FB on December 28, 2015, 01:25:44 PM
บุปผาอาริกาโตะ “ความสยองขำโรแมนติกครั้งใหม่” กับเรื่องราวใหม่ เหตุการณ์ใหม่ ตัวละครใหม่ โลเกชั่นใหม่ ฯลฯ และ … บุปผาคนใหม่









          ทิ้งกู มึงตาย
          เก้า สุภัสสรา เป็น บุปผา คนใหม่

          หนาวติดลบ หลอนติดตา
          หลอกแก๊งแฟนฉันมา ตะเตือนไต !

          ‪#‎บุปผาอาริกาโตะ ‪#‎buppaharigato
« Last Edit: March 12, 2016, 11:37:15 PM by FB »

FB on February 27, 2016, 01:03:35 PM
4 ภาพชุดแรก จาก “บุปผาอาริกาโตะ”









          เมื่อ ต้อม-ยุทธเลิศ นำ 6 หนุ่ม แก๊งแฟนฉัน รีเทิร์น มาเจอกับ เก้า สุภัสสรา บุปผา คนใหม่ แถมยังถ่ายทำทรหดแบบไม่มีพัก กลางอุณหภูมิ – 8 องศา ที่เมืองนิเซโกะ ประเทศญี่ปุ่น ความ หลอน ฮา เลือดสาด จึงบังเกิด
          #บุปผาอาริกาโตะ

          12 เมษายนนี้ เตรียมพบ บุปผา และ พวกเขา ได้ทุกโรงภาพยนตร์

FB on March 02, 2016, 03:35:00 PM
สหมงคลฟิล์มฯ แถลงข่าว “บุปผาอาริกาโตะ” ท่ามกลางเมืองหิมะ ผู้กำกับต้อม ยุทธเลิศ ชวนสื่อมวลชนสัมผัสความเย็นยะเยือก พร้อมเปิดตัว “เก้า-สุภัสสรา บุปผาคนใหม่” ปะทะ “6 นักแสดงแฟนฉัน” คืนจอในรอบ 12 ปี









          หลังจากปล่อยภาพแรกออกมาเรียกน้ำย่อยตั้งแต่ต้นปี สำหรับ "บุปผาอาริกาโตะ" โปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ "ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค" กลับมาร่วมงานกับ บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล อีกครั้ง จนเกิดเป็นคำถามว่าเกี่ยวอะไรกับ "บุปผาราตรี" ภาพยนตร์โรแมนติกเลือดนองสยองขำ หนังผีระดับขึ้นหิ้งที่ถูกอกถูกใจคอหนังจนประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษที่ผ่านมา หลังจากที่ตัวภาพยนตร์ปิดกล้องการถ่ายทำเป็นที่เรียบร้อย สหมงคลฟิล์มฯ จึงจัดงานแถลงข่าวภาพยนตร์พร้อมเปิดตัว "เก้า สุภัสสรา ธนชาต" นักแสดงสาวสุดฮอตผู้รับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวของบุปผาคนใหม่ ในบรรยากาศที่เรียกได้ว่าเย็นยะเยือกท่ามกลางความหนาวเหน็บในเมืองหิมะ "Snow Town " ชั้น 5 ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย

          งานนี้เพื่อให้พี่น้องสื่อมวลชนได้สัมผัสกับบรรยากาศเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ของ "บุปผาอาริกาโตะ" ที่ผกก.ต้อม ยุทธเลิศให้คำจำกัดความว่า "เป็นภาพยนตร์ผีบุปผารูปแบบใหม่ สำหรับผู้ชมในพ.ศ.นี้ที่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของความหวาดผวาชวนขนลุก ที่ทั้งสยอง และชวนให้ขำไปพร้อมๆ กันซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในสไตล์ของหนังผีแบบบุปผา เพียงแต่คราวนี้ทุกอย่างจะถูกคิดใหม่ทำใหม่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างใหม่หมด โดยยกกองไปปักหลักถ่ายทำถึง เมืองนิเซโกะ บนเกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่นในเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าหิมะสวยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการถ่ายทำหนังผีบุปผาท่ามกลางหิมะที่เรียกว่า powder snow ภายใต้อุณหภูมิติดลบ

          ซึ่งผู้ชมจะได้สัมผัสกับเหตุการณ์และเรื่องราวใหม่ๆ ที่รับประกันว่าผู้ชมจะคาดไม่ถึง และการกลับมารวมตัวกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ของอดีตกลุ่มนักแสดงเด็ก 6 คนจากแก๊งแฟนฉันที่ตอนนี้ล้วนโตเป็นหนุ่มแล้ว นำทีมโดย แน็ก ชาลี ปอทเจส, แจ๊ค เฉลิมพล ฑิฆัมพรธีรวงศ์, หยก ธีรนิตยาธาร, อ๋อง ธนา ตันตรานนท์, ออฟ อภิชาญ เฉลิมชัยนุวงศ์, เก็ท ตรีวรัตถ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย ที่จะมาร่วมเผชิญความหลอนจนถึงขั้วกระดูกในดินแดนอาริกาโตะไปกับผีบุปผา ซึ่งรับประกันว่าจะมาพร้อมรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะชนิดที่เรียกว่าจัดเต็ม ในงานเปิดตัวครั้งนี้ยังได้มีการแนะนำ 2 ใบปิดโปสเตอร์ธีมหลักจากภาพยนตร์ให้สื่อมวลชนได้สัมผัสเป็นครั้งแรกทั้ง เวอร์ชั่นเปิดตัวบุปผา เก้า-สุภัสสรา ที่ชวนขนลุกเพราะมาพร้อมข้อความอาฆาตแค้นคล้ายๆ คำเตือนเกี่ยวกับความรักจากบุปผาที่ว่า "ทิ้งกูมึงตาย" และ เวอร์ชั่นอารมณ์ขันสั่นสะท้านเมื่อเดอะแก๊งหนุ่มๆ จะต้องเผชิญหน้าท้าความเหน็บหนาวด้วยอาภรณ์น้อยชิ้นที่ปกปิดร่างกาย เป็นตัวแทนของรอยยิ้มที่จะเกิดขึ้นในภาพยนตร์จากการแสดงของกลุ่มแก๊งเพื่อนจากแฟนฉัน

          เรียกได้ว่าเป็นงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ที่ทำให้สื่อมวลชน และแขกที่มาร่วมงานได้สัมผัสถึงรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะไปพร้อมกับบรรยากาศความเย็นยะเยือกชนิดที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศการถ่ายทำของภาพยนตร์กันเลยทีเดียว ช่วงท้ายงานยังได้รับเกียรติจากคุณอวิกา เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาด คุณจาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายสื่อสารการตลาด คุณชมศจี เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายขาย จากบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ขึ้นถ่ายรูปพร้อมผู้กำกับและนักแสดง

FB on March 02, 2016, 03:36:15 PM
การกลับมาของหนังผีไทยระดับขึ้นหิ้งที่น่ากลัวที่สุด โรแมนติกที่สุด เต็มไปด้วยความหลอกหลอน และสยองขำที่สุด ประสบความสำเร็จ และได้รับเสียงตอบรับจากผู้ชมอย่างต่อเนื่องมากที่สุดตลอดกาลจาก “บุปผาราตรี” พ.ศ.2546 สู่ “บุปผาอาริกาโตะ” พ.ศ.2559









          จากลายเซ็นต์เฉพาะตัวในความเป็น
          "ภาพยนตร์สยองโรแมนติกระดับมาสเตอร์พีซ"ของผู้กำกับ "ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค"

          SAHAMONGKOLFILM INTERNATIONAL & FILMREPUBLIC
          ภูมิใจเสนอ
          บุปผาอาริกาโตะ
          เรื่องราวความรักสุดหลอนที่ชวน "ขนลุก" และเสียดแทง "ความกลัว"
          ภายใต้ "ความเหน็บหนาว-หิมะขาวโพลน" และ "ความหวาดสะพรึง"อย่างถึงขีดสุดที่ใครๆก็คาดไม่ถึง

          "ความสยองขำโรแมนติกครั้งใหม่"
          กับเรื่องราวใหม่
          เหตุการณ์ใหม่
          ตัวละครใหม่
          โลเกชั่นใหม่
          ฯลฯ
          และ.....บุปผาคนใหม่
          เก้า สุภัสสรา ธนชาต (ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น,ฝากไว้ในกายเธอ)
          พร้อมการกลับมารวมตัวกันครั้งใหม่ของ
          แน็ก ชาลี ปอทเจส (อาปัติ)
          และ แจ๊ค- หยก-ออฟ-อ๋อง-เก็ท
          กลุ่มนักแสดงแก๊งแฟนฉันในอีก12ปีต่อมา

          12 เมษายนรับปีใหม่ไทย

          กำหนดฉาย 12 เมษายน 2559
          แนวภาพยนตร์ โรแมนติก สยองขำ ชวนขนหัวลุก
          สร้าง และจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
          บริษัทดำเนินงานสร้าง ฟิล์มรีพับบลิค
          อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
          กำกับภาพยนตร์ ยุทธเลิศ สิปปภาค
          ควมคุมการสร้าง ฐณะวัฒน์ ธรรมปรีชาพงศ์
          บทภาพยนตร์ ยุทธเลิศ สิปปภาค
          กำกับภาพ ยุทธเลิศ สิปปภาค
          ควมคุมการตัดต่อ ยุทธเลิศ สิปปภาค
          กำกับศิลป์ คชา เรืองทอง
          ออกแบบเครื่องแต่งกาย ศิริวรรณ ก้านชูช่อ
          แต่งหน้า-ทำผม มานพ จันทร์อุดม
          เพลงประกอบ จะรออยู่ตรงนี้
          ขับร้อง/เนื้อร้อง/ทำนอง ชาลี ปอทเจส
          นักแสดง เก้า-สุภัสสรา ธนชาต, แน็ก-ชาลี ปอทเจส, แจ๊ค-เฉลิมพล ฑิฆัมพรธีรวงศ์, หยก ธีรนิตยาธาร, อ๋อง-ธนา ตันตรานนท์, ออฟ-อภิชาญ เฉลิมชัยนุวงศ์, เก็ท-ตรีวรัตถ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย, แม็คกี้ อาภา ภาวิไล, นาวิน (ต้าร์) เยาวพลกุล, อดิเรก วัฏลีลา, เกียรติศักดิ์ อุดมนาค, พงศ์เทพ อนุรัตน์,กิตติภพ ฤกษนันทน์, เจนิส รัตตกุล, ชิชา อมาตยกุล, ด.ช ภคิน รัตตกุล, เพชรพลอย กรพินธุ์สกุล

          เรื่องราวของ "บุปผา : อาริกาโตะ"
          โรส(เก้า สุภัสสรา ธนชาต) สาวสวยวัย20ผู้เพียบพร้อมทั้งฐานะและการศึกษา เธอมีชื่อจริงว่า "บุปผาราตรี" หลังจากที่โรสจับได้ว่า "แม็ค" คนรักนอกใจเธอ จากสาวสวยผู้เพียบพร้อมกลับแปรเปลี่ยนเป็นฆาตกรโหดด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ หลังจากฆ่าคนรักไปแล้วโรสจึงหนีไปอยู่ที่เมือง "นิเซโกะ" ประเทศญี่ปุ่น
          "ออสการ์ลอดจ์" คือบ้านเช่าที่โรสเข้าไปหลบซ่อนตัว
          ที่เดียวกันนั้น คือบ้านพักที่แน็ก (ชาลี ปอทเจส) และ แก๊งเพื่อน (แจ๊ค เฉลิมพล ฑิฆัมพรธีรวงศ์), หยก (หยก ธีรนิตยาธาร), ออฟ (อภิชาญ เฉลิมชัยนุวงศ์), อ๋อง (ธนา ตันตรานนท์), เก็ท (ตรีวรัตถ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย) เข้าพักเพื่อมาถ่ายเอ็มวีราคาประหยัดสำหรับอัลบั้มใหม่ของแน็ก
          ที่นี่เองทำให้โรสได้พบกับแน็กที่หน้าตาเหมือนกับแม็คแฟนเก่าราวกับเป็นคนคนเดียวกัน ความแค้นเข้าครอบงำเธออีกครั้ง รวมทั้งความรักด้วย
          แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ ออสการ์ ลอดจ์ บ้านพักสุดเฮี้ยนที่ร่ำลือกันว่าเป็นที่สิงสถิตย์ของวิญญาณที่เคยบูชารักสุดหัวใจ
          ทั้งหมดในบ้านจะมีจุดจบเช่นไร ท่ามกลางหิมะสีขาวบริสุทธิ์ สีแดงแห่งเลือดคงจะเด่นชัดยิ่งกว่าครั้งไหนๆใน "บุปผาอาริกาโตะ"

FB on March 02, 2016, 03:37:23 PM
เจาะลึกถึงขั้วกระดูกแต่ละตัวละครใน “บุปผาอาริกาโตะ”









          เก้า สุภัสสรา ธนชาต
          นักแสดงสาววัย 20 โด่งดั่ง และประสบความสำเร็จจากจากบท "สไปรท์" ในซีรี่ส์ "ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น" และภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "ฝากไว้ในกายเธอ" โดยมีผลงานต่างๆ มากมายอาทิ งานพิธีกร, การแสดงในมิวสิควิดีโอ, ซีรี่ส์, ซิทคอม, โฆษณา
          การรับบทเป็น "บุปผา" หญิงสาว 2 บุคลิกอ่อนหวานน่ากลัวอ่อนไหวในความรัก
          สำหรับตัวละคร "บุปผาคนใหม่" คนดูจะได้เห็นตัวละครหญิงสาวที่มีอารมณ์ความรู้สึกซับซ้อนเหมือนมี2บุคลิกอยู่ในตัวคนเดียวซึ่งจะถูกเล่าผ่านมุมมองของผู้กำกับต้อมยุทธเลิศที่ตั้งใจสร้างความแตกต่างจากบุปผาราตรีเดิม
          "คนดูจะได้เห็นเก้าในบทแบบนี้คือจะมีทั้งซอฟท์ และรุนแรงอยู่ในตัว ซึ่งการแสดง2คาแรคเตอร์ในร่างเดียวจะต่างจากคาแรคเตอร์บุปผาเก่ามันจะมีชั้นเดียว แต่นี่2ชั้นดูเหมือนมันไม่ปกติ ซึ่งการแสดง2ชั้นแบบนี้ วิธีการของพี่มันอาจจะเวิร์คก็ได้ ด้วยความที่พี่ไม่ได้เซ็ตไม่ได้บอกอะไร มันทำให้เก้ามี Question เสมอในระหว่างเล่น เพราะงั้นมันก็จะกลายเป็นคนที่พูดอีกอย่าง แต่ข้างในนี่คิดไปไหนเราไม่รู้ ซึ่งมันเหมาะกับคาแรคเตอร์ เหมาะกับหนังเพราะว่าพอขึ้นจอหนังนี่จะเห็นลูกตาใหญ่มาก แล้วคนเรานะการแสดงดีไม่ดีมันอยู่ที่ลูกตาจริงๆ ซึ่งอันนี้มันเป็นสิ่งที่แบบถ้าผิดนิดเดียวหรือถ้าคิดอีกแบบคนจะรู้เลย เหมือนว่าเรามองตาคน เราก็รู้ว่าเราอ่านออกเราอ่านไม่ออก ถ้าอ่านไม่ออกนี่ถือว่าเป็นเทคนิคการแสดง หรือว่ามันเป็น Improvise ระหว่างทาง ซึ่งมันเกิดความลงตัวขึ้นตรงนี้ พี่มองว่าอาจจะเรียกว่าเป็นพัฒนาการการเล่นอีกแบบหนึ่งของเก้า ซึ่งเขาจะชอบหรือเปล่าไม่รู้ แต่เขาทำได้ เขาทำได้ในสิ่งที่บุปผาราตรีภาคใหม่ควรจะมี แน่นอนคือนอกจากความรุนแรง ความมี2คาแรคเตอร์ ความอ่อนหวาน ความโหดร้าย ความน่ากลัว อีกด้านในคาแรคเตอร์ของบุปผาก็คือในด้านความรัก ผู้หญิงที่อ่อนไหวในเรื่องแบบนี้ น่าจะเป็นบุปผาที่รักมากมันก็เลยเจ็บมาก พอเจ็บมากมันจะทำให้เขากลายเป็นผู้หญิงอีกแบบหนึ่ง แต่เรื่องรักก็ยังมีอยู่ แต่ไอ้ความรักนี่กลับกลายไป มุมมองความรักเปลี่ยนแปลงไป จนกระทั่งมาเจอผู้ชายคนหนึ่งที่เจอกันเพียงแค่วันสองวัน อันนี่พี่มองว่าบุคลิกแบบนี้มันครีเอท มันทำให้คนหนึ่งหลงรัก มันก็จะกลายเป็นเรื่องความโรแมนติกในหนังที่น่ากลัว ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ของบุปผาในความรักเรื่องนี้"
          แน็ก ชาลี ปอทเจส
          นักแสดงหนุ่มวัย23ปี อดีตนักแสดงเด็กขวัญใจผู้ชมทั่วประเทศจากบท "เจี๊ยบ" ใน "แฟนฉัน" หลังจากนั้นก็มีผลงานทางด้านการแสดงมาโดยตลอดทั้งงานภาพยนตร์,ละครเวที,มิวสิควิดีโอ,โฆษณา,ละครและรายการโทรทัศน์มีผลงานภาพยนตร์12เรื่องในรอบ12ปี และเป็นเจ้าของรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดีนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยมจาก "เด็กหอ" ปีที่ผ่านมาได้รับการพูดถึงจากบท "เณรซัน" ที่ต้องไปพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับ และเหตุการณ์อื้อฉาวในวงศาสนาในภาพยนตร์เรื่อง "อาปัติ" และในปีที่13ในวงการบันเทิง เราจะได้เห็นบทบาทที่หลากหลายมากขึ้นในด้านการแสดงของหนุ่มแน็ก โดยเฉพาะบทพระเอกโรแมนติกอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกใน "บุปผาอาริกาโตะ" ภาพยนตร์แนวโรแมนติกเลือดนองสยองขำที่เราจะได้เห็นความสามารถทั้งทางด้านการแสดง เล่นกีตาร์แต่งและร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ด้วยตัวเอง รวมทั้งยังเป็นการกลับมาร่วมงานบนจอเงินกับกลุ่มเพื่อนๆนักแสดงเด็ก "แฟนฉัน" เป็นครั้งแรกแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันในรอบ12ปี
          "สำหรับบทแน็กที่ได้รับใน "บุปผาอาริกาโตะ" ถือได้ว่าแตกต่างเลยจากบทบาทต่างๆที่ผ่านมา ตรงที่เรื่องนี้ตัวละครของเราเป็นผู้ชายที่จริงจังกับความรักมาก แล้วก็สามารถพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ ในเรื่องก็จะเป็นศิลปิน ถือกีตาร์ตลอด แล้วก็เล่นดนตรีร้องเพลง ซึ่งตรงกับชีวิตจริงที่มีความฝันอยากทำงานเพลงของตัวเองก็เลยชวนกลุ่มเพื่อนจริงๆ ในชีวิตจริงซึ่งก็คือแจ๊ค,หยก,ออฟ,เก็ท,อ๋องจากแก๊งแฟนฉันมาช่วยกันถ่ายมิวสิควิดีโอที่ญี่ปุ่นในระหว่างนั้นก็ได้เจอกับโรสหรือบุปผาจนเกิดเป็นความรักและนำมาซึ่งเรื่องราวต่างๆมากมายที่แบบลึกลับๆและน่ากลัว"
          การรับบทเป็น แน็ก ศิลปินผู้อ่อนไหว จริงจังและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อความรัก
          ใน "บุปผาอาริกาโตะ" เราจะได้เห็นการแสดงของแน็กอีกแบบหนึ่งในมู้ดที่ซีเรียสเรื่องความรัก ปกติเราจะได้เห็นแน็กในบทบ้าๆบอๆ แต่จริงๆแล้วแน็กเป็นคนที่ซีเรียสในการทำงาน แต่คนไม่ได้เห็นพาร์ทนั้น ครั้งนี้เราจะได้เห็นความซีเรียสจริงจัง คือในเรื่องเขาเล่นเป็นตัวเขานะ มีความเป็นศิลปิน เป็นนักแต่งเพลง เป็นนักดนตรี มันหล่อหลอมจนเหมือนไม่ได้แสดง แต่เป็นการดึงตัวตนที่ไม่มีใครเคยเห็นออกมาให้เราเห็น ซึ่งกลายเป็นผู้ชายโรแมนติก ผู้ชายที่เข้าใจหรือประคับประคองทะนุถนอมความรู้สึกของผู้หญิงแบบอบอุ่นเลย เป็นผู้ชายอบอุ่นที่แบบอยู่รายล้อมด้วยหัวโจกที่ขัดแย้งมากๆในแก๊งแฟนฉัน ไอ้แจ๊คอะไรพวกนั่น คือพี่มองถึงตัวละครตัวนี้ให้เห็นเป็นผู้ชายอ่อนไหวที่จริงจังซีเรียสและให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคำว่ารักไม่ได้มองเป็นวัยรุ่นทั่วไปที่แบบ เฮ้ย one night stand เรื่องนี้เราจะเห็นความรักที่โตกว่าอายุของแน็ก มันจะออกมาชัดเจน ชัดๆๆๆ อารมณ์ movement คล้ายๆกับถ้าเคยดูกุมภาพันธ์น่ะ คราวนี้จะได้ดูกุมภาพันธ์แบบผีๆพี่มองอย่างนี้"
          แจ๊ค เฉลิมพล ฑิฆัมพรธีรวงศ์
          นักแสดงอารมณ์ดีที่ประสบความสำเร็จและโด่งดังเป็นพลุแตกจาก"แฟนฉัน"ที่มาพร้อมลูกบ้าสารพัดกลายเป็นนักแสดงตลกรุ่นใหม่ที่ใครๆก็รักในความกวนมีผลงานทั้งพิธีกร,ละครไปจนถึงงานเพลง มีผลงานภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องทั้งในฐานะนักแสดงนำและสมทบในช่วงเวลา9ปีถึง23เรื่อง อาทิ แฟนฉัน,สายลับจับบ้านเล็ก,ข้าวเหนียวหมูปิ้ง,วาไรตี้ผีฉลุย,บ้านฉันตลกไว้ก่อน, ATMเออรักเออเร่อ ,ฤดูที่ฉันเหงา ฯลฯ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลทางด้านการแสดงในสถาบันต่างๆมากมาย อาทิ รางวัลสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์,รางวัลภาพยนตร์ไทยชมรมวิจารณ์บันเทิง,รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติสุพรรณหงส์,แฮมเบอร์เกอร์อวอร์ด
          การรับบท แจ๊ค หัวโจกของเพื่อนๆ หน้าที่คือสานฝันให้มิวสิควิดีโอเพลงรักของแน็กออกมาเพอร์เฟคที่สุด
          "ใน บุปผาอาริกาโตะถือได้ว่าเป็นบทที่เป็นสไตล์ในการเล่นทางใหม่มากสำหรับผม ซึ่งยังไม่เคยเล่นทางนี้มาก่อนเลย เราจะได้เห็นกันในหนังเรื่องนี้นะครับ ปกติก็จะเห็นชอบโวยวาย แกล้งผู้หญิง ตบเพื่อน แต่อันนี้จะเป็นทางใหม่เลย เป็นแนวออกติสต์ๆนิดหนึ่งซึ่งในเรื่องนี้แจ๊คก็จะเป็นผู้กำกับนะครับซึ่งพี่ต้อมก็ตั้งใจเขียนบทขึ้นมาให้โดยเฉพาะ เพราะรู้ว่าผมฝันอยากเป็นผู้กำกับมาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็เรียกได้ว่าตั้งใจเขียนให้ผม ให้ แน็ก และเพื่อนๆที่เคยแสดงภาพยนตร์เรื่องแฟนฉันกลับร่วมงานกันอีกครั้ง"
          หยก (หยก ธีรนิตยาธาร) รับบท หยก
          จากเด็กแว่นสุดเนิร์ดในแก๊งแฟนฉันกลายเป็นหนุ่มถา'ปัด นิสิตรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสุดหล่อที่พกพาความสูงเฉียด2เมตร หลังจากแฟนฉัน หนุ่มหยกก็ยังมีผลงานทั้งละครครูไหวใจร้าย,ภาพยนตร์อีก2เรื่องที่ร่วมงานกับเพื่อนๆในแก๊งแฟนฉันอย่างสี่เซี้ยวซ่าส์ เทวดาส่งมากวน และ เด็กหอ ที่แสดงร่วมกับ แน็ก ชาลี รวมทั้งผลงานโฆษณาเอ็มเคสุกี้
          ออฟ (อภิชาญ เฉลิมชัยนุวงศ์) รับบท ออฟ
          เด็กอ้วนตือโป้ยก่ายจาก "แฟนฉัน" โตเป็นหนุ่มหน้าหยกรูปร่างผอมเพรียวมีผลงานทั้งละครอย่างครูไหวใจร้าย ,อยู่กับก๋ง และคุณชายรณพีร์ที่หลายคนคุ้นตาในบท "ศักดา" รวมถึงผลงานภาพยนตร์อย่าง สี่เซี้ยวซ่าส์ เทวดาส่งมากวน ,มากับพระ,แต๋วเตะตีนระเบิด
          อ๋อง (ธนา ตันตรานนท์) รับบท อ๋อง
          จากนักแสดงเด็กเติบใหญ่กลายเป็นหนุ่มผมยาวสุดติสต์ที่หลงใหลและมีฝีไม้ลายมือในงานศิลปะโดยมีอ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์เป็นไอดอล เคยร่วมเป็น1ใน10เมล็ดพันธุ์ใหม่ผู้เข้ารอบ10คนสุดท้ายที่เข้าแข่งขันในรายการ "ต้นศิลปะปี3" ART reality contest รายการแรกในเมืองไทย ที่ต้องการสืบสาน อนุรักษ์ และ พัฒนาแวดวงการศิลปะของไทย ทางทีวีไทยที่ผู้เข้ารอบทุกคนจะต้องใช้ความสามารถทางด้านศิลปะในการแข่งขัน ส่วนผลงานทางด้านการแสดงหนุ่มอ๋องฝากผลงานละคร,มิวสิควิดีโอและภาพยนตร์โดยมีภาพยนตร์เรื่อง"โด๋นัท"ที่แสดงร่วมกับ "แน็ก ชาลี" เป็นผลงานล่าสุด
          เก็ท (ตรีวรัตถ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย) รับบท เก็ท
          นักแสดง,นักพากย์,พิธีกรวัย21ปีมีผลงานที่โดดเด่นทั้งในฐานะนักแสดง ตลอดระยะเวลา12ปีมีผลงานทางงานละครโทรทัศน์,ผลงานภาพยนตร์,โฆษณานับไม่ถ้วน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของนักพากย์ทั้งสปอตโฆษณา ไปจนถึงการพากย์ภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งเป็นเจ้าของเสียงพากย์ตัวการ์ตูนแอนิเมชั่นขวัญใจเด็กๆอย่าง "ก้านกล้วย"

          แน็ก-แจ๊ค-หยก-ออฟ-อ๋อง-เก็ท เมื่อ2ปรากฏการณ์ "แฟนฉัน" และ "บุปผา" มาเจอกัน
          "คือพี่เอาพวกเด็กๆซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนที่เคยเล่นหนังแฟนฉันด้วยกันมาเล่นเป็นตัวเอง คือพอเรามีนางเอก เรามีพระเอก พอดีพี่สนิทกับแจ๊ค เคยคุยกันแจ๊คอยากเป็นผู้กำกับ พี่ก็สงสัย เฮ้ย ไอ้เพื่อนๆแฟนฉันอะไรพวกนี้มันเป็นยังไง มันแยกย้ายกันไปทำโน่นทำนี่อะไร พี่ก็ถามแจ๊ค ไอ้พวกนี้ถ้ากลับมารวมตัวเล่นหนังด้วยกันได้ไหม? แจ๊คบอกเดี๋ยวไปถาม ปรากฏว่าทุกคนรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มาเจอกัน แล้วการเห็นพวกมันกลับมารวมตัวในหนังก็เออ น่ารักดี เอามาพาไปผจญภัยเหมือนเป็นแก๊งไอติมผจญภัยผีที่ญี่ปุ่นน่ะ เราก็จะได้แก๊งนี้มาเพิ่มในส่วนของความสนุกสนานที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากกลุ่มเพื่อนไปจนถึงการที่ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆในออสการ์ลอดจ์บนความน่ากลัวที่ดำเนินไปในเรื่องราวของบุปผา แล้วทุกคนแฮปปี้ที่จะมาอยู่ เป็นส่วนหนึ่งของบุปผาอาริกาโตะ พี่เอามารวมกันแล้วจำลองชีวิตจริงของแต่ละคน ตอนแรกเริ่มจากไอ้แน็ก เพราะการที่พี่เลือกคาแรคเตอร์ของพระเอกให้พี่เบสออนทรูคาแรคเตอร์ เบสออนชีวิตจริงมา แน็กทำอะไรได้บ้าง พี่ถาม ผมเล่นดนตรี มันก็เอาดนตรีมาโชว์ใหญ่ แจ๊คนี่พี่รู้แล้วมันอยากเป็นผู้กำกับ พี่ก็เลยเซ็ทเรื่องจากคาแรคเตอร์จริงของไอ้แน็กที่ชอบเล่นดนตรี แล้วมันก็เล่นเพลงเพราะ แต่งเองเหรอ เรียนดนตรีเหรอ เปล่าพี่ ผมเรียนรู้เอง เฮ้ยมันส์ พี่ชอบแบบนี้ คือมันสดมาก ไม่มีใครเคยเห็น ไม่มีใครคิดว่าแน็กเล่นดนตรีได้ ไม่มีใครคิดว่าจะร้องเพลงเพราะ แต่อันนี้เป็นสิ่งที่มันควรจะอยู่ในหนัง แล้วแจ็คพี่คิดต่อ ให้เป็นผู้กำกับ MV แล้วมันก็ชวนเพื่อนแก๊งทั้งหมดมาช่วยเพื่อนทำ MV. ที่ญี่ปุ่นกัน ก็จะมีไอ้หยก ไอ้หยกตัวที่ใส่แว่น ไอ้หน้าที่ไม่มีอารมณ์ ตอนนี้มันสูงมาก ถือบูมทำเสียง ไอ้เก็ท ไอ้ตัวเล็กๆเป็นอาร์ตไดในกอง ไอ้อ๋องที่เซอร์ๆ ตอนนี้มันเซอร์มากผมยาวเลย ไอ้เด็กที่ร้องโว้วๆเยเย้เป็นตากล้องออกแนวเป็นศิลปินเลยแหละ เหลือไอ้ออฟที่แต่ก่อนอ้วนมาก เดี๋ยวนี้มันผอม ออฟนี่เล่นเป็นคนจัดการกองถ่าย คนหาโลเคชั่น ทำไมไปเลือกบ้านผีสิงที่อะไรพวกนี้ ซึ่งมู้ดของผู้ชายเหมือนการรียูเนี่ยนเล็กๆ การกลับมาเจอกัน แล้วก็คุยเรื่องเก่ากันแล้วมาช่วยเหลือกันอะไรอย่างนี้ พี่มองว่า เออมันน่ารักดี เป็นพาร์ตหนังเพื่อนแบบร่วมหัวจมท้าย แล้ววันหนึ่งก็มาเจอกัน แล้วก็ทำงานด้วยกัน โดนผีหลอก"
 
          "ยุทธเลิศ สิปปภาค" Director's Note
          "บุปผาอาริกาโตะ"
          "บุปผาราตรีมันเป็นเหมือนปรากฎการณ์บางอย่างซึ่งมันมาจากคาแรคเตอร์ วิถีหรือความประหลาดของมันมากกว่า มีคนเคยบอกว่ามันเป็นหนังที่มีคาแรคเตอร์ และทุกคนชอบ
          เสน่ห์อย่างหนึ่งของบุปผาที่ได้รับรู้เสมอคือว่ามันยังเป็นหนังที่อยู่ในใจคนเสมอ มักจะถูกพูดถึงเสมอๆ มันเหมือนว่า "บุปผาราตรี" กับ "ยุทธเลิศ" จะกลายเป็นของสิ่งเดียวกัน ซึ่งจริงๆพี่ทำ "มือปืนโลกพระจัน" พี่ทำ "กุมภาพันธ์" ก่อนที่จะทำ "บุปผาราตรี"อีก แต่ถ้าพูดถึงความสำเร็จในแง่การทำอะไรที่มีเอกลักษณ์ สามารถทำให้คนจดจำแล้ว พี่ว่าโอเค"บุปผาราตรี"มันสำเร็จในแง่นั้น คือมันเป็นหนังที่จริงๆแล้วรสชาติการดูหนังแบบนี้เป็นอะไรที่คนไทยคุ้นเคยอยู่แล้วนะว่ามันเป็นทั้งตลก น่ากลัว และทั้งดราม่าอยู่ด้วยกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ได้ฟีดแบ็คมาจากคนดูหนังต่างประเทศ คาแรคเตอร์ของหนังที่มันทั้งตลกทั้งน่ากลัว แล้วอยู่ด้วยกันได้ มันเป็นอะไรที่ยากที่จะชงให้มันพอดี แต่ "บุปผาราตรี" มันหลุดออกมาอยู่ตรงนั้นได้ เป็นหนังซึ่งสามารถรวมกันอยู่ตรงนั้นได้ แล้วไอ้คาแรคเตอร์ที่แบบว่าไม่รู้จะฮาไม่รู้จะกลัวในเวลาเดียวกัน ไอ้ตรงนั้นมากกว่า พี่ว่ามันคือความสำเร็จในการสร้างคาแรคเตอร์หนังผีของพี่นะ มันจะมีทั้งตลกโรแมนติก น่ากลัว เสียดสี กัดจิกสังคม สะท้อนสังคม สะท้อนโน่นนี่นั่นไปเรื่อย ขณะเดียวกันก็ได้18+ตลอด
          สำหรับ "บุปผาอาริกาโตะ" มันคือบุปผาภาคใหม่ มันไม่ใช่บุปผาภาคต่อ จะเป็นอะไรที่ใหม่ไปเลย มันก็จะเป็นคาแรคเตอร์ใหม่ จะเป็นหนังที่คนดูก็คาดเดาไม่ถูก ซึ่งพี่คิดว่าตรงนั้นมันคืออารมณ์ใหม่ๆของการดูหนังมากกว่า คืออารมณ์ใหม่ๆ ของบุปผาที่เราจะได้ดูกัน"

FB on March 02, 2016, 03:37:54 PM
“เปลี่ยนใหม่หมด” สู่ “บุปผาอาริกาโตะ” “ความสยองขำโรแมนติกครั้งใหม่ ของคนพ.ศ.นี้ ประเดิมโปรเจกต์หนังผีไทยในต่างแดน



          เมื่อผลงานระดับมาสเตอร์พีซสุดคลาสสิคจะถูกรีบูทแบบยกเครื่องเปลี่ยนใหม่หมดอย่างที่ไม่มีใครคิดว่าผู้กำกับต้อมยุทธเลิศจะกล้าตั้งแต่เปลี่ยนตัวนักแสดงที่จะมารับบทบุปผาคนใหม่ บนเรื่องราวใหม่หมด ตัวละครใหม่ๆ สถานที่ถ่ายทำใหม่ๆจาก "ออสการ์อพาร์ทเมนท์" บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เหินฟ้าสู่ "นิเซโกะ ฮอกไกโด" ประเทศแจแปนท่ามกลางบรรยากาศของเมืองหิมะ ที่มาพร้อมรูปแบบและเทคนิคการถ่ายทำแบบใหม่ การแสดงแบบใหม่ และวิธีการกำกับแบบใหม่ ฯลฯ เพื่อให้ "บุปผาอาริกาโตะ" คือ "บุปผา" เรื่องใหม่สำหรับพ.ศ.นี้และเพื่อผู้ชมภาพยนตร์ยุคนี้

          "สิ่งหนึ่งซึ่งคนก็ยังถามเสมอว่ามันไม่มีหนังแบบบุปผาอีกแล้วเหรอ ไม่ทำอีกแล้วเหรอ หลังจากบุปผามันก็มีหนังอย่างอื่น หนังผี หนังตลกที่เขาพยายามมิกซ์กันตลอด ซึ่ง10ปีหลังจากบุปผาเราได้ดูหนังผีตั้งกี่100เรื่อง 100เรื่อง ก็100พล็อต โอกาสที่จะทำให้หนังผีแตกต่างกันมันเป็นไปได้ยากมาก ก็ได้มาคุยกับคุณเจียง (เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้อำนวยการสร้าง บุปผาอาริกาโตะ)พยายามเสนอเรื่องใหม่คือเรื่อง อาริกาโตะ ซึ่งทำใหม่ทุกอย่าง เปลี่ยนโลเกชั่นใหม่ๆไปบรรยากาศใหม่ สร้างพล็อตใหม่ๆ แต่ตอนที่คุยกับคุณเจียง คุณเจียงก็คงเหมือนคนอื่นทั่วไปก็ยังชอบบุปผาราตรีอยู่ ก็บอกกับพี่ว่าถ้าพี่จะทำอย่างนั้น ทำไมพี่ไม่ทำบุปผาราตรีละ ถ้าบุปผาเก่าเราก็ทำให้มันใหม่ซิ ก็เลยคิดว่าทำให้มันใหม่หมดทุกอย่าง เปลี่ยนดาราใหม่ เปลี่ยนโลเกชั่นใหม่ใช้เทคนิคการแสดงแบบใหม่ ใช้การกำกับแบบใหม่ อะไรที่มันเก่าก็ไม่ต้องทำ ใช้กล้องใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์เป็นบุปผาแบบใหม่ ซึ่งจะเป็นการประเดิมโปรเจกต์แรกของหนังผีที่มีคอนเซ็ปท์เกี่ยวกับคนไทยที่ไปตายในต่างแดนแล้วเป็นผีไทย สมมติไปตายที่อเมริกา เอ๊ะเวลาไปหลอกฝรั่งๆจะมีฟีดแบ็คอย่างไร เวลาไปตายในเขมรหรือในฮ่องกงจะเป็นอย่างไร ไปตายที่ดูไบ คือพี่มองว่ามันจะไม่ใช่หนังภาคต่อละ มันจะเป็นหนังผีภาคใหม่เรื่อยๆ เพราะว่ามันใหม่ทุกประเทศและพี่คิดว่าโปรเจกต์แบบนี้มันน่าสนุก แต่ที่เริ่มที่ญี่ปุ่นก่อน เพราะเหมือนตอนนี้คนไทยจะคุ้นเคยกับญี่ปุ่น ตั้งแต่วีซ่าเปิด คนไทยชอบไปญี่ปุ่น เราก็เลยเริ่มที่ญี่ปุ่นก่อนละกัน ทำหนังผีที่ญี่ปุ่น แล้วตัวพี่เองรู้สึกว่าหนังผีญี่ปุ่นจะเป็นหนังผีที่น่ากลัวมาก ตอนเด็กๆนะ

          ถ้าดูหนังผีรองจากแม่นากแล้วก็เป็นหนังผีญี่ปุ่น ผีจีนยังไม่เท่าไหร่แต่ผีญี่ปุ่นมันจะเป็นมู้ดแบบเหมือนว่าเป็นต้นตำรับในเรื่องของความสยองขวัญแบบเย็นๆ อะไรแบบนี้ซึ่งมันจะแตกต่างจากอารมณ์ผีของไทยมาก ของไทยผีมันจะโฉ่งฉ่างมากๆ แล้วอาริกาโตะมันเป็นเหมือนในทางตลกหน่อยคือถ้าคนรู้ภาษาญี่ปุ่นมันคงเป็นคำแรกที่(หัวเราะ)เรารู้จักหรือได้ยินหรือนึกถึงกัน และที่สำคัญคือว่านี่คือโปรเจกต์หนังผี"

FB on March 02, 2016, 03:38:54 PM
เปิดตัว “เก้า สุภัสสรา” เป็น “บุปผาคนใหม่” ในบทบาทที่เรียกร้อง “สัญาชาตญาณทางด้านการแสดง”อย่างสูงสุด







          คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า"ความใหม่"แรกที่จะทำให้คนดูรู้สึกได้กับโปรเจกต์หนังผีโรแมนติกสยองขำที่อยู่ในใจคนดูมาตลอด13ปีไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่เรื่องราว หรือบท หรือโลเกชั่น กลับกันแต่นี่คือความรู้สึกแรกที่ทุกคนจะรู้สึกได้นอกเหนือจากชื่อ "บุปผาอาริกาโตะ" นั่นคือการเปิดตัวนักแสดงที่จะมารับหน้าที่ถ่ายทอดคาแรคเตอร์สุดคลาสสิคอย่าง "บุปผาราตรี" ที่สร้างชื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้สร้างความสวย ความหลอน ให้กับคาแรคเตอร์ผีสาวได้อย่างติดตาและอยู่ในความทรงจำไปแล้วว่า "บุปผา" ต้องเป็น"พลอย เฌอมาลย์" แล้วใครกันที่จะสด มีพลังทางด้านการแสดง มีเสน่ห์ที่จะดึงดูดสายตา และกล้าพอที่จะมาเป็นบุปผาคนใหม่ และพร้อมที่จะร่วมถ่ายทอดเรื่องราวใหม่ๆของ "บุปผา" ท่ามกลางบรรยากาศของเหตุการณ์ที่แตกต่างจากบุปผาราตรีที่ทุกคนเคยสัมผัสโดยสิ้นเชิงที่แน่นอนว่าต้องอาศัยความสามารถทางด้านการแสดงที่ทั้งยากและเต็มไปด้วยความท้าทาย ในที่สุด เก้า สุภัสสรา ธนชาติ นักแสดงสาวที่โด่งดังและประสบความสำเร็จจากซีรี่ส์ "ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น" และภาพยนตร์สยองขวัญอย่าง "ฝากไว้ในกายเธอ" ก็ถูกเลือกให้มารับบทเป็น "บุปผาคนใหม่"

          "คือพี่ว่าบุปผาราตรีนี่ มันก็เป็นคาแรคเตอร์ที่เหมือนคนจะจำได้ สิ่งที่มันยากที่สุดคือ การจะหาบุปผาราตรีคนใหม่ แล้วแน่นอนถ้าเราจะทำใหม่ เราจะต้องหานักแสดงคนใหม่ เพราะว่าพลอย-เฌอมาลย์ เขาสวมบทเป็นบุปผาราตรีไปได้แบบ100% คือนักแสดงที่จะมารับบทบุปผาราตรี ก็จะต้องกลัวการแสดงของตัวเองเลยว่าจะไปถึงตรงนั้นได้มั้ย เพราะเขาทำไว้ดีอยู่แล้ว แต่พี่มองอย่างนี้ การที่ใครที่จะกล้ารับบทบุปผาจะไม่ธรรมดา คือไม่กลัว การที่เขากล้ารับ แสดงว่าเขาไม่กลัว คิดว่าตรงนี้มันจะเป็นมิติที่อยู่ในตัวเขาโดยอัตโนมัติ พี่ไม่รู้นะ แต่คิดเลยว่าใครกล้ารับบทบุปผา พี่ถือว่ามันผ่านในเรื่องของความกล้าในเรื่องแบบนั้นไปแล้ว

          แล้วการแสดงที่พลอยแสดง พลอยเป็นนักแสดงที่(พี่ต้อมดีดนิ้ว) รู้อยู่แล้วว่ามันติดนิ้ว แล้วคนที่จะมา มันอดเปรียบเทียบไม่ได้ พี่เข้าใจเลย คือต้องบอกอย่างนี้พี่ไม่เลือกนักแสดงจากการ casting แต่พี่เลือกนักแสดงจากการตัดสินใจรับบทบุปผา ถ้านักแสดงที่เก่งมันมีสองทาง หนึ่ง เฮ้ย กูไม่เสี่ยง มันจะมองแบบไม่คุ้มกับท้าทาย เฮ้ย ตรงนี้ที่พี่มองคือเก้าเขาตัดสินใจ แล้วพี่ก็เชื่อว่าเป็นการตัดสินใจที่ลำบากพอสมควรในการรับเรื่องนี้ แต่สัญชาตญาณสุดท้ายเขาตัดสินใจรับ พี่คิดว่าการแสดงของเก้าอาจจะมาจาก pattern ปกติ ซึ่งเขาถามพี่มาว่ามีแอคติ้งโค้ชหรือเปล่าบังเอิญกองถ่ายพี่ไม่มีแอคติ้งโค้ช เพราะพี่บอกว่าการแสดง นักแสดงต้องช่วยตัวเองนะ หนังพี่ พี่ไม่ใช่คนกำกับเก่งนะ ที่มันได้รางวัลนี่คือมันเล่นเอง มันเก่งของมันนะ พี่แค่ไกด์ พี่แค่ขุดแค่นั้นเอง ซึ่งพี่ไม่ได้ expectมากจากเก้า แต่ ณ เวลาสั้นๆช่วงmomentสั้นๆที่เขาเรียนรู้ในการทำงานแบบ improvise พี่ว่าเขาปรับตัวได้เร็ว แล้วเขาประคองมันอยู่ และเชื่อว่าเขาเก็บเสน่ห์ในความเป็นบุปผาราตรีไว้กับเขาได้ แต่ว่าโดยตัวเขา ตัวเขามันเหมาะ กับสายตาที่ถ่ายทอดออกมา กับความรู้สึกของเขามันไปเกินครึ่งแล้วไง ที่เหลือมันอยู่ที่การแสดงอีกนิดหน่อย ที่มันอาจจะเซอร์ไพรส์คนดูก็ได้ สิ่งที่พี่ชอบในตัวเขาคือพี่สนใจตาเขา คือเขาเป็นคนที่อาจจะคิดเยอะหรือคิดอะไรสักอย่างเสมอ เวลาพูดคุยเวลาอะไรอย่างนี้ มันไม่เหมือนเป็นการแสดงชั้นเดียว นักแสดงชั้นเดียวคืออ่านแล้วเห็นหมดเลยว่าในตาคิดอะไร แต่พี่ชอบนักแสดงที่เราไม่รู้ว่าคิดอะไร ซึ่งเหมือนพลอย-เฌอมาลย์ แล้วเราจะไม่มีทางรู้ว่าอีนี่ มึงดีมึงร้าย มึงนิ่งๆแล้วมึงยิ้มให้กูนี่ มันเป็นคาแรคเตอร์ที่มันมีบางอย่างซ่อนอยู่ ซึ่งเก้าเขามี พี่ว่าถ้าเก้ามีแบบนี้ พี่ก็โอเค มันน่าลอง แต่การเลือกเก้ามาก็คือว่าหนึ่งเขาเหมาะกับบท แล้วเขาเป็นผู้หญิงที่มีsex appeal เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดคนค่อนข้างเยอะ จากอะไร จากสายตา มันเหมาะที่จะเป็นบุปผาคนใหม่ ซึ่งไม่มี casting ถ้าเขาตกลงพี่ก็โอเค ซึ่งก็ไปกันเลย"

          นำไปสู่อีกรูปแบบของพัฒนาการทางด้านการแสดงที่คนดูจะได้สัมผัสจากตัวเก้าในการถ่ายทอดบทบาททางการแสดงที่เต็มไปด้วยมิติที่หลากหลายในความเป็นตัวบุปผาที่ทั้งซับซ้อนและยากจะคาดเดาที่พูดได้ว่าจะต้องใช้เสน่ห์ในตัวเอง และสัญชาตญาณทางด้านการแสดงสูงซึ่งแตกต่างจากบทบาททางด้านการแสดงที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิงจึงกล่าวได้ว่าเป็นการทำงานที่เปิดมุมมองใหม่ๆในการทำงานของเก้าสุภัสสราเลยทีเดียว

          "ด้วยความที่พี่ใช้วิธีการแบบนี้ ซึ่งมันน่าจะใหม่สำหรับเก้า ใหม่มาก คำว่าใหม่ของพี่มันคือความยากของเขา มันคือความแตกต่างจากวิถีที่เขาเป็นมา แล้วพอวิถีนี้ พี่ไม่ไกด์ พี่ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะพี่บอกแล้วว่า คุณเป็นนักแสดง หน้าที่ของคุณคือโชว์ว่าคุณมีกั๊กมีกึ๋นมีความสามารถอะไรบ้าง ถ้าไม่มีคุณก็ต้องมี คือถ้าไม่เก่ง คุณต้องเก่ง เพราะถ้าไม่เก่ง คุณควบคุมไม่อยู่ คุณโดนเขาด่าแน่ๆ คุณโดนเปรียบเทียบแน่ๆ มันไม่ใช่วิธีการกำกับการแสดงมันเป็นการพูดคุยให้เขาเข้าไปถึงสมาธิ เข้าไปถึงสิ่งที่เขาต้องตัดสินใจ คือดึงอารมณ์ตัวนั้น มันจะถูกเค้นออกมาผ่านการแสดง ยกตัวอย่างจะมีอยู่ฉากหนึ่งในภาพยนตร์คือฉากร้องไห้มันดูเหมือนจะเป็นฉากที่ธรรมดา คือคุณเค้นน้ำตาได้ นักแสดงที่เค้นน้ำตาได้ส่วนใหญ่ มันจะมีวิธี นึกออกไหม แต่การเค้นน้ำตาของคนที่น้ำตาไม่ได้ไหลออกมาจากความเสียใจจากการที่ใครตาย ไม่ใช่คนรักเสียชีวิต น้ำตามันจะออกมาได้เฉยๆนี่ พี่ไม่รู้เขาคิดอะไร แต่โจทย์ของพี่ก็คือว่าคุณอยู่ในภาวะที่กลัวที่สุด แล้วพี่ต้องการน้ำตา แล้วพี่ก็ถ่ายเลย พี่รอได้(หัวเราะ) คือก่อนหน้านั้นพี่กดดันอีกแบบหนึ่งนะ เก้าไม่ได้เป็นนักแสดงที่เล่นเก่ง ที่พี่เลือกเพราะว่า เก้าไม่ได้เล่นเก่งนะ แต่เก้าเหมาะ พี่บอกเก้าเสมอ เก้าเหมาะ เก้าเป็นคาแรคเตอร์ที่มีอยู่ แต่จะลองก็ได้ ให้ฉากนี้ ฉากที่ได้เป็นซีนที่น่ากลัว เจอปะทะกับผีตัวข้างหน้า แต่พี่ต้องการกลัวจนน้ำตาตก กลัวจนน้ำตามันไหลออกมา พี่ไม่เคยเป็นนักแสดงและพี่ก็ว่าพี่ทำไม่ได้ แต่ถ้าเก้าทำได้ก็ปล่อยมา ต้องไปถามเก้าเขา เขามีวิธีคิดอะไรระหว่างนั้น พี่ถึงบอกว่านี่คือวิธีเปิดโอกาส ซึ่งมันเป็นซีนสั้นๆนะปรากฎว่าเทคเดียวผ่าน พี่ว่าพี่ได้ละ พี่ลอง เก้าอีกที อีกทีไหวเปล่าได้ค่ะ อีกที ได้ค่ะ"

FB on March 02, 2016, 03:39:38 PM
จาก “ออสการ์ อพาร์ทเมนท์” ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ สู่ “ออสการ์ ลอจด์” เมืองนิเซโกะ ประเทศ ญี่ปุ่น



          ด้วยโจทย์ที่ว่า"ทุกอย่างใหม่หมด"แน่นอนว่าไม่เพียงส่งผลต่อวิธีคิดหรือสร้างสรรค์ไอเดียชนิดที่เรียกได้ว่าต้องทำร้ายสมองกันเลยทีเดียวว่าจะทำอย่างไรให้"บุปผาอาริกาโตะ"จะต้องแตกต่างจาก"บุปผาราตรี"ที่ผู้กำกับต้อมยุทธเลิศและทีมงานที่ผ่านการทำงานร่วมกันมาตลอด13ปีโดยสิ้นเชิง เริ่มจากโลเกชั่นที่เลือกใช้ดำเนินเรื่องในการถ่ายทำและเป็นจุดเกิดเหตุสำคัญที่ผู้ชมจะได้สัมผัสกับเรื่องราวของบุปผาใหม่ในเมืองหิมะ จึงเป็นที่มาของการเหินฟ้าสู่เมืองนิเซโกะ เกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีหิมะที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น สวรรค์สำหรับนักเล่นสกี

          "คือที่เราเลือกไปนิเซโกะเพราะว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว และเป็นเมืองที่แบบฮิตมาก มีคนชอบคนนิยมไปเล่นสกีไปเล่นอะไรอย่างนี้ แต่ไอ้เล่นสกีนี่มันก็ยังไม่สำคัญเท่ากับหิมะ คือที่นิเซโกะนี่ เขาบอกว่าเป็นเมืองที่หิมะสวยที่สุดในญี่ปุ่น เขาเรียกว่าเป็น powder snow คือมันเหมือนแป้งโรย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วหิมะที่นี่มันค่อนข้างหลากหลาย เราได้เห็นหิมะที่มันมีหลายแบบมากๆ มีหลายเวอร์ชั่นทั้งหิมะแบบฟูฟ่อง เป็น flake เป็นแป้ง หิมะโปรยปลิวๆเหมือนในโปสการ์ดที่เราเคยเห็นที่เขาถ่ายสวยๆที่เราก็ไม่นึกว่าจะมีอยู่จริง แล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถนนสีขาว สีขาวแบบเป็นแป้งจริงๆเลยนะ ในหนังเราก็จะได้เห็นหิมะตกเยอะๆตกเหมือนฝนก็มี ซึ่งถ้าคนชอบหิมะ พี่ชอบหิมะ แต่ไม่ชอบความหนาวนะ แต่ชอบหิมะ ก็เหมือนกับว่าบุปผาอาริกาโตะ ขอบคุณคนดูด้วยกัน พาไปดูหิมะก่อนจะหัวเราะกัน หลอนกันไปอะไรแบบนี้อย่างตอนไปถ่ายนี่ เป็นพายุหิมะ เป็นอะไรที่มันมีหลายแบบมาก และเป็นเมืองที่ฮิตมากสำหรับคนไทย ตอนพี่ไปถ่าย เจอคนไทยไปเยอะเลย แต่พี่ไม่ได้บอกเขาว่าพี่มาถ่ายหนัง พี่ก็นั่งแอบๆ แต่ว่าด้วยความที่เราจะไปทำให้เมืองนิเซโกะเป็นเมืองผีสิง พี่ก็เลยบอกทุกคนไปเล่นสกี ดีแล้ว ในหนังก็จะเห็นมู้ดสวย สวยงาม"

          ส่งผลให้เหล่าทีมงานนักแสดงผู้กำกับจากไทยแลนด์ดินแดนร้อนตับแตกจะต้องทำงานท่ามกลางอุณหภูมิติดลบโดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวน้อยแทบจะคนเดียวท่ามกลางนักแสดงหนุ่มๆที่จะต้องมีฉากถ่ายทำท่ามกลางหิมะที่หลากหลายทั้งพายุหิมะ หรือขึ้นกระเช้าเพื่อเข้าฉากที่ต้องเล่นสกี และกลายเป็นประสบการณ์ในการเล่นสกีครั้งแรกของ เก้า สุภัสสรา ซึ่งรับบทเป็นบุปผาคนใหม่

          "มองไปทางไหนก็เห็นเป็นหิมะสีขาวๆๆๆอย่างนี้เลยค่ะ ทีแรกยังคิดเลยว่ากลับมาจะต้องตัวขาวขึ้นแน่ๆเลย เพราะว่าเราใส่ชุดกันหนาวตลอดเวลาใช่มั้ยค่ะ ปรากฎว่าไม่ค่ะ กลับมาแล้วตัวดำ (หัวเราะ) เพราะเหมือนว่าแสงมันสะท้อนหิมะ ตอนที่ไปนิเซโกะนะค่ะประมาณลบ7ลบ8อะไรประมาณนี้นะค่ะถ้าแบบอยู่ธรรมดา แต่ถ้าขึ้นไปเล่นสกีในฉากนั้นที่มันเป็นหิมะก็ประมาณ-18เลย เพราะฉะนั้นหนาวมาก เราก็ไม่หวั่นค่ะ เพราะเราภูมิใจที่ได้เป็นบุปผา(หัวเราะ) อย่างฉากเล่นสกีก็เป็นฉากที่ประทับใจฉากหนึ่งค่ะ เพราะว่าเรียนไปไม่นานแล้วก็ต้องมาถ่ายจริง ซึ่งสนุกมากเลย ก็อยากจะกลับไปเล่นอีก

          ต้องชมพี่ต้อมค่ะเพราะเรื่องนี้พี่ต้อมรับหน้าที่ผู้กำกับเขียนบทเองและยังทั้งถ่ายและกำกับภาพเองด้วย เวลาถ่ายพี่ต้อมก็ต้องถอดถุงมือเพื่อบังคับ และควบคุมกล้องด้วยใช่มั้ยค่ะ คิดดูละกันกับอุณหภูมิติดลบขนาดนั้น เห็นว่าถึงกับมือล็อคเลย เราก็จะได้เห็นถึงความเก่ง ความอึด ความเต็มที่ของพี่ต้อมในหลายๆมุมเลย"

          ขณะที่สาวเก้าได้ใส่ชุดเล่นสกีเต็มยศ แต่หนุ่มแน็ก ชาลีกลับต้องถอดเสื้อดีดกีตาร์ร้องเพลงกลางหิมะตามคำสั่งของผู้กำกับต้อมยุทธเลิศท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ แต่ถึงกระนั้นหนุ่มแน็กเองก็พูดได้ว่าเป็นนักแสดงคนเดียวในทีมที่ยืดอกรับกับสภาพของหิมะที่ตกหนักแค่ไหนก็ไม่หวั่นซึ่งรวมไปถึงการที่ต้องเผชิญกับพายุหิมะได้อย่างสบายๆ แถมกลับรู้สึกชิลชิลที่ต้องถ่ายทำท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ โดยที่เพื่อนๆในแก๊งที่เข้าฉากด้วยกันถึงกับต้องพึ่งพายาแก้ไข้ขนานต่างๆที่หนุ่มแน็กพกติดตัวกันถ้วนหน้า

          "จริงๆผมไม่ขี้หนาวนะ บอกได้เลยว่าอยู่ที่พักไม่เคยใส่เสื้อแขนยาวเลย นอนก็ไม่ใส่ สบายมาก ทุกคนนี่เย็นเท้าเย็นมือกันแบบทรมานอะไรอย่างนี้ มีอยู่ฉากหนึ่งที่พี่ต้อมให้พวกเราถ่ายกลางหิมะโดยเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว เราก็รู้สึกว่า เอ้อ สงสารแต่ละคน แบบเหนื่อยแล้วก็ออกไปอยู่ข้างนอกทีแบบหลายชั่วโมง ซึ่งมันหนาวมาก ไม่มีที่หลบไม่มีที่อะไรอย่างนี้ รู้สึกว่ามันทรหดจริงๆเลยนะ พอดีตัวผมเองเป็นคนชอบอากาศเย็นมาก แล้วรู้สึกว่าอยู่ที่โน่นแล้วอากาศมันดีมาก กลับกันเวลาผมอยู่เมืองไทยผมป่วยบ่อยไง แต่พอไปอยู่โน่นทำให้เราแบบไม่ป่วยเลย ยาที่เอาไปแก้ป่วยหรือแก้อักเสบเพื่อนเอาไปกินหมดอะไรอย่างนี้ ซึ่งเราก็รู้สึกชอบมาก ออกไปเล่นหิมะตลอด พูดถึงความลำบาก พวกเรานี่ไปลำบากกันมาก แต่รับรองว่าคนดูนี่ ดูแล้วสนุกแน่นอน ได้คุ้มตรงที่ได้เห็นภาพที่สวยมาก หิมะที่เราไปเจอนี่ เหมือนที่บอกกันว่าเราเจอทุกรูปแบบเลย ถ่ายๆอยู่ไม่มีเลย ถ่ายๆอยู่ลงมาตู้ม จนถ่ายไม่ได้เลย หรือบางที มันมาแบบ โห มาเป็นพายุหรือแบบมาเบา มาเป็นแบบ หูย ใหญ่มาก หิมะไม่ใช่เป็นแบบเกล็ดเล็กๆนะ แต่แบบเป็นปุยใหญ่ๆมาเลย ซึ่งแบบสวยงามมากเลยในเรื่องนี้ ถ้าเป็นการถ่ายงานที่แบบมีหิมะ ก็น่าจะเป็นครั้งแรกเลยสำหรับผมที่ได้มาสถานที่ที่ขาวโพลนอะไรอย่างนี้"

          และแน่นอนว่าการได้มาซึ่งโลเกชั่นที่ทั้ง "ใหม่" และ "แปลกตา" คือความท้าทายที่ผู้กำกับต้อมยุทธเลิศและทีมงานตั้งใจเลือก เพียงแต่จะทำอย่างไรให้บรรยากาศที่สว่าง สดใส ขาวโพลน และสวยแบบนี้จะสะกดความรู้สึกของคนดูให้อยู่หมัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสัมผัสได้ถึง "ความหลอนที่ชวนขนลุก" ภายใต้เรื่องราวของ "บุปผาอาริกาโตะ"ที่แตกต่างอย่างน่าหวาดสะพรึง

          "สิ่งหนึ่งที่น่าจะทำให้มันกระโดดอยู่คนละโลกกับบุปผาภาคผ่านๆมาก็คือเรื่องของโลเคชั่น โดยเฉพาะบุปผาราตรีจะมีโลเคชั่นหลักก็คือออสการ์อพาร์ตเมนท์ที่เพชรบุรีตัดใหม่ น่ากลัวมาก เห็นแล้วน่ากลัวเลย ไม่ต้องทำ ถ่ายอะไรก็น่ากลัว แต่ว่าอันนี้เป็นวิธีใหม่ของพี่ แล้วความน่ากลัวของพี่นี่ ถ้าทำแบบนั้นมันจะเก่า พี่เลยเลือกที่จะ เฮ้ย ใหม่เลย บ้านผีสิงแต่ใหม่ไง พี่เลือกอันนี้ คือเลือกโลเคชั่นที่ญี่ปุ่นเป็นบ้านทันสมัย เป็นบ้านเช่าที่ทันสมัย อยู่ในป่าเขา ที่สวย มันไม่ใช่โลเคชั่นที่น่ากลัว มันเป็นโลเคชั่นที่สวย หน้าที่พี่ยากขึ้นอีก ก็คือว่าเราจะทำยังไงให้ที่ที่สวยอย่างนั้น สว่างอย่างนั้น คือขาวหมด สว่าง ทำให้มันน่ากลัว ยากแน่นอน หลายคนถ้ามอง แค่เห็นจะน่ากลัวยังไง แต่พี่มองว่าความน่ากลัวพี่ไม่ได้เอาไปใส่ในโลเคชั่น เพราะคิดว่ามันซ้ำ ทุกคนทำมาหมดแล้ว คราบดำคราบเก่า เฮ้ย ไม่เลย คลีนๆ แต่ความน่ากลัว มันอยู่ที่สตอรี่มากกว่า ความน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นกับคาแรคเตอร์ พี่ไปสนใจกับตรงนั้นมากกว่า ความน่ากลัวของผีที่มันอยู่ มันไม่ได้น่ากลัวตรงลุค แต่มันน่ากลัวตรงไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น ความน่ากลัวของพี่จะเป็นเรื่องของการคาดเดาไม่ได้ ความน่ากลัวในสิ่งที่คอนโทรลไม่ได้ ผีที่สิงอยู่นั่นก็เป็นผีบ้า คาแรคเตอร์ผีบุปผาราตรีตัวใหม่ก็ซับซ้อน จะฆ่ากูหรือเปล่า ยืนอยู่ใกล้ๆมันจะแทงกูหรือเปล่า คือความน่ากลัวมันจะอยู่แบบนั้น ความน่ากลัวที่ได้มันจะมาพร้อมความใหม่ พี่สนใจความใหม่มากกว่าความซ้ำ คือถ้าน่ากลัวแล้วซ้ำ พี่ขอเดินทางใหม่"

          และเมื่อทุกองค์ประกอบที่เต็มไปด้วยความยากและสุดท้าทายผ่านการฝ่าฟันจากหยาดเหงื่อ ความคิด และพลังสร้างสรรค์จนถึงที่สุดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทุกอุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างทางกลายเป็นหลักไมล์แห่งความทรงจำที่สำคัญเมื่อย้อนกลับไปมอง โดยที่ภาพซึ่งปรากฎอยู่ตรงปลายทางข้างหน้ากลับสัมผัสได้ว่า "บุปผาอาริกาโตะ" เป็นอีกหนึ่งผลงานที่แสนท้าทายในชีวิตจนอยากให้ทุกคนได้สัมผัสเช่นเดียวกับที่บุปผาคนใหม่อย่างเก้าสุภัสสราและเหล่าหนุ่มๆจากแก๊งแฟนฉันทั้งออฟ,เก็ต,หยก,อ๋อง,แจ๊คและแน็ก รู้สึกว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่คุ้มค่าเหลือเกินที่ได้กลับมาทำงานร่วมกันและทุ่มเทพลังกายและพลังใจอย่างสุดตัว 12 เมษายนนี้เตรียมสัมผัสความเหน็บหนาวที่พร้อมเสียดแทงความกลัวให้ดิ่งลึกกว่าที่เคยของ "บุปผาอาริกาโตะ" ในเดือนที่ร้อนที่สุดพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์

FB on March 03, 2016, 09:10:26 AM
ทั้งหวือหวาทั้งฮากระจาย “เก้า-สุภัสสรา” ในชุดกิโมโน แท็คทีม“แน็ก, แจ๊ค, หยก, เกช, ออฟ, อ๋อง 6 หนุ่มแก๊งแฟนฉัน” สุดเซอร์ไพรส์ “สวมอันเดอร์แวร์” ถ่ายโปสเตอร์ “บุปผาอาริกาโตะ”





          เพียงแค่ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ปล่อย 2 ใบปิดโปสเตอร์แรกของ "บุปผาอาริกาโตะ" ก็ได้เสียงตอบรับจากคอหนังกันอย่างถล่มทลาย โดยเฉพาะในโลกโซเชียล และสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่น "เหน็บหนาว หลอนลึกถึงขั้วกระดูกของผีบุปผา" และ เวอร์ชั่น "สยองขำสั่นสะท้านฮากระจายของแก๊งแฟนฉัน" ในความเป็นบุปผาใหม่ที่ปังเวอร์สมใจผู้กำกับ "ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค" ที่นำความโรแมนติก เลือดนอง สยองขำ ระดับมาสเตอร์พีซหนังผีขึ้นหิ้ง มาสร้างเป็นคาแรคเตอร์ให้กับ "บุปผาอาริกาโตะ" ภายใต้คอนเซ็ปต์บุปผาใหม่ และเชื่อว่ามันคืออารมณ์ใหม่ๆของการดูหนังบุปผาที่ผู้ชมจะได้สัมผัสในอีกไม่นานนี้

          จึงเป็นที่มาของเบื้องหลังการถ่ายทำโปสเตอร์-ใบปิด 2 ธีม 2อารมณ์หลักของภาพยนตร์เรื่อง"บุปผาอาริกาโตะ" พร้อมกับเป็นการแนะนำ 7 นักแสดงหลักใหม่เอี่ยม โดยโปสเตอร์แรกเป็นการเปิดตัว "บุปผาคนใหม่" โดยมีนางเอกสาวสุดฮอต เก้า สุภัสสรา ธนชาต สวมชุดกิโมโนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งลุคของบุปผาที่ทั้งสวยหวาน แต่แอบหลอนด้วยปุยหิมะ พร้อมข้อความสุดแรง "ทิ้งกูมึงตาย" เพื่อคงคอนเซ็ปท์คาแรคเตอร์ของผีบุปผาให้หนุ่มๆได้หนาวลึกถึงขั้วกระดูก โดยบรรยากาศในการถ่ายทำก็เป็นไปอย่างสบายๆ จึงได้ภาพเก้า-สุภัสรา ออกมาได้หวาน และมีเสน่ห์ดึงดูด โดยเฉพาะแววตาที่เป็นจุดแข็งที่ ผกก.ต้อม ยุทธเลิศ เคยบอกไว้ว่าประทับใจในการเป็นบุปผาของน้องเก้าตรงที่แววตานี่แหละ

          หลังจากนั้นก็เป็นคิวถ่ายโปสเตอร์ของกลุ่มแก๊งแฟนฉัน 6 หนุ่มเพื่อนซี้ ที่ต้องรวมหัวจมท้ายตะลุยเมืองหิมะที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ 8 องศา และต้องเผชิญหน้ากับ "บุปผา" สำหรับแนวคิด และไอเดียของโปสเตอร์เวอร์ชั่นนี้เป็นการจำลองบรรยากาศ และตอกย้ำความสนุกสนานที่มาพร้อมกับคาแรคเตอร์ของทั้ง6ที่จะเกิดขึ้นในภาพยนตร์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็น

          แน็ก ชาลี ปอทเจส, แจ๊ค เฉลิมพล ฑิฆัมพรธีรวงศ์, หยก ธีรนิตยาธาร , อ๋อง ธนา ตันตรานนท์ , ออฟ อภิชาญ เฉลิมชัยนุวงศ์ , เกช ตรีวรัตถ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย ที่กลายเป็นหนุ่มกันหมดแล้วหารู้ไม่ว่าทั้งหมดจะต้องสวมชุด "อันเดอร์แวร์สีขาวสดใสตัวเดียวกางร่ม" ถ่ายภาพในสีหน้าหวาดกลัวสุดขีดไปพร้อมกับความรู้สึกเหน็บหนาวจนถึงขั้วกระดูกเหมือนกับตอนที่ถ่ายภาพยนตร์กลางหิมะเลยทีเดียว

          ซึ่งหนุ่มแน็ก ชาลี ปอทเจส เล่าว่า "บรรยากาศการถ่ายโปสเตอร์ในวันนี้ทำให้นึกย้อนไปนึกถึงตอนถ่ายหนังเลยครับ สิ่งที่เราเจอเลย อยู่ดีๆวันที่เขาบอกว่าใส่กางเกงในตัวเดียวนะ รู้สึกว่า อู้หู จะให้ทำไงละเนี่ยะ คือ เราเป็นคนไม่ชอบเลย เพราะปกติจะเป็นคนใส่กางเกง 4 ชั้นนะไม่ว่าจะนอนหรือว่าจะไปไหน ผมใส่บ๊อกเซอร์ กางเกง แล้วก็กางเกงลิงอีกอะไรอย่างนี้ ซึ่งแบบใส่หลายชั้นมาก แล้วแบบพอมาเจออย่างนี้ โอ้โฮ อายมาก แต่เพราะว่าเรามีเพื่อน ทุกคนถอดกันหมด แล้วอย่างวันนี้ที่มาถ่ายโปสเตอร์นี่ ก็ต้องบอกว่าเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ ตรงความรู้สึกที่ว่าไม่น่าจะมีนะในชีวิตนี้ที่จะมาแต่งตัว หรือมาถ่ายโปสเตอร์ในชุดแบบนี้ มันดูตลกมากแล้วก็ดูกวนๆอะไรอย่างนี้ แต่ก็รู้สึกสนุกดี ได้อยู่กับเพื่อนๆ แล้วก็ได้ถ่ายแบบแนวใหม่ แปลกดีใหม่ดีครับ"

          และเพื่อให้ได้บรรยากาศทีมงานได้แอบมีการทำหิมะเทียมติดที่ร่ม และเส้นผมนักแสดง เพื่อสร้างความสมจริงให้กับภาพที่จะถ่ายออกมาด้วย ซึ่ง บุปผาคนใหม่ อย่าง เก้า สุภัสสรา ธนชาต เล่าเสริมว่า "เก้ามาถึงก็แอบเห็นพี่ๆ เขามีโชว์เซ็กซี่กันด้วยนะคะ เรียกเป็นโปสเตอร์ที่มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใครแน่นอนค่ะ สำหรับในพาร์ทของเก้าที่มาถ่ายโปสเตอร์วันนี้ก็จะเป็นชุดกิโมโนค่ะ แต่ทำไมเก้าหรือบุปผาต้องใส่ชุดกิโมโน แล้วชุดกิโมโนมีความหมายอย่างไรกับตัวละครตัวนี้ต้องลองไปชมในภาพยนตร์ บุปผาอาริกาโตะดูนะคะ แต่ตอนนี้ใบปิดสวยๆ และขำๆ ทั้ง2แบบมีให้ดาวน์โหลด หรือ เข้าไปดูในเฟซบุคของสหมงคลฟิล์มเข้าไปติดตามกันได้ค่ะ โดยเฉพาะเวอร์ชั่นของเก้าจะมีแบบเคลื่อนไหว มูฟเมนท์พิเศษด้วย ดูแล้วอย่าลืมช่วนกันแชร์ และคอมเมนท์ด้วยนะคะ"

          12 เมษายนนี้ เตรียมตัวพบกับ "บุปผาอาริกาโตะ" ที่มาพร้อมกับ "ความเหน็บหนาว-หิมะขาวโพลน" และ "ความหวาดสะพรึง" อย่างถึงขีดสุดที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง
« Last Edit: March 03, 2016, 09:12:13 AM by FB »

FB on March 10, 2016, 10:26:10 PM
เจอ บุปผา “ถึงแก้ผ้าก็ไม่(น่า)รอด!!!”



          เก้า สุภัสสรา เป็น บุปผา คนใหม่

          โปสเตอร์ธีม ของ #บุปผาอาริกาโตะ
          ท้าหนาวติดลบ ท้าหลอนจนติดใจ
          โดย ยุทธเลิศ สิปปภาค

          "บุปผาอาริกาโตะ"
          12 เมษายน 59 นี้ ในโรงภาพยนตร์

          ‪#‎บุปผาอาริกาโตะ ‪#‎buppaharigato

FB on March 12, 2016, 10:37:12 PM
จาก “บุปผาราตรี” สู่ “บุปผาอาริกาโตะ” “ต้อม – ยุทธเลิศ สิปปภาค” ผกก.บุปผาอาริกาโตะ









          Q. พูดถึงปรากฎการณ์ความสำเร็จของ "บุปผาราตรี" หนังผีที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ซึ่งเป็นลายเซ็นต์เฉพาะตัวของ ผู้กำกับ "ยุทธเลิศ สิปปภาค"
          A. บุปผาราตรีมันเป็นเหมือนปรากฎการณ์บางอย่างซึ่งมันมาจากคาแรคเตอร์ของมัน วิธีของมันมากกว่า มีคนเคยบอกว่ามันเป็นหนังที่มีคาแรคเตอร์ และทุกคนชอบมันเสน่ห์อย่างหนึ่งของบุปผาที่พี่มักจะได้รับรู้เสมอ คือเป็นหนังที่อยู่ในใจคน ซึ่งมันเหมือนว่าบุปผาราตรีกับ "ยุทธเลิศ" มันเหมือนจะกลายเป็นของสิ่งเดียวกัน ซึ่งจริงๆ พี่ทำมือปืนโลกพระจัน, กุมภาพันธ์ ก่อนที่จะทำบุปผาราตรีอีก แต่คำว่า "บุปผาราตรี" พี่ไม่แน่ใจว่ามันคือ ความสำเร็จรึเปล่า ถ้าพูดถึงความสำเร็จในแง่การทำอะไรที่มีเอกลักษณ์ สามารถทำให้คนจดจำแล้ว พี่ว่าโอเคมันสำเร็จ

          Q.โรแมนติค เลือดนอง สยองขำ รสชาติในความเป็นหนังผีแบบบุปผา
          A. รสชาติการดูหนังแบบนี้เป็นอะไรที่คนไทยคุ้นเคยอยู่แล้วนะ ว่ามันเป็นทั้งตลกน่ากลัว และทั้งดราม่าอยู่ด้วยกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ได้ฟีดแบ็คมาจากคนดูหนังต่างประเทศ คาแรคเตอร์ของหนังที่มันทั้งตลกทั้งน่ากลัว แล้วอยู่ด้วยกันได้ มันเป็นอะไรที่ยากที่จะชงให้มันพอดี แต่บุปผาราตรีมันหลุดออกมาอยู่ตรงนั้นได้ คนจดจำว่าหนังเรื่องนี้มันมีคาแรคเตอร์ที่แบบว่าไม่รู้จะฮาไม่รู้จะกลัวในเวลาเดียวกัน ตรงนั้นมากกว่า พี่ว่ามันคือความสำเร็จในการสร้างคาแรคเตอร์หนังผีของพี่นะ มันจะมีทั้งตลกโรแมนติค น่ากลัว เสียดสี กัดจิกสังคม สะท้อนสังคม สะท้อนโน่นนี่นั่น ขณะเดียวกัน 18+ ได้

          Q.ทำไมเลือกสร้างบุปผาฯในยุคนี้
          A. จริงๆ พี่ไม่อยากแตะบุปผาราตรีแล้ว แต่ว่าสิ่งหนึ่งซึ่งคนก็ยังถามเสมอว่า มันไม่มีหนังแบบนี้ ไม่ทำอีกแล้วเหรอ เพราะว่าจริงๆ หลังจากบุปผามันก็มีหนังอย่างอื่น แต่พี่รู้สึกว่ามันเก่าละ พอรู้สึกว่ามันเก่าก็เลยไม่สนใจ ก็พยายามเสนอเรื่องใหม่ ก็คือมาคุยกับคุณเจียง (เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้อำนวยการสร้าง บุปผาอาริกาโตะ)ก็คือ พี่มีหนังเรื่อง อาริกาโตะ เป็นหนังผีแต่ไม่ใช่บุปผา พี่คิดว่าโอกาสที่จะทำให้หนังผีแตกต่างกัน มันทำได้ยากมาก โอกาสที่มันจะซ้ำมันมีสูง พี่ก็เลยคิดโปรเจกต์ใหม่ทุกอย่าง เปลี่ยนโลเกชั่นใหม่ๆ บรรยากาศใหม่ สร้างพล็อตใหม่ๆ แต่ตอนที่คุยกับคุณเจียง คุณเจียงก็คงเหมือนคนอื่นทั่วไปก็ยังชอบบุปผาราตรีอยู่ ก็บอกกับพี่ว่าถ้าพี่จะทำอย่างนั้น ทำไมพี่ไม่ทำบุปผาอาริกาโตะล่ะ จริงๆ มันยากนะ แต่พี่กลับมาคิดดูว่า เอ๊ะงานดีๆ จริงๆ มันต้องยากนะ พี่มองว่างานทุกอย่างถ้ามันยากมันต้องใช้ความพยายามสูง ใช้ความอดทนสูงมากกว่างานง่ายๆ ทั่วไป พี่ก็เลยคิดว่าเอ๊ะ บุปผาอาริกาโตะมันอยู่ด้วยกันได้มั้ย ทำยังไงก็เลยคิดว่า ทำให้มันใหม่หมดทุกอย่าง ดาราใหม่ เปลี่ยนโลเกชั่นใหม่ ใช้เทคนิคการแสดงแบบใหม่ ใช้การกำกับแบบใหม่ อะไรที่มันเก่าก็ไม่ต้องทำ นอกจากชื่อบุปผา

          Q.แล้วทำไมถึงต้องอาริกาโตะ
          A. คำว่า "อาริกาโตะ" มันเป็นคำ คือส่วนใหญ่หนังผี สมัยเด็กๆ หนังผีญี่ปุ่นจะเป็นหนังผีที่น่ากลัวมาก ถ้ารองจากแม่นากถ้าดูหนังผี ผีญี่ปุ่นมันจะเป็นมู้ดแบบ เหมือนว่าเป็นต้นตำรับในเรื่องของความสยองขวัญแบบเย็นๆ อะไรแบบนี้ ซึ่งมันจะแตกต่างจากอารมณ์ผีของไทยมาก ของไทยผีมันจะโฉ่งฉ่างมากๆ แล้วอาริกาโตะมันเป็นเหมือนในทางตลกหน่อย คือถ้าคนรู้ภาษาญี่ปุ่นมันคงเป็นคำแรกที่ (หัวเราะ) เข้าใจกันนะ อาริกาโตะ และที่สำคัญคือ ด้วยความที่พี่เป็นคนชอบเที่ยว ชอบไปต่างเมือง แล้วทีนี้พี่คิดว่าพี่ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเท่าไหร่ ก็เลยคิดโปรเจกต์มาเอ๊ะถ้าเกิดว่าเราจะทำหนังผีในแต่ละเมืองเป็นคอนเซ็ปท์คนไทยๆ ไปตายในต่างแดนแล้วเป็นผีไทยสมมติไปตายที่อเมริกา เอ๊ะเวลาไปหลอกฝรั่งๆ จะมีฟีดแบ็คอย่างไร เวลาไปตายในเขมรก็จะใกล้เคียง ถ้าไปตายในฮ่องกงจะเป็นอย่างไร ไปตายที่ดูไบคือๆ พี่มองว่ามันจะกลายเป็น มันจะไม่ใช่หนังภาคต่อละ มันจะเป็นหนังผีภาคใหม่เรื่อยๆ เพราะว่ามันใหม่ทุกประเทศ และพี่คิดว่าโปรเจกต์แบบนี้มันน่าสนุก แต่ที่เริ่มที่ญี่ปุ่นก่อน เพราะรู้สึกว่าเหมือนตอนนี้คนไทยจะคุ้นเคยกับญี่ปุ่น แล้วก็อย่างที่พี่บอกว่าผีญี่ปุ่นมันน่ากลัว เราก็เลยเอ๊ะ เอาเริ่มที่ญี่ปุ่นก่อนละกัน

          Q. "ความใหม่" ใน "ความต่าง" อันนำไปสู่การปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการทำงานใหม่หมด
          A. คือจริงๆความแตกต่างพี่มองว่า ต่อเนื่องจากเสี่ยเจียงละกันที่แกว่าทำให้มันใหม่ จริงๆ หนังมันสามารถทำให้ใหม่ได้หมด ซึ่งก็คือ 1. การเลือกไปที่ญี่ปุ่น มันก็ใหม่สำหรับการทำงานของพี่ เพราะว่าเราได้โลเกชั่นใหม่ เราได้ทำงานในที่แปลกใหม่ มันจะช่วยให้เรามองเห็นไดเรคชั่นใหม่ๆ ซึ่งไอ้ตัวนี้พี่มองว่าคนดูน่าจะได้อะไร มันเหมือนสมัยเด็กๆ พี่จำได้ว่ามีหนังที่เขาชอบไปถ่ายเมืองนอกเหมือนได้พาไปเที่ยวในต่างแดน แต่คราวนี้เราไม่ได้พาไปเที่ยวอย่างเดียว เรายังพาไปสยองไปหัวเราะกันในต่างแดน เหมือนไปเที่ยวบ้านผีในญี่ปุ่น ถ้าการดูหนังบุปผาอาริกาโตะ มันน่าจะมาในมู้ดนั้นมากกว่า มันมี2อย่างที่เราจะกลัวนะ คือ 1.เราจะกลัวกับสิ่งที่มันมองไม่เห็น อีกอันหนึ่งก็คือตื่นเต้นกับสิ่งที่ยังไม่เคยลอง พี่เลือกใช้วิธีที่เรียกว่าอะไรนะ การทำงานที่มันตื่นเต้น มันจะทำให้สมองเกิดการพัฒนา มันจะทำงานได้เยอะกว่าปกติ อย่างเรื่องนี้เราวางแผนแบบนี้ สมมติว่าตอนเลือกโลเกชั่นเราเลือกจากกูเกิ้ล แล้วเราก็ไม่รู้โลเกชั่น สิ่งที่มันได้คือ 1.มันเสี่ยง แต่สิ่งที่ได้คือเรารู้สึกว่ามันตื่นเต้น ท้าทาย เรารู้สึกว่ามันต้องพร้อมเสมอกับความผิดพลาด แค่เรื่องเลือกโลเกชั่นมันก็ทำให้เรารู้ว่าเราต้องเตรียมพร้อม ที่จะต้องแก้ปัญหา มันก็คือการทำหนังอีกแบบหนึ่งซึ่งมันสนุกมากกว่า

          Q. รูปแบบการทำงานใหม่ๆ จากโลเกชั่นที่ถ่ายทำนำไปสู่หัวใจสำคัญของเรื่องราวคือ "บทภาพยนตร์"
          A.โลเกชั่นแล้วมาสู่เรื่องบท ด้วยความที่เราล็อคโลเกชั่นไว้ เราต้องการอยากถ่ายหิมะ เราล็อควันที่จะถ่ายในอพาร์ทเมนท์ ซึ่งมีแค่นี้หลังจากนั้นมันจะเต็มไปหมด เพราะฉะนั้น บทมันต้องเสร็จก่อนที่จะไป แต่ด้วยความที่โลเกชั่นมันถูกล็อคเร็วมาก ในการทำหนังทั่วไปก็คือเวลาบทไม่เสร็จมันถ่ายไมได้ แต่มันมีโครงไง (ทรีทเมนท์หนังทั้งเรื่อง) งานที่นักแสดงและผกก.เดินไปด้วยกัน พี่บอกว่ามันสนุกดีจะมีพวกเจ้านักแสดงที่มันผู้ชายหน่อย มันก็โอเค มันน่าสนุกตรงนี้ เฮ้ยไปลุยกันตรงนั้น เราคิดว่าถ้าคนทำงานสนุก งานมันต้องสนุก มันก็กลายเป็นสิ่งที่ทีมงานทุกคนต้องสแตนบายรอ พี่แบบพี่รู้สึกว่ามันเป็นการทำงานแบบใหม่ของทีมงาน อันนี้เป็นการเล่นของเป็นเทคนิคใหม่ๆ

          Q. นำไปสู่การแสดงใหม่ๆ
          A. บทพอมันไม่ complete นักแสดงมันต้องใช้ความสามารถในการทำงานมากกว่าปกติ อันนี้บีบให้นักแสดงต้องคิด บางทีพี่จะ บทเป็นอย่างนี้แล้วเราคิดว่ามันเป็นอย่างไรละ นักแสดงก็เลยต้องคอยโฟกัสตลอดว่ามันจะมูฟเมนท์อย่างไร ตัวอะไรอย่างไรซึ่งเทคนิคการแสดงใหม่ๆ แต่ละคนมันก็ใช้วิธีของมัน คุณก็ต้องรับผิดชอบด้วยนะ คือคุณต้องเป็นแบบคุณเป็นนักแสดงที่ไม่ใช่เป็นการท่องจำ แต่การครีเอทความรู้สึกของนักแสดงเข้ากับโดยใช้ความเป็นธรรมชาติ พี่ว่าเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างการแสดงกับความรู้สึกจริงๆ เป็นสิ่งทีเอื้อให้เกิดการแสดงอารมณ์แอ็คติ้งอีกรูปแบบหนึ่ง คนดูก็จะเกิดความรู้สึกที่ว่าเออมันไม่ใช่วิธีการแบบบล็อคว่าเรื่องมันจะไปทางไหน นักแสดงกับผกก.พากันไปไปอีกโลกหนึ่ง

          Q. ถือว่าเป็นการทำงานในการใช้สัญชาตญาณสูงมาก เราทำงานอยู่บนอุปสรรคที่ยาก ทีมงานนักแสดงไม่เคยทำงานท่ามกลางอุณหภูมิ หิมะแบบนี้แน่ฯลฯไม่รู้ว่าจะมากวนสมาธิหรือเปล่า แต่ว่านี่คือหนังที่ใช้สัญชาตญาณทางการกำกับและการแสดงสูงมาก
          A. หิมะตรงนี้...คือมันกลายเป็นการแก้ปัญหา ในขณะที่แก้ปัญหามันต้องคิดๆ ว่าไอ้นี้จะไปต่ออย่างไร ประมวลภาพในหัว พี่คิดแก้ปัญหาทุกวันๆ อยู่ประมาณวันที่12 น็อคลุกจากเตียงไม่ได้เลย เพราะว่าเราทำงานเกินลบสี่ ลบสี่อยู่ข้างนอกแล้วหิมะ ลม เราถ่ายกล้อง ดันถ่ายเองด้วยมือนี้มันบล็อค แล้วอากาศที่มันเลวร้าย เราอยู่เป็นคนเมืองร้อน ตอนแรกที่เราเลือกไปถ่าย พออยู่ที่โน้นคิดถึงดวงอาทิตย์ คิดถึงความร้อนเราไม่เจอมันหลายวัน แต่ในโมเมนต์ที่มันพีคที่สุดเวลาเรากัดฟันทำงานเพื่อให้มันลุล่วง ในขณะที่เราจะต้องคิดครีเอทอะไรแบบนั้นนะ มีความรู้สึกว่าไม่แน่ใจขึ้นมาในวันสุดท้าย (ในวันที่น็อค) แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่าเราได้เปิดโอกาสให้ทีมงานและนักแสดงได้ลองอะไรใหม่ๆ แล้วเราเห็นว่าฟีดแบ็คเขาเริ่มสนุกกับวิธีการทำงานแบบนี้

          Q. มันจะไม่เหมือนกับบุปผาที่คุณเคยดูมา
          A. มันไม่ใช่บุปผาภาคต่อ อะไรที่เป็นภาพจำจากบุปผามันจะไม่เหลือเลย แต่ซึ่งพี่มองว่ามันน่าจะเหมาะกับยุคนี้ บุปผามันควรจะเก็บไว้อย่างนั้นด้วยคาแรคเตอร์ของมัน แต่ถ้าบุปผาใหม่มันควรจะเป็นอะไรเปิดโลกอีกโลกหนึ่ง บุปผาอินนิวยอร์คก็จะไม่ใช่ภาคต่อของบุปผาอาริกาโตะ มันก็จะเป็นใหม่ไปเลย คาแรคเตอร์ใหม่ มันก็จะเป็นหนังที่คนดูก็คาดเดาไม่ถูก

          Q. เรื่องราวของบุปผา
          A. บุปผาราตรี (น้องเก้า-สุภัสรา) ไปจับได้ว่าแฟนตัวเองมีชู้ ตัวเองไปแอบดู ด้วยความโกรธ หรือด้วยความไม่อะไร เขาก็เลยฆ่าแฟน เอาค้อนทุบอ่ะ ผู้หญิงไม่ตาย ผู้หญิงไปอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนตัวเองก็ทำจนเสร็จแล้วเพิ่งรู้สึกตัวว่า เฮ้ย กูทำเกินไป ด้วยความรัก ยิ่งรักยิ่งโกรธมาก เลยหนีไปญี่ปุ่นกะแบบหนีไปเลย บ้านเขารวยเขาก็ให้ทางนี้เคลียร์เรื่องตำรงตำรวจ แต่ตอนไปญี่ปุ่น เขาไปเจอผู้ชายคนหนึ่งหน้าเหมือนแฟนตัวเองเป๊ะ ความแค้น-ความรักเข้าครอบงำอีกครั้ง เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

          Q. นักแสดงที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราว
          A. เราต้องการความใหม่หมดใช่ไหม แต่ว่าเผอิญทางสหมงคลฟิล์มเขาแนะนำว่าเก้า พี่ก็โอเคนะ ก็ยังถือว่าใหม่ เพราะเขายังเล่นหนังได้ไม่กี่เรื่อง แล้วก็สิ่งหนึ่งที่พี่ชอบ คือพี่ไม่ได้สนใจเรื่องการแสดง ไม่ได้สนใจเรื่องความดัง พี่สนใจตาเขาอ่ะ เขาเป็นคนที่อาจจะคิดเยอะหรือคิดอะไรสักอย่างเสมอ เวลาพูดคุยเวลาอะไรอย่างนี้ มันไม่เหมือนเป็นการแสดงชั้นเดียวอ่ะ คือหมายถึงว่า อ่านละเห็นหมดเลยว่าในตาคิดอะไร แต่พี่ชอบนักแสดงที่เราไม่รู้ว่าคิดอะไร ซึ่งเหมือนพลอย-เฌอมาลย์ แล้วเราไม่รู้ว่าดีหรือร้าย นิ่งๆ แล้วมึงยิ้มให้กูเนี่ย มันเป็นคาแรคเตอร์ที่มันมีบางอย่างซ่อนอยู่ ซึ่งเก้าเขามี โอเค มันก็น่าลอง คือถ้าเขาตัดสินใจเล่น เขาต้องเล่นด้วย ใช้สัญชาตญาณตัวเองว่าเขาจะเล่นด้วยเพราะอะไร หรืออะไรยังไง แต่การเลือกมาแล้วก็คือว่า หนึ่งคือเขาเหมาะกับบทแล้วเขาเป็นผู้หญิงที่มี เขาเรียกว่า sex appeal เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดคนค่อนข้างเยอะ จากสายตา จาก มันเหมาะที่จะเป็นบุปผาคนใหม่

          Q. เสน่ห์ของตัวละคร..
          A.คือในเรื่องของนักแสดงที่มีคาแรคเตอร์พี่ว่าบุปผาราตรีเนี่ย มันก็เป็นคาแรคเตอร์ที่เหมือนคนจะจำได้แล้วแน่นอน สิ่งที่มันยากที่สุด คือ การจะหาบุปผาราตรีคนใหม่ เพราะว่าพลอย-เฌอมาลย์ เขาสวมบทเป็นบุปผาราตรีไปแบบได้ 100% คือนักแสดงที่จะมารับบทบุปผาราตรี ก็จะต้องกลัวการแสดงของตัวเองเลย เขาทำไว้ดีอยู่แล้ว แต่พี่มองอย่างนี้ เก้ารับบทบุปผา จะไม่ธรรมดา คือไม่กลัวอ่ะ หนึ่ง ถ้าเขากล้าคิดว่าตรงนี้มันจะเป็นมิติที่อยู่ในตัวเขาโดยอัตโนมัติ ใครกล้ารับบทบุปผา แต่พี่ถือว่าผ่านในเรื่องของความกล้า แล้วก็พี่เชื่อว่าเขาต้องตัดสินใจลำบากพอสมควรในการรับเรื่องนี้ แต่สัญชาตญาณสุดท้าย เขาอ่ะตัดสินใจรับ พี่ไม่ใช่คนกำกับเก่งนะ พี่แค่ไกด์ พี่แค่ขุดแค่นั้นเอง แต่ ณ เวลาสั้นๆ ช่วง moment สั้นๆ พี่ว่าเขาปรับตัวได้เร็ว แล้วเค้าประคองมันอยู่ และพี่เชื่อว่าเขาเก็บเสน่ห์ ความเป็นบุปผาราตรีไว้กับเขาได้ ความรู้สึกของเขามันไปเกินครึ่งแล้วไง ที่เหลือมันเป็นที่การแสดงอีกนิดหน่อย ที่มันแบบคนดูไม่น่า อาจจะเซอร์ไพรส์คนดูก็ได้
          มันเป็นการพูดคุยให้เขาเข้าไปถึงสมาธิ คือดึงอารมณ์ตัวนั้น มันจะถูกเค้นออกมาผ่านการแสดง คือ ฉากร้องไห้เนี่ย มันเป็นฉากที่ธรรมดา คือ นักแสดงที่เค้นน้ำตาได้ส่วนใหญ่ แต่การเค้นน้ำตาของคนที่น้ำตาที่ไหล ไม่ได้ออกมาจากใครตายอ่ะ ไม่ใช่คนรักเสียชีวิตอ่ะ น้ำตามันจะออกมาได้เฉยๆ เนี่ย พี่ไม่รู้เขาคิดอะไร แต่โจทย์ของพี่ก็คือว่า คุณอยู่ในภาวะที่กลัวที่สุด แล้วพี่ต้องการน้ำตา พี่รอได้ คือก่อนหน้านั้นพี่กดดันอีกแบบหนึ่งนะ ที่พี่เลือกเพราะว่า เก้าไม่ได้เล่นเก่งนะ แต่เก้าเหมาะ พี่บอกเก้าเสมอ เก้าเหมาะ เก้าเป็นคาแรคเตอร์ที่มีอยู่ แต่จะลองก็ได้ ให้ฉากนี้ ฉากที่ได้เป็นซีนที่น่ากลัว เจอปะทะกับผีตัวข้างหน้า แต่พี่ต้องการกลัวจนน้ำตาตก กลัวจนน้ำตามันไหลออกมา พี่ไม่เคยเป็นนักแสดงและพี่ก็ว่าพี่ทำไม่ได้ แต่ถ้าเก้าทำได้ก็ปล่อย ต้องไปถามเก้าเขา เขามีวิธีคิดอะไรระหว่างนั้นพี่ไม่รู้ พี่ไม่ใช่ผู้กำกับที่เก่ง ที่เขาบอกว่านี่คือวิธีเปิดโอกาส เขาเรียกว่าเป็นการทำงานที่ อาจจะไม่ใช่ อาจจะเป็นผู้กำกับที่ไม่ได้เรื่องก็ได้ในเรื่องนั้น แต่ว่าพี่ถือว่าพี่เปิดโอกาสให้คุณ ซึ่งมันเป็นซีนสั้นๆ นะ พี่ว่าเทคเดียวผ่าน พี่ว่าได้ละ พี่ลองเก้าอีกที อีกทีไหวป่ะ ได้ค่ะ อีกที ได้ค่ะ
          คือคนจะได้เห็นเก้าในบทแบบนี้ หนึ่ง ฆ่า เป็นคนสวยนะแต่ฆ่าคน สอง แล้วจะฆ่าอีกรอบด้วย มีทั้งซอฟท์และรุนแรงอยู่ในตัว ซึ่งการแสดง2คาแรคเตอร์ในร่างเดียว คือคาแรคเตอร์บุปผาเก่ามันจะมีชั้นเดียว แต่นี่อ่ะสองชั้น ดูเหมือนมันไม่ปกติ ซึ่งการแสดงสองชั้นแบบนี้ วิธีการของพี่มันอาจจะเวิร์คก็ได้ ด้วยความที่พี่ไม่ได้เซ็ตไม่ได้บอกอะไร มันทำให้เก้ามี Question
          เสมอในระหว่างเล่น เพราะงั้นมันก็จะกลายเป็นคนที่พูดอีกอย่าง แต่ข้างในเนี่ยคิดไปไหน เราไม่รู้ ซึ่งมันเหมาะกับหนัง คือคนเราเนี่ย การแสดงดีไม่ดีมันอยู่ที่ลูกตาจริงๆ คือถ้าคิดอีกแบบหนึ่งเนี่ยคนจะรู้เลย คือเราดูแล้วมันอ่านออกอ่ะ เป็นเทคนิคการแสดง หรือว่ามันเป็น Improvise ซึ่งมันเกิดคือความลงตัวขึ้นตรงนี้ พี่มองว่าเก้าอาจจะ เขาเรียกพัฒนาการ เล่นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเขาจะชอบหรือเปล่าไม่รู้ แต่เขาทำได้ เขาทำได้ในสิ่งที่บุปผาราตรีภาคใหม่ควรจะมี

          ....สิ่งหนึ่งที่ต้องมีคือความโรแมนติก...
          A. คือแน่นอนนอกจากความรุนแรง ความมีสองคาแรคเตอร์ ความอ่อนหวาน ความโหดร้าย ความน่ากลัวเนี่ย ในคาแรคเตอร์ของบุปผา ก็คือในด้านของความรัก ผู้หญิงที่อ่อนไหวเรื่องนี้ น่าจะเป็นบุปผาที่ เป็นคนที่มีรักมากเลยเจ็บมาก พอเจ็บมากมันจะทำให้เขากลายเป็นผู้หญิงอีกแบบหนึ่ง ความรักเนี่ยกลับกลายไป ความเหือดแห้ง กลับไปกระทบชิ่งถึงผู้ชาย ซึ่งปกติผู้ชาย ความรักแบบนี้คาแรคเตอร์แบบนี้กลายเป็นทำให้ผู้ชายคนหนึ่งหลงรัก ทั้งๆ ที่เจอในวันสองวัน มันบุคลิกแบบนี้มันครีเอท มันทำให้คนหนึ่งหลงรัก มันก็จะกลายเป็นเรื่องความโรแมนติกในหนังที่น่ากลัว นั่นเป็นคาแรคเตอร์ของบุปผาในความรักเรื่องนี้
          ซึ่งพอบทส่งไปหาแน็คเนี่ย เราก็จะได้เห็นการแสดงของแน็คอีกแบบหนึ่ง เพราะมันเจอพี่ แล้วก็ในมู้ดที่ซีเรียสในเรื่องของความรัก คราวนี้แน็คโตเป็นหนุ่มที่จะเริ่มเข้าใจว่า เฮ้ย การประคับประคองกัน รักษาความรู้สึกในเรื่องของความรู้สึกของผู้หญิงที่มีความรักหรืออะไรแบบนี้ มันจะค่อนข้างออกมา ค่อนข้างชัดเจนนะคล้ายๆกับถ้าเคยดูกุมภาพันธ์น่ะ คือจะได้เห็นแน็ค ปกติเราจะเห็นแน็คบ้าๆบอๆ แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่ซีเรียสในการทำงาน คือในเรื่องเขาเล่นเป็นตัวเขานะ ความเป็นศิลปิน ความเป็นนักแต่งเพลง นักดนตรีเนี่ย มันหล่อหลอมจนเหมือนมันไม่ได้แสดงอ่ะ แต่มันดึงตัวตนที่มันไม่มีใครเคยเห็นออกมาให้เราเห็น ซึ่งกลายเป็นผู้ชายโรแมนติก ผู้ชายที่เข้าใจ ทะนุถนอมความรู้สึกของผู้หญิง เป็นผู้ชายอบอุ่น ซึ่งอยู่รายล้อมด้วยหัวโจกที่ขัดแย้งมากๆในแก๊งแฟนฉัน

          ....ทำไมต้องแน็ค ทำไมต้องแจ๊ค..
          A. คือพอเรามีนางเอกใช่ไหม เรามีพระเอกแน็คเนี่ย แต่ว่าพอดีพี่สนิทกับแจ๊คเคยคุยกัน เฮ้ย พี่ก็สงสัย มันเป็นเพื่อนกันใช่ไหม เพื่อนๆ แฟนฉันอะไรพวกนี้มันเป็นกันยังไง มันก็แยกย้ายกันไปทำนู่นนี่ โตแล้วไง คือทุกคน เราเชื่อว่าแฟนคลับของแฟนฉันเนี่ยอยากรู้ว่าพอโตพวกนี้เป็นยังไง คืออันนี้ส่วนตัว แล้วพี่ก็ถามเลยนะ เฮ้ยแจ๊ค พวกนี้มันเล่นรวมกัน คือเล่นเป็นตัวพวกเขาอ่ะ คือพวกนี้เป็นเพื่อนที่เคยเล่นหนังแฟนฉันด้วยกันน่ะ แล้ววันหนึ่งมันก็จะมาทำ MV ให้ไอ้เจ้าแน็คซึ่งจะออกเทป ซึ่งเป็นชีวิตจริงของมันอะไรแบบนี้ ปรากฏว่าทุกคนรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มาเจอกัน พี่เห็นในหนังคือพี่รู้สึกว่า เออ พี่ชอบแฟนฉัน ชอบคาแรคเตอร์ แล้วการเห็นพวกมันกลับมารวมตัวในหนังของเรา มันก็น่ารักดี ไหนๆ มีแน็ค แจ๊คตามมาละ พี่ว่ามันมีคาแรคเตอร์น่ารักอยู่แล้ว แค่เอามาพาไปผจญภัยเหมือนแบบแก๊งค์เนี่ย แก๊งค์ไอติมผจญภัยผีที่ญี่ปุ่นน่ะ เหมือนแฟนฉันกับบุปผาราตรีมันยุคใกล้กันมั้ง แล้วพวกนี้รู้จักบุปผาราตรี ทุกคนแฮปปี้ที่จะมาอยู่ เป็นส่วนหนึ่งของบุปผาอาริกาโตะ พี่มองแก๊งนี้ไม่ได้เหมือนว่ามาแสดงอะไร ไปทดลองทำอะไรสนุกๆ กันดีกว่า

          ...ขยายเรื่องนิดหนึ่ง...
          แก๊งแฟนฉันเนี่ย ตอนแรกเริ่มจากแน็ค คือการเลือกคาแรคเตอร์ของพระเอกพี่เบสออนชีวิตจริงมา แน็คทำอะไรได้บ้าง เล่นดนตรี มันก็เอาดนตรีมาโชว์ใหญ่ แจ๊คนี่พี่รู้อยากเป็นผู้กำกับ ก็เลยเซ็ทเรื่องจากคาแรคเตอร์จริงของแน็คที่ชอบเล่นดนตรี มันเล่นเพลงเพราะ มันเรียนรู้ พี่ชอบแบบนี้ มันสดมากไม่มีใครเคยเห็น มันควรจะอยู่ในหนัง แจ็คพี่ก็คิดต่อว่าเป็นผู้กำกับ MV แล้วมันก็ชวนทั้งหมดมาช่วยเพื่อนทำ MV ที่ญี่ปุ่นกัน ก็จะมี หยก หน้าไม่มีอารมณ์ ตอนนี้มันสูงมาก ถือบูมทำเสียง เก็ท ตัวเล็กๆ เป็นอาร์ตไดฯในกอง อ๋อง ตอนนี้ผมยาวเลย ที่ร้องโว้ววๆ เยเย้เนี่ยเซอร์มากเปลี่ยนไปขนาดนี้ ให้เป็นตากล้อง มู้ดมันอะไรแบบนี้ได้ อ๊อฟ ที่แต่ก่อนอ้วนมาก เดี๋ยวนี้ผอมเป็นคนจัดการกองถ่าย หาโลเคชั่น ทำไมไปเลือกบ้านผีสิงที่อะไรพวกนี้ ซึ่งมู้ดของผู้ชายเหมือนการรียูเนี่ยนเล็กๆ การกลับมาเจอกันมาช่วยเหลือกันอะไรอย่างนี้ มันน่ารักดี เป็นพาร์ตหนังเพื่อนแบบร่วมหัวจมท้าย แล้วก็ทำงานด้วยกัน โดนผีหลอก
          สิ่งหนึ่งที่น่าจะทำให้มันกระโดดอยู่คนละโลกกับบุปผาภาคผ่านๆ มา ก็คือเรื่องของโลเคชั่นเนี่ย โดยเฉพาะบุปผาราตรีเนี่ยจะมีโลเคชั่นหลักก็คือออสก้า อพาร์ตเม้นท์ที่เพชรบุรี น่ากลัวมาก เห็นแล้วน่ากลัวเลย แต่ว่าอันนี้เป็นวิธีใหม่ของพี่ บ้านผีสิงแต่ใหม่ไง ที่ญี่ปุ่นเนี่ยเลือกเป็นบ้านเช่าที่ทันสมัย อยู่ในป่าเขา ที่สวยอ่ะ หน้าที่พี่ยากขึ้นอีก เราจะทำยังไงให้ที่ที่สวยอย่างนั้น คือขาวหมดเนี่ย ทำให้มันน่ากลัว ยากแน่นอน พี่มองว่าความน่ากลัวเนี่ย พี่ไม่ได้เอาไปใส่ในโลเคชั่น เพราะคิดว่ามันซ้ำ คราบดำคราบเก่า แต่ความน่ากลัวเนี่ย มันอยู่ที่เรื่องราวมากกว่า ความน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นกับคาแรคเตอร์ ความน่ากลัวของผีที่มันอยู่อ่ะ มันน่ากลัวตรงไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น มันคาดเดาไม่ได้ สิ่งที่คอนโทรลไม่ได้ คาแรคเตอร์ผีบุปผาก็ซับซ้อน จะฆ่ากูหรือเปล่า ยืนอยู่ใกล้ๆ มันจะแทงกูหรือเปล่า คือความน่ากลัวมันจะอยู่แบบนั้น คือถ้าน่ากลัวแล้วซ้ำ พี่ขอเดินทางใหม่

          ....ถอดเสื้อกลางหิมะ....
          A. คือเอาอุปสรรคก่อนแล้วกัน โลเคชั่นใหม่เราต้องการความสว่าง เราต้องการหิมะ เราไม่ได้ต้องการความหนาวนะ เราต้องการบ้าง แต่ว่าความหนาวมันติดมากับหิมะ มากับน้ำแข็ง มันเย็นมาก มันติดลบอ่ะ -3, -4 นักแสดง พี่ก็ไม่ได้คิดจะให้เขาแก้ผ้าหรอก แต่ว่าก็คุยกันเล่นๆ ว่าต้องแก้ผ้าเปล่าวะ คือบทมันไม่ได้มีแก้ผ้า พวกเราก็ เฮ้ย ลองเล่นกันไหม มันได้ความรู้สึกดีนะ แก้ผ้าในที่ๆ ร้อนมันเรื่องปกติ แก้ผ้าในหิมะนี่มันช่วยอะไร มันก็ต้องมีเหตุมีผล มึงใส่เสื้อผ้าผีมันเห็นนะ ไม่มีใครอิดอออด ทุกคนสนุก ถามว่า ลำบากไหม หนาวอ่ะ มีเด็กคนหนึ่งที่เล่นเป็นผี มันก็ถอดเสื้อกลางหิมะ มันทำได้ มันรู้สึกว่าความขัดแย้ง หนาวแต่ไม่กลัว คือบุปผามันเป็นไทยมากอ่ะ ถ้าเปลี่ยนเป็นใส่ชุดกิโมโน จะรู้สึกยังไงน่ากลัวไหม

          ...เราจะเห็นเก้าใน 3 ลุค...
          A.โอเค บุปผาราตรีที่ผ่านมามีชุดประจำอยู่ประมาณ 2 ชุด ชุดนักศึกษา ชุดนอนกับชุดกระโปรง จริงๆ คอสตูมของบุปผาก็สำคัญนะ คนดูก็คงจะได้ดูเก้าในชุดที่ไม่ปกติทั้งสามชุด แต่ส่วนใหญ่ก็จะขาวหมด ชุดสกีก็ขาวหมด ชุดกิโมโนก็ขาว ชุดอวกาศ ชุดบอดี้สูทก็ขาว ซึ่ง 3 ชุดเนี่ย มันมีแต่ละชุดที่มันใส่เป็นเรื่องราวต่อเนื่องกัน มีที่มาที่ไปของมันอยู่ ซึ่งมันจะไปเฉลย ต้องไปดูในหนัง แต่ว่ามัน เราก็จะได้บุปผาราตรีใน 3 คาแรคเตอร์ 3 คอสตูม
          แล้วที่ขาดไม่ได้ก็คือเรื่องนี้มักจะมีอยู่เสมอก็คือดารารับเชิญ ซึ่งเรื่องนี้มีดารารับเชิญอยู่ 1 2 3 4 สี่คนเนี่ยรับเชิญในบทที่ไม่ธรรมดา แล้วแต่ละคนมันจะเล่นกับความเชื่อของคนไทยอ่ะ

          ....พูดถึงโลเคชั่น...
          A.นิซาโกะที่เขาบอกว่าหิมะสวยที่สุดในญี่ปุ่น เขาเรียกว่าเป็น powder snow คือมันเหมือนแป้งโรยอ่ะ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หิมะมันมีหลายแบบนะตอนไปถ่ายเนี่ย พายุหิมะ หิมะแบบฟูฟ่อง เป็น flake เป็นแป้ง มันมีหลายแบบมาก ซึ่ง แล้วเมืองนี้เป็นเมืองที่เป็นที่นิยมในการไปเล่นสกี และเป็นเมืองที่ฮิตมากสำหรับคนไทย ตอนพี่ไปถ่าย เจอคนไทยเยอะเลย แต่พี่ไม่ได้บอกเขาว่าพี่มาถ่ายหนัง พี่ก็นั่งแอบๆ แต่ว่าด้วยความที่เราจะไปทำให้เมืองนิเซโกะเป็นเมืองผีสิงอ่ะ พี่ก็เลย แต่บอกทุกคนไปเล่นสกีดีแล้ว ในหนังก็จะเห็นมู้ด มันสวย สวยงาม หิมะที่นี่มีหลายเวอร์ชั่นมาก หิมะโปรยปลิวๆ แล้วแบบมันเหมือนในโปสการ์ดที่เราเคยเห็นที่เขาถ่ายสวยๆ ที่เราก็ไม่นึกว่าจะมีอยู่จริง แล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถนนอ่ะสีขาวอ่ะ สีขาวแบบเป็นแป้งจริงๆ เลยนะ ในหนังน่าจะมี หิมะตกเยอะๆ ก็ตกเยอะ ตกเหมือนฝนก็มี พี่ชอบหิมะ แต่ไม่ชอบความหนาวนะ ก็เหมือนบุปผาอาริกาโตะ ขอบคุณคนดูด้วยกัน พาไปดูหิมะก่อนจะหัวเราะกัน หลอนกันไปอะไรแบบนี้

          ...เพลงของแน็ค...
          A.เพลงของแน็คนี่ คือตัวเพลงจะเป็นตัวแสดงศักยภาพของคาแรคเตอร์ของแน็ค ด้วยความที่หนังเนี่ยมันสร้างจากคาแรคเตอร์ของแน็คจริงๆ เพลงมันก็เลยลิ้งกับในหนังโดยอัตโนมัติ พี่ทำ MV ก็ใช้ทุกอย่างอยู่ในหนังหมดเลย กลายเป็นมันออกมาจากธรรมชาติของแน็ค ออกมาจากความรู้สึกของมันจริงๆ เวลาแต่ง คือ แล้วที่สำคัญ ทุกๆ คนมันก็แต่งเพลงเล่นดนตรีได้อ่ะ แต่เล่นแล้วมันมีคาแรคเตอร์ มีเสน่ห์ มีน้ำเสียง คือนักร้องต้องมีน้ำเสียงที่ นักแต่งเพลง คือแต่งเพลงดี แน็คมีครบ ซึ่งเพลงของแน็คมี ฟังทีเดียวมันติดหูอ่ะ ซึ่งมันหายาก แล้วก็น้ำเสียงของแน็คไม่ธรรมดา เลียนแบบยาก มีคาแรคเตอร์ พี่ว่าเขาเป็นศิลปินจริงๆ อ่ะ

FB on March 12, 2016, 11:02:07 PM
Doubletap ส่ง “เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ” ชวนโยกยับขยับท่วงท่าไปกับ แท็ปสนุกๆ บีทเท่ห์ๆ อารมณ์ “หนาว หลอน ขำ” OST. ประกอบหนัง “บุปผาอาริกาโตะ”





เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ - Doubletap (Official Lyrics - Ost.บุปผาอาริกาโตะ)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=sUD182nVcEw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=sUD182nVcEw</a>

          โปสเตอร์ก็ว่าฮิปแล้ว เข้าโรงหนังเจอตัวอย่างที่ฉายอยู่ก็หลอนฮาใช่เล่น ล่าสุด สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ปล่อย "เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ" เพลงเท่ห์ๆ กวนๆ ในแนว แท็ป จาก Doubletap คู่หู Beat Box ระดับแชมป์ของเมืองไทย มาร่วมสร้างสรรค์บีทสนุกๆ ซึ่งอยู่ใน "บุปผาอาริกาโตะ" ภาพยนตร์หนาว หลอน ขำใหม่เรื่องใหม่ล่าสุดจากผู้กำกับ ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค โดยซิงเกิ้ลใหม่มาพร้อมท่อนฮุคติดปากที่เชื่อว่าเหล่าขาฮิป ขาแร็พทั้งหลายต้องร้องกันติดปากแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคำว่า "เจ็บแต่ดี #ทิ้งกูมึงตาย #อิไตอิไต # และ โดยเฉพาะ "อาริกาโตะ" ซึ่งเป็นชื่อหนังของ "บุปผา" ภาคใหม่ที่ครั้งนี้เหล่าแฟนๆ จะได้พบกับบุปผาคนใหม่ (น้องเก้า-สุภัสสรา ธนชาต) และความหลอนของออสการ์ลอดจ์ บ้านผีสิงแห่งใหม่ ในดินแดนหิมะขาวโพลน ประเทศญี่ปุ่น พร้อมความสนุกสนานของเหล่าบรรดาแก๊งแฟนฉันที่กลับมาสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะบนจอ และแน่นอนแข้งขาขยับไปกับเพลงปังๆๆ อย่าง "เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ" โดยฝีมือการแต่งคำร้องทำนองและเสียงร้องโดย Doubletap (หมวดแวนและมิตร)

          (ท่อนฮุค) เจ็บแต่ดี เฮ้ยมัน เจ็บแต่ดี ที่รู้คำรักของเธอนั้นมันหลอก
          เจ็บแต่ดี เฮ้ยมัน เจ็บแต่ดี มัน ซี้ด มันซ้าด โอ้โหย โอ้โหย
          อิไตอิไต อิไตอิไต มาทำให้รัก แล้วจากไป อาริกาโตะ Hey

          "สำหรับเพลง "เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ" นี้ทางวง Doubletap ได้ลงมือทำทั้ง ดนตรี เนื้อร้อง ทำนอง และมิวสิควีดีโอตั้งแต่ต้นจนจบเลย ภูมิใจมากๆ ครับ ในส่วนของดนตรีทางวง Doubletap ได้ทำออกมาในแบบ EDM ประเภท Trap Music หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันว่าสายย่อ ซึ่งจังหวะจะคล้ายเพลงฮิปฮอปแต่จะได้ยินเสียงสังเคราะห์มากกว่าฟังแล้วจะรู้สึกว่าอยากโยกตลอดเวลา

          ในส่วนของเนื้อร้องทางวง Doubletap ชอบประเด็นที่ว่า "ขอบคุณที่ทิ้งกู" ของหนังเรื่องบุปผาเลยเอามาขยายความว่า น่าจะเป็นท่อนร้องที่ว่า "เจ็บแต่ดี เฮ้ย มันเจ็บแต่ดี ที่รู้คำรักของเธอนั้นมันหลอก" เพราะออกเนื้อหาแนวประชดประชันแฟนเก่าที่หลอกให้เราไปรักเขาสุดท้ายเขาก็ทิ้งเราไปปล่อยให้เราต้องจมอยู่กับความเสียใจแต่ก็ต้องขอบคุณแฟนเก่าที่ทิ้งเราไป เลยทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นและเข็มแข็งขึ้นจึงเป็นที่มาของคำว่า "เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ"

          ติดตามฟังเพลง "เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ" ฝีมือ Doubletap ได้แล้ววันนี้จากคลื่นวิทยุชั้นนำหรือเลือกฟังในรูปแบบออดิโอที่ https://youtu.be/sUD182nVcEw

          แล้ว 5 พ.ค.มาหนาว หลอน ขำกับ "บุปผาอาริกาโตะ" พร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์
« Last Edit: March 14, 2016, 10:06:30 PM by FB »

FB on March 16, 2016, 10:22:20 PM
เก้า สุภัสสรา “รักจัดแค้นจริง-ทิ้งกูมึงตาย” ไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ใครล้อเล่นเรื่องความรัก ใน “บุปผาอาริกาโตะ”







          เป็นสาวฮอตเน็กซ์เจนฯ ที่นอกจากภาพลักษณ์ที่มีเสน่ห์ดึงดูดแล้ว สำหรับ เก้า สุภัสสรา ธนชาต คือตัวแทนของนักแสดงสาวรุ่นใหม่ที่สวย ฉลาด กล้าแสดงออก ตรงไปตรงมา โดยก่อนหน้านี้แต่ละบทบาทและผลงานล้วนแล้วสร้างความฮือฮาเป็นที่กล่าวถึงทั้งซีรีส์ "ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น" และภาพยนตร์ "ฝากไว้ในกายเธอ"

          ล่าสุดกำลังเป็นที่จับตามองอย่างสูงสุด เมื่อตัดสินใจรับข้อเสนอของ ผู้กำกับต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค และ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ด้วยการ "กล้า" ที่จะรับบท "บุปผาคนใหม่" กับภาพยนตร์กรีดร้องสยองขำ "บุปผาอาริกาโตะ" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คที่มีการแชร์ภาพของสาวเก้าในลุคของ บุปผา หญิงสาวในชุดกิโมโน ที่ยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ ไม่ว่าใครเห็นแล้วสัมผัสได้ถึงความหลอนที่ชวนหวาดสะพรึง และความเย็นยะเยือกที่แสนน่ากลัวโดยมีความสวยของบุปผาที่พร้อมจะหลอกหลอนติดตาผู้คน และเมื่อยิ่งได้รับการยืนยันจากผู้กำกับด้วยแล้วว่า บุปผาอาริกาโตะจัดเต็มในเรื่องความรัก และความอาฆาตแค้น โดยเน้นความแรงของตัวละครที่จะมาพร้อมกับสถานการณ์ที่ว่า "รักจัดแค้นจริง ทิ้งกูมึงตาย" แน่นอนว่าส่งผลให้โจทย์หนักต้องตกไปอยู่ที่ตัวนักแสดงสาว เก้า-สุภัสสรา ที่ต้องเป็นบุปผาให้ออกมาตรงความตั้งใจของผู้กำกับให้ได้

          "รับบทเป็นผู้หญิงที่ชื่อ "บุปผา" เป็นสาวยุคใหม่ มีเสน่ห์ดึงดูดอยู่ในตัวสูงโดยเฉพาะต่อเพศตรงข้าม มั่นใจในตัวเองสูง กล้าคิด กล้าทำอะไรที่ผู้หญิงธรรมดาทั่วๆ ไปอาจไม่กล้าแม้แต่จะคิด สื่อสารความรู้สึกผ่านดวงตาเป็นหลัก เป็นคนนิ่งๆ พูดน้อย แต่ลึกๆ แล้วเป็นผู้หญิงที่ sensitive และจริงจังกับเรื่องความรักมากๆ หลังจากที่จับได้ว่าคนรักนอกใจจากความรักก็เปลี่ยนเป็นความแค้น และหนีไปพักใจจนได้พบกับแน๊กและเพื่อนๆ ที่นิเซโกะ จากภายนอกอาจคิดว่าบุปผาคือผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่บอบบาง แต่จริงๆ รักจัดแค้นจริง "อยู่ได้ด้วยความรักและก็พร้อมที่จะตายเพราะความรักได้เหมือนกัน" บุปผาคือหญิงสาวที่มาพร้อมประโยค "ทิ้งกูมึงตาย"และไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ใครมาล้อเล่นในเรื่อง "ความรัก"

          ในบุปผาอาริกาโตะ นอกจากเราจะได้เห็นแรงอาฆาตแค้นของตัวบุปผาในเรื่องความรักแล้ว ยังจะได้เห็นการเผชิญหน้ากับเรื่องราวที่ทั้งหลอนและน่ากลัวยิ่งกว่าทุกสิ่งที่เคยผ่านเข้ามาและทำให้ชีวิตของบุปผาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เป็นตัวละครที่ซับซ้อนเหมือนมี 2 บุคลิก สำหรับเก้าถือว่าท้าทายมากกว่าทุกเรื่องและดูซับซ้อนกว่าปกติ ยากมากค่ะ เป็นอีกประสบการณ์ใหม่ๆ ทางการแสดงของเก้าที่อยากให้ทุกคนได้ลองติดตามชม"

          5 พฤษภาคมนี้ พบกับ เก้า สุภัสสรา ตกหลุมรักในเสน่ห์ของบุปผาคนใหม่ ที่มาพร้อมความหลอนยะเยือกจากสายตาคู่สวยคู่นี้ไปพร้อมๆ กันใน "บุปผาอาริกาโตะ" ทุกโรงภาพยนตร์

FB on March 18, 2016, 05:25:56 PM
จับตาดู MV. “เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ” แก๊งแฟนฉัน จัดเต็มปะทะ ดับเบิ้ลแทบ ดีไซน์ท่าเต้นสุดฮิป “แทงอก” จัดเต็มความสนุกบีทสุดมันส์แนว EDM









          เป็นการถ่ายทำมิวสิควิดีโอที่บ้าพลังทั้งคนร้องอย่าง Doubletap (ดับเบิ้ลแทบ) คู่หู Beatbox (บีทบ๊อกซ์) ระดับแชมป์ของเมืองไทย ที่ปล่อยของสุดตัวเมื่อถูกเลือกให้มาร่วมสร้างสรรค์บีทสนุกๆ ที่ขาฮิปทั้งหลายต้องชาบูจนเกิดเป็น "เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ" เพลงเท่ห์ๆ กวนๆ ประกอบภาพยนตร์กรีดร้องสยองขำ "บุปผาอาริกาโตะ" ของผกก. ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค รวมไปถึงนักแสดงนำที่ร่วมเต้นในเอ็มวีปะทะทีมดับเบิ้ลแทบแบบไม่มีใครยอมใคร ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหนุ่มๆ จากแก๊งแฟนฉันนั่นเอง นำโดย แน็ก ชาลี ปอทเจส, หยก ธีรนิตยาธาร, อ๋อง ธนา ตันตรานนท์, ออฟ อภิชาญ เฉลิมชัยนุวงศ์ และเก็ท ตรีวรัตถ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย ขาดเพียงหนุ่มแจ๊คที่ติดภารกิจไม่สามารถมาร่วมแจมได้ แต่ถึงกระนั้นรับรองว่าทุกๆ คนที่ได้ชมและได้ฟังจะนั่งกันไม่ติดยืนไม่อยู่เลยทีเดียว

          "สำหรับเพลง "เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ" นี้ทางวง Doubletap (ดับเบิ้ลแทบ) ดูแลทั้งหมดทั้งดนตรี เนื้อร้อง ทำนอง และมิวสิควีดีโอตั้งแต่ต้นจนจบเลย ภูมิใจมากๆครับ ในส่วนของดนตรีทางวง Doubletap (ดับเบิ้ลแทบ) ได้ทำออกมาในแบบ EDM (อีดีเอ็ม) ประเภท Trap Music (แทร๊ปมิวสิค) หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันว่าสายย่อ ซึ่งจังหวะจะคล้ายเพลงฮิปฮอป ฟังแล้วจะรู้สึกว่าอยากโยกตลอดเวลา ในส่วนของเนื้อร้องทางเราชอบคำที่ว่า "ขอบคุณที่ทิ้งกู" และ "ทิ้งกูมึงตาย" ของหนังเรื่องบุปผาอาริกาโตะเลยเอามาขยายความว่าน่าจะเป็นท่อนร้องที่ว่า "เจ็บแต่ดี เฮ้ย มันเจ็บแต่ดี ที่รู้คำรักของเธอนั้นมันหลอก" โดยเนื้อหาออกแนวประชดประชันแฟนเก่าที่หลอกให้เราไปรักเขา สุดท้ายเขาก็ทิ้งเราไป ปล่อยให้เราต้องจมอยู่กับความเสียใจแต่ก็ต้องขอบคุณแฟนเก่าที่ทิ้งเราไป เลยทำให้เราแข็งแกร่งและเข็มแข็งขึ้นจึงเป็นที่มาของคำว่า "เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ" หมวดแวน ดับเบิ้ลแทบ ผู้แต่งกล่าว

          งานนี้ 5 หนุ่มจัดเต็มจัดหนักกันตั้งแต่ไก่โห่ ทั้งร่วมคิดดีไซน์ท่าเต้นกับพี่ๆ แถมทำการบ้านทั้งร้อง ทั้งแร็พ เรียกได้ว่าแฟนๆ จะได้พบกับบิ๊กเซอร์ไพรส์ในมิวสิควิดีโอ "เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ" ซึ่งจำลองคาแรคเตอร์ของเดอะแก๊งที่เป็นทีมผลิตมิวสิควิดีโอคล้ายกับในภาพยนตร์ นี่แค่บรรยากาศของเบื้องหลังในการถ่ายเอ็มวีก็ทำเอาทีมงานและผู้กำกับตลอดจนสาวๆ แดนเซอร์ "เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ" ในชุดแบล็คกิโมโนต่างขำกระจาย และยกนิ้วในลีลาการออกสเต็ปในท่อนฮุคของเพลงที่หนุ่มๆ จะต้องฟรีสไตล์ให้ได้อารมณ์ "อิไต อิไต" อุ๊บส์ "เจ็บแต่ดี" ที่เรียกได้ว่าพริ้วสยบทุกสิ่งพร้อมท่าเต้นที่แทงอก แทงท้องแบบเต็มที่

          แน็ก ชาลี : วันนี้พวกเราก็มาถ่ายมิวสิควิดีโอ"เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ" เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องบุปผาอาริกาโตะกันครับ สนุกมาก ได้เต้นด้วยกันทำอะไรมันส์ๆ ด้วยกันซึ่งไม่เคยเต้นหรือทำอะไรสุดๆ แบบนี้มาก่อน และเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับพี่ๆ ดับเบิ้ลแทบด้วยครับ อยากให้จับตาดูกันนะครับว่าท่าเต้นที่พวกเราเต้นกันยับนี่มันเป็นยังไง แถมพี่ๆ เขาเปิดโอกาสให้เราได้มีการโชว์สเต็ปพิเศษของแต่ละคนออกมาด้วย แต่ไม่รู้ว่าดูแล้วจะขำหรือหลอนหรือสยองกันนะครับ (หัวเราะ) ถือเป็นการดึงอินเนอร์ที่มีอยู่ในตัวพวกเราแต่ละคนออกมาเพื่อแฟนๆ บุปผาอาริกาโตะโดยเฉพาะ ส่วนสงกรานต์ปีนี้ใครยังไม่มีท่าเต้นเด็ดๆ พวกเราแก๊งแฟนฉันขอแนะนำท่าแทงอกเอาไปเต้นกันดูนะครับ"

          เตรียมพบกับมิวสิควิดีโอ ""เจ็บแต่ดี #อาริกาโตะ" ครั้งแรกที่แก๊งแฟนฉันปล่อยสเต็ปจัดเต็มปะทะ Doubletap (ดับเบิ้ลแทบ) พร้อมดีไซน์ท่าเต้นสุดฮิป "แทงอก" จัดเต็มความสนุกแนว EDM (อีดีเอ็ม) ได้ทางเฟซบุ๊กของสหมงคลฟิล์ม อดใจอีกนิดไม่นานเกินรอ แล้ว 5 พ.ค. มาหนาว หลอน ขำกับ บุปผาอาริกาโตะ ทุกโรงภาพยนตร์

FB on March 25, 2016, 03:52:07 PM
“หนาวหลอนขำ” 6 หนุ่มแฟนฉันคอนเฟิร์ม “บุปผาอาริกาโตะ” ระดมความฮามายกแก๊ง









          เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์ที่สุดแล้วสำหรับการกลับมารวมตัวกันของ แน็ก-ชาลี ปอทเจส, แจ๊ค- เฉลิมพล ฑิฆัมพรธีรวงศ์, ออฟ-อภิชาญ เฉลิมชัยนุวงศ์, อ๋อง-ธนา ตันตรานนท์, หยก-ธีรนิตยาธาร และ เก็ท-ตรีวรัตถ์ ชุติวัฒน์ขจรชัย เด็กๆ จากแก๊งแฟนฉันที่ตอนนี้ล้วนโตเป็นหนุ่มหล่อ เท่ห์ กวน แตกต่างกันไปตามคาแรคเตอร์ของแต่ละคน กำลังจะถูกถ่ายทอดลงบนจอภาพยนตร์ด้วยฝีมือของ ผู้กำกับต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาคโดยที่ตั้งใจดึงเสน่ห์ตัวตน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทั้ง 6 คนออกมา เพื่อสร้างรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะจากแฟนๆ และผู้ชมภาพยนตร์โดยเฉพาะ

          เพียงแต่ความไม่ธรรมดาของการกลับมารวมตัวกันแบบยกทีมครั้งนี้ จะเกิดขึ้นในโลกของผู้หญิงรักจัดแค้นจริงที่มีอดีตและอาฆาตแค้นในรักอย่างบุปผาใน "บุปผาอาริกาโตะ" การกลับมาของหนังผีในสไตล์บุปผาที่ทั้งกวน ตลก ขนลุก สยอง สุดเข้มข้นที่ยกเครื่องเปลี่ยนใหม่หมด เพราะฉะนั้นเตรียมจินตนาการถึงความสนุกสนานที่พร้อมจะเกิดขึ้น จากการได้เห็น 6 คาแรคเตอร์สำคัญที่มีสารพัดลูกบ้าติดตัวร่วมฝ่าความหนาวยะเยือกหลอนสุดขั้ว ผจญชะตากรรมขนหัวลุกกระเจิดกระเจิงไปด้วยกันในออสการ์ลอดจ์ บ้านพักที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในเมืองนิเซโกะ ที่มีประวัติความเฮี้ยนของเรื่องราวน่ากลัวทั้งหลอน และสยองไปพร้อมกับการระเบิดเสียงหัวเราะซึ่งจะเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กันโดยไม่รู้ตัว โดยหนุ่มแจ๊คได้กล่าวว่า

          คือแค่นึกภาพว่าแฟนๆ จะได้เห็นการกลับมารวมตัวกันของพวกเรา แก๊งแฟนฉันทั้ง6คน แบบครบทีม ที่พร้อมอกพร้อมใจกันกลับมาสร้างรอยยิ้ม สีสัน ความสุข สนุกสนานบนจอภาพยนตร์อีกครั้งก็ตื่นเต้นแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พี่ต้อมทาบทาม และชวนพวกเรา แล้วยิ่งบอกว่าพี่ต้อมเขียนบทหนังเรื่องนี้ เพื่อที่จะดึงธรรมชาติ เสน่ห์ในความเป็นตัวตนจริงๆ ของพวกเรามาสร้างเป็น 6 ตัวละครสำคัญในหนังบุปผาอาริกาโตะซึ่งคือหนังบุปผาภาคใหม่ที่พี่ต้อมตั้งใจพลิกโฉมเปลี่ยนแปลงใหม่หมดตั้งแต่เรื่องราว ตัวละคร วิธีการนำเสนอ เพื่อให้เป็นหนังหนาว หลอน ขำระดับมาสเตอร์พีซเพื่อคนดูในโลกดิจิตอล มันเป็นอะไรที่สร้างความรู้สึก ท้าทาย กระตุ้นต่อมความพลุ่งพล่านในตัวพวกเราทั้ง6คนมากๆ ที่จะได้ทำอะไรสนุกๆ สร้างความประทับใจให้กับคนดูและแฟนๆ อีกครั้งหนึ่ งถึงแม้จะใช้เวลานานถึง12ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเหมือนเป็นการกลับมาของ 2 ปรากฎการณ์ที่อยู่ในใจของคนดูหนังทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่รักแฟนฉันหรือคนที่ชื่นชอบบุปผา รอคอยว่าเมื่อไหร่จะได้ดูภาคใหม่ ก็จะได้ดูพร้อมกันเลยในบุปผาอาริกาโตะ หนังผีแบบบุปผาที่ขำไปด้วยน่ากลัวไปด้วย สะดุ้งหลอนไปด้วยโดยมีพวกเราทั้ง 6 คนต้องเข้าไปเผชิญกับเหตุการณ์สุดสยองในออสการ์ลอดจ์ถึงประเทศญี่ปุ่น ได้เผชิญหน้ากับบุปผา และความอาฆาตแค้นที่ฝังตัวอยู่ในที่พักแห่งนี้จะได้เห็นวิธีรับมือกับวิญญาณร้ายสุดเฮี้ยนในแบบฉบับของพวกเราเองที่ไม่รู้ว่าจะหลอนหรือขำดี แต่ที่แน่ๆ คือจะไม่รู้เลยว่ามีอะไรที่จะเกิดขึ้นตรงหน้าบ้างครับ"