FB on January 10, 2016, 01:35:59 PM
Movie Guide: ถ่ายทอดเรื่องราวของหญิงสาวที่ต่อสู่เพื่อความฝัน ใน 3 คลิปมาใหม่ Joy 18 กุมภาพันธ์นี้ในโรงภาพยนตร์







Joy - Miracle Of Joy Featurette (ซับไทย)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Q5hKFRRCZCc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Q5hKFRRCZCc</a>

Joy - The Real Joy Featurette (ซับไทย)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=O5VkOycJf5U" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=O5VkOycJf5U</a>

Joy - Life of Joy Featurette (ซับไทย)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=j_dYGmK0oq0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=j_dYGmK0oq0</a>

          ปล่อย 3 คลิปมาใหม่ซับไทย [Life of Joy Featurette, Miracle Of Joy Featurette, The Real Joy Featurette] จากภาพยนตร์เรื่อง Joy จากผลงานการกำกับของ เดวิด โอ รัสเซล กับเรื่องราวสุดตื่นเต้นของครอบครัวหนึ่งที่มีสมาชิก 4 ยุคสมัย โดยเป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงที่เติบโตขึ้นและพบอาณาจักรธุรกิจ จนกลายเป็นผู้นำตามสิทธิอันชอบธรรมของเธอ เธอถูกทรยศ หักหลัง หมดความใสซื่อ และเจ็บปวดจากความรัก ภาพยนตร์มีทั้งความเข้มข้น มุกตลกจากการเป็นผู้นำครอบครัวและการเสี่ยงในโลกของธุรกิจที่อ่อนข้อให้ไม่ได้ จากมิตรได้กลายเป็นศัตรูและศัตรูกลายเป็นมิตรทั้งในครอบครัวและนอกครอบครัว ชีวิตส่วนตัวของจอยและจินตนาการอันโหดร้ายจะพาเธอผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ไปได้

          Joy เข้าฉาย 18 กุมภาพันธ์ 2016 นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ , โรเบิร์ต เดอ นีโร, แบรดลีย์ คูเปอร์, เอ็ดการ์ รามิเรซ, อิซาเบล รอสเซลลินี่, ไดแอน แลดด์ และ เวอร์จิเนีย แมดเซน กำกับการแสดงโดย : เดวิด โอ รัสเซล ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/JoytheMovieThailand
« Last Edit: January 10, 2016, 01:43:46 PM by FB »

FB on January 19, 2016, 02:47:28 PM
Movie Guide: พบกับเบื้องหลังครอบครัวของจอย จากภาพยนตร์เรื่อง Joy – เธอสู้เพื่อฝัน 18 กุมภาพันธ์นี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น





Joy - Joy's Family Featurette (ซับไทย)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=7TwqkIC9Piw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=7TwqkIC9Piw</a>

          พบกับคลิปมาใหม่ซับไทย [Joy's Family Featurette] จากภาพยนตร์เรื่อง Joy – เธอสู้เพื่อฝัน กับความมหัศจรรย์ของชีวิตมาจากไหนอะไรทำให้คนคนหนึ่งพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วเกิดสะดุดล้มจากนั้นก็ดันทุรังจนถึงจุดที่ประสบความสำเร็จ แล้วอะไรกันที่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ลุ่มๆ ดอนๆ อันน่าเหนื่อยหน่ายหลังความสำเร็จให้กลายเป็นความสุขสันต์และการค้นพบอันยืนยาว หนังยาวเรื่องที่ 8 ของเดวิด โอ รัสเซลล์ JOY สำรวจช่วงเวลาสี่ทศวรรษในชีวิตอันรุ่งโรจน์ของคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวและกลายเป็นนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล เพื่อสำรวจว่าความกล้า ความยืดหยุ่นในการรับสถานการณ์ และการยืนหยัดในวิสัยทัศน์ได้นำผู้คนจากความธรรมดาสามัญมาสู่ช่วงเวลาอันพิเศษสุดของการสร้างสรรค์ ความมานะบากบั่น และความรัก

          เรื่องราวที่ดูสามัญธรรมดาแต่บรรจุความฝันที่ยิ่งใหญ่ จากผลงานการแสดงของ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง Joy - เธอสู้เพื่อฝัน 18 กุมภาพันธ์นี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
« Last Edit: January 19, 2016, 03:29:06 PM by FB »

FB on January 22, 2016, 03:31:45 PM
ตอกย้ำความความสามารถของ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ บนโปสเตอร์ไทย Joy – เธอสู้เพื่อฝัน 18 กุมภาพันธ์ 2016 ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น



          ปล่อยโปสเตอร์ไทยจากภาพยนตร์เรื่อง Joy - เธอสู้เพื่อฝัน กับการตอกย้ำความสามารถของนักแสดงสาว เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากลูกโลกทองคำ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์

          Joy - เธอสู้เพื่อฝัน เข้าฉาย 18 กุมภาพันธ์ 2016 นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ , โรเบิร์ต เดอ นีโร, แบรดลีย์ คูเปอร์, เอ็ดการ์ รามิเรซ, อิซาเบล รอสเซลลินี่, ไดแอน แลดด์ และ เวอร์จิเนีย แมดเซน กำกับการแสดงโดย : เดวิด โอ รัสเซล กับเรื่องราวสุดตื่นเต้นของครอบครัวหนึ่งที่มีสมาชิก 4 ยุคสมัย โดยเป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงที่เติบโตขึ้นและพบอาณาจักรธุรกิจ จนกลายเป็นผู้นำตามสิทธิอันชอบธรรมของเธอ เธอถูกทรยศ หักหลัง หมดความใสซื่อ และเจ็บปวดจากความรัก ภาพยนตร์มีทั้งความเข้มข้น มุกตลกจากการเป็นผู้นำครอบครัวและการเสี่ยงในโลกของธุรกิจที่อ่อนข้อให้ไม่ได้ จากมิตรได้กลายเป็นศัตรูและศัตรูกลายเป็นมิตรทั้งในครอบครัวและนอกครอบครัว ชีวิตส่วนตัวของจอยและจินตนาการอันโหดร้ายจะพาเธอผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ไปได้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/JoytheMovieThailand

FB on January 27, 2016, 08:23:45 AM
Movie Guide: ข้อมูลภาพยนตร์ Joy – เธอสู้เพื่อฝัน







ข้อมูลการถ่ายทำ
          "เรามาถึงจุดนี้ได้ก็ด้วยการทำงานหนัก ความอดทน และความนอบน้อมถ่อมตน ฉันเลยอยากบอกคุณไว้ว่าอย่าไปคิดว่าโลกนี้ติดค้างคุณเรื่องอะไรก็ตาม เพราะมันไม่เป็นอย่างนั้น"
          จอย

ความมหัศจรรย์ของชีวิตมาจากไหน
          อะไรทำให้คนคนหนึ่งพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วเกิดสะดุดล้มจากนั้นก็ดันทุรังจนถึงจุดที่ประสบความสำเร็จ แล้วอะไรกันที่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ลุ่มๆ ดอนๆ อันน่าเหนื่อยหน่ายหลังความสำเร็จให้กลายเป็นความสุขสันต์และการค้นพบอันยืนยาว หนังยาวเรื่องที่ 8 ของเดวิด โอ รัสเซลล์ JOY สำรวจช่วงเวลาสี่ทศวรรษในชีวิตอันรุ่งโรจน์ของคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวและกลายเป็นนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล เพื่อสำรวจว่าความกล้า ความยืดหยุ่นในการรับสถานการณ์ และการยืนหยัดในวิสัยทัศน์ได้นำผู้คนจากความธรรมดาสามัญมาสู่ช่วงเวลาอันพิเศษสุดของการสร้างสรรค์ ความมานะบากบั่น และความรัก
          JOY เป็นเรื่องราวที่ผสมผสานหลายแนวเข้าด้วยกัน โดยดัดแปลงจากชีวิตและความรุ่งโรจน์ของจอย แมงกาโน นักประดิษฐ์และดาวเด่นในวงการขายสินค้าทางโทรทัศน์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ติดตามเส้นทางอันน่าตื่นเต้นของครอบครัวที่ทำงานหนักแต่ก็มีความแตกแยก รวมถึงหญิงสาวซึ่งสุดท้ายกลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัวและผู้นำที่เฉิดฉายด้วยตัวของเธอเอง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์และดูแลคนรอบตัวไปด้วยพร้อมกัน จอยต้องเผชิญกับการทรยศหักหลัง การสูญเสียความไร้เดียงสา และบาดแผลจากความรัก ขณะที่เธอค้นหาความแข็งแกร่งและความเชื่อมั่นที่จะเดินตามความฝันซึ่งได้แต่เก็บเอาไว้ภายใน ผลลัพธ์ก็คือหนังตลกชีวิตอันเปี่ยมอารมณ์เกี่ยวกับการเติบโตของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งต้องฝ่าฟันผ่านโลกธุรกิจอันไร้ความปรานี ความชุลมุนในครอบครัว และความลึกลับของแรงบันดาลใจ พร้อมกับค้นหาแหล่งที่มาของความสุขอันยืนยาว
          JOY เป็นผลงานของเดวิด โอ รัสเซลล์หลังจาก The Fighter, Silver Linings Playbook และ American Hustle ซึ่งทั้งสามเรื่องนี้ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์รวมถึง 25 รางวัล แต่ละเรื่องได้นำเสนอตัวละครที่ไม่อาจลืมได้ในโลกภาพยนตร์ พร้อมกันนั้นก็ได้พัฒนาแนวคิดอันน่าสนใจอย่างยิ่งคือความดึงดูดใจและความยากลำบากของการสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ Joy นำแนวคิดเดียวกันนี้ไปสู่จุดใหม่ เมื่อรัสเซลล์พยายามตอบคำถามที่ว่าคนคนหนึ่งซึ่งต้องเผชิญกับสถานการณ์อันบ้าระห่ำ อุปสรรคอันไม่จบสิ้น และหนทางอันยาวไกลของการค้นหาตัวเอง จะสร้างชีวิตที่มีความหมายและมีความสุขได้อย่างไร ขณะที่ชีวิตของจอยก้าวไปข้างหน้า สไตล์หนังเรื่องนี้ก็ย้อนกลับไปยังอดีต โดยได้กลับไปสำรวจความละเอียดอ่อนและเรื่องราวเมโลดรามาในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดคลาสสิกเพื่อนำมาใช้ในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยสื่อทางภาพ
          ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงโดยผู้ชนะรางวัลออสการ์ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (American Hustle, Silver Linings Playbook, The Hunger Games) ในบทจอย โดยเล่าเรื่องชีวิตหลากสีสันตั้งแต่เธอยังเด็กจนอายุสี่สิบกว่า จากความฝันที่ถูกชะลอออกไปจนถึงการต่อสู้เพื่อเกียรติและการดิ้นรนเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเอง
          ลอว์เรนซ์กล่าวว่า "เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่เพียงเป็นเรื่องราวของจอย แต่ยังเป็นเรื่องของครอบครัว จินตนาการ ศรัทธาในตนเอง ความโหดร้ายของความสำเร็จ และความหมายเมื่อคุณคว้าความสำเร็จนั้นมาได้ ที่ฉันชอบมากที่สุดคือความเปลี่ยนแปลงของจอย จากการเป็นคนอ่อนแอและเอาแต่ตำหนิตัวเองมาเป็นคนที่เยือกเย็นและเข้มแข็ง และฉันชอบที่เธอเป็นผู้หญิงที่กลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัวอย่างแท้จริง"
          ลอว์เรนซ์ร่วมงานกับทีมนักแสดงที่หลากหลายตามแบบฉบับของรัสเซลล์ อันได้แก่ โรเบิร์ต เดอ นีโร ในบทพ่อของจอยผู้อารมณ์ร้อนแต่โรแมนติก, เอ็ดการ์ รามิเรซ ในบทสามีเก่าของจอย นักดนตรีผู้ต้องต่อสู้และอาศัยอยู่ในห้องใต้ดิน… กับพ่อของจอย, ไดแอน แลดด์ ในบทยายของจอยผู้มีความเข้าใจชีวิตและมีอิทธิพลต่อเธอ, เวอร์จิเนีย แมดเซน ในบทแม่ผู้ติดละครน้ำเน่า, อิซาเบลลา รอสเซลลินี ในบทหญิงชาวอิตาเลียนฐานะดีที่เป็นคู่รักของพ่อเธอ, แดสชา โพแลนโก ในบทเพื่อนเก่าและผู้ติดตามของจอย, อลิซาเบ็ธ รอห์ม ในบทน้องสาวที่เป็นศัตรูกับจอย และแบรดลีย์ คูเปอร์ในบทเจ้าพ่อธุรกิจการขายสินค้าทางโทรทัศน์ซึ่งกลายมาเป็นมิตรและศัตรูของจอย
          Fox 2000 ขอเสนอ Joy กำกับและเขียนบทโดยเดวิด โอ รัสเซลล์ จากเรื่องโดยแอนนี มูโมโล และเดวิด โอ รัสเซลล์ ผู้อำนวยการสร้าง ได้แก่ จอห์น เดวิส จาก Davis Entertainment ผู้นำโครงการนี้มาเสนอให้รัสเซลล์, เมแกน เอลลิสัน และโจนาธาน กอร์ดอน จาก Annapurna Pictures, เคน ม็อค และเดวิด โอ รัสเซลล์ ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ แมทธิว บัดแมน, จอห์น ฟ็อกซ์, จอย แมงกาโน, แมรี แม็คแล็กเลน, แอนนี มูโมโล, จอร์จ พาร์รา และอีธาน สมิธ
          ทีมงานเบื้องหลังของรัสเซลล์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ร่วมงานขาประจำ ได้แก่ ผู้กำกับภาพ ไลนัส แซนด์เกรน (American Hustle), นักออกแบบงานสร้างผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ จูดี เบกเคอร์ (American Hustle, Silver Linings Playbook, Brokeback Mountain), นักออกแบบเครื่องแต่งกายผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ไมเคิล วิลคินสัน (American Hustle, 300), ทีมตัดต่อของผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ อลัน บอมการ์เทน (American Hustle, Trumbo), ผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์สามสมัย เจย์ แคสซิดี (American Hustle, Silver Linings Playbook, Into the Wild), ผู้ชนะรางวัลออสการ์ ทอม ครอส (Whiplash) และผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ คริส เทลเลฟเซน (Moneyball) ผู้ควบคุมดนตรีคือซูซาน เจค็อบส์ พร้อมด้วยงานดนตรีประกอบจากเวสต์ ดีแลน ธอร์ดสัน และเดวิด แคมป์เบลล์

FB on January 27, 2016, 08:24:11 AM
JOY TO THE WORLD:
เรื่องราวของจอย
          JOY รวมอยู่ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของหนังที่พูดถึงการไล่ตามความฝันเพื่อประสบความสำเร็จทั้งในเชิงธุรกิจและครอบครัว แต่หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาด้วยแนวทางเฉพาะตัวที่ทั้งตลก สะเทือนอารมณ์ และแปลกใหม่ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นด้วยการเล่าชีวิตที่ไม่น่าเป็นไปได้แต่เป็นเรื่องจริงของจอย แมงกาโน ซึ่งในยุคทศวรรษ 1990 เธอได้กลายเป็นดาราโทรทัศน์รูปแบบใหม่และผู้ประกอบการอันทรงอิทธิพลที่นำเสนอสิ่งประดิษฐ์ในครัวเรือนมากมาย รวมถึงไม้ถูพื้นมหัศจรรย์ "ที่บิดเองได้" อันมีชื่อเสียง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักรธุรกิจของคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวจากลองไอส์แลนด์รายนี้
          เรื่องราวที่ดูสามัญธรรมดาแต่บรรจุความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่าดึงดูดความสนใจของ เดวิด โอ รัสเซลล์ ซึ่งมักสนใจส่วนผสมลักษณะนี้อยู่แล้ว เขาเล็งเห็นเรื่องราวการเติบโตของผู้หญิงที่ฉลาดและเด็ดเดี่ยว รวมถึงเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจของคนที่กล้าเสี่ยงทำตามความฝันที่เก็บไว้มานานแต่ก็ไม่ยอมปล่อยปละละเลยครอบครัว เหนือสิ่งอื่นใดเขาเห็นโอกาสในการเล่าเรื่องราวที่เป็นสากลมากยิ่งขึ้น เรื่องราวเกี่ยวกับธรรมชาติหลายแง่มุมของมนุษย์ผู้ต่อสู้ดิ้นรน และเศษเสี้ยวหลากสีสันซึ่งมีส่วนสร้างชีวิตอันเต็มอิ่มและมีชีวิตชีวาท่ามกลางสุขนาฏกรรมและโศกนาฏกรรมในชีวิตมนุษย์
          รัสเซลล์กล่าวว่า "แนวคิดที่ดึงดูดผมคือทำอย่างไรจึงจะเล่าเรื่องชีวิตกว่า 40 ปี จากความมหัศจรรย์ในวัยเด็ก ผ่านการแต่งงาน การหย่าร้าง และการเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว จนกระทั่งกลับมาเติมเต็มความฝันในวัยเด็ก ทำอย่างไรคุณจึงจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับจิตใจของคนคนหนึ่ง จิตใจซึ่งประกอบไปด้วยผู้คนที่เรารัก แนวคิดที่เรามี และสิ่งที่เราทะนุถนอม JOY นำชิ้นส่วนเหล่านี้มารวมเข้าด้วยกัน มีความบอบช้ำและความรัก มีเด็กหญิงที่เติบโตมาในอู่รถของพ่อและเห็นแม่ติดละครที่มีแต่ตัวละครหญิงแกร่ง มีสามีเก่าช่างฝันในห้องใต้ดินที่ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่และน้องสาวผู้น่ารักแต่ก็เป็นคู่แข่งที่อิจฉากันด้วย แล้วคุณก็มีช่องทีวีเคเบิลในแลงคาสเตอร์ เพนน์ซิลวาเนียที่กลายเป็นโรงงานแห่งความฝัน ท่ามกลางทั้งหมดนี้ คุณจะได้เห็นจอยค่อยๆ สร้างความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่ทำให้เธอก้าวต่อไปได้"
          รัสเซลล์มองว่า JOY เป็นโอกาสที่จะได้เล่าเรื่องราวการกลายเป็นเศรษฐีในอีกรูปแบบหนึ่งด้วย เรื่องราวของนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลที่เติบโตมาจากครอบครัวชนชั้นแรงงานซึ่งเป็นโลกที่มักถูกมองข้ามในงานภาพยนตร์
          "เรื่องราวกว่าครึ่งในหนังมาจากจอย แมงกาโน และอีกครึ่งหนึ่งมาจากผู้หญิงที่กล้าหาญซึ่งผมรู้จักและอ่านเรื่องราวของพวกเธอมาตลอดหลายปี" รัสเซลล์อธิบาย "รวมถึงลิลเลียน เวอร์นอน ซึ่งเริ่มต้นทำแคตาล็อกสั่งสินค้าเครื่องใช้ในบ้านทางไปรษณีย์เป็นรายใหญ่รายแรก รวมถึงผู้หญิงคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ผมรู้จักและเพื่อนแม่ผมหลายคนที่กล้าเริ่มต้นกิจการ บางคนก็ประสบความสำเร็จและบางคนก็ล้มเหลว ผมหลงใหลความมุ่งมั่นที่ผลักดันให้ใครสักคนเริ่มต้นกิจการจากในบ้านและพยายามบุกเบิกหนทางใหม่ให้ตัวเองและครอบครัว ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาผู้หญิงหลายคนเคยรู้สึกมาถึงทางตันและต้องสร้างโอกาสของตัวเองขึ้นมา"
          เช่นเดียวกับผลงานอื่นๆ ของรัสเซลล์ เรื่องราวนี้ขยายออกไปหลายทิศทางระหว่างการพัฒนาบทภาพยนตร์ โดยสัมพันธ์กับประเด็นต่างๆ ตั้งแต่ธรรมชาติของการสร้างสรรค์ไปจนถึงภาพฝันทางโทรทัศน์และการเอาชนะสงครามทางธุรกิจ แต่แก่นหลักของเรื่องก็ยังคงเดิม
รัสเซลล์กล่าวว่า "คำถามที่แท้จริงซึ่งจอยต้องเผชิญเมื่อเติบโตขึ้นคือจะรักษาความเป็นตัวเองเอาไว้ได้อย่างไร ใครสักคนจะรักษาความเป็นตัวเองเอาไว้ได้อย่างไรเมื่อต้องมาประนีประนอมกับหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตวัยผู้ใหญ่ และที่สำคัญไม่แพ้กันคือคุณจะรักษาจังหวะของชีวิตอันมหัศจรรย์และความฝันที่เคยมีเมื่อครั้งยังเด็กเอาไว้ได้อย่างไร"
          แม้ว่ารัสเซลล์จะนำเอาชีวิตจริงของแมงกาโนมาร้อยเรียงกับเรื่องแต่ง แต่เขาก็ยังคงติดต่ออย่างใกล้ชิดกับนักประดิษฐ์ซึ่งยังคงมีบทบาทสำคัญในการขายสินค้าทางโทรทัศน์ และปัจจุบันเป็นประธานบริษัท Ingenious Designs LLC แมงกาโนกล่าวว่านับเป็นเรื่องน่าทึ่งที่ได้เห็นกระบวนการนี้
          "การเป็นส่วนหนึ่งในแรงบันดาลใจของเดวิดเป็นเรื่องที่พิเศษมากจนฉันบรรยายไม่ถูกเลยค่ะ" แมงกาโนกล่าว "เขามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งจนน่าประหลาดใจ ตอนเราเริ่มคุยกัน มีหลายสิ่งในชีวิตซึ่งถ้าเป็นฉันก็คงปล่อยผ่านเลยไป แต่เขากลับสะดุดใจและอยากสำรวจสิ่งเหล่านั้นต่อ ฉันได้เห็นเขาสร้างภาพในหัวขึ้นมา การทำงานร่วมกับเขานับเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งมากครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ เรื่องราวส่วนตัวของฉันกลายเป็นผืนผ้าใบให้เขาได้สร้างสรรค์สิ่งที่เป็นสากล"
          รัสเซลล์ชอบบันทึกเรื่องราวของครอบครัวที่ผูกพันกันทั้งในแบบที่ตลกไร้สาระและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พ่อแม่ที่เป็นคนแปลกประหลาดและความสัมพันธ์ของแมงกาโนกับสามีเก่ายิ่งทำให้เขาสนใจ ในฐานะคนทำหนัง รัสเซลล์มักสำรวจชีวิตครอบครัวด้วยโทนเรื่องที่อาจสัมพันธ์กับวรรณกรรมรัสเซีย เมื่อวัยเด็กและความตาย การแต่งงานและการหย่าร้าง ความสุขและความเหงา ความปิติยินดีและการทรยศหักหลัง ความร่ำรวยและความยากจน ล้วนกลายเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ขำขันปนเศร้าของมนุษย์ซึ่งเราไม่อาจหลีกหนีไปได้ แม้ว่าความทะเยอทะยานของจอยจุดประกายขึ้นมาจากความคิดสร้างสรรค์และความฝันของเธอเอง แต่ก็ไม่อาจแยกออกจากความสัมพันธ์อันสับสนวุ่นวายรอบตัวเธอ รวมถึงแรงใจที่ไม่มีวันหมดในการดูแลคนที่เธอรัก ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะมีข้อบกพร่องหรือน่าหงุดหงิดมากเพียงใดก็ตาม
          "จอยได้รับการยกย่องและเป็นที่รักในครอบครัวของเธอ แต่หลายครั้งครอบครัวก็กลายมาเป็นอุปสรรค" รัสเซลล์กล่าว "ในหนังของผมทุกเรื่อง ผมสนใจเรื่องที่ว่าครอบครัวที่ดูผิดเพี้ยนและแตกร้าวก็ยังเป็นผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ให้สิ่งที่งดงามเติบโตขึ้นมาได้ สมาชิกครอบครัวของจอยน่ารักในแบบของตัวเองและมีข้อจำกัดในแบบของตัวเอง แต่สุดท้ายข้อจำกัดเหล่านั้นทำให้จอยกลายเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น เธอถูกท้าทายให้ยึดมั่นกับความเป็นจริงตั้งแต่ยังเล็กและเธอก็ได้เรียนรู้ที่จะเป็นคนยืดหยุ่นรับสถานการณ์และคอยดูแลทุกๆ คน ผมคิดว่าครอบครัวมีความงดงามอยู่ ถึงแม้คนในครอบครัวจะซับซ้อน เป็นมนุษย์ปุถุชน และเต็มไปด้วยปัญหา ความสุขส่วนหนึ่งของจอยคือการที่เธอให้อภัยคนและคงความรักที่มีให้คนอื่นเอาไว้ได้ทั้งที่เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย"
          แรงผลักดันในการดูแลครอบครัวด้วยตัวตนทั้งหมดที่เธอเป็นกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ JOY แตกต่างจากหนังทุกเรื่องที่ผ่านมาเกี่ยวกับผู้ประกอบการที่มีความใฝ่ฝันและผู้หญิงที่เป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร การเดินทางของจอยส่วนหนึ่งเกี่ยวกับการค้นหาความแข็งแกร่งเพื่อไขว่คว้าสิ่งที่เธอปรารถนา และอีกส่วนหนึ่งคือการค้นหาคำตอบว่าทำอย่างไรจึงจะรักษาสมดุลอันยากยิ่งในการจัดการทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญต่อตัวเธอ
          รัสเซลล์กล่าวว่า "สำหรับผมสิ่งที่พิเศษสุดในตัวจอยคือถึงแม้เธอกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวที่คอยดูแลบรรดาผู้คนซึ่งเรียกร้องจะเอานั่นเอานี่และพูดไม่หยุดปาก แต่เธอก็ยังเป็นคนที่ให้อภัยและมีจิตใจที่อ่อนโยน เธอพบหนทางที่จะนำคนทั้งครอบครัวไปกับเธอด้วย เธอมีความคิดแบบนี้มาตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอไม่ต้องการทิ้งใครไว้เบื้องหลังในตอนนั้น เช่นเดียวกันเธอก็จะไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลังเมื่อเธออายุ 45 และบริหารกิจการใหญ่ เธอเปลี่ยนแปลงไปมากจนน่าประหลาดใจ แต่ก็ยังคงรักษาตัวตนส่วนนั้นเอาไว้เสมอ"
          เนื่องจากหนังเรื่องนี้แสดงประสบการณ์ในการใช้ชีวิตของจอยระหว่างการค้นหาความสุขที่ดำเนินไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ JOY จึงเป็นหนังของรัสเซลล์ที่มีงานภาพแปลกใหม่มากที่สุด ความเป็นจริงในชีวิตประจำวันของจอย และการเล่นชักเย่อระหว่างความจำเป็นและความสำเร็จถูกคั่นช่วงสั้นๆ ด้วยฉากคล้ายละครน้ำเน่า บทเพลงและการเต้นรำ ฝันกลางวันที่เหนือจริง และเกล็ดหิมะอันน่าหลงใหล
          หลังจากได้ทราบว่าแม่ของจอย แมงกาโนเป็นแฟนละครน้ำเน่า รัสเซลล์ก็พบว่าละครเหล่านี้เป็นเครื่องมือสะท้อนความจริงได้อย่างน่าสนใจ เป็นกระจกสะท้อนถึงการที่จอยได้ตระหนักว่าเธอสามารถก้าวข้ามอุปสรรคในชีวิตและเดินตามหนทางที่ยิ่งใหญ่และกล้าหาญกว่า "พล็อตเรื่องของละครโทรทัศน์ไปอยู่ในวรรณกรรมรัสเซียได้เลยครับ" รัสเซลล์ครุ่นคิด "ในโลกของละคร เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ ลึกลับ และฟูมฟายสามารถเกิดขึ้นได้ ตัวละครพูดถึงแต่เรื่องการทรยศหักหลัง เงินตรา และความตายไม่ต่างไปจากงานของโกกอล ตอลสตอย หรือดอสโตเยฟสกีนั่นล่ะครับ แต่ละครเหล่านั้นมักเกี่ยวกับผู้หญิงที่กล้าหาญและความใฝ่ฝัน ด้วยเหตุนี้มันจึงตรงใจคน"
          อีกประเด็นหนึ่งในหนังคือการเติบโตของธุรกิจขายสินค้าทางโทรทัศน์ ซึ่งเป็นเหมือนการทำนายล่วงหน้าถึงโลกเทคโนโลยีในปัจจุบันซึ่งกฎเกณฑ์ทางธุรกิจทุกข้อได้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงพร้อมกับคนรุ่น Kickstarter "QVC กรุยทางมาก่อนอินเตอร์เน็ต" รัสเซลล์ตั้งข้อสังเกต "นี่เป็นกิจการแรกๆ ที่คุณสามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแค่โทรศัพท์ไปก็จะมีคนคอยรับอยู่ตลอดเวลา"
          ถึงแม้ไม้ถูพื้นมหัศจรรย์ของจอยกลายเป็นสุดยอดสินค้าขายดีทางช่อง QVC และเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งในชีวิตแต่ปัญหาของเธอก็ไม่ได้หายไป และกลับเป็นตรงกันข้ามซึ่งเรื่องนี้ก็สำคัญกับรัสเซลล์ด้วย JOY เป็นเรื่องราวอันมีชีวิตชีวาว่าด้วยการเติบโตก้าวหน้าของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ก็ยังเล่าถึงสิ่งที่ต้องเสียไปและข้อจำกัดจากความสำเร็จอย่างตรงไปตรงมา
          "ผมต้องการให้หนังเรื่องนี้ไปไกลเกินกว่าความสำเร็จของจอยในตอนแรกเพราะมันไม่ได้จบแค่นั้น" รัสเซลล์ให้ความเห็น "ปัญหาไม่มีวันจบดังนั้นคุณจึงต้องรักษาความตั้งใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคเอาไว้ การยอมรับปัญหาที่ตามมาจากความสำเร็จไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สำนึกในความสำเร็จที่ได้รับ แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ผมคิดว่าเราทุกคนต่างก็กลัวว่าเราอาจสูญเสียสิ่งที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ และคุณก็ยังคงต้องจัดการกับสถานการณ์ที่ยากลำบากและผู้คนหลากหลายเพื่อเดินหน้าต่อไป สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือการแสดงให้เห็นว่าจอยบ่มเพาะความเป็นผู้ใหญ่ซึ่งจำเป็นต่อการจัดการเหล่านั้น สิ่งที่ยากที่สุดและงดงามที่สุดในชีวิตอาจเป็นการดำเนินบทบาทของตนต่อไปด้วยความเต็มใจและยืดหยุ่นรับสถานการณ์"

การเติบโตของหัวหน้าครอบครัว:
เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ พูดถึง JOY
          เรื่องราวใน JOY มอบบทบาทที่เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ไม่เคยได้รับมาก่อน นั่นคือภาพชีวิตของผู้หญิงที่เติบโตมาด้วยลำแข้งของตัวเองจากคนช่างฝันมาเป็นแม่บ้านจนกระทั่งเป็นนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลในช่วงเวลาสี่ทศวรรษของการเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในแนวคิดของตัวเอง แย่งชิงอำนาจ และรักษาอุดมคติเอาไว้ ลอว์เรนซ์ซึ่งมีอายุเพียง 25 ปีมีชื่อเสียงจากการแสดงที่หลากหลายและละเอียดอ่อนดังจะเห็นได้จากบทบาทต่างๆ ตั้งแต่วีรสตรีผู้ยิ่งใหญ่ แคตนิส เอเวอร์ดีนใน The Hunger Games ไปจนถึงบทบาทที่ทำเธอได้รับรางวัลออสการ์อย่างการเล่นเป็นม่ายสาวใน Silver Linings Playbook ของเดวิด โอ รัสเซลล์ เธอยังได้เข้าชิงรางวัลออสการ์จากบทบาทเด็กสาวชาวโอซาร์คที่มุ่งมั่นตามหาพ่อใน Winter's Bone และภรรยาขี้หึงของเจ้าพ่อเงินกู้ใน American Hustle ของรัสเซลล์
          แต่ JOY แตกต่างจากบทบาทเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง ลอว์เรนซ์ดีใจมากที่ได้รับบทซึ่งอาจเป็นตัวละครหญิงที่ซับซ้อนที่สุดในงานของรัสเซลล์เท่าที่ผ่านมา และได้สำรวจแรงใจที่ผลักดันให้คนเราก้าวไปข้างหน้าแม้ดูเหมือนว่าต้องทิ้งความฝันอันยิ่งใหญ่ที่สุดของตนเองเอาไว้ก่อน เธอมองว่าจอยพัฒนาตัวเองไปตลอดเวลาและปฏิเสธที่จะเป็นแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เธอเป็นทั้งนักสร้างสรรค์ที่กล้าหาญ แม่ผู้เหน็ดเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว นักเจรจาที่เด็ดขาดและมั่นคงแน่วแน่ ลูกสาวผู้ท้อแท้ใจ และผู้หญิงที่ค้นพบความพึงพอใจจากความสำเร็จที่ได้มาอย่างยากลำบากในการประสานทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน ลอว์เรนซ์กล่าวว่าเธอสนใจการสำรวจขอบเขตของทุกสิ่งเหล่านี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะรัสเซลล์มาร่วมงานนี้ด้วย
          "ฉันยอมเล่นบททุกบทให้เดวิดด้วยเหตุผลล้านแปดค่ะ" ลอว์เรนซ์อธิบาย "ตอนเขาโทรมาหาฉันแล้วถามว่า 'คุณอยากเล่นเรื่องผู้หญิงที่ประดิษฐ์ไม้ถูพื้นมหัศจรรย์รึเปล่า' ฉันคิดว่านี่เป็นตัวละครที่เหมาะจะอยู่ในมือของเดวิดที่สุดแล้ว ฉันรู้ว่าต้องเป็นงานที่พิเศษแน่ๆ มันเต็มไปด้วยจินตนาการของเดวิด ไม่ใช่แค่เรื่องราวการต่อสู้ของผู้หญิงเพื่อประสบความสำเร็จ แต่เป็นการเข้าใจว่าความสุขและความยินดีมีความหมายอย่างไรแม้กระทั่งหลังจากที่คุณบรรลุเป้าหมายแล้ว"
          รัสเซลล์กล่าวถึงเหตุผลที่ลอว์เรนซ์ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจทางศิลปะให้เขา สามารถจับคู่กับบทจอยได้อย่างลงตัว "ผมคิดมาตลอดว่าเจนนิเฟอร์มีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่ ตอนเราพบกันใน Silver Linings ผมคิดว่า 'นี่เธออายุยี่สิบหรือสี่สิบกันแน่' ผมหมายความว่าเธอจะเป็นคนอายุยี่สิบหรือสี่สิบก็ได้ เธอเป็นคนเดียวที่รับบทเป็นจอยได้ เธอใจกว้างและมีความคิดสร้างสรรค์ที่เปี่ยมล้น ในฐานะศิลปิน ผมมองว่าเธอสามารถถ่ายทอดโลกที่หลากหลายได้ และสามารถก้าวเข้าไปยังสิ่งที่ไม่ได้รับการวางแผนหรือไม่คาดฝัน และในฐานะคนคนหนึ่ง ผมยินดีที่ได้เห็นเธอในการเดินทางครั้งสำคัญ"
          ในหนังเรื่องนี้การเดินทางเป็นสิ่งใหม่ "นี่เป็นครั้งแรกที่เจนนิเฟอร์เป็นศูนย์กลางซึ่งแบกอารมณ์ของหนังดรามาเอาไว้ทั้งเรื่อง" รัสเซลล์ระบุ "เป็นการแสดงที่ถ่ายทอดมิติภายในจิตใจของคนคนหนึ่งซึ่งต้องอาศัยการทำงานและแรงใจอย่างมหาศาลเพื่อหาทางที่จะเป็นศูนย์กลางของสถานที่ทุกแห่งที่เธอไป ไม่ใช่ในแบบที่โฉ่งฉ่างหรือยิ่งใหญ่แต่ก็มีพลังล้นเหลือ เธอให้เราได้สัมผัสจอยในช่วงเวลาที่อ่อนแอและอ่อนโยน ช่วงที่เธอดุดันและมีความเป็นแม่ โดยอยู่ในฐานะคนที่รู้จักให้อภัยและอดทนอดกลั้น แต่ก็เป็นผู้ปกป้องครอบครัวและธุรกิจของตนได้อย่างน่าเกรงขาม เธอต้องย้อนกลับไปหาเด็กหญิงตัวน้อยที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ จากนั้นก็นำตัวตนนั้นกลับไปยังหญิงสาวที่ยังคงมีไฟแต่ต้องมาติดอยู่กับชีวิตที่น่าผิดหวัง แล้วจึงนำตัวตนนั้นมายังผู้หญิงที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวและพร้อมที่จะเดิมพันชีวิตทั้งชีวิตกับบางสิ่ง"
ลอว์เรนซ์สนใจเรื่องที่จอยตั้งมั่นอยู่กับความจำเป็นของครอบครัวมาตลอด แต่แล้วจู่ๆ ก็กล้ากระโดดออกไปทำเพื่อตัวเอง
          "ฉันคิดว่าจอยรู้สึกมาตลอดว่าเธอต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นรากฐานที่ค้ำจุนทุกคนเอาไว้" เธอตั้งข้อสังเกต "เธอยอมเสียสละความฝันไปเพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆ และพักเรื่องความฝันเอาไว้เกือบทั้งชีวิต เธอยกเรื่องของคนอื่นมาก่อนนานเสียจนกระทั่งฉันคิดว่าเธอต้องใช้เวลาถึงได้ตระหนักว่ามีสิ่งอื่นในตัวเธอที่ต้องเผยตัวออกมา ที่ต้องการอากาศให้หายใจ และฉันคิดว่านั่นเป็นเหตุผลให้เรื่องราวของจอยครอบคลุมคนสี่รุ่น เพราะการสร้างชีวิตที่สมบูรณ์มักต้องใช้เวลานานขนาดนั้น จอยฝังความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองเอาไว้ แต่สุดท้ายเมื่อเธอพบศรัทธาในตัวเองเพื่อก้าวไปข้างหน้าก็ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเธอได้ คุณจะหยุดไม่ได้เมื่อพบความเข้มแข็งจากภายใน"
การได้รู้จักจอย แมงกาโนเป็นการส่วนตัวยิ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจ "ความคิดของจอยน่าหลงใหลมากค่ะ เธอมีไอเดียเป็นร้อยๆ ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ" ลอว์เรนซ์กล่าว
          ในทางกลับกันแมงกาโนตกตะลึงที่ได้เห็นลอว์เรนซ์ประสานตัวเองเข้ากับบุคลิกของเธอ "ถ้าฉันเคยนึกฝันว่าจะได้มีโอกาสเลือกคนมารับบทเป็นฉัน ก็ต้องเป็นเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์นี่ล่ะค่ะ" แมงกาโนหัวเราะ "ฉันรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่เจนนิเฟอร์มารับบทนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รู้จักเธอ เพราะเธอมีความสามารถมากและฉลาดมากด้วย ทันทีที่เริ่มคุยกัน ฉันรู้สึกได้เลยว่าเธอคอยสำรวจฉันอยู่ แน่ล่ะค่ะ เธอสำรวจฉันเพราะนั่นเป็นงานที่เธอต้องทำ"
          ความท้าทายใหม่สำหรับลอว์เรนซ์คือการถ่ายทอดจอยในวัยกลางคนซึ่งเป็นอนาคตที่ห่างไกลสำหรับตัวเธอ "การรับบทเป็นตัวละครสี่วัยน่าตื่นเต้นมากค่ะ ฉันไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แต่มันก็ดูเข้ากันกับการเขียนบทของเดวิดมากๆ ฉันสังเกตเห็นว่าสิ่งหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อคุณแก่ตัวลงก็คือคุณจะสงบนิ่งมากขึ้น ฉันก็เลยเปลี่ยนรายละเอียดในน้ำเสียงและท่าทางของจอยให้ดูมั่นใจขึ้น นุ่มนวลขึ้น และช้าลง" ลอว์เรนซ์อธิบาย
          รัสเซลล์พบว่าการเปลี่ยนแปลงของลอว์เรนซ์เผยสิ่งที่น่าสนใจ "เมื่อเธออายุมากขึ้น ทุกสิ่งในตัวเจนนิเฟอร์ก็เปลี่ยนไป" เขากล่าว "ท่าทางเธอเปลี่ยนไป น้ำเสียงเปลี่ยนไป ทุกอย่างเริ่มให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป และชวนให้ผมนึกถึงคริสเตียน เบลใน American Hustle อยู่บ้างเหมือนกัน ในขณะเดียวกันเธอก็เริ่มมีความนิ่งซึ่งกลายมาเป็นจุดแข็งอย่างที่ยายของเธอได้คาดการณ์ไว้ นั่นคือความสามารถในการเป็นคนที่ไม่ตื่นตระหนกและรวมใจทุกคนเอาไว้ด้วยกัน"
          ลอว์เรนซ์เชื่อว่ากุญแจสำคัญของการเข้าใจผลกระทบจากความสำเร็จของจอยมาจากการได้เห็นเธอในจุดต่ำสุด "ฉันชอบเรื่องของเดวิดส่วนหนึ่งก็เพราะมันรวมช่วงที่จอยไม่เชื่อมั่นในตัวเองด้วย ตอนที่ทุกคนทำให้เธอเชื่อว่าความฝันของเธอประหลาดและน่าขัน" เธอกล่าว "ฉันคิดว่านี่เป็นส่วนสำคัญในการเล่าเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จ เราควรจะได้เห็นช่วงเวลาหลายปีที่คนเหล่านั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองมีศักยภาพแฝงอยู่"
          ความสับสนของจอยในการไล่ตามสิ่งที่เธอต้องการถูกห่อหุ้มด้วยความคิดที่ว่าเธอจะดูแลครอบครัวที่ใกล้ชิดผูกพันแต่ก็มีประหลาดผิดเพี้ยนด้วยให้เดินหน้าไปในเวลาเดียวกันได้อย่างไร ถึงแม้ว่าครอบครัวจะทำให้เธอต้องหงุดหงิดหัวเสียด้วยเรื่องร้อยแปดประการ แต่ความรับผิดชอบที่เธอมีต่อครอบครัวก็ไม่เคยสั่นคลอน "จอยมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับครอบครัวเพราะเธอรักครอบครัวเป็นที่สุดและครอบครัวก็รักเธอมากเช่นกัน แต่ครอบครัวไม่ได้สนับสนุนความหวังของเธออย่างที่เธออยากให้เป็นสักเท่าไหร่" ลอว์เรนซ์หัวเราะ "ฉันคิดว่าครอบครัวแค่พยายามปกป้องไม่ให้เธอเจ็บตัว แต่เป็นเรื่องยากที่คนคนหนึ่งจะต่อสู้กับเรื่องนั้นได้"
          ครอบครัวของจอยมีชีวิตขึ้นมาด้วยทีมนักแสดงที่ลอว์เรนซ์รู้ว่าต้องสร้างสีสันได้แน่ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลายคนเคยทำงานด้วยกันมาก่อนในหนังของรัสเซลล์ เธอลิงโลดกับความคิดที่ว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งในทีมงานซึ่งมีผลงานต่อเนื่องกลุ่มนี้ "ในแง่หนึ่งเวลามองดูนักแสดงเหล่านี้ คุณจะเห็นคนคุ้นหน้าที่รู้จักกันอยู่แล้ว" เธอกล่าว "แต่ในอีกแง่หนึ่ง เรารับบทเป็นตัวละครใหม่และความสัมพันธ์ก็ต่างไปจากเดิมมากซึ่งทำให้การทำงานน่าตื่นเต้น"
          ลอว์เรนซ์ยินดีเป็นพิเศษที่ได้กลับมาร่วมงานกับโรเบิร์ต เดอ นีโร โดยคราวนี้เล่นเป็นลูกสาว "ในหลายๆ แง่บ็อบเป็นเหมือนพ่อที่ช่วยเลี้ยงดูฉันผ่านการทำงานหนังและการมีชื่อเสียง ฉันรู้สึกเสมอว่าฉันถามเขาได้ทุกเรื่อง" เธอกล่าว "ดังนั้นฉันจึงรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษที่เขามารับบทเป็นพ่อ ยิ่งกว่านั้นการแสดงร่วมกับบ็อบก็เหมือนการขับรถแอสตัน มาร์ติน มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย"
เหนือสิ่งอื่นใดลอว์เรนซ์รู้สึกได้รับแรงกระตุ้นให้ถ่ายทอดจิตวิญญาณของจอยและตัวเธอเองก็กล้ามากขึ้นด้วยจากความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับรัสเซลล์ "เป็นความผูกพันที่ทรงพลังและน่าประหลาดที่สุดเลยค่ะ" เธอกล่าว "แต่ฉันรู้สึกว่าเดวิดรู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากส่วนหนึ่งในใจฉันได้อย่างไร และฉันขอบคุณมากๆ ที่เขาต้องการให้ฉันเป็นส่วนหนึ่งในผลงานและมรดกตกทอดของเขา"

FB on January 27, 2016, 08:24:54 AM
พันธมิตรและศัตรู: ทีมนักแสดง
รูดีและทรูดี:
          ผู้ที่มาร่วมเดินทางกับเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ใน JOY เป็นทีมนักแสดงที่หลากหลายและประสบความสำเร็จอย่างสูงซึ่งปรากฏตัวในหนังของเดวิด โอ รัสเซลล์อยู่เป็นประจำ เขาทำงานร่วมกับตำนานแห่งวงการหนัง โรเบิร์ต เดอ นีโร เป็นครั้งที่สาม โดยในเรื่องนี้เดอ นีโรรับบทจริงจังปนตลกเป็นพ่อของจอยที่ชื่อ รูดี เจ้าของอู่ซ่อมรถชนชั้นแรงงานซึ่งมีอารมณ์รุนแรงแต่ก็โรแมนติก "ผมชอบที่เราได้เห็นบ็อบเป็นผู้ชายที่มีความรัก" รัสเซลล์กล่าว "เราเห็นเขาควบคุมตัวเองไม่ได้จนถึงขั้นหลงใหลถอนตัวไม่ขึ้น"
          เดอ นีโร เปิดรับความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในตัวรูดี ระหว่างอารมณ์อันรุนแรงและเสน่ห์แบบโรแมนติก ระหว่างการทำงานหนักแบบชนชั้นแรงงานและความมีสไตล์ ระหว่างความสำนึกเสียใจในฐานะคนเป็นพ่อแม่กับความรักที่มีต่อลูกๆ "พ่อตัวจริงของจอย แมงกาโนเป็นแค่จุดเริ่มต้นในการสร้างตัวละครของเดวิด" เดอ นีโร อธิบาย "และคุณคาดหวังได้ว่าตัวละครของเดวิดจะมีความขัดแย้งลักษณะนี้ เขาจัดการกับความขัดแย้งในตัวละครเพราะความขัดแย้งเหล่านี้มีอยู่ในชีวิตจริง เดวิดตระหนักดีในเรื่องนี้และสังเกตดูสิ่งเหล่านี้อย่างพินิจพิเคราะห์ ความมหัศจรรย์ของเขาอยู่ตรงนี้ล่ะครับ อยู่ที่การสำรวจความขัดแย้งภายในตัวผู้คนและครอบครัว"
          แม้ว่าความขัดแย้งปรากฏชัดเจนในหนังทุกเรื่องของรัสเซลล์ แต่แก่นเรื่องของ JOY ทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่างออกมา "มันเหมือนเรื่องซินเดอเรลลาครับ" เดอ นีโร บรรยาย "เป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่ก้าวข้ามอุปสรรคนานาประการมาเป็นคล้ายแม่ทูนหัวให้ครอบครัว เป็นเรื่องราวของการฝ่าฟันอุปสรรค"
          สิ่งหนึ่งที่จอยต้องฝ่าฟันคือความสามารถอันชวนหงุดหงิดของพ่อในการดึงความสนใจของเธอออกจากความฝัน แต่เดอ นีโรชอบการมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์อย่างใกล้ชิดในบทพ่อผู้มีข้อบกพร่องและลูกสาวผู้ไม่ย่อท้อ "เจนนิเฟอร์เล่นได้เยี่ยมมากในเรื่องนี้และการทำงานกับเธอก็ยอดเยี่ยมจริงๆ" เดอ นีโรให้ความเห็น "เธอเป็นคนหัวไวและปรับตัวได้เก่งมากซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเวลาทำงานกับเดวิด ทั้งสองสิ่งนี้ทำให้ทุกอย่างออกมาโดยธรรมชาติ ฉับพลัน และสนุก"
          เดอ นีโร กล่าวว่าการร่วมทีมนักแสดงของรัสเซลล์นั้น "เหมือนการอยู่ในคณะละครสัตว์ซึ่งมีผู้คนเหล่านี้เข้าๆ ออกๆ และมีผลงานสร้างสรรค์เกิดขึ้นตามที่ต่างๆ เขาทำหนังเหมือนเขาเขียนขึ้นมาด้วยกล้อง และเราในฐานะนักแสดงก็อยู่ที่ปลายนิ้วของเขาพร้อมรับการบงการให้ปรากฏในฉากไปทีละช่วงๆ"
          ผู้หญิงที่รูดีหลงใหลก็คือทรูดี ผู้อพยพชาวอิตาเลียนซึ่งมรดกของเธอกลายเป็นความหวังสุดท้ายในการที่จอยจะเริ่มต้นธุรกิจสิ่งประดิษฐ์ รัสเซลล์รู้ทันทีว่าเขาอยากได้ใครมารับบทเป็นตัวละครที่แต่งขึ้นใหม่นี้ นั่นคือดาราลูกครึ่งอิตาเลียน-สวีเดน อิซาเบลลา รอสเซลลินี "ผมอยากทำงานกับอิซาเบลลามาตลอดครับ ผมอยากหาบทที่เหมาะสมกับเธอมาตลอด" รัสเซลล์กล่าว "และดีใจที่เธอมีโอกาสมารับบทเป็นหญิงชาวอิตาเลียนซึ่งเป็นตัวละครที่แต่งขึ้นสำหรับหนังเรื่องนี้ ตัวละครทรูดีเป็นแม่ม่ายซึ่งมาลงทุนกับแนวคิดไม้ถูพื้นของจอย แต่เธอไม่เคยลงทุนมาก่อน ก็เลยพยายามจัดการเรื่องนี้ตามมาตรฐานของมอร์ริส สามีผู้ล่วงลับ เรื่องเหล่านี้เป็นรายละเอียดเฉพาะตัวที่ทำให้ผมรักความเป็นมนุษย์ครับ ทุกอย่างอยู่ในรายละเอียดเสมอ"
"เป็นการจับคู่กันอย่างไม่คาดฝันเลยครับ" เดอ นีโรกล่าวถึงการทำงานกับรอสเซลลินี
          รอสเซลลินีกล่าวถึงทรูดีว่า "เธอเป็นตัวละครที่ซับซ้อนซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เดวิดสามารถทำได้ นั่นคือการสร้างมนุษย์ที่ครบสมบูรณ์ขึ้นมาได้ด้วยฝีแปรงเพียงไม่กี่เส้น เธอเป็นแม่ม่ายชาวอิตาเลียนที่สับสนหลงทางอยู่ในอเมริกา ฉันคิดว่าเพราะเหตุนี้เธอจึงผูกติดอยู่กับครอบครัวนี้ซึ่งใช้ชีวิตแตกต่างจากที่ที่เธอจากมาโดยสิ้นเชิง ส่วนหนึ่งในตัวเธอยังคงยึดติดอยู่กับสิ่งที่เธอเป็นในอิตาลี ดังนั้นคุณจึงเห็นเธอแต่งตัวเต็มยศในอู่ซ่อมรถสกปรกของรูดี! ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มต้นขึ้นจากความต้องการฉวยโอกาส ทั้งคู่ต่างต้องการอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายทั้งสองก็กลายเป็นเหมือนครอบครัว อีกเรื่องหนึ่งที่เดวิดถนัดมากก็คือ เขาเข้าใจว่าครอบครัวเป็นแหล่งรวมความขัดแย้งมากที่สุดและความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเราทุกคน"
          ส่วนเรื่องที่ทรูดีคอยเพ่งเล็งตรวจสอบจอยเมื่อเธอกลายมาเป็นผู้ลงทุนนั้น รอสเซลลินีกล่าวว่ามันเป็นกลไกการปกป้องตัวเองที่มากเกินไป "เธอรู้สึกไม่มั่นคง" รอสเซลลินีกล่าว "เธอไม่เคยลงทุนมาก่อนก็เลยกลัวว่าจะพลาด ซึ่งทำให้เธอคอยวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของจอย เธอมักพูดกับจอยว่า 'อ้อ นี่เธอคิดว่าตัวเองเป็นนักธุรกิจแล้วงั้นเหรอ เธอไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย นี่มันเป็นธุรกิจนะ' ทำอย่างกับว่าเธอรู้แต่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จอยคือคนที่มีวิสัยทัศน์ ทรูดีมีเงินทุนแต่จอยเป็นคนที่มีไอเดีย"
          เธอเสริมว่า "การเดินทางของจอยเป็นสิ่งที่ฉันชอบในหนังเรื่องนี้ มันไม่ใช่เรื่องของผู้หญิงที่ตกหลุมรัก แต่เป็นเรื่องของผู้หญิงที่สร้างอาณาจักรขึ้นมา ฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้มีความแปลกใหม่เพราะฉันไม่เคยเห็นเรื่องราวแบบนี้มาก่อนเลย"
          รอสเซลลินีสารภาพว่ากังวลอยู่บ้างในการทำงานกับเดอ นีโรเป็นครั้งแรก "ในแง่หนึ่งฉันตื่นเต้นดีใจสุดๆ เลยที่ได้ทำงานกับนักแสดงที่มีความสามารถมากขนาดนี้ แต่ในอีกแง่หนึ่งฉันก็คิดว่า 'บ้าไปแล้ว ฉันจะทำงานเทียบชั้นกับเขาได้ยังไง' แต่ความใจดีของบ็อบก็ทำให้ฉันคลายความกังวลได้ในไม่ช้า"

โทนี:
          ถ้าทรูดีคือหอกข้างแคร่ของจอย สามีเก่าอย่างโทนีก็เป็นผู้ชายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเธอตามความหมายตรงตัวเพราะเขายังอาศัยอยู่ในชั้นใต้ดินบ้านเธอแม้ว่าทั้งสองหย่าขาดกันไปแล้ว รัสเซลล์สนใจทันทีที่ได้รู้ว่าจอย แมงกาโนยังคงเป็นเพื่อนสนิทกับสามีเก่า "เราไม่ค่อยได้เห็นเรื่องราวแบบนี้บนจอภาพยนตร์ครับ เวลาคู่แต่งงานที่หย่ากันไปแล้วยังคงเป็นเพื่อนรักกันได้" มือเขียนบท-ผู้กำกับรายนี้กล่าว "จอยกับโทนีเป็นเพื่อนกันได้ดีกว่าเป็นสามีภรรยากัน ไม่ค่อยมีใครพูดถึงความเป็นจริงทำนองนี้กันเท่าไหร่"
          ผู้รับบทเป็นโทนี หนุ่มละตินผู้ทุ่มเทและใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้องก็คือดาราดาวรุ่ง เอ็ดการ์ รามิเรซ ผู้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำจากบทบาทนำเป็นนักปฏิวัติชาวเวเนซูเอลาในมินิซีรีส์เรื่อง Carlos ด้วยความที่เป็นผู้มาใหม่ในบรรดานักแสดงที่ร่วมงานกับรัสเซลล์ รามิเรซเล่าว่าแบรดลีย์ คูเปอร์ดึงเขาไปคุยด้วย "เขาบอกผมว่า 'เดวิดจะพานายไปยังจุดที่น่ากลัวมาก อย่าไปฝืน เปิดรับให้เต็มที่เลย'" เขาเล่า
          แล้วรามิเรซก็ทำแบบนั้น เขารู้ว่าการเล่นเป็นโทนีจะต้องปลดปล่อยให้เต็มที่ "โทนีเป็นคนที่ตึงเครียดแต่ก็อ่อนโยนมาก เขาแสดงอารมณ์ออกมาโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองใดๆ" เขาอธิบาย "ผมคิดว่าในตอนเริ่มต้นเขาเป็นเหมือนเด็กในร่างผู้ใหญ่ แต่เขาได้ร่วมการเดินทางไปกับจอยจนทำให้เขากลายเป็นผู้ใหญ่ เขาเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้เพื่อช่วยเหลือจอยและลูกๆ"
          การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวช่วยสร้างแรงบันดาลใจ "ผมชอบที่เขาตัดสินใจยืดหยัดข้างผู้หญิงที่เขารักโดยไม่มีปมขัดแย้งใดๆ และไม่เหนี่ยวรั้งสิ่งใดไว้" รามิเรซกล่าว "เป็นความงดงามอย่างหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณลองมองธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปในสังคมของเรา เป็นโอกาสดีที่ผมได้เล่นเป็นตัวละครโรแมนติกที่ยกย่องผู้หญิงได้โดยไม่เสียความเป็นลูกผู้ชายไป"
          ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมจอยและโทนีถึงไม่ได้กลับมาคืนดีกัน รามิเรซมองว่า "บางครั้งรักแท้ก็แปรสภาพไปครับ พวกเขาเป็นเหยื่ออันงดงามชวนหลงใหลของความรักโรแมนติกที่ล้มเหลว แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ได้แปรสภาพไปเป็นความรักอีกรูปแบบหนึ่งที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน" การทำงานกับลอว์เรนซ์ทำให้เรื่องนี้ดูสมจริงเป็นพิเศษ "เธอกล้าหาญและตลกมากด้วย" รามิเรซกล่าว "เธอเข้าใจธรรมชาติมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้งและแหลมคมมากทั้งที่อายุยังไม่มากเลย"
          รามิเรซยินดีที่ได้กลับมาทำงานร่วมกับเดอ นีโรอีกครั้งหลังจากเคยทำงานด้วยกันใน Hands of Stone โดยคราวนี้เขากลายมาเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ไม่น่าจะอยู่ด้วยกันได้ "รูดีออกความเห็นหลายเรื่องแต่โทนีไม่สนใจ" เขาอธิบาย "โทนีไม่มานั่งกังวลถึงสิ่งที่อาจคุกคามความฝันของเขา เขาเป็นคนอ่อนไหวที่ให้ความสำคัญกับจิตใจและสัญชาตญาณ แต่รูดีก็เป็นคนโรแมนติกเช่นกัน เขาอาจดูขมขื่นและชอบทำหน้าตาบูดบึ้งแต่เขาก็มีความเป็นคาซาโนวาอยู่ในตัว น่าทึ่งครับที่ได้เห็นบ็อบสำรวจแง่มุมที่ละเอียดอ่อนเหล่านั้น"
          สำหรับรามิเรซ หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับการที่คนเราหาความสุขโดยไม่ยอมจำนนต่อหายนะต่างๆ ในชีวิต "ความสุขที่คุณรู้สึกตอนเป็นเด็กต้องแปรสภาพไปเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่" เขากล่าว "ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับการค้นหาความสุขในแบบผู้ใหญ่ ชีวิตของตัวละครเหล่านี้พลิกผันไปอย่างไม่คาดฝัน มีช่วงเวลาที่เจ็บปวดและชวนหงุดหงิด รวมถึงสิ่งที่สำเร็จออกมาอย่างที่ใครๆ ก็ไม่คิดว่าเป็นไปได้ แต่จอยก็ได้พบความสุขมากมายแม้ต้องผ่านช่วงเวลาอันเจ็บปวดนั้น"

มีมี่:
          ผู้ที่คอยสนับสนุนจอยอย่างขันแข็งคือมีมี่ คุณยายของจอยซึ่งเป็นแบบอย่างให้เธอขณะที่เธอพยายามนำครอบครัวให้ก้าวต่อไปข้างหน้า นักแสดงที่มารับบทฮีโร่คนสำคัญของจอยก็คือไดแอน แลดด์ ซึ่งรับบทบาททางภาพยนตร์และโทรทัศน์กว่า 120 เรื่องนับตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพในงานละครโทรทัศน์ช่วงทศวรรษ 1970 และได้เข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วสามครั้ง จากผลงานที่ยกย่องอิสรภาพของผู้หญิงโดยมาร์ติน สกอร์เซซี เรื่อง Alice Doesn't Live Here Anymore, Wild At Heart ของเดวิด ลินช์ และ Rambling Rose ของมาร์ธา คูลิดจ์
          รัสเซลล์เล็งให้เธอมารับบทนี้ตั้งแต่แรก "ผมต้องการได้เสียงที่น่าทึ่งของเธอในบทมีมี่และเธอก็อยู่ใน Alice Doesn't Live Here Anymore ซึ่งผมมองว่าเป็นต้นตระกูลทางภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้ด้วย" เขากล่าว
แลดด์กล่าวว่าเธอซาบซึ้งกับเรื่องราวนี้ "เราไม่ได้อยู่ในยุคสมัยที่ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย แต่ฉันคิดว่าเรื่องนี้เตือนใจเราว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพยายามทำความฝันให้เป็นจริง หลายครั้งคุณต้องล้มลุกคลุกคลานและลุกขึ้นมาใหม่แต่หนังเรื่องนี้บอกว่า 'จงออกไปเผชิญหน้าและอย่าล้มเลิกกลางคัน'"
          เธอชื่นชมมีมี่ผู้ไม่เคยมองว่าจอยจะพบอุปสรรคไหนที่ก้าวข้ามไปไม่ได้ แต่กลับเล็งเห็นศักยภาพอันแท้จริง "คนอื่นๆ เอาแต่บอกจอยว่า 'ทำแบบนั้นไม่ได้นะ ทำตัวให้ดีๆ โตเป็นผู้ใหญ่เสียทีสิ เลิกฝันกลางวันได้แล้ว' แต่มีมี่สร้างแรงบันดาลใจให้เธอโดยไม่ไปขวางทางคนอื่น" แลดด์กล่าว "ฉันคิดว่าเธอพยายามทำหน้าที่คุณยายให้ดีที่สุด และฉันคิดว่าเธอช่วยให้จอยต่อสู้เพื่อตัวเอง สิ่งที่มีมี่เห็นในตัวจอยคือพลังจินตนาการซึ่งนับเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยาก"

เทอร์รี:
          เทอร์รี แม่ของจอย มีความเกี่ยวข้องในอีกรูปแบบหนึ่งกับโลกจินตนาการด้วยการใช้โลกของละครโทรทัศน์ซึ่งผู้หญิงเป็นฝ่ายกุมอำนาจมาเป็นที่พักพิงจากความเหงาในฐานะแม่ม่ายหย่าร้างที่ไม่ค่อยมีตัวเลือกในชีวิตจริงมากนัก ผู้ที่มารับบทตลกร้ายนี้คือเวอร์จิเนีย แมดเซน ผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์จากหนังโร้ดทริปตามไร่ไวน์เรื่อง Sideways ของอเล็กซานเดอร์ เพย์น แมดเซนบรรยายถึงเทอร์รีว่าเป็น "ผู้หญิงตัวเล็กขี้อายที่หวาดกลัวโลก เธอไม่เคยออกจากบ้านเพราะโลกความเป็นจริงเป็นสถานที่ที่น่ากลัวสำหรับเธอ"
          เธอไม่มีทางได้เข้ารอบในการประกาศรางวัลแม่ดีเด่นอยู่แล้ว แต่แมดเซนก็รู้สึกเห็นใจเทอร์รีในฐานะเป็นคนหลงทางในโลกยุคใหม่และได้แต่ท่องไปในโลกของรายการโทรทัศน์ "เทอร์รีไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เธอเป็นคล้ายคนหมดหนทางที่ไม่สามารถดูแลคนอื่นได้ ตัวละครนี้ท้าทายมากสำหรับฉันเพราะเราไม่เหมือนกันเลย ฉันมองว่าโลกคือการผจญภัย ขณะที่เทอร์รีแทบนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะไปร้านขายของชำได้ยังไง! ฉันก็เลยต้องสร้างตัวละครนี้ขึ้นมาใหม่ทั้งหมดและคล้ายกับย่อตัวของฉันลงเพื่อให้พอดีกับเธอ"
          ยิ่งแมดเซนสำรวจการที่เทอร์รีตัดขาดจากครอบครัวที่ทำให้เธอผิดหวัง เธอก็ยิ่งเข้าใจอาการติดละครน้ำเน่าของตัวละครนี้มากขึ้น "ฉันคิดว่าคนชอบดูละครกันเพราะว่าตัวละครกลายเป็นเหมือนครอบครัวของเรา ไม่ใช่แค่ว่าตัวละครเหล่านั้นดูเฉิดฉายและงดงาม แต่ตัวละครก็มีเรื่องให้ต้องฝ่าฟัน และฉันคิดว่าเราชอบที่ได้เห็นคนอย่างซูซาน ลุชชีเอาชนะความยากลำบากครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้ว่าเธอไม่เคยออกจากบ้านเลย แต่เทอร์รีก็ชื่นชอบผู้หญิงที่เข้มแข็งและประสบความสำเร็จเหล่านี้ แต่เธอมองว่าตัวละครเหล่านี้เป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน ขณะที่จอยพยายามสร้างบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาจริงๆ"
          แมดเซนสนุกกับการสำรวจกลไกภายในของเทอร์รีซึ่งมีทั้งสุขและเศร้าเคล้ากันไป แต่กล่าวว่าเธอรู้สึกผูกพันกับจอยมากกว่า "ฉันมองเห็นตัวเองในตัวจอยเพราะเธอเรียนรู้ที่จะต่อสู้เพื่อตัวเอง" แมดเซนสรุป "นี่เป็นเรื่องราวของการมอบพลังให้ตัวเองเพราะไม่มีใครอื่นที่จะมอบพลังให้คุณได้"

นีล:
          นอกเหนือจากครอบครัวของจอย พันธมิตรคนสำคัญซึ่งต่อมากลายเป็นศัตรูตัวฉกาจทางธุรกิจก็คือผู้บริหารของ QVC นีล วอล์กเกอร์ รับบทโดยนักแสดงที่ร่วมงานกับเดวิด โอ รัสเซลล์มานานอย่างแบรดลีย์ คูเปอร์ ผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์จาก Silver Linings Playbook และ American Hustle รวมถึง American Sniper ของคลินต์ อีสต์วู้ด คูเปอร์และรัสเซลล์คุยกันถึงการนำบุคลิกเจ้าพ่อฮอลลีวู้ดยุคแรกๆ มาแต่งแต้มตัวละครนี้ โดยให้คูเปอร์สำรวจการวางตัวสบายๆ และการมองโลกในแง่ดีซึ่งเป็นเรื่องใหม่ในการทำงานร่วมกันของทั้งสอง
          "หลังจากรับบทเป็นริชชี เดอมาโซใน American Hustle ซึ่งเป็นตัวละครที่สุดขั้วมาแล้ว ก็เป็นเรื่องสนุกครับที่ได้เห็นความหนักหน่วงและพลังอีกรูปแบบหนึ่งจากแบรดลีย์" รัสเซลล์กล่าว "เราทั้งคู่สนใจที่จะได้ทำสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน"
          ตัวละครนี้ช่วยปลอบโยนจอยด้วยความคลั่งไคล้ที่เขามีต่อสิ่งประดิษฐ์และกระตุ้นเธอให้ทำเหนือความคาดหวังของเขา คูเปอร์อธิบายว่า "นีลเป็นตัวละครที่แต่งขึ้นโดยรวมเอาลักษณะจากคนหลายคนที่ทำงานกับจอยที่ QVC สิ่งที่น่าสนใจมากในตัวเขาคือเขาเป็นคนที่ยิ่งกดดันก็ยิ่งผ่อนคลาย ผมมองว่าเขาเหมือนโค้ชบางคนที่ผมเคยเจอตอนเป็นเด็ก ซึ่งเป็นคนที่มีสติมั่นคงท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย และในแง่นั้นผมคิดว่าเขาก็คล้ายกับจอย ในขณะเดียวกันเขาก็จริงจังกับธุรกิจมาก เขามองว่าตัวเองเป็นแจ็ค วอร์เนอร์หรือดารีล ซานัค ผู้สร้างอาณาจักรแห่งความฝัน เขาไม่ทำตัวเรื่อยเปื่อยและไม่พูดจาประชดประชัน เขาเชื่อมั่นในทุกสิ่งที่พูดออกมา"
          แทนที่จะเป็นตัวแทนภาพองค์กรที่ชั่วร้ายตามแบบฉบับทั่วไป คูเปอร์มองว่านีลเป็นคนที่ยินดีมอบโอกาสหนึ่งในล้านให้แก่ผู้คน "นีลดูไม่เหมือนผู้บริหารช่องทีวี ก็เหมือนกับจอยที่ไม่ได้ดูเป็นนักประดิษฐ์" คูเปอร์ตั้งข้อสังเกต "และเขาก็รู้ตัวดีว่าเขาได้รับโอกาสจากแบร์รี ดิลเลอร์ให้ทำช่อง QVC ให้ประสบความสำเร็จ เขาจึงชอบที่ได้อยู่ในตำแหน่งซึ่งสามารถมอบโอกาสให้แก่คนที่อาจกลายเป็นผู้ทำลายกรอบเดิมๆ เพื่อสร้างแนวคิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตนให้เป็นจริง เมื่อเขาได้พบจอย เธออยู่ในช่วงที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงชีวิตและเขาก็ได้มอบโอกาสนั้นให้เธอ"
          คูเปอร์กล่าวว่าเขาเติบโตมากับช่อง QVC "แม่ผมชอบสั่งของจาก QVC และในห้องนอนพ่อแม่ก็จะเปิดทีวีช่องนี้อยู่ตลอด" เขาเล่า "เวลาผมกลับมาจากโรงเรียน ประตูหน้าก็จะแง้มเปิดโดยมีพัสดุจาก QVC วางรออยู่ ผมมีไม้ถูพื้นมหัศจรรย์อยู่ในหอพักตอนเป็นนักศึกษาด้วย"
          เขาสนุกกับการสำรวจชีวิตเบื้องหลังโลกที่เขาเคยเห็นจากอีกด้านหนึ่ง แต่สิ่งที่คูเปอร์พอใจที่สุดคือการได้เห็นเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์รับบทเป็นจอยได้อย่างสมบทบาท "เธอกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เธอเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วตั้งแต่แรกนั่นล่ะครับ แต่ในเรื่องนี้พลังนั้นได้ปรากฏออกมาในรูปแบบใหม่ๆ" เขาให้ความเห็น "เธอมีแนวทางที่หนักแน่นมั่นคงในการเล่นหนังเรื่องนี้ คล้ายกับที่ผมได้เห็นจากเดอ นีโร ผมพบว่าทั้งคู่คล้ายคลึงกันมากในแง่แนวทางการทำงานซึ่งอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเดวิดจึงทำงานกับทั้งคู่ครั้งแล้วครั้งเล่า"

เพกกี:
          เพกกี น้องสาวของจอยอาจเป็นขั้วตรงกันข้ามกับเธอและเป็นคู่แข่งที่คอยแย่งชิงอำนาจในครอบครัว แต่ก็ยังมีความผูกพันที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงระหว่างทั้งสอง ผู้มารับบทเป็นเพกกีคืออลิซาเบธ รอห์ม ซึ่งทำงานกับรัสเซลล์เป็นครั้งแรกใน American Hustle เธออยากทำงานร่วมกับเขาอีกนับแต่นั้น "จุดสูงสุดของการทำงานในฐานะนักแสดงก็คือการได้ทำงานกับคนที่กล้าหาญและลงลึกถึงก้นบึ้งของความเป็นมนุษย์ ของสิ่งที่เราต่อสู้ดิ้นรนและฝ่าฟันมา" เธอกล่าว "ใน JOY เขาทำได้อีกครั้งด้วยตัวละครที่ซื่อตรงและสมจริง"
          เพกกีช่วยเปิดมุมมองที่ไม่ค่อยมีใครเห็น มุมมองของคนที่อยู่ใต้เงาของพี่น้องที่ฉลาดปราดเปรื่องและรู้สึกรำคาญ "ฉันคิดว่าเธอเป็นตัวละครที่สำคัญมากเพราะนั่นคือสถานการณ์จริง เวลาที่คนหนึ่งในหมู่พี่น้องมีความมหัศจรรย์เป็นพิเศษ ขณะที่อีกคนรู้สึกว่าไม่เคยมีใครฟังเธอและเห็นคุณค่าของเธออย่างที่ควรจะเป็น มันทำให้คุณกลายเป็นคนอีกแบบหนึ่ง" รอห์มตั้งข้อสังเกต "ฉันคิดว่าหลายคนเข้าใจการแข่งขันกันในหมู่พี่น้องแบบนี้ และทุกคนอาจจะมีเพกกีในชีวิตของตัวเอง คนที่คอยบอกว่า 'เธอทำไม่ได้หรอก เธอไม่เก่งพอ เธอไม่น่าไปนั่งคิดเรื่องนั้นด้วยซ้ำ อ้อ แต่ยังไงฉันก็รักเธอนะ' เธอเป็นคนแบบที่คุณต้องเอาชนะให้ได้ จอยทำอย่างนั้นและเติบโตกลายเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมซึ่งอยู่ภายในตัวเราทุกคน"
          รอห์มตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้ทำงานร่วมกับลอว์เรนซ์ในการสำรวจความสัมพันธ์ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายระหว่างพี่น้องที่เป็นศัตรูกัน "ตอนเราพบกันใน American Hustle เรามีเคมีที่ตรงกันอย่างน่าทึ่ง" เธอเล่า "เราหัวเราะขำกันไม่หยุด เจนนิเฟอร์เป็นคนจริงใจเต็มร้อย ภายนอกเป็นยังไงข้างในก็เป็นอย่างนั้น ฉันชอบที่เธอเป็นแบบนี้และสนุกที่ได้ทำงานในหนังเรื่องนั้นกับเธอ การสู้กับเธอใน JOY เป็นเรื่องง่ายเพราะเราต่างเชื่อมั่นในกันและกันมากจนฉันรู้สึกเหมือนเราเป็นพี่น้องกันทางจิตใจ"
          เธอกล่าวว่าเธอและลอว์เรนซ์ทำงานได้อย่างอิสระเพราะรู้ว่ามีรัสเซลล์คอยสนับสนุน "เดวิดช่วยยกระดับเราทุกคนขึ้นมา เขามีความอ่อนน้อมในการย้อนกลับมาแก้ไขเพื่อให้งานออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
          นักแสดงทุกคนเห็นตรงกันว่าการทำงานกับรัสเซลล์เป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญอยู่ในตัวเอง เป็นประสบการณ์ที่เผยตัวออกมาอย่างลึกลับ "เมื่อคุณได้ทำงานกับศิลปินเอก แต่ละคนจะมีสไตล์ มีภาษาของตัวเอง และคุณก็ต้องปรับตัวตาม เป็นเรื่องสนุกมากครับที่ได้ทำงานกับเดวิด" รอสเซลลินีกล่าว "เวลาทำงานกับเขา คุณต้องตื่นตัวอยู่ตลอด นั่นเป็นสิ่งที่เยี่ยมที่สุดเพราะความตื่นตัวเป็นสิ่งที่นักแสดงต้องการเพื่อจะได้ทำงานอย่างมีพลัง"
แมดเซนเสริมว่า "ฉันรู้สึกว่ามีเดวิดคอยดูแลอยู่ตลอดเวลาซึ่งช่วยให้ฉันรู้สึกกล้า"
          คูเปอร์สรุปว่าหนังเรื่องนี้มีบรรยากาศในกองถ่ายแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ของรัสเซลล์ แต่ก็ยังมีแก่นที่คล้ายคลึงกันอย่างเห็นได้ชัด "หนังเรื่องนี้มีจังหวะที่แตกต่างออกไปมาก นิ่งกว่าและสงบกว่าเหมือนกับจอย แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยแนวคิด จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์"

FB on January 27, 2016, 08:25:11 AM
งานภาพของ JOY:
การออกแบบหนัง
          เป็นที่ทราบกันดีว่าเดวิด โอ รัสเซลล์ชื่นชอบงานออกแบบและฉากที่เน้นจินตนาการ แต่ใน JOY เดวิด โอ รัสเซลล์ ได้นำเสนองานภาพที่แตกต่างออกไป กลายเป็นการนำเสนอภาพชีวิตสมัยใหม่ด้วยรูปแบบที่ดูประดิษฐ์มากที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา โดยไม่เพียงครอบคลุมห้องรับแขกของครอบครัวและอู่รถที่ใช้งานมาอย่างหนัก แต่ยังรวมถึงโลกของละครน้ำเน่าที่ปรุงแต่งเกินจริง โรงงานแห่งความฝันทางโทรทัศน์ และจินตนาการสุดล้ำของผู้หญิงที่ชอบคิดหาทางออกอันชาญฉลาดให้ปัญหาในชีวิตประจำวัน
          แนวทางตั้งแต่แรกคือการมองชีวิตร่วมสมัยผ่านเลนส์ของภาพยนตร์คลาสสิกโดยปล่อยให้โลกทั้งสองใบนี้ปะทะกันในรูปแบบที่น่าอัศจรรย์ใจ เพื่อทำงานนี้รัสเซลล์ร่วมทีมกับผู้กำกับภาพไลนัส แซนด์เกรนเป็นครั้งที่สอง หลังจากเขาเคยถ่ายทำเรื่อง American Hustle และทั้งสองก็ใช้เวลามากมายไปกับการสังเกตและการพูดคุยกันก่อนการถ่ายทำเริ่มต้นขึ้น
          "เรารับอิทธิพลมากมายทั้งจากภาพถ่ายของวิลเลียม เอกเกิลสตัน ช่างถ่ายภาพสีผู้ยิ่งใหญ่คนแรกของอเมริกา ไปจนถึงภาพวาดของเอ็ดเวิร์ด ฮอพเปอร์และแอนดรูว์ ไวเอธ รวมถึงหนังคลาสสิกของจอร์จ สตีเวนส์และแฟรงก์ คาปรา" รัสเซลล์กล่าว "ผมสนใจแนวทางการใช้ที่ว่าง ความลึก และเงา หนังเรื่องนี้ส่วนใหญ่ถ่ายทำในเงาดำย้อนแสงซึ่งค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรา แสงเงาและภาพย้อนแสงให้ความรู้สึกปลุกเร้าอารมณ์ มันสามารถนำคุณไปสู่เบื้องลึกภายในจิตใจคนได้"
          รัสเซลล์กล่าวต่อไปว่า "ไลนัสกับผมแลกเปลี่ยนกันในแง่ภาพหรือแม้กระทั่งบทกวี ผมชอบที่เขามาเต็มใจที่จะทำงานร่วมกันและทุ่มเทในการพยายามทำให้ทุกๆ ช็อตดูสวยงามและมีชีวิตชีวา"
          แซนด์เกรนย้อนรำลึกถึงบทสนทนาครั้งแรกๆ ของทั้งสอง "เดวิดมีแรงบันดาลใจมากมายนอกเหนือไปจากชีวิตของจอย แมงกาโน เราคุยกันเยอะว่าอะไรมีส่วนที่ทำให้เกิดความงามแบบคลาสสิกและความประณีตอย่างแท้จริงในหนังฮอลลีวู้ด ในแง่หนึ่งเราคุยกันว่าทำอย่างไรจึงจะสร้างหนังขาวดำที่ไม่ได้มีแต่สีขาวดำ เราดูหนังมากมายหลายเรื่องตั้งแต่ It's A Wonderful Life ของคาปราไปจนถึง Alice Doesn't Live Here Anymore ของสกอร์เซซีและ Paper Moon ของบ็อกดาโนวิช"
          เพื่อสะท้อนความเป็นหนังขาวดำในหนังยุคใหม่ รัสเซลล์และแซนด์เกรนพูดถึงการใช้โทนสีโมโนโครมซึ่งต่อมาขยายกว้างออกพร้อมความทะเยอทะยานของจอย "การใช้โทนสีโมโนโครมน่ามหัศจรรย์มากครับ" รัสเซลล์ให้ความเห็น "ผมชอบหนังที่นำคุณไปสู่โลกซึ่งดูค่อนข้างสมจริงแต่ก็มีมนต์เสน่ห์ในตัวเองด้วย ผมจึงอยากให้โทนสีในหนังเรื่องนี้ดูงดงามมีสไตล์ในแง่ที่คุณรู้สึกได้ ขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้คุณหลุดจากอารมณ์ในเรื่องราวของจอย"
          การทำงานกับสีและแสงด้วยวิธีการเฉพาะตัวขนาดนี้ทำให้แซนด์เกรนต้องวางแผนล่วงหน้าอย่างหนักแม้ว่ารัสเซลล์ต้องการให้ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในกองถ่าย การทำงานครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการแสดงไต่ลวด
          "เราถ่ายทำกันแบบ 360 องศา ดังนั้นเราต้องวางแผนช็อตอย่างระมัดระวังเพื่อให้การจัดแสงออกมาถูกต้องเมื่อถ่ายทำจากทิศทางต่างๆ กัน" เขาอธิบาย "เราต้องใช้สวิตช์หรี่ไฟได้เพื่อจะได้เปลี่ยนการจัดแสงได้ทันที ดังนั้นการวางแผนจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่เมื่อนักแสดงและเดวิดอยู่ในฉากด้วยกัน คุณต้องปรับตัวให้ยืดหยุ่นมากๆ เพราะเดวิดจะมีแนวคิดใหม่ออกมาเรื่อยๆ และคุณก็ต้องเสนอแนวคิดใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน"
          แม้ว่าสไตล์ที่ลื่นไหลของรัสเซลล์มีความร่วมสมัยอย่างชัดเจน แต่เขาก็เป็นผู้กำกับสมัยใหม่ที่ยังคงยึดมั่นกับภาพเกรนแบบดั้งเดิมจากฟิล์ม 35 มม. "เดวิดชอบพื้นผิวของฟิล์มและความเป็นธรรมชาติที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์ม ฟิล์มให้ภาพผิวหนังที่ดีกว่าและเดวิดก็ชอบโทนสีของผิวหนังด้วย" แซนด์เกรนกล่าว
          สำหรับแซนด์เกรน การทำงานร่วมกับรัสเซลล์นั้นน่าตื่นเต้นในแง่ความไม่อาจคาดเดาได้ "เขาเป็นศิลปินที่ทำงานหนังเหมือนเป็นประติมากรอยู่ตลอดเวลา เหมือนเขาสร้างผลงานศิลปะขึ้นมาจากก้อนดิน นำทักษะของตัวเองมาใช้แต่ก็ปล่อยให้ตัวงานได้เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติด้วย" เขาบรรยาย "เป็นการทำงานอีกรูปแบบที่ต่างออกไป แต่เดวิดก็กล้าหาญมากและไม่กลัวที่จะทดสอบแนวคิดต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่านั่นคือใจความสำคัญของหนังเรื่องนี้ คือความกล้าที่จะออกไปเติมเต็มความฝัน"
          เช่นเดียวกับการถ่ายทำ การออกแบบงานสร้างใน JOY ไม่เพียงแต่ครอบคลุมช่วงเวลาหลายทศวรรษแต่ยังมีทั้งโลกความเป็นจริง โลกของละคร และโลกความฝันสลับกันไป ผู้ดูแลทั้งหมดนี้คือทีมงานที่ร่วมงานกับรัสเซลล์มาแล้วหลายครั้งอย่างจูดี เบกเคอร์ ซึ่งได้เข้าชิงรางวัลออสการ์จากผลงานของเธอใน American Hustle
          เธอกล่าวว่า JOY ค่อนข้างแตกต่างจากผลงานทุกเรื่องที่เธอเคยทำกับรัสเซลล์มา "มันเป็นเรื่องราวมหากาพย์ของคนหลายยุค แต่สำหรับฉัน มันมีความเป็นนิทานมากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ของเดวิด" เธอตั้งข้อสังเกต "เป็นนิทานว่าด้วยพลังของผู้หญิงและครอบครัว เราพยายามแสดงออกทางภาพด้วยการทำให้งานออกแบบดูเป็นอมตะ มีตั้งแต่ยุค 60 ไปจนถึง 2000 แต่เราไม่ต้องการให้มันดูเหมือนหนังย้อนยุค เราเน้นให้ภาพดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็มีการประดิษฐ์ประดอยมากกว่าปกติเล็กน้อยเพื่อให้ความรู้สึกเป็นเทพนิยาย"
          เบกเคอร์สำรวจการเปลี่ยนโทนสีด้วยการทำงานประสานกับแซนด์เกรน "สำหรับโลกวัยเด็กของจอยและในอู่ซ่อมรถของรูดี ทุกอย่างเป็นโทนสีโมโนโครม เราจึงแทบไม่ใช้สีสันหรือใช้สีที่ซีดมากๆ ในฉาก" เธออธิบาย "ในส่วนแรกของหนัง สีฉูดฉาดออกมาจากเครื่องรับโทรทัศน์และโลกแฟนตาซีสดใสของละครทีวีเท่านั้น แล้วในที่สุดเมื่อจอยมาถึง QVC มันก็เป็นคล้ายกับ Emerald City เราต้องการให้สีในฉากตรงจุดนั้นให้โดดเด่นในครั้งแรก ดังนั้นเมื่อเธอเดินผ่านล็อบบีมืดๆ เข้าไป ทันใดนั้นคุณก็จะได้เห็นสีสันและแสงเจิดจ้า เหมือนเป็นการบรรลุสำหรับจอย มันแตกต่างมากจากโลกสีซีดจางที่เธออยู่มาตลอด"
          ฉากที่ละเอียดลออมากที่สุดฉากหนึ่งซึ่งเบกเกอร์ได้ออกแบบไว้ก็คือฉากภายในฉากสำหรับละครที่แม่ของจอยดูซึ่งบางครั้งก็ถ่ายให้เห็นเต็มจอและอยู่ในความฝันของจอยด้วย "ฉากในหนังเรื่องนี้ใหญ่กว่าที่เราเคยทำมากและฉากละครทีวีก็น่าจะเป็นงานสร้างที่ซับซ้อนและสนุกที่สุดเท่าที่เราเคยทำมา" เธอกล่าว "เราอ้างอิงจากละครไพรม์ไทม์ยุค 80 ตอนที่ฉันเริ่มทำงานในวงการภาพยนตร์ฉันได้ทำงานละครทีวีในนิวยอร์กด้วย ดังนั้นฉันจึงเคยสัมผัสมาแล้วว่าฉากเหล่านั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร เราทำให้ฉากนี้ดูประดิษฐ์มากๆ ด้วยพื้นหินอ่อมปลอมสีดำขาวและผนังลายไม้ปลอม ยิ่งรายละเอียดดูฉูดฉาดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!"
          เบกเคอร์พบว่าเธอยังต้องสร้างบรรยากาศของช่อง QVC ทั้งหน้าฉากและหลังฉากในช่วงยุค 90 อีกด้วย ช่องเคเบิลใหม่ซึ่งก่อตั้งในปี 1986 ยังคงเป็นแนวคิดใหม่เมื่อจอย แมงกาโนมาเสนอแนวคิดเรื่องไม้ถูพื้นมหัศจรรย์ แต่ช่องนี้ก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นกิจการขนาดใหญ่ที่มียอดขายกว่า 8 พันล้านเหรียญ แม้ว่าสตูดิโอของช่องนี้ในเพนน์ซิลวาเนียแทบไม่เป็นที่รู้จักเลยในลอสแองเจลีส แต่ก็เป็นการผสมผสานระหว่างการช็อปปิงและความบันเทิง พร้อมด้วยฉากห้องครัวและห้องรับแขกที่สวยงามเหมือนอยู่ในภาพ ห้องแล็บทดสอบและทีมงานที่ตะเกียกตะกายทำงานเบื้องหลังเพื่อให้กิจการดำเนินไปทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง (โบนัสพิเศษที่น่าประทับใจคือหนังเรื่องนี้ได้เมลิสซา ริเวอร์สมารับบทเป็นโจน คุณแม่ของเธอซึ่งเป็นหนึ่งในพิธีกรที่มีคนชื่นชอบและเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จของ QVC โดยทำยอดขายกว่า 1 พันล้านเหรียญ)
          "เราสร้างโลกทั้งหมดของ QVC ที่ต่อเนื่องเป็นเนื้อเดียวกันขึ้นมาตั้งแต่ต้น รวมถึงสำนักงาน ห้องประชุม ห้องครัวเพื่อการทดสอบ และเวทีคล้ายเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่หมุนได้" จูดี เบกเคอร์อธิบาย "เป็นงานที่หนักเอาการเลย"
          ในขณะเดียวกันบ้านของจอยซึ่งเป็นส่วนสำคัญของความเป็นมาและตัวตนของเธอก็ได้เผยโฉมออกมาในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส "บ้านที่เราพบนั้นเหมาะมากแต่สุดท้ายเราก็ต้องสร้างชั้นใต้ดินซึ่งเอ็ดการ์ รามิเรซและโรเบิร์ต เดอ นีโรอาศัยอยู่ด้วยกันให้เข้ากับบ้านหลังนี้" เบกเคอร์อธิบาย
          ไม่ว่าจะเป็นฉากไหน เบกเคอร์ก็ยืนยันเช่นเดียวกับแซนด์เกรนว่าเมื่อทำงานกับรัสเซลล์มีคติประจำใจสองข้อที่ขัดแย้งกันอยู่ก็คือ 1) จงเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเสมอ และ 2) คิดสิ่งใหม่ๆ ไปด้วยระหว่างทำงาน
          "เดวิดสร้างสรรค์มากและคิดอะไรได้อย่างฉับพลันทันด่วนมากๆ มีบางครั้งที่เราถ่ายทำกันในฉากห้องรับแขก แต่เขาเกิดมีความคิดดีๆ ซึ่งจะต้องออกไปถ่ายทำที่ห้องอื่น เพราะฉะนั้นคุณต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเรื่องแบบนี้เอาไว้ด้วย" เธอสรุป "มันน่าตื่นเต้นมากเพราะคุณรู้ว่า ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตามกับเดวิด มันต้องเป็นหนังที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน หนังของเขามีเอกลักษณ์แตกต่างในทางที่ดี มันไม่ติดอยู่ในกรอบของหนังแนวใดแนวหนึ่งและถึงแม้ว่าคุณเคยอ่านคำบรรยายสั้นๆ เกี่ยวกับตัวหนังมาแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ออกมาเหมือนอย่างที่คุณจินตนาการไว้ เดวิดเหมือนจอยในแง่ที่เขาเป็นคนช่างฝันและมุ่งมั่นทำให้ความฝันนั้นเป็นจริง"
          นักออกแบบเครื่องแต่งกาย ไมเคิล วิลคินสัน ซึ่งเข้าชิงรางวัลออสการ์จากผลงานเครื่องแต่งกายยุค 70 ใน American Hustle รอคอยด้วยความคาดหวังที่จะได้กลับมาทำงานกับรัสเซลล์ "ใน American Hustle ผมได้ค้นพบว่าเดวิดเป็นคนที่มีความคิดอ่านคล้ายๆ กันและหลงใหลบุคลิกของผู้คนเช่นเดียวกับผม เราทั้งคู่หลงใหลวิธีการต่างๆ นานาที่ผู้คนใช้ในการแสดงตัวตนให้โลกเห็น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า พฤติกรรม และความแปลกประหลาดต่างๆ เดวิดได้สร้างตัวละครที่มีสีสัน ซับซ้อน และแตกต่าง และเขาก็ชอบทำงานกับนักแสดงที่มีพรสวรรค์สูง ดังนั้นผมจึงมีแรงบันดาลใจในการจับคู่นักแสดงที่มีความสามารถเหล่านี้กับเครื่องแต่งกายที่สะท้อนตัวตนและทรงพลัง" วิลคินสันอธิบาย
          เช่นเดียวกับแซนด์เกรนและบัตเลอร์ วิลคินสันทั้งท้าทายและตื่นเต้นกับการที่หนังเรื่องนี้ไม่ขึ้นกับยุคสมัยแม้ว่าตัวหนังจะครอบคลุมช่วงเวลา 40 ปีก็ตาม "ผมคิดว่าเราทุกคนมอง JOY ว่าเป็นนิทานที่เป็นอมตะ" เขาอธิบาย "เป็นคตินิยายเกี่ยวกับการเดินทางของผู้หญิงสู่การค้นพบตนเอง ดังนั้นถึงแม้ว่าเรื่องราวจะครอบคลุมช่วงเวลาสี่ทศวรรษ แต่เราก็อยากให้ยุคสมัยดูกำกวม เรื่องสามารถเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดก็ได้ในศตวรรษที่ 20"
          วิลคินสันซึมซับละครยุคทศวรรษ 40 และ 50 ซึ่งมีเครื่องแต่งกายตามแบบแผน และเขาก็ศึกษาผู้หญิงที่เป็นคนต้นแบบจากหลายยุคหลายสมัย "เราได้แรงบันดาลใจจากผู้หญิงที่กล้าหาญมากมาย" วิลคินสันกล่าว "ตัวละครของเดวิดใช้ชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมและมีชีวิตชีวา ตัวละครเหล่านี้มีจินตนาการสูงและมีความเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง ดังนั้นเสื้อผ้าของพวกเขาจึงต้องบ่งบอกถึงจินตนาการและเอกลักษณ์ไม่แพ้กัน"
ในทางปฏิบัติ การทำเครื่องแต่งกายทั้งหมดที่ใช้ในหนังเป็นงานช้าง ไม่เพียงแต่มีรายชื่อตัวละครที่หลากหลายยาวเป็นหางว่าว แต่วิลคินสันยังกล่าวด้วยว่า "เราเห็นรูปลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัวเปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลา 40 ปี ดังนั้นจึงมีหลายสิ่งที่ต้องกำหนดและติดตามรายละเอียด แล้วก็ยังมีลักษณะภาพที่แตกต่างหลากหลายในหนังเรื่องนี้ด้วย"
          หนึ่งในนั้นก็คือภาพในอู่ซ่อมรถที่เกรอะกรังและเอะอะตึงตังของรูดี "ที่นั่นเป็นหัวใจอันอบอุ่นในครอบครัวชนชั้นแรงงานของจอย" วิลคินสันตั้งข้อสังเกต "ผมมองว่ารูดีมีสไตล์ส่วนตัวที่ชัดเจนซึ่งพัฒนาไประหว่างเหตุการณ์ในหนัง ขณะที่เขาเปลี่ยนจากชุดแจ็กเก็ตหนังที่ดูเรียบร้อยมาเป็นเสื้อผ้าที่หรูหรามากขึ้นจนมาจบที่ความหลงใหลในเสื้อโปโลของ Ralph Lauren"
          อีกส่วนหนึ่งที่วิลคินสันชื่นชอบก็คือโลกของ QVC ทั้งหมด นำโดยตัวละครสุดเนี้ยบ นีล วอล์กเกอร์ที่รับบทโดยแบรดลีย์ คูเปอร์ "เขาเป็นโปรดิวเซอร์รายการที่แทบจะเหมือนกับเซซิล บี เดอ มิลล์" วิลคินสันกล่าว "นีลดำเนินงานช่องเคเบิลทีวีด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเต็มร้อยราวกับว่าเขากำลังทำค่ายหนัง MGM ในยุคทอง และเขาก็แปลงโฉมดาวเด่นของช่องขนานใหญ่ให้กลายเป็นบุคคลที่ทรงพลังและมีเสน่ห์น่าหลงใหลเช่นเดียวกับที่เขาพยายามทำกับจอย สีสันของเสื้อผ้าเปลี่ยนจากสีโทนกลางเป็นหลากสีเมื่อเราได้พบตัวละครในโลกอันน่ามหัศจรรย์คล้ายใน The Wizard of Oz"
          วิลคินสันยังได้เพลิดเพลินไปกับการมีอิสระที่จะสร้างสรรค์เสื้อผ้าให้ไปไกลเกินกรอบจำกัดในโลกของละครน้ำเน่าที่อยู่ทั้งภายในความฝันของจอยและเครื่องรับโทรทัศน์ของแม่เธอที่เปิดเอาไว้ตลอดเวลา "เป็นเรื่องน่าทึ่งที่ได้สำรวจความหวือหวาของเครื่องแต่งกายในงานละครแนวนี้ด้วยความชื่นชมโดยไม่ได้มีการเสียดสีหรือดูแคลน" เขาให้ความเห็น "ผมชอบที่พล็อตเรื่องและตัวละครในละครทีวีได้มาปรากฏในเนื้อเรื่องหลักของหนังเหมือนเป็นเรื่องราวเชิงเปรียบเทียบ ทำให้โลกสองใบต่างสะท้อนซึ่งกันและกันอย่างแยบยลและชวนให้คิด"
ศูนย์กลางของทั้งหมดนี้ก็คือตัวจอยเองซึ่งมีเสื้อผ้าครอบคลุมแง่มุมต่างๆ ในชีวิตของเธอ "ผมคิดว่าจอยเป็นตัวละครที่มีบุคลิกน่าหลงใหลและซับซ้อนที่สุดเท่าที่เดวิดเคยสร้างมา" วิลคินสันกล่าว "ในแง่รูปลักษณ์นั้น ผู้ชมจะได้เห็นเธอเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงจากเด็กสาวนักศึกษาใจกว้างมาเป็นนักธุรกิจและผู้นำครอบครัวที่แน่วแน่เด็ดเดี่ยว พัฒนาการนั้นปรากฏผ่านการเปลี่ยนเสื้อผ้า 45 ชุด เธอพบวิธีการที่แตกต่างในการใช้เสื้อผ้าเพื่อแสดงความมุ่งมั่นของเธอ เสื้อผ้าของเธอมีทั้งเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่ดูเป็นกบฏ ชุดแต่งงานที่แม่เธอเลือก ชุดสูทสั่งตัดราคาแพงหลายตัว และแจ็กเก็ตหนังกับแว่นตาดำที่ดูน่าเกรงขาม เราได้เห็น 'ตัวตน' มากมายที่จอยเป็นรวมถึงโลกภายในของเธอที่มีทั้งความวิตกกังวล ความฝัน และความปรารถนา"
          รัสเซลล์ชอบวิธีการที่วิลคินสันเปลี่ยนการเล่าเรื่องของเขาให้กลายเป็นผืนผ้า พื้นผิว และสีสัน "งานออกแบบของไมเคิลไม่มีที่ติ สวยงาม และถ่ายทอดความพิเศษในตัวละครแต่ละตัว" ผู้กำกับรายนี้กล่าว
          สำหรับศิลปินและช่างฝีมือชั้นเยี่ยมทุกคนที่ทำงานในหนังเรื่องนี้ รัสเซลล์ระบุว่ากุญแจสำคัญคือการพยายามยึดการเล่าเรื่องไว้เป็นหลักเสมอ แต่บางครั้งเรื่องราวก็สามารถสรุปลงมาได้ในภาพภาพเดียว เหมือนกับที่ภาพจอยและเกล็ดหิมะคล้ายจะบ่งบอกบางสิ่งที่ไม่อาจพรรณนาได้ในการเดินทางของเธอ
          "หิมะเป็นสิ่งมหัศจรรย์" รัสเซลล์สรุป "หิมะเป็นสิ่งที่คุณตกหลุมรักเมื่อยังเป็นเด็ก แต่อีก 20 ปีต่อมาหิมะนั้นอาจเป็นฝันร้ายเพราะมันทำให้คุณไปทำงานไม่ได้แล้วคุณก็ไม่มีเงินผ่อนบ้านซึ่งนั่นคือความเป็นจริงส่วนหนึ่งของชีวิตผู้ใหญ่ แต่ก็ยังคงมีเวทมนตร์อยู่ในนั้น และมันจะเผยออกมาในช่วงเวลาที่คุณกลับมามองชีวิตว่าเป็นการผจญภัยอันน่าตื่นเต้น"
          https://www.facebook.com/JoytheMovieThailand

FB on February 13, 2016, 12:29:08 PM
Movie Guide: จอย รินลณี รับเล่นโฆษณา ปัดค่าตัว 7 หลัก เผย เล่นให้ฟรี









Enjoy Mop เธอสู้เพื่อฝัน
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=fC4kmyrgd-k" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=fC4kmyrgd-k</a>

          จัดว่าเป็นดาราหญิงที่มากฝีมืออีกคนหนึ่งสำหรับจอย รินลณี ที่มีผลงานมากมาย ล่าสุดถึงแม้ว่าเธอจะป่วยถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ก็ยังดอดมารับงานโฆษณา ไม้ม๊อบ แบรนด์ใหม่ Enjoy Mop ที่ได้รับค่าตัวสูงถึง 7 หลักซึ่งในงานเปิดตัวของ Enjoy Mop จอยได้ ชี้แจงถึงข่าวค่าตัวดังกล่าว ว่าตัวเธอนั้นมาเล่นโฆษณาชิ้นนี้ไม่ใช่เพราะจำนวนเงิน แต่เป็นเพราะอยากจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่ได้ชมโฆษณาชิ้นนี้

          Joy – จอย จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมได้อย่างไร ทำไมต้องเป็นไม้ม๊อบ
          18 กุมภาพันธ์ 2559 ติดตามชมได้ทุกโรงภาพยนตร์

FB on February 17, 2016, 09:12:24 AM
Movie Guide: เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ กับการท้าทายความสามารถในภาพยนตร์ Joy – เธอสู้เพื่อฝัน 18 กุมภาพันธ์นี้ในโรงภาพยนตร์





          ในภาพยนตร์เรื่อง Joy ถือเป็นการเดินทางแบบใหม่ของนางเอกสาวมากฝีมืออย่าง เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ "นี่เป็นครั้งแรกที่เจนนิเฟอร์เป็นศูนย์กลางซึ่งแบกอารมณ์ของหนังดราม่าเอาไว้ทั้งเรื่อง" รัสเซลล์ระบุ "เป็นการแสดงที่ถ่ายทอดมิติภายในจิตใจของคนคนหนึ่งซึ่งต้องอาศัยการทำงานและแรงใจอย่างมหาศาลเพื่อหาทางที่จะเป็นศูนย์กลางของสถานที่ทุกแห่งที่เธอไป ไม่ใช่ในแบบที่โฉ่งฉ่างหรือยิ่งใหญ่แต่ก็มีพลังล้นเหลือ เธอให้เราได้สัมผัสจอยในช่วงเวลาที่อ่อนแอและอ่อนโยน ช่วงที่เธอดุดันและมีความเป็นแม่ โดยอยู่ในฐานะคนที่รู้จักให้อภัยและอดทนอดกลั้น แต่ก็เป็นผู้ปกป้องครอบครัวและธุรกิจของตนได้อย่างน่าเกรงขาม เธอต้องย้อนกลับไปหาเด็กหญิงตัวน้อยที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ จากนั้นก็นำตัวตนนั้นกลับไปยังหญิงสาวที่ยังคงมีไฟแต่ต้องมาติดอยู่กับชีวิตที่น่าผิดหวัง แล้วจึงนำตัวตนนั้นมายังผู้หญิงที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวและพร้อมที่จะเดิมพันชีวิตทั้งชีวิตกับบางสิ่ง"

          การได้รู้จักจอย แมงกาโนเป็นการส่วนตัวยิ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจ "ความคิดของจอยน่าหลงใหลมากค่ะ เธอมีไอเดียเป็นร้อยๆ ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ" ลอว์เรนซ์กล่าว

          ในทางกลับกันแมงกาโนตกตะลึงที่ได้เห็นลอว์เรนซ์ประสานตัวเองเข้ากับบุคลิกของเธอ "ถ้าฉันเคยนึกฝันว่าจะได้มีโอกาสเลือกคนมารับบทเป็นฉัน ก็ต้องเป็นเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์นี่ล่ะค่ะ" แมงกาโนหัวเราะ "ฉันรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่เจนนิเฟอร์มารับบทนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รู้จักเธอ เพราะเธอมีความสามารถมากและฉลาดมากด้วย ทันทีที่เริ่มคุยกัน ฉันรู้สึกได้เลยว่าเธอคอยสำรวจฉันอยู่ แน่ล่ะค่ะ เธอสำรวจฉันเพราะนั่นเป็นงานที่เธอต้องทำ"

          ความท้าทายใหม่สำหรับลอว์เรนซ์คือการถ่ายทอดจอยในวัยกลางคนซึ่งเป็นอนาคตที่ห่างไกลสำหรับตัวเธอ "การรับบทเป็นตัวละครสี่วัยน่าตื่นเต้นมากค่ะ ฉันไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แต่มันก็ดูเข้ากันกับการเขียนบทของเดวิดมากๆ ฉันสังเกตเห็นว่าสิ่งหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อคุณแก่ตัวลงก็คือคุณจะสงบนิ่งมากขึ้น ฉันก็เลยเปลี่ยนรายละเอียดในน้ำเสียงและท่าทางของจอยให้ดูมั่นใจขึ้น นุ่มนวลขึ้น และช้าลง" ลอว์เรนซ์อธิบาย

          เหนือสิ่งอื่นใดลอว์เรนซ์รู้สึกได้รับแรงกระตุ้นให้ถ่ายทอดจิตวิญญาณของจอยและตัวเธอเองก็กล้ามากขึ้นด้วยจากความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับรัสเซลล์ "เป็นความผูกพันที่ทรงพลังและน่าประหลาดที่สุดเลยค่ะ" เธอกล่าว "แต่ฉันรู้สึกว่าเดวิดรู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากส่วนหนึ่งในใจฉันได้อย่างไร และฉันขอบคุณมากๆ ที่เขาต้องการให้ฉันเป็นส่วนหนึ่งในผลงานและมรดกตกทอดของเขา"

          Joy - เธอสู้เพื่อฝัน เข้าฉาย 18 กุมภาพันธ์ 2016 นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ , โรเบิร์ต เดอ นีโร, แบรดลีย์ คูเปอร์, เอ็ดการ์ รามิเรซ, อิซาเบล รอสเซลลินี่, ไดแอน แลดด์ และ เวอร์จิเนีย แมดเซน กำกับการแสดงโดย : เดวิด โอ รัสเซล ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/JoytheMovieThailand

FB on February 23, 2016, 09:18:04 AM
Movie Guide: พลิกวิกฤตเป็นโอกาส สร้างสิ่งมหัศจรรย์ใน Joy เธอสู้เพื่อฝัน วันนี้ในโรงภาพยนตร์







          ความมหัศจรรย์ของชีวิตมาจากไหน อะไรทำให้คนคนหนึ่งพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วเกิดสะดุดล้มจากนั้นก็ดันทุรังจนถึงจุดที่ประสบความสำเร็จ แล้วอะไรกันที่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ลุ่มๆ ดอนๆ อันน่าเหนื่อยหน่ายหลังความสำเร็จให้กลายเป็นความสุขสันต์และการค้นพบอันยืนยาว หนังยาวเรื่องที่ 8 ของเดวิด โอ รัสเซลล์ JOY สำรวจช่วงเวลาสี่ทศวรรษในชีวิตอันรุ่งโรจน์ของคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวและกลายเป็นนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล เพื่อสำรวจว่าความกล้า ความยืดหยุ่นในการรับสถานการณ์ และการยืนหยัดในวิสัยทัศน์ได้นำผู้คนจากความธรรมดาสามัญมาสู่ช่วงเวลาอันพิเศษสุดของการสร้างสรรค์ ความมานะบากบั่น และความรัก

          JOY เป็นเรื่องราวที่ผสมผสานหลายแนวเข้าด้วยกัน โดยดัดแปลงจากชีวิตและความรุ่งโรจน์ของจอย แมงกาโน นักประดิษฐ์และดาวเด่นในวงการขายสินค้าทางโทรทัศน์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ติดตามเส้นทางอันน่าตื่นเต้นของครอบครัวที่ทำงานหนักแต่ก็มีความแตกแยก รวมถึงหญิงสาวซึ่งสุดท้ายกลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัวและผู้นำที่เฉิดฉายด้วยตัวของเธอเอง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์และดูแลคนรอบตัวไปด้วยพร้อมกัน จอยต้องเผชิญกับการทรยศหักหลัง การสูญเสียความไร้เดียงสา และบาดแผลจากความรัก ขณะที่เธอค้นหาความแข็งแกร่งและความเชื่อมั่นที่จะเดินตามความฝันซึ่งได้แต่เก็บเอาไว้ภายใน ผลลัพธ์ก็คือหนังตลกชีวิตอันเปี่ยมอารมณ์เกี่ยวกับการเติบโตของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งต้องฝ่าฟันผ่านโลกธุรกิจอันไร้ความปรานี ความชุลมุนในครอบครัว และความลึกลับของแรงบันดาลใจ พร้อมกับค้นหาแหล่งที่มาของความสุขอันยืนยาว

          "หิมะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ หิมะเป็นสิ่งที่คุณตกหลุมรักเมื่อยังเป็นเด็ก แต่อีก 20 ปีต่อมาหิมะนั้นอาจเป็นฝันร้ายเพราะมันทำให้คุณไปทำงานไม่ได้แล้วคุณก็ไม่มีเงินผ่อนบ้านซึ่งนั่นคือความเป็นจริงส่วนหนึ่งของชีวิตผู้ใหญ่ แต่ก็ยังคงมีเวทมนตร์อยู่ในนั้น และมันจะเผยออกมาในช่วงเวลาที่คุณกลับมามองชีวิตว่าเป็นการผจญภัยอันน่าตื่นเต้น" :: เดวิด โอ รัสเซลล์ (ผู้กำกับ Joy) สรุป

          Joy - เธอสู้เพื่อฝัน วันนี้ในโรงภาพยนตร์
          https://www.facebook.com/JoytheMovieThailand