ทำความรู้จักกับ อแลง ตองแนร์
อแลง ตองแนร์ เป็นผู้กำกับภาพยนตร์คนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของวงการภาพยนตร์สวิส เขาเป็นกุญแจดอกสำคัญของยุค นิว สวิส ซีนีมา ที่ถือกำเนิดในช่วงปลาย 60 ต่อต้น 70 ซึ่งก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างอักโขต่อภาพยนตร์สวิตเซอร์แลนด์ ภาพยนตร์ของเขามักมุ่งวิพากษ์สังคมและความยุติธรรม ผ่านเรื่องราวของมนุษย์น้อยใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากมัน
ตองแนร์ เกิดในปี 1929 ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เขาจบการศึกษาด้านเศรษกิจและสังคม ตองแนร์ในวัย 23 ปี ถูกเรียกตัวไปเป็นทหารประจำการยังเรือเดินสมุทรที่เดินทางไปยังอัฟริกาตะวันตก หลังจากการสั่งสมประสบการณ์ชีวิตกลางทะเลลึกในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขากลับสู่สวิตเซอร์แลนด์ดินแดนมาตุภูมิระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไปยังลอนดอนประเทศอังกฤษ ซึ่งเขาใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นระหว่างปี 1955 ถึงปี 1958 ช่วงเวลา 3 ปี ในลอนดอน ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญในการบ่มเพาะเมล็ดพันธ์แห่งความรักในภาพยนตร์ให้กับตองแนร์ กิจวัตรของเขาคือการเดินเข้าออกซีนีมาเธคแห่งลอนดอนเพื่อชมภาพยนตร์ ซึ๋งที่นี่เองที่ทำให้เขาได้สร้างความสัมพันธ์กับนักวิจารณ์และกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มขับเคลื่อนเพื่อปลดปล่อยภาพยนตร์อังกฤษ( The British “Free Cinema”move-ment) หรือที่รู้จักกันในนามบริติช นิวเวฟ ซึ่งสมาชิกบางคนในกลุ่ม ในเวลาต่อมาได้ก้าวไปเป็นผู้กำกับภาพยนตร์คนสำคัญ ที่มีส่วนร่วมปฏิวัติวงการภาพยนตร์อังกฤษ เช่น ลินด์เซย์ แอนเดอร์สัน และ คาเรล เรอิส โดยสิ่งที่พวกเขาสนใจร่วมกันเป็นพิเศษคือ การวิเคราะห์วิจารณ์และประเด็นการเมืองที่แฝงเร้นในภาพยนตร์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนักการละครชื่อก้องชาวเยอรมัน เบอร์ทอลท์เบรคชท
ในปี 1957 เขาร่วมกับเพื่อนสนิทชาวสวิส คล็อด กอเลตตา ร่วมกันสร้างหนังเรื่องแรกคือ Nice Time ซึ่งถ่ายทำด้วยฟิล์ม 16 มม. ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตและสรรพสิ่งในยามค่ำคืนของถนนพิคคาเดลลี่ จนกระทั่งในปี 1960 เขากลับสู่สวิตเซอร์แลนด์อย่าถาวร และเข้าทำงานกับสวิส เทเลวิชั่นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้เขาได้ลงมือทำสารคดีหลายต่อหลายเรื่อง ที่ถ่ายทอดออกมาในแบบสัจนิยมจริงแท้ หรือซีนีม่า เวรีเต้ แนวทางสารคดีที่ตีแผ่ความจริงโดยไม่ผ่านการปรุงแต่งใดๆ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากกลุ่มสารคดีซีนีมา เวรีเต้ ที่มีบทบาทสำคัญต่อภาพยนตร์ฝรั่งเศสในปลายยุค 60 ภายใต้การนำของนักมานุษยวิทยาคนสำคัญ ฌอง รูซ
ระหว่างปี 1965 ถึง 1968 กับสวิส เทเลวิชั่น ตองแนร์ทำหนังออกมามากมายและหลากหลายเนื้อหา รวมถึง Docteur B, medecin de campagne ในปี 1968 ที่บอกเล่าชีวิตประจำวันของแพทย์ในชนบทของสวิตเซอร์แลนด์ และ A City of Chandigarh สารคดีเกี่ยวกับผลงานสถาปัตยกรรมในอินเดียของ Le Corbusier สถาปนิกชื่อก้องชาวสวิส-ฝรั่งเศส ตองแนร์ทำงานให้กับ สวิส เทเลวิชั่น จนกระทั่งปี 1968 ซึ่งนี่เองเป็นจุดสิ้นสุดชีวิตการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์อิสระของเขาด้วย
ในปี 1968 นี้เอง เขาร่วมกับเพื่อนผู้กำกับภาพยนตร์หัวก้าวหน้าชาวสวิสอีก 4 คน ประกอบด้วย คล็อด กอเลตตา มิเชล ซุตแตร์ ฌอง หลุยส์ รอย และฌอง ฌาคส์ ลากรังเก้ ก่อตั้งกลุ่มภาพยนตร์ที่ชื่อว่า กรุ๊ป 5 ซึ่งภาพยนตร์ที่สร้างโดยกลุ่มนี้ก่อให้เกิดการปฏิวัติวงการภาพยนตร์สวิตเซอร์แลนด์ ไม่ต่างจากกลุ่ม เฟรนช์ นิวเวฟ ของฝรั่งเศส และบริติช นิวเวฟ จากอังกฤษ
ภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของตองแนร์์ Charles, dead or alive ที่สร้างในปี 1969ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองลอการ์โน่ รวมถึงภาพยนตร์ 2 เรื่องถัดมาคือ The Salamander (1971) และ Jonah Who Will Be 25 in the Year 2000 (1976) ร่วมเขียนบทโดยนักเขียนและนักวิจารณ์ศิลปะฝ่ายซ้ายชื่อดังชาวสวิส จอห์น เบอเกอร์(John Berger) ภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องอุดมไปด้วยแนวคิดเชิงอุดมคติและความใฝ่ฝันในสังคมยูโทเปีย ถ่ายทอดผ่านการผสมของสองแนวทางภาพยนตร์ 2 ขั้ว ทั้งความบริสุทธิของภาพยนตร์แบบซีนีม่า เวริเต้และกลิ่นอายของความแฟนตาซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการสร้างระยะห่างกับคนดูและทำให้ตระหนักอยู่ตลอดว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นคือภาพยนตร์ ทำให้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับงานละครของเบอร์ทอลท์เบรคชท อยู่บ่อยครั้ง โั้ดยทั้งหมดนำแสดงโดย ฌอง ลุค บิโด (Jean-Luc Bideau)ที่ต่อมาเป็นนักแสดงเจ้าประจำของเขา และเป็นนักแสดงคนสำคัญตลอดกาลคนหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์
ปัจจุบัน อแลง ตองแนร์ ในวัยกว่า 80 ปี ได้รังสรรค์ผลงานภาพยนตร์ออกมามากกว่า 40 เรื่อง ภาพยนตร์เรื่องโดดเด่นเรื่องอื่นๆ อาทิ Messido (1979), Light Years Away (1981), In the White City (1983) รวมถึง Jonah and Lila, til Tomorrow (1999) เรื่องราวที่เป็นภาคต่อของ Jonah Who Will Be 25 in the Year 2000
เรื่องย่อภาพยนตร์ของ อแลง ตองแนร์ ที่จะฉายในเทศกาล
Charles, Dead or Alive
Switzerland / 1969 / 93min / B&W
ชาร์ลส์ นักธุรกิจวัยกลางคน ผู้กำลังวิตกอยู่กับเรื่องความยุติธรรมที่ให้กับคนงานในกิจการ ในวันครบรอบการก่อตั้งบริษัท เขาตัดสินใจละทิ้งบ้านและธุรกิจไว้เบื้องหลัง และออกเดินทางไปกับรถคู่ชีพอย่างไร้จุดหมาย ณ ที่แห่งหนึ่งเขาได้พบกับสองสามีภรรยาหัวปฏิวัติ ที่ชักชวนเขาไปร่วมหัวจมท้ายในบ้านหลังเล็กห่างไกลผู้คน ทั้งสามดำเนินชีวิตวันๆอย่างไร้แก่นสาร ซึ่งทำให้ชาร์ลส์ได้เรียนรู้ความหมายหลากหลายสิ่งในชีวิตที่เขาไม่เคยแม้แต่เฉียดเข้าใกล้ ขณะเดียวกัน ในอีกด้านหนึ่งฝ่ายลูกชายหัวโบราณกำลังวางแผนการบางอย่างเพื่อเข้าครอบครองกิจการเสียเอง
The Salamander
Switzerland / 1971 / 128 min / B&W
ปิแอร์ นักเขียน ร่วมกับเพื่อน นักหนังสือพิมพ์ พอล สืบหาความจริงในคดีฆาตกรรมที่ โรสมอนเด้ เด็กสาวชนชั้นแรงเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ฆาตกรรมลุงของตัวเอง ผ่านการสัมภาษณ์เด็กสาวและเค้าลางจากหลักฐาน เธอยืนกรานปฏิเสธว่าเป็นอุบัติเหตุขณะที่ลุงของเธอทำความสะอาดปืนไรเฟิล แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไรนั้นไม่ใช่ประเด็นที่เขาทั้งสู่สนใจ แต่เป็นการเจาะลึกสู่ตัวตนและความสัมพันธ์ของเธอและลุงของเธอนั่นคือสิ่งที่สองหนุ่มเฝ้าค้นหา
Jonah Who Will Be 25 in the Year 2000
Switzerland, France / 1976 / 116 min / Colour, B&W
การปฏิวัติในปี 1968 ได้ส่งแรงกระเพื่อมต่อชีวิตของชนยุโรปในชั่วขณะหนึ่ง กลุ่มหนุมสาวชาวสวิส 8 ชีวิตก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นปัญญาชนผู้มีความหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกไปสู่สังคมอุดมคติ และเมื่อหนึ่งในนั้นได้ถือกำเนิดทารกขึ้น พวกเขาคาดหวังว่าสิ่งนั้นจะเป็นจริงเมื่อเด็กน้อยอายุครบ 25 ในปี 2000
Messidor
Switzerland, France / 1979 / 130 min / Colour
ณานและมารี สองสาวต่างพื้นเพที่บังเอิญพบกัน ทั้งคู่พบว่าชีวิตวัยรุ่นของตนนั้นสุดแสนจะน่าเหนื่อยหน่าย ทั้งสองจึงตัดสินใจโบกรถเพื่อเดินทางอย่างไร้จุดหมายนานเท่านานจนกว่าจะพอใจ แต่เพียงแค่สองวันให้หลังเงินติดกระเป๋าของสองสาวหมดไปกับค่าอาหารและโรงแรม โรงฆ่าสัตว์นั้นเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการหลับนอนและเทียวขอเงินจากผู้คนบนท้องถนน ในวันหนึ่งการค้นพบในสิ่งที่ไม่คาดฝันนำพาชีวิตทั้งสองไปสู่ความยุ่งยาก
Light Years Away
Switzerland, France / 1981 / 110 min / Colour
ดัดแปลงจากนิยายของ Daniel Odier เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มเร่ร่อนที่บังเอิญสานสัมพันธ์กับชายแก่วิกลจริต ผู้อ้างตัวว่าครั้งหนึ่งเคยถูกสอนให้บินโดยหมู่นกบนฝากฟ้า เขาชักชวนให้เด็กหนุ่มมาร่วมสร้างเครื่องร่อนที่สามารถพาร่างของมนุษย์ลอยล่องขึ้นสู่ขอบฟ้าเฉกเช่นนกได้
In The White City
Switzerland / 1983 / 108min / Colour
พอล หนุ่มช่างเครื่องผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตเส็งเคร็งบนเรือที่ไม่ต่างจากโรงงานลอยน้ำที่เต็มไปด้วยเหล่าคนวิกลจริต เขาตัดสินใจละทิ้งเรือในค่ำคืนหนึ่งริมฝั่งลิสบอน เช่าห้องซอมซ่อโดดเดี่ยวตัวเองอยู่กับความว่างเปล่า และเฝ้าเขียนจดหมาย พร่ำพรรณนาถึงความโดดเดี่ยวและเปลี่ยวเหงาในเมืองท่าอันพลุกพล่านแห่งนี้ พร้อมกับวีดีโอ ที่บันทึกจากกล้อง 8 มม.คู่ใจ ถึงสาวคนรักที่อยู่ห่างไกลถึงสวิตเซอร์แลนด์ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มคลอนแคลน เมื่อ พอล เกิดพบรักเข้ากับ โรซ่า หญิงทำความสะอาดที่เขาพบเจอในบาร์ใกล้ท่าเรือในคืนหนึ่ง
Alain Tanner's Biography
Born in Geneva in 1929, Alain Tanner studied socio-economics. At the age of 23 he enlisted in the merchant navy and was mustered by the West Africa Line in the port of Genoa.
After this very formative experience on the high seas, he returned briefly to Switzerland, then set off for London, where he lived from 1955 to 1958.It was here that he fell in love with the cinema, frequenting the Cinémathèque and making friends with critics and members of the British “Free Cinema”move-ment, such as Lindsay Anderson and Karel Reisz. With them he shared an interest in the critical and political dimension of the cinema, inspired largely by Bertolt Brecht.
In 1957, he made his first film in London with his friend Claude Goretta. This 16-mm short, entitled Nice Time, featured the night life of the Piccadilly district. In 1960, Alain Tanner returned permanently to Switzerland, where he was commissioned to make a number of documentaries in the cinéma vérité style of the time. This was the beginning of a long period of collaboration with Swiss television.
From 1965 to 1968, Tanner made films on a wide range of subjects, including Docteur B, médecin de campagne(1968), on the daily life of a doctor in the Swiss countryside, and Une ville à Chandigarh(1966),on the work of the architect Le Corbusier in India. Tanner’s work for Swiss television came to an end in 1968, when he embarked on his career as an independent director. In that year, he founded Groupe 5 in conjunction with four other Swiss filmmakers: Claude Goretta, Michel Soutter, Jean- Louis Roy and Jean-Jacques Lagrange. Since 1969,Alain Tanner has made 20 full-length films, the most recent being Paul s’en va(2004).
Retrospective: Alain Tanner, WFFBKK 2009
Charles, Dead or Alive
Switzerland / 1969 / 93min / B&W
Charles is a middle aged business man who runs an inherited company. On the anniversary of his company's founding, he finds himself suffering from depression and wishes more could be done for the workers. After he expresses his views to a television reporter, Charles leaves home and his business behind. His conservative son is horrified at his father's behavior when he takes up with an anarchistic couple who push his car over a cliff in a symbolic gesture of material rejection. The man encourages Charles to make love to his wife, but Charles is reluctant. Charles's daughter sees him with the couple and is delighted he shares in her liberal thinking. His son tries to have Charles comitted to an asylum if he will not sign over control of the company in this satirical social commentary.
The Salamander
Switzerland / 1971 / 128 min / B&W
TV journalist reads of a lawsuit, dropped for lack of evidence, in which a girl is accused of deliberately shooting (and wounding) her uncle. For some reason, this piques his interest, and the journalist even goes so far as to talk a novelist friend of his into joining him in researching the incident. As their research and interviews proceed, it becomes clear that they have no interest in the actual truth of the incident, but are more concerned to dig deeply (each in his own way) into the characters of the girl and her uncle. One memorable scene has the girl, while serving as a shoe store salesperson, fondling the legs of her customers.
Jonah Who Will Be 25 in the Year 2000
Switzerland, France / 1976 / 116 min / Colour, B&W
The revolutionary upheaval of 1968 rocked Europe, and led to many changes. For a while, it was possible to think that the radical idealism of the youth protests would finally take form in the world. In this film, eight people in their late tweties and early thirties try to keep the radical flames burning. From a man continuing his mystic quest to a Robin Hood-like grocery worker, each of them seeks an alternative to the mainstream vision. One of them is married, and his child Jonah, born that year, will be 25 in the year 2000.
Messidor
Switzerland, France / 1979 / 130 min / Colour
During the heyday of the French Revolution, the days of the week and the names of months and seasons were renamed in an attempt to deepen the effects of the rebellion through linguistic means. Messidor was the name given to the harvest season at that time. In this story, two contemporary Swiss girls are called the "Messidor sisters" by a policeman, indicating that they grew up in prosperity. Despite the comfortably banal outward appearance that the two have serene and secure lives, the girls experience many difficulties, including an attempted rape.
Light Years Away
Switzerland, France / 1981 / 110 min / Colour
In this quirky drama, a young man gets involved with an eccentric, elderly man attempting to build a one-man flying machine in his garage.
In The White City
Switzerland / 1983 / 108min / Colour
A Swiss sailor jumps ship in Lisbon, tired of the noisy engine room, the ship "a floating factory of crazy people." He rents a room and does little. He writes letters to his lover, describing the whiteness of the city, the solitude and the silence. He sends his love and emptiness; she replies with love and confusion. He sends movies from his 8mm camera. Then he becomes friendly with Rosa, a chambermaid, and soon it's a love affair. He continues to send letters and movies home. His Swiss lover is hurt and angry; she sends an ultimatum.