happy on December 18, 2015, 01:11:42 PM

ชื่อภาพยนตร์      The Big Short
ชื่อไทย      เกมฉวยโอกาสรวย
วันที่เข้าฉาย      7 มกราคม 2559
จัดจำหน่าย      บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=wNozenBKiBU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=wNozenBKiBU</a>

ภาพยนตร์ The Big short ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ดังนี้:

·       ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม           สาขาภาพยตร์ตลก/เพลงยอดเยี่ยม

·       ดารานำชายยอดเยี่ยม        สาขาภาพยตร์ตลก/เพลงยอดเยี่ยม

รางวัลนี้ คริสเตียน เบล และ สตีฟ คาเรลล์ ได้รับการเสนอชื่อทั้งคู่

·       บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม


                  เมื่อคนนอกสี่คนมองเห็นในสิ่งที่ธนาคารใหญ่ สื่อและหน่วยงานภาครัฐ ปฏิเสธที่จะเห็น นั่นคือหายนะของเศรษฐกิจโลกที่กำลังจะมาเยือน พวกเขาก็เกิดไอเดียบางอย่างขึ้นมา นั่นคือการวัดดวงกับหุ้นที่จะร่วง การลงทุนที่ท้าทายของพวกเขานำพวกเขาไปสู่ด้านมืดของวงการธนาคารสมัยใหม่ ที่ซึ่งพวกเขาต้องตั้งคำถามทุกคนและทุกอย่าง The Big Short สร้างจากเรื่องจริงและหนังสือเบสต์เซลเลอร์โดยไมเคิล ลูอิส (The Blind Side, Moneyball) และกำกับโดยอดัม แม็คเคย์ (Anchorman, Step Brothers) นำแสดงโดยคริสเตียน เบล, สตีฟ คาเรล, ไรอัน กอสลิงและแบรด พิตต์




เรื่องย่อขนาดยาว

           ในปี 2005 ไมเคิล เบอร์รี (คริสเตียน เบล) ผู้ชื่นชอบดนตรีเฮฟวีเมทัลและผู้จัดการด้านการเงินนิสัยพิลึกในซาน โฮเซ ได้ศึกษาสินเชื่อส่วนบุคคลนับพันๆ รายที่ถูกรวมกลายเป็นตราสารหนี้ที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นประกันเครดิตสูงและได้ค้นพบบทสรุปที่น่าตื่นตะลึง นั่นคือผลิตภัณฑ์ด้านการเงินตัวนี้เต็มไปด้วยการกู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีการผิดนัด ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาในอีกสองสามปีให้หลัง ในขณะที่นักการธนาคารของวอลล์สตรีทและหน่วยงานภาครัฐเพิกเฉยต่อระเบิดเวลาที่นับเวลาถอยหลังอยู่เรื่อยๆ ลูกนี้ เบอร์รีก็ได้คิดเครื่องมือทางการเงินที่เรียกว่า สัญญาเครดิตอนุพันธ์ ขึ้นมาเพื่อ “วัดดวง” กับตลาดบ้านที่กำลังเฟื่องฟู ท่ามกลางความไม่พอใจของนักลงทุนและเจ้าของเฮดจ์ฟันด์ของเขา

   ในตอนที่นักการธนาคารวอลล์สตรีทหนุ่มผู้มีไหวพริบ จาเร็ด เวนเน็ตต์ (ไรอัน กอสลิง) ได้รับรู้ถึงกลยุทธของเบอร์รี เขาก็ใช้ของเล่นหอคอยถล่มบล็อกเจนก้าในการเกลี้ยกล่อมมาร์ค บอม (สตีฟ คาเรล) ผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ อารมณ์ร้อนของเขาว่าเขาเองก็ควรจะลงทุนเงินหลายล้านในสัญญาเครดิตอนุพันธ์ด้วยเช่นกัน บอมและทีมงานนักวิเคราะห์หนุ่มผู้ชาญฉลาดของเขา (เจเรมี สตรอง, ฮามิช ลิงค์เลเตอร์และเรฟ สปอล) ผู้ตอนแรกก็รู้สึกเคลือบแคลงใจ ได้ลงมือทำการสืบสวนด้วยตัวเอง ในการค้นคว้าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฟลอริดา พวกเขาได้สัมภาษณ์นายหน้าการจำนองอสังหาริมทรัพย์จอมกะล่อน ผู้มักจะสรรหาเงินกู้ยืมให้กับบรรดาผู้ซื้อบ้านที่ขาดคุณสมบัติในการกู้ยืมและนักเต้นระบำเปลื้องผ้าผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์มากมายโดยไม่จ่ายเงินดาวน์

   ในขณะเดียวกัน ผู้จัดการด้านการเงินวัยยี่สิบกว่าๆ เจมี ชิปลีย์ (ฟินน์ วิททร็อค) และชาร์ลีย์ เกลเลอร์ (จอห์น มากาโร) ก็บังเอิญรู้เรื่องฟองสบู่ตลาดบ้านเข้าพอดี ด้วยความหวังที่จะก้าวเข้าสู่แวดวงการลงทุนด้านการเงินสำหรับขาใหญ่ พวกเขาก็ผิดหวังเมื่อได้พบว่าเงินทุน 30 ล้านเหรียญของพวกเขายังขาดอีกเกือบ 1.5 พันล้านเหรียญตามเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการลงทุน พวกเขาก็เลยขอความช่วยเหลือจากนักธนาคารผู้ผันตัวไปเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติ เบน ริคเกิร์ต (แบรด พิตต์) ผู้ใช้เครือข่ายความสัมพันธ์ของเขาในการช่วยเหลือพวกเขาในการวัดดวงกับวอลล์สตรีท

   ในตอนที่ตลาดล่มในปี 2008 นักลงทุนเหล่านี้จะกอบโกยเงินได้หลายพันล้านเหรียญและชีวิตพวกเขาก็จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลจากประสบการณ์ของพวกเขา แต่ในขณะที่สถาบันทางการเงิน ผู้ซึ่งพฤติกรรมประมาทของพวกเขาก่อให้เกิดปัญหา รอดพ้นจากวิกฤติด้วยผู้จ่ายภาษีชาวอเมริกัน ชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องสูญเสียบ้าน งานและเงินเก็บวัยเกษียณของพวกเขาไปกับหายนะทางเศรษฐกิจ ที่ผลลัพธ์ของมันยังคงบาดลึกมาถึงปัจจุบัน

   พาราเมาท์ พิคเจอร์สและรีเจนซี เอนเตอร์ไพรส์ซิส ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดยแพลน บี เอนเตอร์เทนเมนต์ The Big Short กำกับโดยอดัม แม็คเคย์ (Step Brothers, Anchorman) ที่นำแสดงโดยนักแสดงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด คริสเตียน เบลและนักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ สตีฟ คาเรล, ไรอัน กอสลิงและแบรด พิตต์ ผู้ควบคุมงานสร้างได้แก่หลุยส์ รอสเนอร์-ไมเออร์ (The Hunger Games, The Hunger Games: Catching Fire) และเควิน เมสซิค (Anchorman 2: The Legend Continues) อำนวยการสร้างโดยทีมเจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ด แบรด พิตต์, ดีดี้ การ์ดเนอร์ (Selma, 12 Years a Slave), เจเรมี ไคลเนอร์ (Selma, 12 Years a Slave) และอาร์นอน มิลแชน ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ (Birdman: Or (The Unexpected Virtue of Ignorance), Fight Club) บทภาพยนตร์โดยชาร์ลส์ แรนดอล์ฟ Randolph (Love & Other Drugs, The Interpreter) และอดัม แม็คเคย์ จากหนังสือเรื่อง The Big Short: Inside the Doomsday Machine โดยไมเคิล ลูอิส (Moneyball: The Art of Winning an Unfair Game, The Blind Side: Evolution of a Game) ผู้กำกับภาพคือแบร์รี แอ็ครอยด์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ (Captain Phillips, The Hurt Locker) ผู้ออกแบบงานสร้างคือเคลย์ตัน ฮาร์ทลีย์ (Horrible Bosses 2, We’re the Millers) ลำดับภาพโดยแฮงค์ คอร์วิน (The Tree of Life, Natural Born Killers) ออกแบบเครื่องแต่งกายโดยซูซาน แมธีสัน (Anchorman 2: The Legend Continues, Step Brothers) และดนตรีโดยนิโคลัส บริทเทล (A Tale of Love and Darkness, The Seventh Fire)









เกี่ยวกับงานสร้าง

            มือเขียนบทและผู้กำกับแม็คเคย์เป็นที่รู้จักดีที่สุดในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความตลกของภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์โดยวิล เฟอร์เรล ซึ่งรวมถึง Step Brothers และ Anchorman: The Legend of Ron Burgundy ตลอดจนละครบรอดเวย์ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลโทนี อวอร์ดเรื่อง “You’re Welcome America” แต่เมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เขาได้อ่านหนังสือเรื่อง The Big Short: Inside the Doomsday Machine เขาก็หลงใหลในเรื่องน่าขบขันอีกรูปแบบหนึ่ง ด้วยความสนใจการผสมผสานคอเมดี ดรามา และโศกนาฏกรรมในมุมมองชาญฉลาดที่ไมเคิล ลูอิสมีต่อสถานการณ์ที่นำไปสู่หายนะเศรษฐกิจโลก แม็คเคย์ก็ต้องการจะพักจากงานคอเมดีไร้สาระและนำ The Big Short สู่จอเงิน

   “ผมเริ่มอ่านหนังสือเรื่องนี้ตอนประมาณสี่ทุ่มครึ่งแล้วก็คิดว่า ‘ฉันจะอ่านซัก 40 หน้าล่ะกัน’ น่ะครับ” แม็คเคย์เล่า “ผมวางมันไม่ลงเลย สุดท้าย ผมก็อ่านมันทั้งคืนและไปจบเอาตอนหกโมงเช้า วันถัดมา ผมเล่าให้ภรรยาผมฟังเกี่ยวกับตัวละครต่างๆ การที่หนังสือเรื่องนี้ร้อยเรียงเนื้อเรื่องต่างๆ เข้าด้วยกัน การที่มันเป็นเหมือนเรื่องราวการ ‘กอบโกยเงิน’ ที่ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเรื่องของการล่มสลายของระบบการธนาคาร การคอร์รัปชันและการย่ามใจ และการที่มันทั้งน่าขบขันและชวนให้หัวใจสลายในขณะเดียวกัน และเธอก็พูดทำนองว่า ‘คุณน่าจะกำกับมันนะ’ และผมก็บอกว่า ‘ผมเป็นคนที่กำกับ Step Brothers’ นะ ผมไม่ได้ดูต่อด้วยซ้ำเพราะผมคิดเอาเองว่าสก็อต รูดินหรือแพลน บีซื้อสิทธิหนังสือเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว”

   ในความเป็นจริงแล้ว แพลน บี เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทโปรดักชันของแบรด พิตต์ ได้จับมือกับพาราเมาท์ พิคเจอร์ส ในการพัฒนา The Big Short เป็นภาพยนตร์แล้ว ผู้อำนวยการสร้างเจเรมี ไคลเนอร์ พบความคล้ายคลึงกันอย่างชัดเจนระหว่างแนวทางที่ผู้เขียนมองวงการเบสบอลและวอลล์สตรีทภายในหนังสือของไมเคิล ลูอิสเรื่อง Money Ball: The Art of Winning an Unfair Game “ทั้ง Moneyball และ The Big Short ต่างก็นำเสนอประเด็นคุ้นเคยที่ผู้คนคิดว่าพวกเขาเข้าใจแล้วและตั้งคำถามสำคัญครับ” ไคลเนอร์กล่าว “นอกจากนี้ The Big Short ยังมีองค์ประกอบที่โดดเด่นมากๆ ตรงที่ตัวเอกของเรื่องไม่ใช่พวกพ่อพระ เราคิดว่าทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากๆ ดังนั้น พาราเมาท์ พันธมิตรของเราก็ได้ซื้อสิทธิหนังสือเรื่องนี้ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางสำหรับเราครับ”

   หลังจากที่แม็คเคย์เสร็จจากงานกำกับซีเควลยอดนิยม Anchorman 2: The Legend Continues เอเจนท์ของเขาก็ท้าให้เขาพูดชื่อภาพยนตร์ที่เขาอยากจะสร้างที่สุด “ก่อนที่ผมจะทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมพูดอะไรออกไป ผมก็บอกเขาว่า ‘ถ้าผมจะสร้างหนังเรื่องไหนก็ได้ ผมอยากจะสร้าง The Big Short’ น่ะครับ” แพลน บีได้ส่งบทภาพยนตร์เวอร์ชันเริ่มแรกที่เขียนโดยชาร์ลส์ แรนดอล์ฟให้กับแม็คเคย์ “ผมได้เห็นอะไรบางอย่างดีๆ ในบทและผมก็รู้ดีว่าจะทำให้มันดีกว่าเดิมได้ยังไง” แม็คเคย์กล่าว “ผมได้พบกับเจเรมีและดีดี้ การ์ดเนอร์ ประธานแพลน บีและเสนอไอเดียของผมให้กับพวกเขา”

   บทภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นตามมาได้รวมเอาความเฉียบคมตามแบบฉบับของแม็คเคย์เข้าไปในเรื่องราวเกี่ยวกับช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์อเมริกัน “คนรู้จักผมจากหนังอย่าง Talladega Nights และ Anchorman หรือวิดีโอ Funny or Die แต่ผมเกี่ยวข้องกับประเด็นอื่นๆ ด้วยมาโดยตลอดครับ” แม็คเคย์ ผู้ชำนาญด้านการเสียดสีการเมืองในฐานะหัวหน้ามือเขียนบทจาก “Saturday Night Live” ก่อนจะเข้าสู่วงการภาพยนตร์ กล่าว “ผมรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นหน้าที่ของคุณในฐานะพลเมืองที่จะต้องใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้านการเมืองและสังคม คุณอาจจะเป็นตัวตลกที่โดนน้ำจากขวดโซดาพุ่งใส่ก็ได้แต่คุณก็จะต้องลงคะแนนเสียงและรู้ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะครับ”
« Last Edit: December 19, 2015, 06:20:13 PM by happy »