MSN on November 19, 2015, 02:58:51 PM
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยราคาโครงการที่อยู่อาศัยระดับซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ตพุ่งสูงขึ้นกว่า 120 เปอร์เซนต์



คุณริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าราคาของโครงการที่อยู่อาศัยระดับซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ตที่เปิดตัวในปี 2015 อยู่ที่ระหว่าง 7.5 - 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อยูนิต ในขณะที่ราคาขายต่ออยู่ที่ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อยูนิตในปีนี้  ราคาของโครงการซุปเปอร์ไพร์มใหม่ๆ ได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 120% เมื่อเทียบกับราคาของโครงการในระดับเดียวกันซึ่งเปิดตัวในระหว่างปี 2007 และปี 2011

ผลการวิจัยของไนท์แฟรงค์ประเทศไทยระบุว่าไม่มีโครงการที่อยู่อาศัยระดับซุปเปอร์ไพร์มเปิดตัวช่วงปี 2012 ถึงปี 2014 ในภูเก็ต อย่างไรก็ตาม ราคาขายของโครงการซุปเปอร์ไพร์มที่เปิดตัวระหว่างปี 2007 ถึงปี 2011 และยังคงเปิดขายอยู่ในปี 2014 มีราคาขายอยู่ที่ 3 -7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อยูนิต
ตารางที่ 1: ราคาขายของโครงการซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ต
Project Name
ชื่อโครงการ
Launched
เปิดตัวปี
Unit Selling Price (Million THB )
ราคาขายต่อยูนิต (ล้านบาท)
Unit Selling Price** (Million USD)
ราคาขายต่อยูนิต ** (ล้านเหรียญสหรัฐ)
Andara Signature
2011
192 - 250
5 - 7
Amanpuri Phase II
2011
208 - 350
5.8 - 9.8
Banyan Tree 
2008
100 - 125
2.8 - 3.5
Malaiwana
2006
99.5 - 128.5
2.7 - 3.5
Istana*
2007
127.5 - 253.5
3 - 7
The Estate at Mont Azure
2015
266 - 532
7.5 - 15
Avadina Hills
2015
355
10
* โครงการถูกระงับ
** ราคาข้างต้นเป็นราคาขายจากนักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นราคาพิเศษเฉพาะของทรัพย์สินที่นำมาขายใหม่
ที่มา: บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ตารางที่ 2: ยอดขายของโครงการซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ตในช่วงปี 2008 - 2015

ที่มา: บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

คุณริษิณี กล่าวว่ากลุ่มผู้ซื้อโครงการซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ต ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติในแถบเอเชีย โดยเฉพาะชาวฮ่องกง สิงคโปร์และเซี่ยงไฮ้ ส่วนใหญ่ผู้ซื้อกลุ่มนี้ได้อาศัยและทำงานอยู่ในภูมิภาคนี้มานานหลายปีและรู้จักคุ้นเคยกับจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างดีจากการใช้เวลาพักผ่อนวันหยุด นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และแคนาดา และเอเชีย ที่เป็นกลุ่มผู้ซื้อรายใหม่ ซึ่งมักซื้อโครงการซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ตไว้เป็นบ้านหลังที่สอง หรือเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหรือเพื่อการอยู่อาศัยหลังเกษียณ ผู้ซื้อกลุ่มนี้ยังลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในหลายๆ แห่งทั่วโลก ลูกค้ากลุ่มนี้มักอาศัยความพึงพอใจและผลตอบสนองทางด้านอารมณ์และความรู้สึก ความคุ้นเคยกับทำเล รวมทั้งต้องการเยี่ยมชมโครงการ ก่อนตัดสินใจ ซึ่งอาจมีผลทำให้ช่วงเวลาการซื้อขายนั้นอาจยาวนานบ้างแล้วแต่กรณี คุณริษิณี กล่าวเพิ่มเติมว่าโดยเฉลี่ยแล้วขั้นตอนการขายตั้งแต่ต้นจนจบ ของโครงการระดับซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ตมักใช้เวลามากกว่าหนึ่งปี ปัจจัยสำคัญในการขายคือ สถานที่ตั้ง ทำเล ทัศนียภาพโดยรอบ สภาพแวดล้อม และโครงการที่พัฒนาในพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

โครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับสุดหรูในจังหวัดภูเก็ต มักเป็นโครงการวิลล่าที่มีราคาขายกว่า 100 ล้านบาทต่อหน่วย ส่วนใหญ่เป็นวิลล่าที่อยู่ติดริมทะเล และมีการบริหารจัดการโดยเครือโรงแรมชั้นนำระดับโลก วิลล่าในประเภทนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยอย่างน้อย 4 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางสำหรับนั่งเล่น รับประทานอาหารและเพื่อความบันเทิง พร้อมกันนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันระดับโลก เช่น ห้องออกกำลังกายส่วนตัว สปาและสระว่ายน้ำส่วนตัว มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 1,000 ตารางเมตรบนพื้นที่กว่า 2 ไร่ (หรือ 3,200 ตารางเมตร) ของที่ดิน นอกจากนี้วิลล่าเหล่านี้ยังมีมาตรฐานการก่อสร้างอันดีเยี่ยม โดยใช้วัสดุ สเปค และรูปแบบการก่อสร้างที่มีคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้อยู่อาศัยและการตกแต่งระดับพรีเมี่ยม

Notes to Editors
Knight Frank LLP is the leading independent global property consultancy. Headquartered in London, Knight Frank and its New York-based global partner, Newmark Knight Frank, operate from 417 offices, in 58 countries, across six continents. More than 13,000 professionals handle in excess of US$1.4 billion worth of commercial, agricultural and residential real estate annually, advising clients ranging from individual owners and buyers to major developers, investors and corporate tenants. For further information about the Company, please visit www.knightfrank.com.