มายุ่งกับผมเลย ผมพูดตัดไปเลย ไม่อยากจะเล่น ไม่อยากจะรับอะไรอย่างนี้ แกก็ตื๊อขอให้เล่นให้พี่เถอะ พี่อยากจะทำเรื่องนี้จริงๆ สามครั้ง ครั้งที่สี่ผมก็บอกให้เอาบทเอาประวัติอะไรต่างๆ มาดู แล้วก็ปรึกษากับทีมงาน ก็เลยลองดู ก็คุยรายละเอียดต่างๆ ว่าจะอะไรยังไง ก็เลยรับปากเล่นเรื่องนี้

ที่ตอนแรกยังไม่อยากเล่นเพราะว่า...
          ไม่ใช่เฉพาะพี่บิณฑ์ที่มาถาม เรื่องอื่นก็มาถาม ผมปฏิเสธไปหมดเลยทั้งหนังทั้งละครหลายๆ เรื่องก็มา แต่ผมปฏิเสธไปหมดเลย แต่ละเรื่องก็น่าสนใจเหมือนกัน แต่ผมไม่อยากเล่น ผมอยากชกมวย ผมอยากมีอิสระ มีเวลาเป็นของตัวเอง ก็เลยไม่อยากรับ ตอนที่พี่บิณฑ์ติดต่อมาก็ยังไม่กล้ารับปาก เพราะผมไม่ถนัดในเรื่องการแสดงเท่าไหร่ แต่พอได้คุยว่าเป็นหนังอะไร เรื่องราวยังไง ผมก็รู้สึกตื่นเต้นและสนใจมากขึ้น เพราะผมกับทองดีมีส่วนคล้ายๆ กันทั้งชีวิตส่วนตัว และความรักในเรื่องหมัดมวยด้วย

ความท้าทายหรือความน่าสนใจของบทนี้อยู่ที่ตรงไหนบ้าง
          เรื่องนี้ก็เป็นบทนำเต็มตัวเรื่องแรกของผม ต้องแสดงทั้งเรื่องตามชื่อหนังเลย ต้องแสดงทั้งดราม่าและแอคชั่นด้วย ก็ค่อนข้างหนักในการแสดงเรื่องนี้ครับ ตรงนี้ก็เป็นความท้าทายทั้งบทและการแสดงแบบจริงจังครั้งแรกเลย
ในส่วนตัวผมคิดว่าความน่าสนใจของบทนี้อยู่ที่แง่คิด อยู่ที่การแสดงออก การยึดมั่นอยู่กับความมุ่งมั่นของตัวเราเอง การที่เรามีความมุ่งมั่นในตัวของเราว่าเราจะแสวงหาอะไรจนได้ดี จนทำให้ทุกคนรู้จัก นับถือ นี่คือจุดสำคัญ เป็นข้อคิดโดยตรงที่ถูกต้องมาก เพราะว่ามันมีในตัวของมัน มีความอิสระ ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน ทำให้คนเชื่อใจ และให้เห็นว่าเขามีความสามารถโดยที่เขาต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ศึกษาด้วยตัวเองจนทำให้ตัวเองเก่ง และก็มีคนนับถือเขา เขาเป็นคนที่ล้มได้ แต่ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ใคร ไม่เคยคิดย่อท้อว่ากูแพ้แล้วแพ้เลย แพ้วันนี้แต่วันข้างหน้าเค้าก็หาวิธีลุกขึ้นมาใหม่ที่จะชนะให้ได้

การเป็นนักมวยที่ต่อยบนสังเวียนปกติกับนักมวยที่ต่อยในหนัง มีความยากง่ายแตกต่างกันยังไง
          จริงๆ มันก็คล้ายๆ กัน แต่มวยที่ต่อยประจำที่เราทำมาหากินซึ่งเป็นอาชีพของเรา ต่อยแล้วมันมีกติกา มีกรรมการ มีเทคนิคเข้ามาช่วยแต่ละการชก แต่ในหนังอาจจะเป็นมวยเถื่อนๆ ต่อยกันสะเปะสะปะ ซัดกันโดยที่ไม่มีหลักการอะไรมาก ใครที่ไม่ไหวก็แพ้ไปเลย ไม่รู้สมัยนั้นเค้าเรียกว่ามวยไทยหรือเปล่า
          อาจจะเรียกต่อยกัน ชกกัน หรือว่าประลองกัน เฮ้ย อยากประลองกำลังกัน อาจจะเป็นไปได้ ก็ซัดกันตามหลักความรู้ของสมัยนั้นไป ก็มีท่าฟาดหางจระเข้ ศอกกลับ ลอยเข่า ได้หมดก็คือเอามาประยุกต์ได้
          สำหรับผมที่เคยผ่านกล้องทีวีกล้องถ่ายรูปอะไรต่ออะไรมา โดนสัมภาษณ์อะไรมาเยอะแยะ มันอาจจะชินตรงนั้น อาจมีประสบการณ์ที่ต้องเรียนรู้ คิดว่าเพื่อนๆคนอื่นอาจจะเกร็ง หรืออาจจะยาก แต่ว่ายังไงถึงแม้ผ่านมาหลายครั้งแต่ผมก็คิดว่ามันยังยากอยู่ดีในเรื่องของการแสดงที่จะต้องมายืนอยู่หน้ากล้อง ออกคำพูด หรือออกการแสดงอะไรต่างๆ ผมคิดว่ามันก็ยากครับ บางครั้งบางคราวพอเริ่มต้นเราก็เกร็งเลย พูดอย่างไม่มีหลักการ เฮ้ย ขนาดพูดใกล้ๆ ยังตะโกนใส่กัน มันก็ไม่ถูกต้อง แต่พอเราได้มาเรียนรู้ เราก็ได้ศึกษาไปในตัวด้วยว่า เราก็น่าจะพูดแบบนี้ พอหลังๆมาเรื่อยๆเริ่มดีขึ้นจนผู้กำกับบอกเอ็งไปทำอะไรมาถึงมีความคล่องตัว ทั้งทีมก็เห็นว่ามันดีขึ้นจากใหม่ๆ เลยแหละ ดีขึ้นมาก จนทำให้มีความเป็นมือโปรมากขึ้น

แล้วบัวขาวแอบไปทำอะไรมา
          แอบมั้ย จริงๆ ก็แอบ พอแสดงไปปุ๊บ เราก็มาขอดูในมอนิเตอร์ที่เราเล่นไป การพูด สีหน้า หรือการยิ้ม หรือขรึม อะไรต่างๆ น่าจะออกสไตล์ไหน เราก็เริ่มศึกษาๆ จนทำให้เราเป็นที่พอใจของผู้กำกับ หรือกลับไปที่ค่ายมวยก็ได้ฝึกซ้อมบทและการแสดงด้วย ในเชิงนี้เราต้องแสดงออกแบบไหน ซึ่งตัวผมก็เป็นคนกล้าแสดงออกอยู่แล้ว พอเรากล้าแสดงออกปุ๊บ มันก็เกิดเป็นผลดีกับเรา มันก็สามารถปรับเปลี่ยนบุคลิก ทัศนะต่างๆ ทำให้เข้ากับตัวเรื่องได้ดีขึ้นครับ

ฉากแอคชั่นไฮไลต์ในเรื่องนี้มีหลากหลายฉากมาก
          ครับ แอคชั่นกันแทบทั้งเรื่องเลยครับ ผมเล่นเรื่องนี้ก็ได้ออกลีลาแอคชั่นมากกว่าต่อยมวยปกติหลายเท่าเลยครับ เหนื่อยแต่ว่าสนุกทุกฉาก มันเข้าทางผมที่ชอบเรื่องเตะต่อยอยู่แล้วด้วยครับ
          ฉากแรกที่อยากพูดถึงก็คือ "มวยข้างถนน" พอเราได้เดินทางไปเรื่อยๆ ก็อาจจะไปเจอมวยข้างวัดข้างถนนที่ในหมู่บ้านหรือในชุมชน มีเจ้าถิ่นซึ่งเป็นมวย มีการพนันเกิดขึ้นใครชนะใครแพ้ มีการต่อรอง เราก็ไปสู้เพราะอยากต่อยมวย พูดง่ายๆ ว่าต่อยมวยข้างทางไปเรื่อยๆ เจอที่ไหนก็ต่อยกันที่นั่น เจอที่เล้าหมูก็ต่อยที่เล้าหมู ชกไปเรื่อยๆ เป็นการหาเลี้ยงตัวเองไปด้วย หาเช้ากินค่ำ หาข้าวหาปลากินไป ฉากมวยข้างถนนมันจะมีความสมจริง เป็นครั้งแรกของผมเลยกับสังเวียนที่เต็มไปด้วยหมูและสายฝน ในเล้าหมูนี่จะยากเพราะมีหมูวิ่งอยู่ตลอดเวลา โดนเตะต่อยล้มก็ทับหมู ทับขี้หมูเยี่ยวหมู เละเทะครับวันนั้น แต่ก็ต้องเล่นให้สมจริง เพราะมันเป็นเล้าหมูจริงๆ มีทั้งขี้หมูลูกหมู รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ต้องลงทุนลงแรงมาก ก็ต่อยเลย ไม่
          มีเตี๊ยม ไม่รู้จะเตี๊ยมยังไง เราสไตล์นักสู้อยู่แล้ว เราต่างคนต่างมีสไตล์มีศิลปะของตัวเอง ก็สู้เต็มที่ทั้งถีบทั้งต่อย แต่ว่าอาจจะมีพลาดโดนมั่ง โดนไม้ทิ่ม โดนต่อยหน้า มีการเตะเบิ้ลเข่า ก็ตามสไตล์มวยของเราอยู่แล้ว
          พอเราชกตามเล้าหมู ริมแม่น้ำไปเรื่อยๆ วันหนึ่งอาจจะชกหลายๆ ครั้ง หลายๆ ที่ ไปเรื่อยๆ จนฝนตกก็ยังซัดกัน กลางสายฝนซัดกันแบบเอาเป็นเอาตาย คือใครแข็งแกร่ง คนนั้นก็ชนะไป ทุกคนต้องต่อยกันหมด ในวันนั้นก็ไปเจอฉากชกกันกลางสายฝน ซัดกันจนหมดแรงไปข้างหนึ่ง หมดเรี่ยวหมดแรง ยังยืนหลับหูหลับตาจ้วงกันใส่กันจนได้ชัยชนะ เบื้องหลังการถ่ายมันต้องยากอยู่แล้วครับ การแอคติ้ง ลีลาแอคชั่น ต้องถ่ายหลายครั้งหลายเทกหลายมุมกล้อง ไม่ใช่แค่ทำแค่นี้เสร็จได้ แต่ต้องมาข้างหลังมาข้างหน้ามายาวมาสั้น รู้สึกว่ามันต้องทำให้สมจริงตลอดนะครับ รู้สึกว่ามันก็ยากพอสมควรเลยครับ

ฉากไฮไลต์ "บัวขาวเล่นกับม้า โดนม้าลาก" ครั้งแรกในชีวิต
          ไฮไลต์ต่อมาก็จะเป็น "ฉากบ้านครูเที่ยง" ฉากนี้ต้องเจอทั้งกับไฟ การสู้กับม้า และการถูกมัดลากไปบนดินอย่างทะลักทุเลมากครับ ฉากบ้านครูเที่ยงที่ทองดีไปขอพักอาศัยอยู่ด้วย ไปเรียนมวยที่นั่นด้วย แต่พอ "เชิด" คู่อริรู้ว่าทองดีอยู่ที่นั่นก็เลยพาทหารมาทำร้ายอีกเช่นเดิม สำหรับทองดีก็ยอมโดนจับเพื่อให้คนในหมู่บ้านนั้นรอด ไม่ต้องมาเดือดร้อนแทนทองดี แต่เชิดกับทหารยังไม่ยอมจบ ยังมีการทำร้ายชาวบ้าน เผาหมู่บ้านอีก ก็เลยเกิดการต่อสู้ ปะทะยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมา ทองดีโดนจับมัดมือโดนม้าลากไปกับพื้นทราย
          ฉากแอคชั่นฉากนี้ถ่ายกันยาวนานมาก ถ่ายกันได้แผล ได้เลือด ได้เหงื่อ ได้ไฟลวกกันมันเละเทะ ตั้งแต่ดูหนังดูอะไรมาก็เพิ่งโดนกับตัวเองวันนี้ เพิ่งได้ปะทะ ได้เผชิญกับตัวเองว่าฉากแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันต้องใช้ระยะเวลา มันต้องได้จริงๆ พอเสร็จก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับที่เราลงทุน เราก็ตั้งใจทำจริงและเล่นจริง ก็คิดว่าฉากนี้ก็จะเป็นฉากที่จะได้จดจำไว้ว่า หนังมันก็ไม่เบาเลย พอเห็นภาพที่ตัดออกมาให้คนดูได้สนุกได้ตื้นเต้น เราก็รู้สึกดีนะครับ จริงๆการต่อยมวยมันก็แค่เจ็บแค่ช้ำ โดนเตะโดนศอกโดนหมัดธรรมดา แต่พอมาเล่นหนัง การเข้าฉากก็อาจมีการพลาด การต้องลงทุนต้องเล่นสมจริง การโดนลากกับพื้น โดนม้าถีบ กระโดดตกม้าต่างๆ โดนเสียดสี รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่แตกต่างกับการชกมวยอย่างสิ้นเชิง แต่มันก็รู้สึกคุ้มค่ากับการที่เราได้ลงทุนลงแรงแสดงสุดความตั้งใจ และความสามารถในการเล่นเรื่องนี้ครับ

ต้องไปเรียนขี่ม้าด้วย
          บอกตรงๆ ว่าตั้งแต่เกิดมา เพิ่งได้จับม้าเป็นครั้งแรก ควบม้าด้วยตัวเอง ครูก็สอนขี่ม้าครึ่งวัน แล้ววันรุ่งขึ้นก็ไปถ่าย ตอนขึ้นม้าตัวเองก็คิดว่ามันจะเป็นยังไง เหมือนรถมั้ย พอขึ้นจริงๆ ก็ทำให้เราเกร็งเหมือนกัน เพราะว่าจริงๆ ใจเราแข็งแรงอยู่แล้ว บุคลิกร่างกายเราโอเค เป็นคนที่บู๊ได้ แต่พอขึ้นม้าจริงๆ ก็ไม่รู้จะไปอีท่าไหนเหมือนกัน แต่ครูเค้าก็สอนว่าต้องบิดซ้ายบิดขวาอย่างนั้นอย่างนี้ ตอนต้นๆ ก็อาจจะเกร็ง ต้องใช้เวลานิดนึงก็รู้สึกว่าเข้ากับม้าได้แล้ว พอหลังๆ มาก็ชิน ก็ยกล้อเลย ทำให้ม้ายกขา ทำให้ม้าล้ม ทำให้ม้ากระโดดได้ ก็ทำให้ได้เรียนรู้ภายในตัวว่าอย่างน้อยเราก็ขี่ม้าได้ควบม้าเป็น ก็เป็นอะไรที่คุ้มค่าที่ได้มาเล่น เพราะเราก็ได้อีกวิชาหนึ่งติดตัวไป

ไฮไลต์ "ฉากเปรียบมวย"
          ฉากนี้เป็นฉากไคล์แมกซ์ของเรื่องเลยครับ เป็นสนามประลองมวยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จัดขึ้นหน้าพระที่นั่งพระเจ้าตาก เพื่อหานักมวยที่แข็งแกร่งที่สุด มียอดฝีมือทางมวยทุกที่มารวมตัวกันเพื่อประชันความสามารถกันอย่างล้นสนาม บอกตรงๆ ว่าฉากเปรียบมวยนี้ โอ้โห...ไม่รู้ว่าจะดำยังไง เรียกว่าไหม้เลยดีกว่า วันนั้นถ่ายกันทั้งวันที่กาญจนบุรี กลางเขาแบบว่าร้อนเปรี้ยง เดือนเมษา-พฤษภาก่อนหน้าฝนมันจะร้อนอยู่แล้ว ไม่รู้จะเอาอะไรมาร้อนนะครับ ต้นไม้หลบร่มก็ไม่ค่อยมี เขาก็ทำฉากใหญ่เป็นไม้ล้อมหมดเลย ไม่มีอะไรบัง เป็นกลางลานที่เราต้องมาประลองต่อยมวยกันที่นั่น รู้สึกว่ามันต้องใช้คนเยอะ แล้วก็ใช้ม้า ใช้แอคติ้ง ท่ามวยแต่ละอย่าง มีการไหว้ครูที่เราก็ต้องเคารพพระเจ้าตาก แล้วก็มีฉากซับซ้อน วันนั้นทั้งวัน บางคนยืนจนเท้าพอง ต้องเอาให้เสร็จให้ได้วันนั้น ผมก็ประทับใจที่ทำได้เสร็จในวันนั้น เห็นความทุ่มเทของทุกคนทั้งนักแสดง ทีมงานทุกฝ่าย หรือแม้กระทั่งเอ็กซ์ตร้าที่มาฉากยืนล้อมดู ยืนตบมือ ยืนร้องเชียร์ ก็รู้สึกว่าเค้ามีความร่วมมือให้เป็นอย่างดีเลยครับ ยิ่งใหญ่มากครับฉากนี้ ต้องไปดูกัน

การร่วมงานกับพี่บิณฑ์
          การทำงานกับพี่บิณฑ์กับคนในกองก็เป็นกันเองมากครับ ทีมช่างกล้องหรือทีมอะไรต่างๆ ผมแกล้งหมด ถามได้เลย ยันผู้กำกับ ผู้ช่วย ผมแกล้งหมด คืออยากให้เค้าสนุกในการทำงาน ใครโมโหผมก็แกล้งคนนั้นแหละ อยากให้กระตือรือร้น ซึ่งทุกคนก็ทำงานกันเต็มที่ อย่างเช่น ทีมสตั๊นต์ ทีมม้า ทีมอะไรต่างๆ เค้าก็มีความชำนาญเป็นมือโปรทีเดียว ก็รู้สึกว่าเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีการแสดงออกที่ดี ที่
          ไปแกล้งๆ เค้าเนี่ย เพราะอยากสร้างความเป็นกันเองมากขึ้น เพราะการทำงาน เราเป็นตัวเอกอยู่แล้ว ทุกคนต้องคุยกับเรา แนะนำเราหลายๆ เรื่อง ก็ต้องคุยกันทุกคนครับ

การร่วมงานกับ "น้องมะนาว" ที่ถือว่าเป็นนางเอกคนแรกของบัวขาว
          อันนี้จริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยได้เข้าฉากอะไรกันมากมาย น่าจะมีเยอะกว่านี้ (หัวเราะ) แต่ก็โอเคครับ ได้มาประกบคู่กับน้องมะนาว น้องเค้าก็เป็นเด็กแก่นๆ น่ารัก ก็งามอยู่ เป็นนางเอกที่เล่นด้วยแล้วสนุก ก็โดนผมแกล้งเหมือนกัน แกล้งจนสนิท การพูดคุยก็เหมือนรู้จักกันมานาน ก็รู้สึกว่าการทำงานกับนักแสดงทุกคนไปด้วยกันได้ดี เพราะทุกคนรู้จักกันหมด จะทำอะไรกัน จะหยอกล้ออะไรกันก็เป็นกันเอง การถ่ายทำก็รวดเร็วกันดี ใหม่ๆ ก็อาจมีเขินครับ แต่หลังๆ ก็ไม่มีปัญหาแล้วครับ

ความน่าสนใจและความโดดเด่นของเรื่องนี้
          ความน่าสนใจของเรื่อง "ทองดีฟันขาว" นี้ก็จะได้รู้ถึงประวัติและชีวิตของทองดีกับการเดินทางสู่ความฝันสูงสุดทางมวยของเขา ได้เห็นชีวิตของนักสู้คนหนึ่งที่มีความเชื่อมั่น มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากในสิ่งที่ตัวเองรักและหลงใหลอย่างเรื่องการชกมวย เราจะได้เห็นการเรียนรู้ การฝึกฝน ที่ทำให้เรารู้ว่าถ้าเรามีความตั้งใจ มีความชนะใจตัวเอง มีความุมานะ ไม่ว่ายังไงเราก็จะพยายามข้ามผ่านอุปสรรคเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุดให้จงได้ รวมถึงยังได้เห็นมิตรภาพและความรักของกลุ่มเพื่อน ครูและลูกศิษย์ ได้เห็นความกล้าหาญต้นกำเนิดของวีรบุรุษไทยที่น่าจะเอาเยี่ยงอย่าง เรื่องราวเหล่านี้ในเรื่องจะทำให้ทุกคนชอบได้อย่างแน่นอน ผมคิดว่าการต่อสู้เอาชนะแต่ละอย่างก็จะเป็นความบันเทิงที่ทุกคนจะได้รับ ได้เห็นฉากแอคชั่นที่มากกว่าบนเวทีมวย การทำอะไรทำจริงทำเองหมดเลย อยากให้รู้ว่านอกจากชกมวยแล้ว บัวขาวจะมีความสามารถแค่ไหน จะแสดงได้แค่ไหน ก็อยากให้ทุกคนมาดู แน่นอนครับ คือทุกอย่างที่ทำก็อยากให้ออกมาดี อยากให้ทุกคนได้รับชมว่าเป็นมืออาชีพจริงๆ ในเรื่องนี้ทั้งผม ผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานทุกคนก็ตั้งใจเต็มที่ อยากจะให้คนที่มาดูได้ทั้งความสนุกของหนังและเอกลักษณ์ของมวยไทย ได้ทั้งข้อคิดที่นำไปใช้ในชีวิตจริงๆ ได้ครับ

FB on December 08, 2016, 03:11:13 PM
Movie Guide: ก่อนชายเลือดนักสู้จะเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในตำนาน “ทองดีฟันขาว” ปล่อยโปสเตอร์และตัวอย่างหนังเรียกน้ำย่อย พร้อมแอคชั่นเต็มศักดิ์ศรี ต้นปี 2560



ทีเซอร์แรก ทองดี ฟันขาว (Official Teaser)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=PUKIoodSZA0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=PUKIoodSZA0</a>

          สิ้นสุดการรอคอย "สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล" และ "บิณฑ์ บูม บิสซิเนส" พร้อมประกาศความยิ่งใหญ่ของ "ทองดีฟันขาว" ภาพยนตร์ไทยแอคชั่นฟอร์มยักษ์ของผู้กำกับมากความสามารถ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" โดยล่าสุด หนังได้ปล่อยโปสเตอร์แบบแรกและตัวอย่างหนังตัวแรกเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยพร้อมเข้าฉายต้นปี 2560

          งานนี้ได้ซูเปอร์สตาร์นักมวยไทยชื่อก้องโลกอย่าง "บัวขาว บัญชาเมฆ" มารับบทนำเต็มตัวเรื่องแรกในบท "จ้อย" หรือ "ทองดีฟันขาว" ชายเลือดนักสู้ผู้มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อในการเดินทางเพื่อเรียนรู้ชีวิตและฝึกฝนในวิชามวยต่างๆ จนโชคชะตาและความสามารถทำให้เขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่งพระเจ้าตากสินมหาราช และพลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทยที่รู้จักกันดีในนาม "พระยาพิชัยดาบหัก"

          โดยโปสเตอร์ใบแรกนี้ได้โชว์ฟันขาวและกำปั้นภายใต้คำโปรย "ฟันขาว ห้าวหาญ ชาญเชิงมวย" เป็นการเน้นย้ำให้จดจำเอกลักษณ์อันโดดเด่นของตัวละครผู้ไม่กินหมากดังเช่นที่ผู้คนสมัยนั้นนิยมกันจึงเป็นที่มาของฉายา "ทองดีฟันขาว" พร้อมกันนี้ในตัวอย่างแรกก็ใช้เทคนิคการย้อนภาพกลับไปสู่ "ก่อนดาบหัก ก่อนชัยชนะ ก่อนเป็นตำนาน" กับเรื่องราวก่อนที่ชายเลือดนักสู้จะได้เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะถูกเล่าขานเป็นครั้งแรกบนจอภาพยนตร์

          คลิกชมตัวอย่างแรกได้ที่ FB/sahamongkolfilmint และ https://youtu.be/PUKIoodSZA0

          #ทองดีฟันขาว พร้อมแอคชั่นเต็มศักดิ์ศรี ต้นปี 2560 ในโรงภาพยนตร์

FB on December 21, 2016, 10:47:30 PM
Movie Guide: “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ทุ่มสุดชีวิต ทำหนังแอคชั่นอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์รับปี 60 “ทองดีฟันขาว” ย้ำชัดบทนี้ต้อง “บัวขาว” เท่านั้น







ทีเซอร์แรก ทองดี ฟันขาว (Official Teaser)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=PUKIoodSZA0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=PUKIoodSZA0</a>

          เป็นผู้กำกับมากฝีมือที่กำกับภาพยนตร์มาหลากหลายเรื่อง ล่าสุด "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ก็ทุ่มสุดตัวโดดลงมากำกับเรื่อง "ทองดีฟันขาว" ภาพยนตร์แอคชั่นอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์เป็นครั้งแรก โดยจะเล่าเรื่องราวชีวิตอันน่าติดตามและจดจำของ "จ้อย" หรือ "ทองดีฟันขาว" ชายเลือดนักสู้ผู้มีความมุมานะไม่ย่อท้อและได้สร้างวีรกรรมอันเลื่องชื่อก่อนที่จะกลายเป็นวีรบุรุษของไทยที่รู้จักกันในนาม "พระยาพิชัยดาบหัก"

          "เท่าที่ผ่านมา ยังไม่มีใครทำหนังประวัติ 'นายทองดีฟันขาว' เลย แต่จริงๆ แล้วท่านเป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่สามารถปกป้องประเทศ โดยการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพระเจ้าตากสิน คือถ้าพูดถึง 'พระยาพิชัยดาบหัก' นี่จะรู้จักกันหมดเลย แต่ถ้าถามว่ารู้จักนายทองดีฟันขาวมั้ย ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้ว่าเป็นคนเดียวกัน เพราะฉะนั้นผมจึงอยากจะสร้างหนังเล่าเรื่องราวชีวิตของท่านตั้งแต่เด็กจนโตว่ามีความสามารถและความเป็นมาน่าสนใจยังไงก่อนที่จะกลายเป็นวีรบุรุษของไทยอีกท่านหนึ่ง ซึ่งผมก็ได้ 'บัวขาว บัญชาเมฆ' มาแสดง ผมว่าเรื่องนี้ต้องบัวขาวคนเดียวเท่านั้นเลย เพราะประวัติชีวิตของทั้งคู่จะคล้ายกันมากทั้งความเป็นนักสู้ ชอบชกมวยตั้งแต่เด็กๆ เพราะฉะนั้นคนที่เหมาะสมจะเล่นเรื่องนี้ก็คือบัวขาวซึ่งลงตัวอย่างมากทั้งหน้าตา คาแรคเตอร์ เชิงมวย และเขาก็เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมากๆ ด้วยครับ

          เรื่องนี้จะไม่เหมือนหนังที่ผมเคยทำมา จะเป็นหนังฟอร์มใหญ่ที่สุดที่ผมและทีมงานตั้งใจสร้างสรรค์มากๆ มันจะเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ไทย มีประวัติของพระยาพิชัยดาบหักที่น่าเรียนรู้ ซึ่งคุณจะได้ทั้งความบันเทิงสนุกสนานจากเรื่องราว ฉากแอคชั่นใหญ่ๆ ตลอดเรื่อง และได้เห็นอะไรแปลกใหม่จากบัวขาว รวมถึงแง่คิดจากหนังหลายอย่างด้วยครับ"

          ชมตัวอย่างแรกก่อนชายเลือดนักสู้จะเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานได้ที่ FB/sahamongkolfilmint และ https://youtu.be/PUKIoodSZA0

          #ทองดีฟันขาว พร้อมแอคชั่นเต็มศักดิ์ศรี 9 กุมภาพันธ์ 2560 ในโรงภาพยนตร์

FB on December 26, 2016, 09:39:41 PM
“3 ครูมวยไทยแห่งประวัติศาสตร์ไทย” จากภาพยนตร์เรื่อง “ทองดีฟันขาว”



3 ครูมวยไทยแห่งประวัติศาสตร์ไทย

สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) กษัตริย์แห่งมวยไทย
สมัยอยุธยา สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ หรือพระเจ้าเสือ โปรดการชกมวยเป็นอย่างมาก เคยทรงปลอมพระองค์มาชกมวยกับชาวบ้านและชนะนักมวยฝีมือดีของเมืองวิเศษไชยชาญอีกทั้งชนะนักมวยเอกถึง 3 คน เมื่อพระมหากษัตริย์โปรดการชกมวยไทยเช่นนี้ ทำให้มีการฝึกมวยไทยกันอย่างแพร่หลายในราชสำนัก ขยายไปสู่บ้านและวัด โดยเฉพาะวัด ถือเป็นแหล่งประสิทธิ์ประสาทวิชามวยไทยเป็นอย่างดีรวมถึงขยายวงกว้างไปสู่สามัญชนมาก แม้ท่านจะทรงสวรรคตแต่มวยไทยตำรับพระเจ้าเสืออันแข็งแกร่งยังได้รับการถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ฝึกฝนจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งวันเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติของพระเจ้าเสือ คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เป็นวันมวยไทยอีกด้วย
นายขนมต้ม ยอดนักสู้ผู้เชิดชูเชิงมวยให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวต่างชาติ


ในตอนเด็กนั้นๆ นายขนมต้มเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ในวัด ด้วยสาเหตุที่ว่าพ่อและแม่ถูกพม่าสังหารจนถึงแก่ชีวิตทั้งสองคน จนเมื่อพม่าตีกรุงศรีอยุธยานายขนมต้มกลายเป็นหนึ่งในเชลยศึกที่ถูกกวาดต้อนไปยังประเทศพม่า กษัตริย์แห่งพม่าได้ทรงจัดงานสมโภชเจดีย์ชเวดากองและทรงโปรดให้มีการแข่งขันชกมวยระหว่างชาวสยามและชาวพม่า สุกี้พะนายกองคัดนายขนมต้มขึ้นชกและสามารถชกชนะนักมวยพม่าถึง 10 คนโดยมิยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว จนพระเจ้ามังระปูบำเหน็จแต่งตั้งให้เป็นข้ารับใช้ในกรุงอังวะแต่นายขนมต้มปฏิเสธและขอให้ปลดปล่อยตนและเชลยคนไทยทั้งหมดเป็นอิสระเพื่อกลับบ้านเกิด พระเจ้ามังระยอมทำตามความประสงค์ให้ทุกคนได้กลับมายังบ้านเกิดก็คือแผ่นดินไทยที่มีกรุงธนบุรีเป็นราชธานีนั่นเอง เหตุการณ์ที่นายขนมต้มสามารถเอาชนะนักมวยพม่าเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2317 นั้น ทำให้ได้มีการกำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันมวยไทยอีกด้วย


นายทองดีฟันขาว นักมวยสู่นักรบของชาติผู้พลิกปรากฏการณ์มวยแห่งชาติ
นายทองดีฟันขาว คืออีกหนึ่งครูมวยสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ เดิมชื่อ จ้อย เป็นเด็กชายที่มีนิสัยกล้าหาญ อดทน ชอบชกมวยเป็นชีวิตจิตใจ ต่อมาได้ศึกษาวิชาหมัดมวยกับครูเที่ยงที่บ้านท่าเสา แต่เพราะไม่เคี้ยวหมากพลูเหมือนคนสมัยนั้นครูเที่ยงจึงเรียกว่า "นายทองดีฟันขาว" นายทองดีเดินทางไปเรียนการต่อสู้จากหลายๆที่ ไม่ว่าจะเป็นมวยไทย มวยจีน หรือเชิงดาบ จนความสามารถเลื่องลือ ภายหลังถวายตัวเป็นทหารคนสนิทของพระเจ้ากรุงธนบุรีและได้รับสมญานามว่า "พระยาพิชัย"

นายทองดีฟันขาว หรือ พระยาพิชัยดาบหักได้สร้างมรดกอันควรแก่การยกย่องสืบทอดมาถึงปัจจุบันนอกจากจะเป็นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ความรักชาติแล้ว ยังสร้าง "มวยพระยาพิชัย" ที่มีจุดเด่นคือเป็นทั้งมวยอ่อนและมวยแข็ง รุกรับตามแต่สถานการณ์ การออกไม้จะรวดเร็ว รุนแรง เผด็จศึกอย่างรวดเร็วเมื่อมีโอกาส สามารถปกป้องตนเอง รู้วิธีรับก่อนรุก เรียนแก้ก่อนผูก เรียนรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเองและคู่ต่อสู้อีกด้วย

FB on December 29, 2016, 09:31:30 AM
Movie Guide: “บัวขาว บัญชาเมฆ” ทุ่มทั้งตัวและหัวใจนักสู้ ฝึกหนักเพื่อภาพยนตร์เต็มตัวเรื่องแรก “ทองดีฟันขาว”

ทีเซอร์แรก ทองดี ฟันขาว (Official Teaser)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=PUKIoodSZA0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=PUKIoodSZA0</a>

          เรียกได้ว่าทุ่มเทพลังกายและใจในการแสดงภาพยนตร์แอคชั่นอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง "ทองดีฟันขาว" ที่ได้รับบทนำเต็มตัวเรื่องแรกนี้อย่างเต็มที่ "บัวขาว บัญชาเมฆ" จึงได้เทคิวถ่ายทำและฝึกซ้อมบทบาทการแสดงอย่างเต็มความสามารถ พร้อมออกแอคชั่นโชว์ลีลาและชั้นเชิงมวยไทยให้สมชื่อซูเปอร์สตาร์นักมวยไทยชื่อก้องโลก และสมกับที่ผู้กำกับ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ออกปากว่า "เรื่องต้องบัวขาวเล่นเท่านั้น" เพราะทั้งบัวขาวและทองดีต่างก็มีชีวิตพื้นฐานที่คล้ายกันมาก ทั้งความเป็นนักสู้และความชื่นชอบในเรื่องหมัดมวยจนมุ่งมั่นฝึกฝนจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาติได้ในที่สุด

           บัวขาวพูดถึงบทบาทการแสดงและความตั้งใจในการเล่นเรื่องนี้ว่า

          "เรื่องนี้ผมรับบทเป็น 'จ้อย' หรือ 'ทองดี' จะเป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก มีความชื่นชอบในเรื่องหมัดมวยเป็นชีวิตจิตใจ เป็นนักสู้ที่ไม่ย่อท้อในการแสวงหาความรู้และฝึกฝนในวิชามวยต่างๆ จนโชคชะตาและความสามารถทำให้เขาได้เป็นทหารเอกของพระเจ้าตากสินครับ แล้วก็ทุกคนในสมัยนั้นจะชอบเคี้ยวหมากกันก็เลยทำให้ฟันดำ แต่ทองดีจะไม่ชอบกินหมากฟันก็จะขาว เลยได้ฉายาว่า 'ทองดีฟันขาว' ตามชื่อเรื่องครับ คาแรคเตอร์นี้ก็จะมีชีวิตใกล้เคียงกับผมเลยครับ คือรักการชกมวยตั้งแต่เด็กแม้จะถูกพ่อห้ามแต่ก็มีความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองจนประสบความสำเร็จ

          เรื่องนี้ก็เป็นบทนำเต็มตัวเรื่องแรกของผมต้องแสดงทั้งดราม่าและแอคชั่นด้วย ก็ค่อนข้างหนักแต่ก็เป็นความท้าทายในการแสดงแบบจริงจังครั้งแรก ก็ต้องเวิร์กช็อปการแสดงครับทั้งเรื่องแอคติ้งและการพูดบทร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ ก็รู้สึกว่าตรงนี้ช่วยได้มาก ส่วนเรื่องแอคชั่นเตะต่อยนี่ก็มีแทบทั้งเรื่องเลยครับ มากกว่าต่อยมวยปกติหลายเท่า เหนื่อยแต่ว่าสนุกทุกฉาก ตรงนี้ก็มีฝึกซ้อมการต่อสู้เพิ่มเติมแล้วก็ต้องหัดขี่ม้าด้วย เป็นครั้งแรกที่ได้ควบม้า ตอนแรกก็เกร็ง ต้องใช้เวลานิดนึงก็เข้ากับม้าได้ ก็โอเค เป็นอะไรที่คุ้มค่าที่ได้มาเล่น เพราะเราก็ได้อีกวิชาหนึ่งติดตัวไป

          ก็ดีใจและประทับใจที่ได้รับเกียรติให้มาเล่นเรื่องนี้ ภูมิใจมากครับ อีกอย่างก็เป็นประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นการต่อสู้เพื่อความถูกต้องอย่างแท้จริง เหมือนเป็นฮีโร่ของชาติด้วยครับ ก็อยากให้ทุกคนมาดูครับว่า นอกจากชกมวยแล้วผมจะมีความสามารถแสดงได้แค่ไหน คือทุกอย่างที่ทำก็อยากให้ออกมาดี ทั้งตัวผม, ผู้กำกับ, นักแสดง และทีมงานทุกคนก็ตั้งใจเต็มที่ อยากจะให้คนที่มาดูได้ทั้งความสนุกของหนังและได้ข้อคิดที่นำไปใช้ในชีวิตจริงๆ ได้ครับ"

          "ทองดีฟันขาว" เล่าเรื่องราวชีวิตอันมุ่งมั่นของ "จ้อย" หรือ "ทองดีฟันขาว" ชายเลือดนักสู้ผู้มีความมุมานะไม่ย่อท้อและได้สร้างวีรกรรมอันเลื่องชื่อก่อนที่จะกลายเป็นวีรบุรุษของไทยที่รู้จักกันในนาม "พระยาพิชัยดาบหัก"

          ชมตัวอย่างแรกก่อนชายเลือดนักสู้จะเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานได้ที่ FB/sahamongkolfilmint และ https://youtu.be/PUKIoodSZA0

          #ทองดีฟันขาว พร้อมแอคชั่นเต็มศักดิ์ศรี 9 กุมภาพันธ์ 2560 ในโรงภาพยนตร์

FB on January 09, 2017, 03:41:18 PM
Movie Guide: “วุฒิ นันทวุฒิ” พระเอกวัยรุ่นนักบู๊ พลิกบทร้ายแอคชั่นเดือด คู่ปรับบัวขาว ใน “ทองดีฟันขาว”









พระเอกวัยรุ่นนักบู๊อันดับหนึ่งของเมืองไทย "วุฒิ-นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์" พลิกคาแรคเตอร์มารับบทร้ายคู่ปรับ "บัวขาว บัญชาเมฆ" เป็นครั้งแรกในภาพยนตร์แอคชั่นอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง "ทองดีฟันขาว" ของผู้กำกับมากฝีมือ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" โดยเขารับบทเป็น "เชิด" ลูกชายเจ้าเมืองพิชัยที่ชอบโอ้อวด เอาแต่ใจตัวเอง และเป็นคู่อริกับ "ทองดี" (บัวขาว) มาตั้งแต่เล็กจนโต เพราะทองดีไม่ยอมอ่อนข้อให้จึงตามราวีไม่เลิก งานนี้พระเอกนักบู๊ทั้งสองคนจึงต้องมีฉากปะฉะดะสู้กันแบบตัวต่อตัวเนื้อๆ เน้นๆ ให้ผู้ชมได้มันกันอย่างแน่นอน

"วุฒิ นันทวุฒิ" พูดถึงการรับบทนี้ว่า

"เรื่องนี้ก็เป็นหนังพีเรียดเรื่องของผมนะครับ ก็รับบทเป็น 'เชิด' ครับ เป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าเมืองพิชัย คือเกิดและเติบโตมาพร้อมกับคำว่าเหนือกว่าคนอื่น อยากได้อะไรก็ต้องได้ ชอบรังแกคนไม่มีทางสู้ แต่ 'ไอ้จ้อย' หรือ 'ทองดี' นี่แหละที่เป็นคนเดียวที่ไม่ยอมลงให้เรา ก็เลยเกิดเป็นความแค้นต้องเอาคืนให้ได้เลยนำไปสู่ฉากใหญ่ที่เราต้องต่อสู้กันบนหลังม้า ความยากมันอยู่ที่คิวทุกอย่างมันต้องเป๊ะ ทั้งม้าทั้งไฟทั้งนักแสดงร่วม คือทุกอย่างมันต้องลงตัวจริงๆ แต่ก็ไม่กดดัน ไม่กังวลนะครับ แต่ตื่นเต้นอยากจะเล่นมากกว่า เพราะว่าพี่บัวขาวเค้าเป็นมวยอยู่แล้ว เราเล่นกับคนเป็นมวย เราไม่กลัวเจ็บ เพราะว่าเค้าเซฟเป็น เค้ารู้อยู่แล้วว่าทำยังไงให้โดนเบาโดนหนัก แต่แรกๆ เค้าก็เกร็ง กลัวเราจะเจ็บ แต่ผมบอกว่าเต็มที่เลยพี่ เดี๋ยวผมค่อยเอาคืน แต่ก็ไม่ได้เอาคืนสักที (หัวเราะ) เรื่องนี้นอกจากจะได้ความสนุกของแอคชั่นแล้ว ยังได้สาระความบันเทิงครบรสครับ ได้เห็นความมุ่งมั่นของนักสู้ที่ไม่ย่อท้อจนนำไปสู่การเป็นวีรบุรุษในตำนาน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่ายกย่องมากๆ ครับ"

"ทองดีฟันขาว" เล่าเรื่องราวชีวิตอันมุ่งมั่นของ "จ้อย" หรือ "ทองดีฟันขาว" ชายเลือดนักสู้ผู้มีความมุมานะไม่ย่อท้อและได้สร้างวีรกรรมอันเลื่องชื่อก่อนที่จะกลายเป็นวีรบุรุษของไทยที่รู้จักกันในนาม "พระยาพิชัยดาบหัก"

#ทองดีฟันขาว พร้อมแอคชั่นเต็มศักดิ์ศรี 9 กุมภาพันธ์ 2560 ในโรงภาพยนตร์

FB on January 10, 2017, 10:56:52 PM
“ทองดีฟันขาว” ปล่อยโปสเตอร์หลัก โชว์แอคชั่นพร้อมระเบิดความมันส์ 9 กุมภาพันธ์ นี้



ตัวอย่างเต็ม ทองดีฟันขาว (Official Trailer)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ZN4U-ohnWpU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=ZN4U-ohnWpU</a>

เบื้องหลังการถ่ายโปสเตอร์ ทองดีฟันขาว
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=BSVzpt0K77s" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=BSVzpt0K77s</a>

นายทองดีฟันขาว - ยืนยง โอภากุล (Ost.ทองดี ฟันขาว)【OFFICIAL AUDIO】
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=l2Z7texL6LM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=l2Z7texL6LM</a>

           "สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล" ภูมิใจเสนอภาพยนตร์แอคชั่นอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี พร้อมปล่อยโปสเตอร์หลักของภาพยนตร์ซึ่งเป็นการแสดงเต็มตัวครั้งแรกของนักมวยซูเปอร์สตาร์ชื่อก้องโลก "บัวขาว บัญชาเมฆ" เป็น "ทองดีฟันขาว" เส้นทางชีวิตของเขาเต็มไปด้วยบททดสอบแห่งการต่อสู้ที่ยิ่งรู้ยิ่งมันส์!

          ในสมัยอโยธยาตอนปลาย โรงมวยเปรียบเหมือนสถาบันที่รวมเหล่ายอดนักสู้ไว้ด้วยกัน ภายใต้การดูแลและฝึกสอนของครูมวยที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายศาสตร์แตกต่างกันไป แต่กว่าจะได้รับการยอมรับเป็นศิษย์ของแต่ละสำนักนั้น ก็ต้องมีความอดทนและเก่งกาจไม่แพ้ใคร

          "ทองดี" เป็นหนึ่งในนักสู้ที่เชื่อมั่นในฝีมือของตนจนไม่เคยรู้ว่าการฝึกการต่อสู้นั้น ครูเป็นเรื่องจำเป็นแค่ไหน จนกระทั่งได้พบกับความพ่ายแพ้แบบที่ยากจะยอมรับ การเดินทางเพื่อค้นหาครูมวยในศาสตร์ต่างๆ ของชายที่ชื่อ "ทองดีฟันขาว" จึงเริ่มขึ้น เพื่อไปสู่จุดที่เขาจะกลายเป็นนักมวยเลื่องชื่อคนสำคัญของอยโธยา...

          จักไม่มีประวัติศาสตร์ หากขาดชายชาตินักสู้
          9 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2560
          แอคชันเต็มศักดิ์ศรีในโรงภาพยนตร์
« Last Edit: January 12, 2017, 02:45:45 PM by FB »

FB on January 18, 2017, 08:42:39 AM
Movie Guide: “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ปลื้ม ได้ “แอ๊ด คาราบาว” แต่งเพลงหนัง “ทองดีฟันขาว” เชื่อโดนใจทุกคนแน่นอน



MV. นายทองดีฟันขาว (เพลงประกอบภาพยนตร์ ทองดีฟันขาว) - ยืนยง โอภากุล
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=NX5ZWXbah_k" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=NX5ZWXbah_k</a>

          ได้นักร้อง-นักแต่งเพลงเพื่อชีวิตชื่อดังอย่าง "ยืนยง โอภากุล" หรือ "แอ๊ด คาราบาว" มาแต่งเพลง "นายทองดีฟันขาว" เพลงประกอบภาพยนตร์แอคชั่นอิงประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง "ทองดีฟันขาว" ให้ ก็ทำเอาผู้กำกับมากความสามารถ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ออกอาการปลื้มใจที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งหนึ่ง

          โดยเพลงนี้ก็จะเล่าเรื่องราวชีวิตอันไม่ย่อท้อของ "ทองดีฟันขาว" ชายเลือดนักสู้ผู้มีความสามารถและมุมานะทางหมัดมวยจนได้สร้างวีรกรรมอันเลื่องชื่อก่อนที่จะกลายเป็นวีรบุรุษของไทยที่รู้จักกันในนาม "พระยาพิชัยดาบหัก"
ผู้กำกับบิณฑ์พูดถึงเพลงนี้ว่า

          "เนิ้อหาเพลง 'นายทองดีฟันขาว' ตรงกับความหมายของหนัง ตรงกับประวัติศาสตร์ ความมุ่งมั่นของคนๆ หนึ่งที่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ซึ่งเราได้ 'พี่แอ๊ด คาราบาว' มาแต่งให้ ซึ่งแต่งได้ดีมากๆ เข้าใจหาคำมาผสมผสานกันจนสามารถเล่าเป็นเรื่องราวของทองดีได้อย่างกระชับและเข้าใจง่าย

          ผมว่าถ้าเป็นเพลงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แล้วก็คงไม่มีใครเหมาะสมและแต่งได้โดนใจเท่าพี่แอ๊ดแน่นอน ทั้งความคิด การใช้ภาษา และประสบการณ์ของพี่แอ๊ดเอง และครั้งหนึ่งพี่แอ็ดก็เคยแต่งเพลง 'ช้างไม่มีป่า' ให้ผมตอนนั้นซัก 15 ปีได้ แล้วก็ไม่เจอพี่แอ๊ดอีกเลย มาครั้งนี้ก็เลยนึกถึงพี่แอ๊ดอีกครั้ง ก็เลยติดต่อพี่แอ๊ด พูดคุยกันถึงเนื้อหาของหนัง จังหวะเพลงเนื้อร้องทำนอง พี่แอ็ดก็ตอบตกลงทันที ให้เกียรติในการแต่งเพลงทองดีนี้ ซึ่งพอผมฟังเพลงแล้วก็ประทับใจมาก ชอบทั้งเนื้อร้องทำนองและความหมายของเพลง ฟังแล้วรู้สึกหึกเหิมเร้าใจ ได้อารมณ์เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ สนุกมาก เป็นเพลงที่ไพเราะติดหูและร้องตามได้ง่ายด้วย ได้ข่าวว่าบัวขาวจะใช้เพลงทองดีนี้เปิดตัวก่อนขึ้นชกมวยด้วยครับ ซึ่งผมเชื่อว่าทั้งผู้ชมผู้ฟังทุกคนน่าจะชอบกันครับ"

          ฟังเพลงและชม MV ได้แล้ววันนี้ทาง FB/sahamongkolfilmint และ https://youtu.be/NX5ZWXbah_k

          #ทองดีฟันขาว พร้อมแอคชั่นเต็มศักดิ์ศรี 9 กุมภาพันธ์ 2560 ในโรงภาพยนตร์
« Last Edit: January 18, 2017, 09:17:54 AM by FB »

FB on January 19, 2017, 02:47:36 PM
ใครเป็นใคร ใน “ทองดีฟันขาว”







          ทองดี (แสดงโดย บัวขาว บัญชาเมฆ) - เป็นคนมีความมุ่งมั่น รักษาคำมั่นสัญญาเสมอ ความคิดไม่ค่อยเหมือนคนอื่น ไม่ชอบกินหมาก จึงเป็นที่มาของฉายา "ทองดีฟันขาว" เขาเป็นคนพูดน้อยต่อยหนักแต่ก็มีอารมณ์ขัน ชื่นชอบการต่อยมวยเป็นชีวิตจิตใจ ไม่หาเรื่องใครก่อนแต่ถ้ามีคนมาหาเรื่องก็ไม่ยอมเช่นกัน มีความเก่งกาจเรื่องมวยและดาบ ความสามารถและโชคชะตาทำให้เขาได้มาเป็นทหารเอกของพระเจ้าตากสินและสู้รบปกป้องบ้านเมืองเคียงข้างกันมา จนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทยที่รู้จักกันในนาม"พระยาพิชัยดาบหัก"

          รำยง (แสดงโดย ศรศิลป์ มณีวรรณ์) - สาวสวยและแข็งแกร่ง เป็นนางกำนัล-หัวหน้าคนคุ้มกัน "แม่สอน" ภรรยาของพระยาตาก เก่งกาจทั้งดาบและมวย เพราะมีน้าเป็นครูมวยคนสำคัญของพระยาตาก รำยงเป็นคนตรงไปตรงมา กล้าตัดสินใจ ไม่ค่อยกลัวใคร เรื่องความรักก็กล้าที่จะแสดงออกว่าสนใจก่อน มีความมั่นใจในตัวเองซึ่งต่างจากสาวๆ ในยุคนั้น

          เชิด (แสดงโดย นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์) – ลูกชายเจ้าเมืองพิชัย เป็นคนโอ้อวด ทำอะไรตามใจตัวเอง มักจะใช้อิทธิพลของพ่อข่มขู่ทุกคน เป็นคู่อริของทองดีตั้งแต่เล็กจนโต เพราะทองดีไม่ยอมอ่อนข้อให้จึงตามราวีไม่เลิก โดยมี "พันฤทธิ์" อาของเขาคอยช่วยเหลือและเสี้ยมสอนไปในทางที่ผิด

          บุญเกิด (แสดงโดย วรรณภูมิ ทรงสุภาพ) - เด็กหนุ่มกำพร้าที่ถูกชะตากับทองดี จึงอยากจะเดินทางติดตามไปไหนมาไหนด้วย เป็นเด็กที่ค่อนข้างจะพูดมากจนบางครั้งก็ทำให้ทองดีรำคาญ แต่ก็จริงใจกับเพื่อนมากเช่นกัน ทำให้ทองดีเห็นความจริงใจนั้นของเขาจนยอมรับเป็นศิษย์ในที่สุด

          หมวยเล็ก (แสดงโดย ชุติรดา จันทิตย์) - อาหมวยลูกสาวเจ้าของโรงงิ้ว แต่ไม่ค่อยชอบงิ้ว ทำให้เธอตัดสินใจออกเดินทางใช้ชีวิตไปกับทองดีและบุญเกิด เก่งเรื่องมวยจีนพอตัว และเป็นคู่กัดของบุญเกิด ทั้งคู่จะมีเรื่องให้หยอกล้อและทะเลาะกันเกือบตลอดเวลา

          เรือง (แสดงโดย ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) - รูปร่างสูงใหญ่ ใจกล้า มีน้ำใจเอื้ออารีย์ ท่าทางอาจหาญ เป็นคนมีฐานะ และดูมีอิทธิพลในเมืองตาก เป็นผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยชีวิตทองดีในช่วงเวลาสำคัญ จึงทำให้ทองดีรู้สึกติดหนี้บุญคุณอย่างมาก แต่แล้วเหตุการณ์ก็พลิกผันทำให้ทั้งคู่ต้องมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ทำให้ทองดีต้องตัดสินใจเลือกบางอย่าง

          ครูห้าว (แสดงโดย จรัญ งามดี) - เป็นครูมวยคู่ใจของพระยาตาก เป็นคนห้าวสมชื่อ ชกมวยเก่ง เป็นน้าของรำยง เป็นนักมวยนิรนามที่เคยล้มทองดีได้ จนทำให้ทองดีมุ่งมั่นดิ้นรนที่จะมีครู เพื่อเรียนรู้มวยและดาบเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ทองดีต้องเปรียบมวยประชันฝีมือกับครูห้าวก็มาถึงอีกครั้ง

FB on January 24, 2017, 03:06:21 PM
“ทองดีฟันขาว” อวดโฉมสติ๊กเกอร์ เปิดให้ดาวน์โหลดใช้ฟรี เอาใจเหล่าโซเชียล







"ทองดีฟันขาว" ภาพยนตร์แอ็คชั่นฟอร์มยักษ์แห่งปี ที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตอันมุ่งมั่นของ "จ้อย" หรือ "ทองดีฟันขาว" ชายเลือดนักสู้ผู้มีความมุมานะไม่ย่อท้อและได้สร้างวีรกรรมอันเลื่องชื่อก่อนที่จะกลายเป็นวีรบุรุษของไทยที่รู้จักกันในนาม "พระยาพิชัยดาบหัก"

ล่าสุดได้อวดโฉมสติ๊กเกอร์ตัวใหม่เอาใจบรรดาเหล่าโซเซียล โดยมี "บัวขาว บัญชาเมฆ" แอ็คติ้งจัดเต็ม โชว์ลีลาเตะ ต่อย พร้อมประโยคเด็ดๆ โดนๆ จาก มะนาว ศรศิลป์ ที่งัดมาดนางเอกย้อนยุคแบบไทยบนสติ๊กเกอร์ที่มีให้ดาวโหลดให้ใช้ฟรี งานนี้ชาวเน็ตมีว้าว แชทมันส์สนั่นจอกับสติ๊กเกอร์จากเหล่านักแสดงดัง ที่ทุ่มทุนแอ็คติ้งเข้าถึงบทบาทปะปนความน่ารัก เรียกได้ว่าเอาใจคนหัวใจฟรุ๊งฟริ๊งต้อนรับวาเลนไทน์กันไปเลย

          ดาวน์โหลดพร้อมกันได้แล้ววันนี้ที่นี่
          #ทองดีฟันขาว พร้อมแอคชั่นเต็มศักดิ์ศรี 9 กุมภาพันธ์ 2560 ในโรงภาพยนตร์

FB on January 27, 2017, 09:08:43 AM
Movie Guide: เปิดตัวครั้งแรกหนังไทยฟอร์มยักษ์ “ทองดีฟันขาว” ตะลึง “บัวขาว” โชว์แกร่งเรียกน้ำย่อย ก่อนแอคชั่นเต็มศักดิ์ศรี 9 ก.พ. นี้





ตัวอย่างเต็ม ทองดีฟันขาว (Official Trailer)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ZN4U-ohnWpU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=ZN4U-ohnWpU</a>

          "สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล" และ "บิณฑ์ บูม บิสซิเนส" เปิดสนามเปรียบมวยที่มันส์ที่สุดในประวัติศาสตร์ในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์แอคชั่นฟอร์มยักษ์ "ทองดีฟันขาว" ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับมากความสามารถ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 60 ณ โรงภาพยนตร์ SF World Cinema ชั้น 7 Central World ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานตลอดทั้งงาน

          เปิดงานด้วยการพูดคุยกับผู้กำกับมากฝีมือ "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" และโปรดิวเซอร์มากประสบการณ์ "ธนิตย์ จิตนุกูล" ถึงที่มาที่ไปและเบื้องหลังการทำงานในภาพยนตร์แอคชั่นอิงประวัติศาสตร์เรื่องยิ่งใหญ่แห่งปี

          จากนั้นจึงเชิญซูเปอร์สตาร์นักชกระดับโลก "บัวขาว บัญชาเมฆ" ขึ้นมาเผยความรู้สึก "เมื่อบัวขาวเป็นทองดีฟันขาว" กับการทุ่มสุดตัวและหัวใจในการแสดงเต็มตัวครั้งแรกในเรื่องนี้ พร้อมเพิ่มความคึกคักด้วยตัวอย่างภาพยนตร์ก่อนเชิญทีมนักแสดงอย่าง "มะนาว-ศรศิลป์ มณีวรรณ์, วุฒิ-นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์, ภูมิ-วรรณภูมิ ทรงสุภาพ, ปุยฝ้าย-ชุติรดา จันทิตย์" ขึ้นมาร่วมพูดคุยถึงประสบการณ์การร่วมงานที่น่าภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ถูกเล่าผ่านภาพยนตร์

          และก็มาถึงไฮไลต์เด็ดของงานเมื่อบัวขาวรับคำท้าผู้กำกับบิณฑ์ให้โชว์ความแข็งแกร่งบนเวที โดยการเตะต้นกล้วยยักษ์หักเป็นสองท่อนด้วยลูกเตะพิฆาตอันหนักหน่วงเพียง 2 ครั้งเท่านั้นต่อหน้าเหล่าสื่อมวลชน และผู้ชมภายในงานให้ได้ตะลึงเต็มๆ ตากันเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนชมภาพยนตร์จริงที่มันส์สะใจยิ่งกว่านี้แน่นอน

          ปิดท้ายด้วยการถ่ายภาพรวมของทีมผู้บริหารสหมงคลฟิล์มฯ นำโดย "คุณอวิกา เตชะรัตนประเสริฐ" รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาด,"คุณจาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ" รองประธานกรรมการฝ่ายสื่อสารการตลาด และ "คุณสุพัฒน์ งามวงศ์ไพบูลย์" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมโปรดิวเซอร์, ผู้กำกับ และทีมนักแสดงจากภาพยนตร์

#ทองดีฟันขาว พร้อมแอคชั่นเต็มศักดิ์ศรี 9 กุมภาพันธ์ 2560 ในโรงภาพยนตร์
« Last Edit: January 27, 2017, 09:18:32 AM by FB »

FB on February 02, 2017, 11:09:30 PM
Movie Guide: 5 สู้แบบทองดีฟันขาว ของ บัวขาว บัญชาเมฆ

5 สู้แบบทองดีฟันขาว ของ บัวขาว บัญชาเมฆ
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=u4halyguiAM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=u4halyguiAM</a>

          หลายคนคิดว่าการรับบท "นายทองดีฟันขาว" คงจะเป็นงานง่ายๆ ของยอดมวยไทยอย่าง "บัวขาว" แต่การสู้ในแบบทองดีฟันขาวในหนังเรื่องนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะต้องผ่าน 5 ความท้าทายสุดหิน
          ทั้ง สู้ตามตำรามวยโบราณ, สู้บนหลังม้า, สู้กลางเปลียวเพลิง, สู้ทะลุองศาเดือด, สู้ได้ไม่เลือกที่
          ทุก "ความยิ่งใหญ่" ต้องมี "การฝึกฝน"
          ทุก "วีรบุรุษ" ย่อมมี "ทหารเอก" อยู่เคียงข้าง
          และนี่คือเรื่องราวที่โลกต้องจดจำ
          ก่อนที่ชายเลือดนักสู้จะได้เป็น "พระยาพิชัยดาบหัก"

          ทองดี ฟันขาว
          9 กุมภาพันธ์ 2560 ในโรงภาพยนตร์