happy on December 04, 2015, 08:36:42 PM

KRAMPUS
ชื่อไทย           แครมปัส ปีศาจแสบป่วนวันหรรษา
วันที่เข้าฉาย     3 ธันวาคม 2558
จัดจำหน่าย      บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=hKhFlikISjU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=hKhFlikISjU</a>

เกี่ยวกับภาพยนตร์

ช่วงเทศกาลงานฉลองในช่วงคริสต์มาสถือเป็นช่วงเวลาที่มหัศจรรย์มากที่สุดแห่งปี แต่ยังมีตำนานเกี่ยวกับคริสต์มาสอีกเรื่องราวหนึ่งที่ลึกลับดำมืดยิ่งกว่า และกำลังแพร่เงามืดเข้าควบคุมวัฒนธรรมร่วมสมัย

เรื่องเล่าขานโบร่ำโบราณเตือนภัยให้ระวัง แครมปัส ให้จงดี มันคือตำนานเล่าขานย้อนกลับไปหลายร้อยปี โดยปรากฏให้เห็นทั่วทั้งวัฒนธรรมของชาวยุโรป มันคืออสูรร้ายมีเขาที่จะคอยจับตัวเด็กที่ไม่เชื่อฟังในช่วงคริสต์มาส แครมปัสเป็นทั้งความรื่นเริง เป็นทั้งอสุรกายร้าย

ขณะที่ ซานตาครอส ให้รางวัลกับเด็กนิสัยดี แต่แครมปัสจะลงโทษเด็กที่ซุกซน ซานต้านำมาซึ่งเสียงหัวเราะและความสุข แต่แครมปัสรังแต่จะปลดปล่อยความมืดและการทำร้าย

ซานต้าให้ของขวัญ ส่วนแครมปัสมาเพื่อพรากวิญญาณไป

บัดนี้ แครมปัสในตำนานกำลังจะกลับฟื้นคืนชีพในภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่จะสร้างความน่าสะพรึงให้บังเกิดในช่วงเทศกาลคริสต์มาสไปอีกนานหลายปีข้างหน้า ภาพยนตร์เรื่อง Krampus  ผลงานของ ลีเจนดารี่ พิคเจอร์ส เรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลความสยองที่เกี่ยวพันกับอสูรกายแห่งคริสต์มาส จะเผยให้เห็นด้านมืดของเทศกาลแห่งความสุขนี้บ้าง 

เมื่อครอบครัวสุดป่วนต้องมารวมตัวกันในช่วงเทศกาลวันเฉลิมฉลอง แม็กซ์ เอนเจล (เอ็มเจย์ แอนโธนี่ จาก Chef) เริ่มเกิดอารมณ์เหม็นเบื่อ ไม่แยแส และหันหลังให้กับคริสต์มาส แต่เขาไม่ได้รู้เรื่องเอาเสียเลยว่า การไร้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งความรื่นเริงในเทศกาลคริสต์มาสนี้ จะเป็นตัวปลดปล่อยพลังโทสะของแครมปัส ซึ่งเป็นพลังชั่วร้ายโบราณที่มีไว้เพื่อลงทัณฑ์แก่ผู้ที่ไร้ความศรัทธา
 
ดั่งนรกแตก เมื่อเหล่าสัญลักษณ์แห่งเทศกาลที่เคยดูน่ารัก กลับกลายร่างผิดเพี้ยนไป ไม่ว่าจะเป็นสโนว์แมนที่โดนหิมะกัด ทูตสวรรค์ที่ชั่วร้าย จนถึงหมีเท็ดดี้ดุร้าย และมนุษย์ขนมผิงแสนอร่อยที่กลายเป็นจอมเจ้าเล่ห์ ทั้งหมดนี้ลุกขึ้นมามีชีวิตแบบปีศาจ และบุกเข้ายึดบ้านของครอบครัวอลหม่าน จนเจ้าบ้านทั้งหลายต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยกันถ้าต้องการจะมีชีวิตรอดออกไป

ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเหมือนกลายเป็นงานอัลเทอร์เนทีฟสุดโหดของเรื่องราวคลาสสิกที่พูดถึงเทศกาลคริสต์มาส เป็นงานกึ่งตลกกึ่งสยองที่มีทีมนักแสดงมากหน้าหลายตา อาทิเช่น อดัม สก็อตต์ ในบท ทอม (ผลงานทางทีวีเรื่อง Parks and Recreation, Black Mass) พ่อของแม็กซ์ ที่ใช้เวลาอยู่บนท้องถนนมากกว่าจะอยู่กับเมียและลูกชาย, โทนี่ คอลเล็ตต์ (Little Miss Sunshine, The Sixth Sense) ในบท ซาร่าห์ แม่ของแม็กซ์ที่พยายามทำบ้านในย่านชานเมืองของเธอที่ได้แรงบันดาลใจจาก มาร์ธา สจ๊วร์ต ให้ออกมาสมบูรณ์แบบ, สเตฟาเนียลาวี โอเว่น (The Lovely Bones) ในบท เบ็ธ พี่สาววัยรุ่นของแม็กซ์ ผู้ที่เหมือนทุกๆ ปี ที่เธอพยายามจะหนีครอบครัวเพื่อไปใช้เวลากับแฟนหนุ่ม และคริสต้า สแต็ดเลอร์ (Lena Rais)  ในบท โอมี่ ผู้เฒ่าหญิงชาวเยอรมันประจำบ้านเอนเจล ที่ด้วยเหตุผลส่วนตัวหลายประการทำให้เธอเชื่อในตำนานของแครมปัสแบบฝังหัว

แต่ก่อนที่แครมปัสจะบุกทลายบ้านของครอบครัวนี้ พวกเอนเจลต้องเผชิญหน้ากับการบุกรุกของอีกกลุ่มหนึ่ง ที่น่ากลัวไม่แพ้กัน นั่นก็คือครอบครัวใหญ่ของพวกเขา ที่มาร่วมฉลองช่วงเวลาที่รื่นเริงที่สุดแห่งปี พวกเขาคือแขกสุดสยองของบ้าน ได้แก่ เดวิด โคชเนอร์ (ภาพยนตร์ชุด Anchorman) ในบท ฮาวเวิร์ด เบิร์กฮาวเซอร์ ลุงสุดโหดของแม็กซ์, อัลลิสัน ทอลแมน (ผลงานทางทีวีเรื่อง Fargo) ในบท ลินดา ภรรยาของฮาวเวิร์ด ที่พยายามจะสงบศึกกับซาร่าห์และลูกๆ, ลูกสุดแสบทั้งสามของฮาวเวิร์ดและลินดา ที่รับบทโดยสามนักแสดงหน้าใหม่ โลโล โอเว่น, ควีนนี่ ซามวลแอล และมาเวอริค แฟล็ค ซึ่งมารับบทเป็น สตีวี่, จอร์แดน และฮาววี่ จูเนียร์ และคอนชาต้า เฟอร์เรลล์ (ผลงานทางทีวีเรื่อง Two and a Half Men) ในบทป้าโดโรธี ผู้มองโลกในแง่ร้าย ดื่มจัด ความคิดทางการเมืองสุดเพี้ยน (ผู้ไม่ชอบเด็ก แม้แต่ตอนที่เธอยังเด็ก)

เขียนบทและกำกับโดย ไมเคิล ดัฟเฮอร์ตี้ (Trick ’r Treat) Krampus ร่วมเขียนบทโดย ท็อดด์ เคซี่ย์ (Green Lantern: Emerald Knights) และแซ็ค ชิลด์ส (Craggio) และอำนวยการสร้างโดย โธมัส ทัลล์ (Godzilla) จากลีเจนดารี่, จอน แจชนี่ (Pacific Rim) และอเล็กซ์ การ์เซีย (Godzilla) รวมถึงดัฟเฮอร์ตี้ 

ดัฟเฮอร์ตี้กำกับทีมสร้างสรรค์หลังกล้องที่นำโดยผู้กำกับภาพ จูลส์ โอลัฟลิน (Sanctum, Wish You Were Here), ผู้ลำดับภาพ จอห์น อเซลแร็ด (Crazy Heart, We Own the Night), โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ จูลส์ คุก (Chappie, 10,000 BC), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย บ็อบ บั๊ค (The Hobbit: The Desolation of Smaug, The Hobbit: The Battle of the Five Armies) และผู้แต่งดนตรีประกอบ ดักลาส ไพพส์ (Monster House, Trick ’r Treat)

แครมปัสและเหล่าลูกสมุนที่แสนซุกซนถูกสร้างขึ้นโดยความพยายามที่ผสมผสานกันของทีมงานระดับสุดยอดฝีมือระดับคว้ารางวัลออสการ์ของวีต้า เวิร์กช้อป และวีต้า ดิจิตอล ซึ่งทั้งสองบริษัทต่างโด่งดังมีชื่อเสียงจากผลงานระดับเอพิคอย่าง The Lord of the Rings และภาพยนตร์ไตรภาค The Hobbit และ King Kong และอีกมากมายหลายเรื่อง
 
ภาพยนตร์สุดฮาปนอารมณ์เสียงฮาเรื่องนี้ อำนวยการสร้างบริหารโดยแดเนียล เอ็ม สติลล์แมน (The Bourne Legacy)





เบื้องหลังงานสร้าง

ตามหลอนถึงช่วงเทศกาล:
จุดเริ่มต้น Krampus

                  มือเขียนบท/ ผู้กำกับ/ ผู้อำนวยการสร้าง ไมเคิล ดัฟเฮอร์ตี้ มีความสนใจในเรื่องลึกลับ ดำมืด สยดสยองมานาน จากผลงานภาพยนตร์แจ้งเกิดในปี 2007 เรื่อง Trick ’r Treat ซึ่งเริ่มต้นด้วยการฉายในวงแคบๆ และเริ่มขยายวงจนทำให้เกิดคนสนใจติดตามดูอย่างมากมาย และจากการค้นคว้าถึงจุดกำเนิดของวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุดในซีกโลกเหนือ เขาได้ค้นพบด้านมืดของวัฒนธรรมร่วมสมัย และตำนานเล่าขานที่น่าสนใจยิ่งกว่าเรื่องที่มีคนเล่าให้เราฟังซ้ำๆ ซากๆ

                  ดัฟเฮอร์ตี้อธิบายว่า เมื่อประมาณ 15 ปีก่อน เขาได้รับรู้เกี่ยวกับด้านมืดของเทศกาลฉลองแห่งเดือนธันวาคมที่ทุกคนต่างชื่นชอบ “ในแบบเดียวกับที่คนอเมริกันส่งการ์ดอวยพรวันคริสต์มาส ชาวยุโรปก็มีประเพณีส่งการ์ดแครมปัสเช่นกัน ผมได้เห็นภาพวาดอันงดงามของสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาเรียกกันว่าแครมปัส ซึ่งจะขโมยตัวเด็กๆ และได้เห็นภาพของผู้คนที่ตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัว  อย่างไรก็ดี ประเพณีนี้มีลักษณะที่ดูสนุกและดูซุกซน คล้ายๆ กับเทศกาลฮัลโลวีนของพวกเรา ผมว่ามันมีเสน่ห์น่าสนใจ เพราะมันทำให้คริสต์มาสดูน่าสนุกขึ้นที่ได้รู้ว่ายังมีด้านมืดที่ดูซุกซนในเทศกาลที่พวกเราชาวอเมริกันไม่เคยมี มันฝังตัวสุ่มซ่อนอยู่ในเงามืด เฝ้ารอการถูกค้นพบ”

                  ยิ่งเขาค้นคว้ามากขึ้นเท่าไหร่ ดัฟเฮอร์ตี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องราวประวัติของปีศาจตนนี้ก็ยิ่งสลับซับซ้อนมากขึ้น เขากล่าวว่า “ทฤษฎีหนึ่งบอกว่า แครมปัสคือการย้อนกลับไปหารากเหง้าของเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งย้อนกลับไปสู่ประวัติศาสตร์ของเพแกน ก่อนที่จะเป็นคริสต์มาส มันคือวันที่มีช่วงกลางวันสั้นที่สุดในซีกโลกเหนือ ทั้งลักษณะและสไตล์จะใกล้เคียงกับฮัลโลวีน ในแง่ที่ว่ามันเหมือนเป็นพฤติกรรมทางโลกีย์ เป็นการปลดปล่อยความหงุดหงิดโมโหของเราออกไป เมื่อชาวคริสเตียนเดินทางเข้ามาและเข้ามายึดพื้นที่ไป พวกเขามองเห็นว่าผู้คนชื่นชอบเทศกาลการฉลองวันนี้อย่างมาก พวกเขาก็เลยผสมผสานและใส่เทศกาลคริสต์มาสเข้าไปเหนือการฉลองทุกอย่าง” ดัฟเฮอร์ตี้หยุดไปชั่วครู่ก่อนจะเล่าต่อไป “และยังมีอีกหลายทฤษฎีที่บอกว่าซานตาคลอสถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นเสมือนยาแก้พิษของแครมปัส”

                  สำหรับผู้กำกับดัฟเฮอร์ตี้ เงาด้านมืดของซานต้าดูจะไม่ยอมหายไปจากความคิด “เหมือนเขาจะคอยย้อนกลับเข้ามาใจจิตสำนึกของผมตลอด” ดัฟเฮอร์ตี้กล่าว “ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา พวกเขาได้พูดถึงแครมปัสในเรื่อง The League และ American Dad เขายังเคยไปปรากฏตัวใน The Colbert Report จนเหมือนเป็นวงอินดี้ที่ผู้คนส่งผ่านกันไปรอบๆ และเวลานี้มันให้ความรู้สึกเหมือนได้เวลาที่เหมาะเจาะแล้ว ผมก็เลยทำงานกับเพื่อนสองคน คือ ท็อดด์ เคซี่ย์ และแซ็ค ชิลด์ส เพื่อเขียนบทภาพยนตร์ขึ้นมาสักพักแล้ว เราทำการปรับแต่งบทจนรู้สึกว่าลงตัว และจังหวะเวลาในตอนนี้ก็ช่างบังเอิญลงตัวพอดี”

                  โธมัส ทัลล์ และจอน แจชนี่ย์ จากลีเจนดารี่ เข้ามาร่วมงานกับดัฟเฮอร์ตี้และอเล็กซ์ การ์เซีย เพื่อทำหน้าที่สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ทางสตูดิโอแห่งนี้ ซึ่งมีสัมพันธ์กับดัฟเฮอร์ตี้มาตั้งแต่ที่เคยร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง Trick ’r Treat  ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับจินตนาการของดัฟเฮอร์ตี้ ทัลล์ ซึ่งเป็นซีอีโอ กล่าวว่า “ไมเคิลมีความสามารถที่จะจินตนาการถึงแง่มุมหนึ่งของเรื่องที่คนอื่นๆ น้อยคนจะคิดถึง ไม่ว่ามันจะเป็นด้านมืดที่แสนสนุกของฮัลโลวีน หรือภาพสะท้อนที่น่ากลัวจนน่าสนุกของคริสต์มาส จินตนาการของเขาโลดโผนอย่างมาก จนง่ายที่จะร่วมงานกับเขา เพราะเขาไม่เคยหยุดสร้างสรรค์เลย”

                  ผู้อำนวยการสร้าง แจชนี่ย์ เห็นด้วย “ลีเจนดารี่ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์โลก และมีผู้กำกับน้อยคนนักที่จะมีความคิดสร้างสรรค์มากเท่าที่ไมเคิลมีให้ ผมเป็นคนแรกที่ยอมรับว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแครมปัสเลย จนไมเคิลนำเรื่องนี้มาเสนอเรา ยิ่งผมได้เรียนรู้มากขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกทึ่งมากเท่านั้นเกี่ยวกับเงามืดของซานตาคลอส ผมชอบวิธีการนำเสนอของเขาเกี่ยวกับเรื่องราวที่ยังไม่มีใครเคยสำรวจมาก่อน และภายใต้การนำของเขา โลกนี้ก็ลุกขึ้นมามีชีวิตจริงๆ เขาได้นำเสนอเรื่องราวเทพนิยายที่น่าทึ่งนี้อย่างมีไหวพริบอย่างที่หาใครทัดเทียมไม่ได้”

                  อเล็กซ์ การ์เซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้างของภาพยนตร์เรื่องนี้ และเคยทำงานร่วมกับดัฟเฮอร์ตี้มาตั้งแต่สมัยที่เคยร่วมงานกันใน X-Men 2 และ  Trick ’r Treat รู้สึกตกหลุมรักโลกที่ทีมเขียนบททีมนี้จินตนาการขึ้นมา เขาบอกว่า “ท็อดด์, แซ็ค และไมเคิลได้สร้างฉากหลังที่แสนสนุกให้กับงานเลี้ยงฉลองของ Krampus เพื่อคนดูยุคใหม่ พวกเขาวางเรื่องราวเอาไว้ในโลกประจำวันโดยมีตัวละครที่เหมือนคนจริงๆ และทุกคนสามารถอินไปด้วยได้ ครอบครัวของแม็กซ์คือตัวแทนของทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นการฉลองคริสต์มาสแบบผิดๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำทุกอย่างเพื่อการค้าจนมากเกินไป ความกดดันที่เกิดจากความต้องการความสมบูรณ์แบบ และธรรมชาติของการฉลองในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่มีแต่เรื่องวุ่นวายและทำให้เครียด เมื่อพวกเขาทำลายฟางเส้นสุดท้ายลง และแทบจะทำลายความศรัทธาที่แม็กซ์มี พวกเขาได้นำความโกรธาของแครมปัสกลับมา และนั่นคือจุดที่นรกที่แสนสนุกแตกออก”

                  ด้วยการสนับสนุนจากทีมผู้อำนวยการสร้าง ดัฟเฮอร์ตี้ตั้งใจที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ให้มีสมดุลของงานตลกและมีความตื่นเต้น “ถ้าคุณลองดูตำนานแครมปัส และประวัติความเป็นมาของตัวละครตัวนี้ จะมีลักษณะที่ดูน่ารักและน่าชื่นชอบอยู่ในตัวเขา” ดัฟเฮอร์ตี้บอก “มันคงให้ความรู้สึกไม่เหมาะสักเท่าไหร่ที่จะสร้างภาพยนตร์ที่ดูเครียดเกินไป น่ากลัวเกินไป จึงมีแง่มุมความตลกอยู่ในเรื่องราวของเรา และมีความน่ากลัวอยู่ด้วยอย่างชัดเจน มันเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดและมีความน่ากลัวและความตื่นเต้นเขย่าขวัญ แต่ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์แบบเทพนิยายด้านมืดและมีงานแฟนตาซีอยู่ด้วย ตลอดเวลาที่ผมทำงานมา ผมพยายามที่จะใส่คุณลักษณะที่ดูซุกซนแบบนั้นลงไปในภาพยนตร์ในแบบที่ผมรู้สึกคิดถึงจากยุค 80 ผมหวังว่าเราคงจะทำเช่นนั้นได้สำเร็จกับ Krampus ครับ”







« Last Edit: December 07, 2015, 04:46:53 PM by happy »