หุ้นกลุ่มเฮลแคร์ทั่วโลกผันผวน บลจ.กรุงไทยจับจังหวะขายกองทุน11-25 พ.ย.นี้
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เฮลท์แคร์ ฟันด์ และ กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เฮลแคร์ ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ ในวันที่ 11 - 25 พฤศจิกายน 2558 โดยทั้ง 2 กองทุน มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน เจนัส โกลบอล ไลฟ์ ไซแอนซ์ ฟันด์ (กองทุนรวมหลัก) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม มูลค่าโครงการกองทุนละ 1,000 ล้านบาท ราคาพาร์ที่ 10 บาทต่อหน่วยลงทุน
กองทุนรวมหลักจะเน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่างๆทั่วโลก ที่มีความเกี่ยวข้องกับ การทำวิจัย การพัฒนา หรือการผลิตยา การบริการด้านสุขภาพ เช่นโรงพยาบาล และคลินิก การคิดค้นผลิตภัณฑ์ขั้นสูงทางวิศวกรรมพันธุกรรม และผู้ผลิตทางการแพทย์ อุปกรณ์ และวัสดุสิ้นเปลืองอื่นๆ
ในช่วงเวลานี้ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุน เนื่องจากดัชนีเอ็มเอสซีไอ เวิลด์ เฮลท์แคร์ อินเด็กซ์ จากระดับสูงสุดในปีนี้ที่ 228.68 จุด ปรับตัวลดลงมาต่ำสุดที่ 192.74จุด และล่าสุดอยู่ที่ 211.55 จุด หรือลดลงจากจุดสูงสุดประมาณ 8.10% ซึ่ง บลจ.กรุงไทยมองว่าอุตสาหกรรมนี้ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงในระยะสั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเข้าการลงทุน
ปัจจัยที่ทำให้บลจ.กรุงไทยมองว่าหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง เพราะกลุ่มประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์เฉลี่ยสูงกว่าช่วงอายุอื่นๆถึง3เท่าตัว กลุ่มคนเริ่มสนใจการดูแลสุขภาพมากขึ้น พร้อมทั้งเข้าหาแหล่งการรักษาที่ทันสมัย มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ และการรักษาเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ และสุขภาพเป็นหุ้นในกลุ่มลักษณะดีเฟนซีฟ สต็อก ซึ่งจะมีความผันผวนต่ำกว่า และได้รับผลกระทบน้อยในตลาดขาลง และภาวะตลาดผันผวน อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้ นับเป็นอีกหนี่งทางเลือกสำหรับการลงทุนในระยะยาว และเป็นการกระจายการลงทุน เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( Roll Over ) ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6เดือน2 ( KTSIV6M2 ) เสนอขายถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศ ในสัดส่วน 16% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนใน ตราสารหนี้ภาคเอกชน ผลตอบแทนประมาณ 1.50%ต่อปี กองทุนนี้เป็นทางเลือก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการล็อคผลตอบแทน และรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง