กบ-ทรงสิทธิ์ กับบทบาทนักเขียนและหนังสือเล่มแรกในชีวิต“ขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าไม่ไร้ปาฏิหาริย์”
ในวันพุธที่ 28 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา แพรวสำนักพิมพ์ จัดงานเปิดตัวหนังสือ "ขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าไม่ไร้ปาฏิหาริย์" ที่เปิดเผยเรื่องราวของผู้ชายที่เปรียบเสมือนพี่ใหญ่ของวงการบันเทิงไทย กบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี แบบเอกซ์คลูซีฟที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ความเป็นมืออาชีพส่งผลให้เขาสามารถหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวอยู่ในแวดวงบันเทิงได้ต่อเนื่องยาวนานกินเวลาเกือบ 30 ปี ภาพลักษณ์อบอุ่นเป็นกันเองที่เปรียบเสมือนเครื่องหมายการค้า แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหลังที่มาก่อนจะก้าวมายืนอยู่ในจุดนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง หลากปรากฏการณ์ในชีวิตที่มีทั้งฟ้าลิขิตและขีดเอง มุมมองของพี่กบที่มีต่ออาชีพในวงการบันเทิงน่าสนใจมากจนต้องหยิบมาเล่าผ่านตัวอักษร
บรรยากาศภายในงานเริ่มต้นด้วย จอย- รินลณี ศรีเพ็ญ พิธีกรภายในงานกล่าวต้อนรับสื่อมวลชน และบรรดานักอ่านที่รายล้อมอยู่ภายในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 20 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หลังจากนั้นได้กล่าวต้อนรับพี่กบเพื่อขึ้นมากล่าวทักทายและกล่าวถึงที่มา กว่าจะมาเป็นหนังสือที่รวบรวมทุกเรื่องราวในชีวิตของพี่กบตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีผ่านตัวอักษรเล่มนี้ "ขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าไม่ไร้ปาฏิหาริย์"
พี่กบเล่าว่า "ไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งจะได้เป็นคนเขียนหนังสือกับเขาเหมือนกัน ทั้งที่ผ่านงานมากมายในวงการ รู้ตัวเลยว่าขอเว้นไว้สักอย่างเถอะ ไม่ถนัดงานเขียนจริงๆ แต่พอได้ลองเขียน...ผมขอเป็นมือใหม่หัดเขียน มือใหม่คนนี้ไม่ขอเป็นนักเขียนอาชีพแน่นอน มันยากอย่างบอกไม่ถูก มันมึนๆ อยู่ในหัว มันเหมือนปล่อยผ่านปากกาออกมาไม่เป็น ยังไงไม่รู้ บางทีหัวแล่นอยากเขียน แต่คิดคำไม่ออก นั่นแหละครับ ผมเลย แต่สำหรับหนังสือเล่มนี้ ผมมองในมุมของการทำงานเพื่อการกุศลจริงๆ ครับ เพราะรายได้ค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดผมมอบให้แก่มูลนิธิเด็ก (Foundation for Children) เพื่อนำไปใช้ในโครงการรถเข็นนิทานครับ รับปากแล้วก็ต้องตั้งใจ ใช้เวลาเป็นเดือนแบบคนไม่มีประสบการณ์ ใส่ข้อมูลตามความจริงล้วนๆ งานนี้อาจจะเหมือนง่ายสำหรับการเขียน เพราะไม่มีอะไรปิดบัง ชีวิตผม ตัวตนผม ประสบการณ์ผม กบ - ทรงสิทธิ์ที่ใครๆ รู้จักคือใคร มาจากไหน ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าจะมีสาระดีๆให้กับผู้อ่านมากน้อยแค่ไหน
"ชีวิตผมไม่ได้มีอะไรให้คนติดตามมากนัก ส่วนตัวผมก็คนธรรมดา ไปไหนมาไหนตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ จนถึงตอนนี้เหมือนเดิมหมด ไม่ใช่ซุป'ตาร์ งานในวงการ ดารา นักร้อง พิธีกร ของผมเข้ามาแบบปาฏิหาริย์ตลอด ตั้งแต่ปาฏิหาริย์ครั้งแรกของผมกับสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน นั่นคือผมได้เจอกับหม่อมน้อยและพี่แต๋ม-ชรัส ถ้าผมไม่ได้เจอท่านทั้งสอง ก็ไม่รู้ว่าชีวิตของผมจะเป็นยังไง ปาฏิหาริย์ครั้งที่สองก็คงเป็นการที่ผมได้มาอยู่ค่ายแกรมมี่ ถ้าครีเอเทีย อาร์ทิสไม่ปิดตัวลง เพลง 'ปาฏิหาริย์' ก็คงไม่เกิดขึ้น และที่ค่ายแกรมมี่นี่เองทำให้ผมได้พบกับคุณบอย – ถกลเกียรติ ทำให้ผมได้เล่น '3 หนุ่ม 3 มุม' ปาฏิหาริย์ครั้งที่สามของผมคือการเป็นพิธีกรเดอะวอยซ์ ไทยแลนด์ นั่นเอง (จากคนที่เจ้าของรายการแทบจะไม่รู้จัก) รายการนี้ทำให้เด็กรุ่นใหม่ๆ รู้จักผมเยอะขึ้นมาก และแน่นอน ปรากฏการณ์ 'ขีดเส้นใต้' ก็เกิดขึ้นที่นี่ ชีวิตของผมบางครั้งเหมือนมีคนมาขีดไว้เหมือนกันนะ แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า มันอยู่ที่เราเหมือนกัน
"ผมพบว่า อาชีพนักแสดงนี่เป็นอาชีพที่มั่นคงมากถ้าเราตั้งใจกับงานที่เราทำจริงๆ มันเป็นอาชีพที่เราจะหากินได้จนแก่เฒ่าถ้าสามารถรักษามาตรฐานของงานแสดง มีความรับผิดชอบในงานที่ทำ มันจะกลายเป็นงานที่หล่อเลี้ยงได้ตลอดและไม่เคยหายไปไหนสำหรับดารา นักร้องยุคใหม่มักบอกว่า อาชีพที่ตนทำอยู่ไม่ยั่งยืน พวกเขาจึงหาธุรกิจอื่นรองรับในระหว่างที่ยังสามารถเก็บเกี่ยวจากวงการนี้ได้อยู่ แต่ผมไม่มองอย่างนั้น อาชีพที่เราทำอยู่นี้คือ คนรับจ้าง การเป็นคนรับจ้าง สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้มีคนจ้าง การที่คนจะจ้างเราไปแสดง ไปร้องเพลง ก็เพราะความเป็นมืออาชีพ เราต้องรักษาเวลา เรื่องน้อยๆ เมื่อได้โอกาสต้องทำอย่างเต็มที่ให้เหมือนกับว่านี่คือจ๊อบสุดท้าย ที่เราหากทำได้ดังนี้ รักษามาตรฐานได้ดี รวมถึงเรียนรู้เพิ่มเติม เพิ่มความสามารถในทุกทาง แล้วทำไมเขาจะไม่จ้าง ผมมักจะพูดกับตัวเองอยู่เสมอๆว่า 'โอกาสไม่ได้มาหาเราบ่อย ถ้าได้โอกาสแล้ว กอดมันไว้แน่นๆอย่างทะนุถนอม'
"ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะ กับคำว่าปาฏิหาริย์มันเกิดขึ้นกับผมเรื่อยเลย คำนี้หมายถึงเกิดอะไรที่ดีๆ ทั้งนั้นแหละครับ ผมเล่าเอาไว้ให้ฟังหลายเหตุการณ์เลยในหนังสือเล่มนี้ ตอนนี้ก็กำลังหวังว่าเมื่อไหร่จะมีปาฏิหาริย์อีกเนอะ แต่สำหรับผมเอง แค่คนอ่านงานเขียนของผม ก็คงจะเป็นปาฏิหาริย์แล้วละครับ" กบ-ทรงสิทธิ์กล่าวปิดท้าย
หลังจากนั้นพี่กบได้มอบเงินรายได้ในส่วนของลิขสิทธิ์นักเขียนให้กับมูลนิธิเด็ก (Foundation for Children) เพื่อนำไปใช้ในโครงการรถเข็นนิทานเป็นเงิน 132,525 บาท โดยได้รับเกียรติจากคุณทศวิริ พูลนวล กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการมูลนิธิเด็ก (ผู้อำนวยการโครงการรถเข็นนิทาน) เป็นตัวแทนรับมอบเงินจำนวนนี้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ให้กับมูลนิธิต่อไป
หลังจากนั้นเป็นช่วงเวลาที่พี่กบได้พบกับบรรดานักอ่านที่ให้ความสนใจกับในหนังสือเล่มนี้ที่มุมนักเขียนพบนักอ่านของบู๊ธร้านนายอินทร์ พร้อมแจกลายเซ็น พูดคุย และร่วมถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ปิดท้ายงานเปิดตัวหนังสือ "ขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าไม่ไร้ปาฏิหาริย์" ด้วยบรรยายกาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
ร่วมเรียนรู้เรื่องเล่าผ่านการจรดปลายปากกาในฐานะนักเขียนครั้งแรกของ กบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี กับหนังสือที่สามารถสะกิดให้คนรู้สึกถึงการก้าวเดินแบบมืออาชีพ เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ ใน "ขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าไม่ไร้ปาฏิหาริย์" โดยแพรวสำนักพิมพ์ หาซื้อได้แล้ววันนี้ ณ ร้านนายอินทร์ และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือผ่านทางเว็บไซต์
http://www.naiin.com ช่องทางที่สะดวกมากขึ้นด้วย LINE ID: Naiinfanclub และสามารถติดตามข่าวสารการเคลื่อนไหวและสั่งซื้อหนังสือได้จากแฟนเพจแพรวสำนักพิมพ์ โดย search "อ่านเถิดชาวไทย" เชื่อว่าเมื่อคุณอ่านหนังสือเล่มนี้จบ คุณจะได้แง่คิดและมุมมองการก้าวเดินแบบมืออาชีพอย่างแน่นอน