happy on November 15, 2015, 06:28:12 PM

ชื่อไทย      ณ ริมทะเล

วันที่เข้าฉาย   26 พฤศจิกายน  2558

จัดจำหน่าย   บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)


ข้อมูลงานสร้าง

“By the Sea เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ที่หยุดชะงักไปด้วยความสูญเสีย ทิฐิแห่งรัก และเส้นทางสู่การฟื้นตัวและการยอมรับ”
--แองเจลินา โจลี พิตต์

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=en3l3oRxRYc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=en3l3oRxRYc</a>

               By the Sea ที่เขียนบท กำกับและอำนวยการสร้างโดยแองเจลินา โจลี พิตต์ เจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ด เป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องที่สามของเธอในฐานะผู้กำกับ และเป็นเรื่องราวต่อจาก Unbroken อีพิคเมื่อปีที่แล้ว ภาพยนตร์ดรามาเรื่องนี้นำแสดงโดยแบรด พิตต์และโจลี พิตต์ โดยมีนักแสดงสมทบจากทั่วโลก นำทีมโดยเมลานี โลรองต์ (Inglourious Basterds, Now You See Me), เมลวิล พูพ็อด (Laurence Anyways, The Lady in the Portrait) รวมถึงเจ้าของสามรางวัลซีซาร์ นีลส์ อาเรสทรัป (The Diving Bell and the Butterfly, The French Minister) และเจ้าของสองรางวัลซีซาร์ ริชาร์ด โบห์ริงเกอร์ (The Cook, the Thief, His Wife & Her Lover, Le grand chemin)

               By the Sea เล่าเรื่องราวของนักเขียนชาวอเมริกันที่ชื่อโรแลนด์ (พิตต์) และวาเนสซา (โจลี พิตต์) ภรรยาของเขา ผู้ไปเยือนรีสอร์ทริมทะเลที่งดงามและเงียบสงบในฝรั่งเศสยุค 70s เห็นได้ชัดว่าชีวิตคู่ของพวกเขากำลังเผชิญมรสุม เมื่อพวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับเพื่อนนักเดินทาง ที่รวมถึงคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน ลีอา (โลรองต์) และฟรังซัวส์ (พูพ็อด) และชาวบ้านในละแวกนั้น มิเชล (อาเรสทรัป) และแพทริซ (โบห์ริงเกอร์) ทั้งคู่ก็เริ่มเข้าใจถึงประเด็นที่แก้ไม่ตกในชีวิตของพวกเขาเอง

               ด้วยสไตล์และการนำเสนอธีมเกี่ยวกับประสบการณ์ของมนุษย์ By the Sea คล้ายคลึงกับภาพยนตร์และละครเวทีในยุค 60s และ 70s ของยุโรป ที่มีสไตล์การเล่าเรื่องที่ไร้สิ่งปรุงแต่ง เข้มข้น ไดอะล็อคแบบเบาบางและบรรยากาศที่แนบแน่น ที่บ่อยครั้งก็น่าอึดอัด

               สำหรับการถ่ายทำ ทีมงานเบื้องหลังของโจลี พิตต์รวมถึงผู้กำกับภาพคริสเตียน เบอร์เกอร์ (The White Ribbon, The Notebook) ผู้ใช้ระบบไซน์ รีเฟล็ค ไลท์ติ้ง ซิสเต็มของเขาในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้, ผู้ออกแบบงานสร้างจอน ฮัทแมน (Unbroken, It’s Complicated), มือลำดับภาพแพทริเซีย รอมเมล (The Lives of Others, In the Land of Blood and Honey) และมาร์ติน เพนซา (Dallas Buyers Club, Wild) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายเอลเลน มิโรจนิค (Wall Street: Money Never Sleeps, ซีรีส์ The Knick)

               พิตต์ได้ร่วมงานกับเธอในตำแหน่งด้านงานสร้าง ในขณะที่คริส บริกแฮม (Inception), ฮอลลี โกลิน-ซาโดว์สกี้ (Unbroken) และไมเคิล วิเอรา (Unbroken) รับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้าง






เกี่ยวกับงานสร้าง
By the Sea เริ่มต้น

               ก่อนหน้า In the Land of Blood and Honey ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ และก่อนหน้าที่การถ่ายทำภาพยนตร์อีพิคสงครามโลกครั้งที่สองของยูนิเวอร์แซลเรื่อง Unbroken จะเริ่มต้นขึ้น แองเจลินา โจลี ก็ได้เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง By the Sea ไว้แล้วเพื่อล้วงลึกเรื่องราวของความโศกเศร้าและความรัก

               โจลี พิตต์เล่าถึงแรงจูงใจของตัวเองว่า “ฉันเขียนเรื่อง By the Sea ขึ้นมาด้วยความคิดว่าฉันอยากจะสำรวจเรื่องของความโศกเศร้า ไม่ว่าจะเป็นการที่บางคนยังไม่เคยได้สัมผัสถึงมัน บางคนปล่อยให้มันเข้ามาครอบงำ หรือคนอื่นๆ พบวิธีที่จะเอาชนะมันได้ ทุกคนในหนังเรื่องนี้เป็นตัวแทนของแนวทางต่างๆ ในการพูดถึงประเด็นนี้ค่ะ” ถึงกระนั้น ในตอนแรก เธอไม่ได้มีความตั้งใจที่จะรับบทเป็นหนึ่งในตัวเอกของเรื่องเลย “ฉันเขียนมันขึ้นมาก่อนที่ฉันจะเริ่มกำกับหนังเสียอีก มันก็เลยไม่ใช่เรื่องที่ฉันคิดว่าแบรดกับฉันจะแสดงด้วยกัน ในตอนที่คุณเขียนอะไรบางอย่างขึ้นมา คุณมักจะไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าคุณเขียนขึ้นมาทำไม แต่จนกระทั่งคุณหมกมุ่นกับมันและมีปฏิกิริยากับมัน คุณถึงตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งที่รบกวนใจหรือมีผลกระทบต่อคุณ ฉันไม่เคยคิดว่าเราจะได้สร้างหนังเรื่องนี้หรือได้แสดงหนังเรื่องนี้เลย ฉันก็เลยเขียนมันขึ้นมาอย่างอิสระเสรีค่ะ”

               โจลี พิตต์ยอมรับว่า เธอหลงใหลในความแปรเปลี่ยนของการคงอยู่ของมนุษย์ และนั่นก็เป็นสิ่งที่ก่อกำเนิดเป็นบทภาพยนตร์ของเธอ “มันไม่ได้มีแค่โศกนาฏกรรม อารมณ์ขันของชีวิตหรือความสุขใจล้วนๆ มันมีความสุดโต่งอยู่ค่ะ ความสัมพันธ์ก็มีความสุดโต่งพวกนั้นเหมือนกัน คุณอาจจะกำลังกวาดพื้นอยู่ แล้ว 20 นาทีให้หลัง คุณก็อาจจะหัวเราะกับอะไรเพี้ยนๆ ก็ได้ หนังเรื่องนี้เป็นเวอร์ชันสุดโต่งของอะไรแบบนั้น สิ่งที่คนเข้าถึงได้คือคุณสามารถตกหลุมรักคนที่บางครั้งคุณก็รู้สึกอยากฆ่าได้หัวปักหัวปำ สิ่งต่างๆ ไม่ได้สมเหตุสมผลและปิดฉากได้สมบูรณ์แบบเสมอไป และนั่นก็ทำให้เกิดอิสระในฐานะนักเขียนค่ะ”

               เมื่อความสนใจในฐานะศิลปินของเธอหันเหไปสู่งานเบื้องหลัง เธอก็กลับไปสนใจบทภาพยนตร์ของตัวเธอเองอีกครั้ง เธอเผยว่า “By the Sea ไม่ได้ถูกคิดขึ้นมาเป็นหนังเชิงพาณิชย์ มันเป็นโอกาสสำหรับเราทุกคนที่จะทดลองและสำรวจในฐานะศิลปิน และสร้างบางสิ่งที่ละเอียดอ่อนและพิเศษสุด มันมีอิสระในการไม่สร้างหนังเชิงพาณิชย์ขึ้นมา คุณจะสามารถทดลองและทำในสิ่งที่กล้าบ้าบิ่นได้มากขึ้น มันเป็นงานที่ท้าทายและสร้างสรรค์ทางอารมณ์มากกว่า ในฐานะศิลปิน คุณจะอยากทดลองโน่นนี่ และบางครั้ง คุณก็อยากจะเลี่ยงการตัดสินใจแบบไร้ความเสี่ยงดูบ้าง เราหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของคนที่มองหาประสบการณ์ภาพยนตร์ที่แตกต่างและอาจจะท้าทายกว่าเดิมค่ะ”

               ผู้ที่ร่วมงานกับโจลี พิตต์ทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้ากล้องใน By the Sea ก็คือสามีของเธอ แบรด พิตต์ เขาเล่าถึงเรื่องราววและประสบการณ์ของพวกเขาว่า “ในแง่ที่ว่าการเล่าเรื่องของมันมีช่องว่างและงดงามมาก แองจี้ได้เขียนบทหนังที่มีความเป็นยุโรปมากๆ หน้าที่ของเราในฐานะนักแสดงคือการทำให้มันมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งการทำให้มันมีความเป็นส่วนตัว ทำให้เส้นแบ่งเลือนรางครับ เรามีความทรงจำและความนับถือซึ่งกันและกัน...รวมถึงความคาดหวังต่อกันและกันและครอบครัวของเราด้วย มันเป็นหนึ่งในงานที่ท้าทายที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มีอิสระเพราะเราสามารถทดลองเล่นอะไรต่างๆ ได้ น่าแปลกที่มันเป็นสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยกว่ากองถ่ายหนังเรื่องอื่นๆ ที่ผมเคยผ่านมาก่อน เราก็เลยปลดปล่อยตัวเองได้ครับ”

               ตัวละครทั้งหกได้มีบทบาทในเรื่องราวนี้ และพิตต์ก็เล่าให้เราฟังถึงตัวละครหลักในเรื่องนี้ว่า “มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคู่หลายคู่ ที่กำลังเผชิญกับขั้นตอนต่างๆ ในชีวิต มีลีอาและฟรังซัวส์ คู่สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานใหม่ และตื่นเต้นกับโอกาสในอนาคต มีมิตรภาพของมิเชลและแพทริซ ผู้ถูกทำให้แข็งกระด้าง หยาบกร้าน อ่อนโยนและเติบโตขึ้นจากประสบการณ์ของพวกเขา แล้วก็มีตัวละครของเรา โรแลนด์และวาเนสซา ผู้อยู่ในขั้นตอนที่ความใหม่เริ่มจะจางหาย และทุกอย่างปรากฏชัดเจนขึ้น มันถึงจุดที่ว่าถ้าพวกเขาไม่สามารถผ่านเรื่องนี้และเติบโตจากตรงนั้นไปได้ พวกเขาก็จะต้องแยกทางกันไปครับ”

               คู่สุดท้ายนี้เองที่ท้ายที่สุดแล้วโจลี พิตต์และพิตต์ได้ตัดสินใจเลือกแสดงบนจอเงิน พวกเขาจะสำรวจอุปสรรคต่างๆ ในขั้นตอนที่สองของความรัก และวิธีการที่คู่รักจะรับมือกับเรื่องคาดไม่ถึงที่ชีวิตซัดสาดมาสู่ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยคำสัญญาไม่รู้จบ และไม่มั่นใจว่าจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

               ตัวผู้กำกับอธิบายถึงความสนใจของเธอในการพัฒนาตัวละครเหล่านี้ว่า “คนส่วนใหญ่ที่เจอสถานกาณ์แบบวาเนสซาและโรแลนด์อาจจะหย่ากัน แต่มันมีไอเดียหลักของการผูกมัดตัวเองกับคนที่คุณอุทิศตัวให้ บางครั้ง ชีวิตคู่ก็ไม่ง่ายหรอกนะคะ แต่คุณก็รู้ว่าคุณตัดสินใจผูกมัดตัวเองไปแล้ว คุณมีความหลังด้วยกัน และคุณก็รู้ว่าทำไมคุณถึงอยู่กับคนๆ นั้น มันมีความรู้สึกสบายใจมาด้วย มันมักเป็นเรื่องจริงที่ว่าฝ่ายหนึ่งอยากจะยอมแพ้มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง และก็ต้องอาศัยฝ่ายหนึ่งที่จะประคับประคองมันให้อยู่รอด เหมือนกับที่โรแลนด์ทำในหนังของเราค่ะ”

               ผู้อำนวยการสร้างทั้งสองยอมรับว่า การถ่ายทำภาพยนตณ์เรื่องนี้เป็นโอกาสให้พวกเขาได้รื้อฟื้นความรักที่พวกเขามีต่อศิลปะการแสดงอีกครั้งหนึ่ง โจลี พิตต์เล่าว่า “ในฐานะนักแสดง มันนานมาแล้วที่ฉันไม่ได้รู้สึกถึงอิสระในการสร้างและแสดง ในการทำตัวแตกต่างและไม่เหมาะสม...การทำตัวโฉ่งฉ่างและกล้าตัดสินใจ ฉันอยากได้งานที่ฉันจะสามารถทำตัวบ้าบิ่นและสำรวจเรื่องต่างๆ ได้ โดยไม่ต้องบีบให้มันอยู่ในกรอบของสิ่งที่ต้องถูกโฆษณาชวนเชื่อในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงค่ะ”





« Last Edit: November 15, 2015, 08:31:32 PM by happy »