RACE ต้องกล้าวื่ง 20 เกร็ด น่ารู้ ก่อนไปชม ในโรงภาพยนตร์
Race ต้องกล้าวิ่ง - Official Trailer [ซับไทย / 21 เม.ย.59]
RACE ต้องกล้าวื่ง 20 เกร็ด น่ารู้ ก่อนไปชม ในโรงภาพยนตร์
1.เจสซี่ โอเว่นส์ ได้รับเป็นนักกรีฑาที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา เกิดในปี 1913 ที่เมืองโอ๊ควิลล์ รัฐแอละบามา ปัจจุบัน เทศบาลเมืองโอ๊ควิลล์ได้สร้างพิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถานของเจสซี่ โอเว่นส์ไว้ และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของเมือง
2.เจสซี่ โอเว่นส์ เกิดในครอบครัวที่ยากจน มีพี่น้องทั้งหมด 10 คน ในวัยเด็กเขาต้องทำงานสารพัด ตั้งแต่เป็นเด็กส่งของ จนถึงเป็นลูกจ้างในร้านซ่อมรองเท้า
3.เจสซี่ โอเว่นส์หลงใหลในการวิ่งแข่ง ตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษา เมื่อครอบครัวย้ายมาตั้งรกรากที่เมืองคลีฟแลนด์ (รัฐโอไฮโอ) เขาก็ได้เข้าทีมกรีฑาของโรงเรียนมัธยมต้นที่คลีฟแลนด์นั่นเอง
4.ขณะเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เจสซี่ โอเว่นส์ ทำเวลาในการวิ่งและกระโดดไกลได้เทียบเท่าสถิติโลก ในการแข่งขันกีฬามัธยมระดับประเทศ การแข่งขันครั้งนั้นเป็นใบเบิกทางให้เขาสามารถเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ใน มหาวิทยาลัยโอไฮโอได้สำเร็จ
5.ในช่วงที่สหรัฐอเมริกายังมีการเหยียดคนผิวดำอย่างรุนแรง เจสซี่ โอเว่นส์ โดนคำปรามาสจากผู้ที่มีอคติ และทำให้กลุ่มคนผิวสีบางกลุ่ม กดดันให้เจสซี่ โอเว่นส์ไม่ต้องเข้าร่วมแข่งขันกีฬา เพราะมันเป็นเกมของคนขาว
6.ด้วยผลงานอันโดดเด่น ทำให้เจสซี่ โอเว่นส์ได้รับการรับเลือกให้เป็นนักกรีฑาทีมชาติอเมริกา ในการเข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 1936 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
7.การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปีนั้น ประเทศเยอรมนีเจ้าภาพ มีผู้นำคือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำพรรคนาซี ซึ่งมีทัศนคติเชิดชูชนชาติอารยัน และเหยียดชาติพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน
8.เจสซี่ โอเว่นส์ ตัดสินใจเดินทางไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่เบอร์ลิน และเขาก็สามารถชนะเหรียญทองถึง 4 รายการ ต่อหน้าอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งเป็นการตบหน้าผู้หน้าผู้นำเยอรมนีในตอนนั้นอย่างมาก
9.เจสซี่ โอเว่นส์ ชนะรายการวิ่ง 100 เมตร, วิ่ง 200 เมตร, วิ่งผลัด 4x100 เมตร และกระโดดไกล โดยทั้ง 4 รายการนั้นเป็นการชนะเหรียญทองแบบทำลายสถิติโลก
10. 40 ปีหลังจากโอลิมปิกในครั้งนั้น ในปี 1976 เจสซี่ โอเว่นส์ ได้รับรางวัลเกียรติยศ Olympic Order จากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล อันถือเป็นรางวัลที่มอบให้เพื่อยกย่องบุคคลที่มีส่วนสร้างประวัติศาสตร์โอลิมปิก ซึ่งชัยชนะ 4 เหรียญทองของเจสซี่ โอเว่นส์นั้น นับเป็นการทำลายอคติเรื่องเชื้อชาติได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สุด
11.หนังเรื่อง RACE ออกฉายในวาระครบรอบ 80 ปีของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1936
12.ผู้กำกับสตีเฟ่น ฮอพกินส์ กล่าวว่า แก่นเรื่องของ Race ไม่ได้อยู่ที่ชัยชนะของเจสซี่ โอเว่นส์ เพียงอย่างเดียว แต่มันแสดงให้เห็นชัยชนะของความเป็นมนุษย์
13.สเตฟาน เจมส์ นักแสดงหนุ่มดาวรุ่งจากแคนาดาวัย 23 ปี ได้มารับบท เจสซี่ โอเว่นส์ ซึ่งตัวเขาเองไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเจสซี่ โอเว่นส์มาก่อนเลย
14.ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่ทุ่มเทให้กับบทอย่างมาก สเตฟาน เจมส์ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ เจสซี่ โอเว่นส์ โดยการขอไปอาศัยอยู่กับครอบครัวของโอเว่นส์เป็นเวลาหลายเดือน จนกระทั่งครอบครัวโอเว่นส์รับเขาเป็นลูกบุญธรรม
15.นอกจากนี้สเตฟาน เจมส์ ยังลงทุนฝึกซ้อมกรีฑา โดยโค้ชทีมชาติ เพื่อเปลี่ยนแปลงร่างกายและท่าทางให้เหมือนกับนักกีฬาทีมชาติให้มากที่สุด
16. บทโค้ช แลร์รี่ ซไนเดอร์ ในหนังนั้น ไม่มีตัวตนจริง แต่ดัดแปลงจากครูฝึกสอนกรีฑาหลายคนของเจสซี่ โอเว่นส์
17. ฉากที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือฉากสนามกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงเบอร์ลิน ผู้กำกับ สตีเฟ่น ฮอพกินส์ ตั้งโจทย์กับตัวเองไว้ว่า หนังจะต้องให้ภาพของงานโอลิมปิกในครั้งนั้นได้ครบถ้วนในรายละเอียดสำคัญๆ ซึ่งเขาใช้เวลาเตรียมงานอย่างหนักเกือบ 2 ปี
18. เจสซี่ โอเว่นส์ เสียชีวิตในปี 1980 ด้วยวัย 66 ปี เพราะโรคมะเร็งปอดจากการสูบบุหรี่ ชีวิตของเขาหลังจากได้รับเหรียญโอลิมปิกในปี 1936 เจสซี่ โอเว่นส์ อุทิศตนให้กับวงการกรีฑา และการเรียกร้องสิทธิมนุษยชน
19. คนที่ให้กำลังใจเจสซี่ โอเว่นส์ ในการฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ มาตลอด คือ มินนี่ รูธ โซโลมอน ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของโอเว่นส์ พวกเขาเจอกันตอนยังเรียนมัธยมต้น (เจสซี่อายุ 15 ส่วนมินนี่อายุ 13) พวกเขาเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนนั้น แต่งงานกัน และอยู่ด้วยการจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
20. "เราทุกคนเกิดมามีความฝัน แต่การจะทำฝันให้เป็นจริงได้นั้น ต้องมีทั้งความมุ่งมั่น, การอุทิศตน มีวินัยและความพยายาม" คือประโยคที่เจสซี่ โอเว่นส์บอกกับทุกคน