MSN on September 29, 2015, 03:03:50 PM
“ตราช้าง” จากเอสซีจี ชวนแต่งฝ้าเพดานเติมสีสันให้ห้องโปรด แนะ 4 สไตล์การมิกซ์แอนด์แมทช์ลวดลายฝ้า ตอบตัวตนเจ้าของบ้าน



คุณเทวินทร์ วรรณะบำรุง  ผู้ชำนาญการพิเศษแวลูดีไซน์ครีเอเตอร์ จาก “ตราช้าง”

ปัจจุบันเทรนด์การตกแต่งห้องที่สามารถสะท้อนไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากคนส่วนใหญ่มองว่าห้องเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถบ่งบอกตัวตนได้ดีที่สุด ในบ้านที่มีสมาชิกหลายคนจึงอาจตกแต่งให้บรรยากาศของแต่ละห้องมีสไตล์ที่แตกต่างกันไปตามความชอบของแต่ละคน ซึ่งฝ้าเพดานเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างลวดลาย สีสัน และเสริมให้สไตล์ห้องมีความเด่นชัดได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น “ฝ้า สมาร์ทบอร์ด ตราช้าง” จึงเสนอไอเดียการนำฝ้าลวดลายต่างๆ อาทิ ขอบเรียบ เซาะร่อง ลายไม้ และลายทิมเบอร์ มามิกซ์แอนด์แมทช์ (Mix & Match) ให้มีลูกเล่น น่าสนใจ สร้างมิติใหม่ในการตกแต่งห้องให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น

คุณเทวินทร์ วรรณะบำรุง ผู้ชำนาญการพิเศษแวลูดีไซน์ครีเอเตอร์ “ตราช้าง” ในเครือเอสซีจี กล่าวว่า “ฝ้าเพดาน” เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มสไตล์ให้กับทุกๆ ห้องในบ้าน สะท้อนไลฟสไตล์ของผู้อยู่อาศัย ซึ่งฝ้าที่ดีควรเป็นฝ้าที่ทนทาน ทนน้ำ ปลวกไม่กิน และมีค่าการนำความร้อนต่ำ เพื่อช่วยให้บ้านเย็นขึ้นได้ โดยในปัจจุบันการตกแต่งฝ้าสามารถทำได้หลายรูปแบบ ดังนั้น “ฝ้า สมาร์ทบอร์ด ตราช้าง” จึงได้แนะนำ 4 สไตล์ในการมิกซ์แอนด์แมทช์ฝ้า เพื่อสะท้อนตัวตนของสมาชิกในครอบครัวที่แตกต่างกันได้อย่างตรงใจมากที่สุด ดังนี้

สไตล์แรกคือ “คอนเทมโพรารี่” (Contemporary Style) เป็นสไตล์ที่ผสมผสานของสองสิ่งที่แตกต่างกันมาอยู่ด้วยกันตามสไตล์ที่ตนเองชอบได้อย่างอิสระ เช่น การนำของเก่ามาตกแต่งผสมกับของใหม่ หรือสีทึบกับสีโปร่ง เหมาะกับคนที่มีความเป็นตัวของตัวเอง ชอบผสมผสานของต่างๆ เพื่อให้เป็นสไตล์ที่ตนเองชอบ การตกแต่งฝ้าในสไตล์นี้จึงสามารถดีไซน์ได้อย่างอิสระ ทั้งรูปแบบและลวดลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมใช้ฝ้าสองแบบที่มีลักษณะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงมาตกแต่งเข้าด้วยกัน เช่น ฝ้าแบบเรียบกับฝ้าแบบมีลายมามิกซ์แอนด์แมทช์ให้กลายเป็นสไตล์ของเจ้าของบ้านเองด้วยเทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคผิวสัมผัส การเล่นเลเยอร์ หรือการใช้เส้นสายชี้นำไปยังจุดเด่นของห้อง เพื่อให้ห้องดูน่าสนใจและมีมิติมากขึ้น ในส่วนของโทนสีที่ใช้มักเน้นให้สอดคล้องกับภาพรวมของห้องเป็นหลัก เช่น ถ้าภาพรวมของห้องเป็นโทนสีเข้ม ควรเลือกใช้ฝ้าโทนสีอ่อนหรือกลางๆ เพื่อให้ภาพรวมของห้องดูเบาขึ้น หรือหากต้องการให้ห้องมีสีสัน ก็สามารถนำเฟอร์นิเจอร์สีสันสดใสมาตกแต่งเพิ่มได้ และนิยมใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว เนื่องจากสามารถจัดสรรพื้นที่ได้ตรงกับความต้องการของเจ้าของบ้านมากที่สุด

สำหรับสไตล์ที่สองคือ “โมเดิร์น” (Modern Style) ซึ่งเป็นสไตล์ที่เน้นโชว์ความทันสมัย ความแปลกใหม่ มีเส้นสายหรือเหลี่ยมมุมที่คมชัด  เหมาะกับคนที่ชื่นชอบความเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความหรูหรา ชอบการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ดังนั้น การตกแต่งฝ้าในสไตล์นี้จึงเน้นความเรียบง่าย หรือใช้เส้นสายให้สอดคล้องกับภาพรวมของห้องเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้ฝ้าแบบเรียบ หรือแบบเซาะร่อง เพราะสามารถแสดงถึงความหรูหราและทันสมัยได้ชัดเจนที่สุด และเลือกใช้โทนสีที่เป็นกลาง เรียบๆ  เช่น โทนสีขาวหรือสีครีม ไม่นิยมทำฝ้าให้เป็นสีดำเนื่องจากจะทำให้ห้องเล็กและแคบลงได้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างความโดดเด่นให้กับห้องด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ห้องสีขาว แต่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีสดใสเพื่อให้เป็นเป็นจุดนำสายตาเพียงชิ้นเดียว

สไตล์ที่สาม คือ “เนเชอรัล” (Natural Style) เป็นสไตล์ที่เน้นความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ซึ่งเป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะเป็นสไตล์ที่บ่งบอกถึงความมีชีวิตได้ดีที่สุด เหมาะกับคนที่ชื่นชอบกับธรรมชาติเป็นหลัก การตกแต่งฝ้าของสไตล์นี้นิยมใช้ฝ้าแบบเรียบ ผสมผสานกับฝ้าลายไม้ หรือลายทิมเบอร์ เพื่อให้ห้องดูกลมกลืนและสอดคล้องกับธรรมชาติมากที่สุด นอกจากนี้ยังนิยมให้เทคนิคการยกสูงและเปิดโล่ง เพื่อให้แสงจากธรรมชาติเข้าถึงตัวห้องได้มากขึ้นด้วย หรือหากไม่มีต้นไม้ สามารถทาสีฝ้า ผนัง และพื้นด้วยโทนสีธรรมชาติ เพื่อให้ภาพรวมของห้องดูกลมกลืนกัน นอกจากนี้การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์จากวัสดุธรรมชาติ หรือวัสดุที่ทำด้วยมือ (Handicraft) มาตกแต่ง ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมให้สไตล์นี้เด่นชัดเพิ่มขึ้นได้ ส่วนสีของห้องก็สามารถเป็นได้ทั้งสีอ่อนและเข้ม เพราะสีน้ำตาล สีธรรมชาติ สามารถเข้ากับสีอะไรก็ได้ หรืออาจเลือกใช้สีโทนร้อน เช่น สีส้ม หรือสีแดง เพื่อทำให้ห้องดูอบอุ่นและน่าอยู่มากขึ้น

สไตล์สุดท้ายคือ “ไทย-โอเรียนทอล” (Thai Oriental Style) สไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลวดลายความเป็นไทย เน้นโชว์ความประณีตและความละเอียดอ่อน เหมาะกับเจ้าของบ้านที่ชื่นชอบเอกลักษณ์ความเป็นไทยหรือต้องการให้ห้องมีกลิ่นอายความเป็นไทยแท้ โดยการแต่งห้องสไตล์นี้จะเน้นไปที่ลวดลายและการใช้สีสันเป็นหลัก จึงทำให้สามารถใช้ฝ้าหลากหลายรูปแบบมามิกซ์แอนด์แมทช์กัน ทั้งฝ้าแบบเรียบและฝ้าแบบมีลาย พร้อมคงเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วยการเดินคิ้วตามขอบ ทั้งขอบในและขอบนอก นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มเทคนิคการเล่นยกระดับและซ่อนไฟ เพื่อให้ดูหรูหราและเป็นเอกลักษณ์มากขึ้นด้วย สำหรับการเลือกใช้โทนสี สามารถเลือกใช้ได้ทั้งโทนสีที่เรียบง่าย หรือเลือกใช้โทนสีที่ดูสดใสอย่างแม่สีของไทย เช่น สีน้ำเงินเบญจรงค์ สีน้ำตาลไหม้ สีทอง สีแดงชาด ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ในกลุ่มผ้าไหมที่มีดิ้นทองและผ้าทอมือที่มีเส้นใยฝ้ายสอดแทรก ก็จะช่วยเสริมความเป็นไทย-โอเรียนทอลได้เป็นอย่างดี

เพราะฝ้าเป็นส่วนหนึ่งของห้องที่มีความสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ เจ้าของบ้านจึงควรให้ความสำคัญ และหาสไตล์ที่ “ใช่” ของตนเอง โดยสามารถเลือกมิกซ์แอนด์แมทช์สไตล์ห้องให้สะท้อนความเป็นตัวเองได้ เพียงเลือกหยิบยกฝ้ามาผสมผสาน (Mix & Match) จนกลายเป็นสไตล์ที่สวยตรงใจมากที่สุด สำหรับผู้ที่ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.trachang.co.th หรือ เอสซีจี คอนแทค เซ็นเตอร์ โทร. 02-586-2222
« Last Edit: September 29, 2015, 03:06:23 PM by MSN »

MSN on September 29, 2015, 03:04:00 PM



“สไตล์คอนเทมโพรารี่” (Contemporary Style) การตกแต่งฝ้าที่นิยมใช้ฝ้าสองแบบที่มีลักษณะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงมาตกแต่งเข้าด้วยกัน




“สไตล์โมเดิร์น” (Modern Style) นิยมใช้ฝ้าแบบเรียบ หรือเน้นเส้นสายแบบเซาะร่อง สีโทนอ่อน ที่สามารถแสดงถึงความหรูหราและทันสมัยได้ชัดเจนที่สุด



“สไตล์เนเชอรัล” (Natural Style) นิยมใช้ฝ้าแบบเรียบ ผสมผสานกับฝ้าลายไม้ หรือทิมเบอร์ เพื่อให้ห้องดูกลมกลืนและสอดคล้องกับธรรมชาติ





ฝ้าที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งแบบขอบเรียบ แบบเซาะร่อง แบบลายไม้ และแบบลายทิมเบอร์
« Last Edit: September 29, 2015, 03:11:41 PM by MSN »