KTAM ขายตราสารหนี้ 1 ปีผลตอบแทน 2.10%
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดขายกองทุนตราสารหนี้อย่างต่อเนื่องตามความต้องการของลูกค้าโดยในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 68 ( KTFF68 ) เสนอขายในวันที่ 21-27 ตุลาคม 2558 อายุ 1 ปี มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภท MTN ที่ออกโดย BLADEX ซึ่งเป็นธนาคารระดับนานาชาติที่ถูกจัดตั้งโดยการร่วมมือกันของธนาคารกลางของแต่ละประเทศในภูมิภาคละตินอเมริกา และแคริบเบียน เพื่อให้การสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกา , MTN ที่ออกโดย Emirates NBD PJSC เป็นธนาคารที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นองค์กรของรัฐบาล และมีขนาดใหญ่ที่สุดในแง่ของสินทรัพย์ และจำนวนสาขาในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( UAE) และ40% ของสินเชื่อเป็นการปล่อยให้กับภาครัฐทำให้คาดว่าคุณภาพของสินทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ดี , MTN ที่ออกโดย Standard Bank of South Africa ดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในประเทศแอฟริกาใต้โดยให้บริการทั้งด้าน Traditional banking และ capital market โดยทางธนาคารมีสถานะเป็นบริษัทลูก100% ของ Standard Bank Group ซึ่งเป็นกลุ่มทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแอฟริกาใต้ , เงินฝากประจำ Bank of China (Macau) และเงินฝากประจำ Union National Bank PJSC ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.10%ต่อปี
นอกจากนี้ยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( Roll Over ) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 2 (KTFIX3M2) เสนอขายตั้งแตค่วันที่ 20 ถึงวันที่ 22 ตุลาคม 2558 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในสัดส่วน 81% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก ธนาคารทิสโก้ ผลตอบแทนประมาณ 1.15% ต่อปีโดยทั้ง 2 กองทุนบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี
สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่มีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นตามค่าเงินในภูมิภาคโดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิจำนวน 26,052 ล้านบาท ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 2 bps.มาอยู่ที่ 1.55% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 2 bps.มาอยู่ที่ 2.21% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 9 bps. มาอยู่ที่ 2.54% ต่อปี
ส่วนตราสารหนี้ต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อกลับ หลังข้อมูลการค้าของจีนที่ซบเซา อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนของช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 4 bps.มาอยู่ที่ 0.61% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 5 bps. มาอยู่ที่ 1.36% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 8bps.มาอยู่ที่ 2.04% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นทิศทางเศรษฐกิจโลก แนวโน้มการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ที่จะมีการประชุมในวันที่ 27-28 ตุลาคม และทิศทางการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนระหว่างประเทศ