MSN on September 16, 2015, 03:17:09 PM
KTAM ขายตราสารหนี้ 6 เดือนชู 1.85% ต่อปี
 
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่าในช่วงที่ภาวะหุ้นมีความผันผวน แกว่งตัวอยู่ในช่วงแคบๆ นับว่าเป็นโอกาสที่ดี สำหรับการพักเงินไว้ในกองทุนประเภทตราสารหนี้  ประเภทกำหนดระยะเวลา ซึ่งมีโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคารและเป็นกองทุนที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า สามารถขายได้เต็มมูลค่าโครงการอย่างต่อเนื่อง และปิดขายก่อนระยะเวลาที่กำหนด
 
บริษัทจึงเปิดจำหน่าย อีก 2 กองทุนตราสารหนี้ เสนอขายตั้งแต่วันที่ 15 - 22 กันยายน 2558ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 32 ( KTFFE32 ) อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภท Medium Term Note  (MTN) ที่ออกโดย Banco Latinoamericano de Comercio Exterior , S.A. , MTN ที่ออกโดย  Industrial and Commercial Bank of CHINA (Asia ) Ltd. , MTN ที่ออกโดย Standard Bank of South Africa , เงินฝากประจำ Bank of China (Macau ) , เงินฝากประจำ Turkiye Garanti Bankasi A.S. , เงินฝากประจำ Yapi Kradi Bankasi ผลตอบแทนประมาณ 1.85% ต่อปี
 
นอกจากนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ ( Roll Over ) ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6 เดือน 6 ( KTSIV6M6 ) เสนอขายถึงวันที่ 18 กันยายน 2558 เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท ตราสารหนี้ภาคเอกชน บมจ.เอเชียเสริมกิจลีสชิ่ง บมจ.บัตรกรุงไทย  บมจ.เอสซีแอสเสท คอร์ปอเรชั่น บจ.หลักทรัพย์ เคทีซีมิโก้ และบมจ.ราชธานีลิสชิ่งในสัดส่วน 87 %ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล  และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี
 
อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตามแรงขายอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติเพื่อลดความเสี่ยงจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่อาจทำให้ประเทศที่พึ่งพาเศรษฐกิจจีนมีการชะลอตัวตามและทำให้ค่าเงินมีการอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ถึงแม้ปัจจัยพื้นฐานของประเทศยังไม่เอื้อต่อการปรับขึ้นอัตราผลตอบแทนก็ตาม  โดยในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิจำนวน 8,396 ล้านบาท สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย ที่จะมีการประชุมในช่วงเวลาเดียวกันกับการประชุม Fed ซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่จะเริ่มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ และการเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ
 
ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตามแรงขายเพื่อย้ายเม็ดเงินลงทุนกลับไปลงทุนในหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีน  อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP) ของกลุ่มประเทศยุโรป ( EU) ที่ดีกว่าคาด และจากตัวเลขตำแหน่งงานที่ว่างของสหรัฐอเมริกาที่ดีขึ้น ก่อนจะปรับตัวลดลงบ้างในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์จากการที่ตลาดกลับมาคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ ( Fed ) อาจไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนนี้หลังตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ทรงตัวในเดือนสิงหาคมส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 0.71% ต่อปี ไม่เปลี่ยนแปลง อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 bps. มาอยู่ที่ 1.51% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6 bps.มาอยู่ที่ 2.19% ต่อปี
 
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นทิศทางเศรษฐกิจโลก และผลการประชุม Fed ท่ามกลางความไม่แน่นอนของช่วงเวลาที่ Fed จะเริ่มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งอาจส่งผลต่อความผันผวนของตลาดและต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้
« Last Edit: September 16, 2015, 04:02:06 PM by MSN »