MSN on September 14, 2015, 02:59:33 PM
สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ตั้ง “คณะทำงานย่อย” และ “กลุ่มคลัสเตอร์ธุรกิจ” เฟ้นไอเดียร่วมฟื้นฟูกลุ่มธุรกิจ ส่าสุดเตรียมรวมพลังครั้งใหญ่ เพื่อร่วมรับฟังนโยบายช่วยเหลือใหม่จากรัฐบาล 18 ก.ย.นี้
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย มีมติรับข้อเสนอแนะจากสมาชิกเครือข่ายองค์กรธุรกิจวิสาหกิจชุมชนขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ว่าในภาคีสมาชิกจะมีการรวมตัวกันเพื่อจัดตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยในด้านต่างๆ และการจัดตั้งคลัสเตอร์ธุรกิจตามประเภทอุตสาหกรรม เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้นำธุรกิจเอกชนที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละกลุ่ม แต่ละภาคธุรกิจ ได้ร่วมกันสรุปปัญหาหรือความต้องการ รวมถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาของธุรกิจในแต่ละประเภท เพื่อนำไปเสนอต่อภาครัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรมในลำดับต่อไป นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบว่า กลุ่มเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี ภายใต้ภาคีสมาชิกของสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย มีการเตรียมรวมพลังสมาชิกจำนวนมาก เพื่อเข้ารับฟังการนำเสนอนโยบายการช่วยเหลือภาคธุรกิจของรัฐบาล โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการจัดงานประชุมดังกล่าวในวันที่ 18 กันยายน ณ เมืองทองธานี
นายสนธิรัตน์ กล่าวเสริมว่า กลุ่มเครือข่ายสมาชิก ได้มีการรวมกลุ่ม และเสนอเพื่อที่จะตั้งคณะทำงานในด้านต่างๆ ประกอบด้วย คณะทำงานการค้าภายในประเทศ, คณะทำงานด้านการค้าตลาดต่างประเทศ, คณะทำงานเรื่องการค้าชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษ, คณะทำงานเรื่อง Trade Mission, คณะทำงานเรื่องกิจกรรมการเชื่อมโยง, คณะทำงานเรื่องกิจกรรมสัมพันธ์, คณะทำงานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน OTOP, คณะทำงานกลุ่มวิเคราะห์สายการผลิต, คณะทำงานสื่อสารองค์และประชาสัมพันธ์, คณะทำงานเรื่องการพัฒนาและยกระดับธุรกิจเอสเอ็มอี (SME Development) และคณะทำงานเรื่อง Digital Business Intelligence ส่วนการรวมกันเป็นกลุ่มธุรกิจหรือ Cluster นั้น ประกอบด้วยคลัสเตอร์เกษตรแปรรูป, คลัสเตอร์เกษตรอินทรีย์แปรรูป, คลัสเตอร์เครื่องสำอาง, คลัสเตอร์สปา ท่องเที่ยวและบริการผู้สูงอายุ, คลัสเตอร์บริการขนส่งทางอากาศ (Air Logistic) และคลัสเตอร์สื่อสิ่งพิมพ์ นอกจากนี้อาจจะมีการรวมกลุ่มกันเพื่อตั้งคณะทำงานหรือกลุ่มคลัสเตอร์เพิ่มขึ้นตามความต้องการของกลุ่มธุรกิจได้ ในอนาคตด้วย
ปัจจุบันสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยมีสมาชิกภายใต้ 103 องค์กร เป็น SME 5 หมื่นราย เป็นสหกรณ์ 12 ล้านราย เช่น สมาคมการค้าไทยสมาร์ทเอสเอ็มอี, สมาคมการค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย, สมาคมแฟรนไชส์และไลเซ่นส์, สมาคมพ่อค้าจังหวัดยะลา, สมาคมเอสเอ็มอีไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ชมรมเครือข่ายผู้ประกอบการใหม่ NEC Network, สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน, สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวนครนายก, สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย, เครือข่ายธุรกิจ Biz Club Thailand, สมาคมภัตตาคารไทย, สมาคมบริการดูแลผู้สูงอายุไทย, ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย, สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย, สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย, สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย, SMART SME CLUB (ภายใต้พีเพิลมีเดีย กรุ๊ป), สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เป็นต้น
“ ปัญหาเบื้องต้นของเอสเอ็มอีไทย มีเรื่องหลักประมาณ 3 เรื่อง คือ เรื่องการเงินหรือแหล่งเงินทุน เรื่องการตลาดหรือการจัดการขาย และเรื่องของนวัตกรรมที่นำมาใช้ในธุรกิจ ซึ่งการรวมกลุ่มกันเองของคณะทำงาน หรือกลุ่มคลัสเตอร์ธุรกิจนั้น จะช่วยทำให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านของแต่ธุรกิจ ได้มีโอกาสร่วมกันระดมสมองในการรวบรวมปัญหา และข้อเสนอแนะที่ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง เพื่อนำไปเสนอต่อภาครัฐในลำดับต่อไป ส่วนปัญหาหลักในระดับโครงสร้าง โดยเฉพาะเรื่องของเงินทุน และการส่งเสริมทางการตลาดที่จะเป็นนโยบายของภาครัฐ ก็นับเป็นโอกาสอันดีที่ภาครัฐบาล นำโดยท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีการจัดงานแถลงนโยบายการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี ทั้งในเรื่องของโครงการสินเชื่อ, มาตรการทางภาษี, มาตรการกระตุ้นการลงทุนต่างๆ ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะเร่งด่วน และระยะยาว ทำให้ภาคีสมาชิกของสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย แสดงความประสงค์เข้าร่วมงานนี้เป็นจำนวนเกือบหมื่นรายทีเดียว” นายสนธิรัตน์ กล่าว
« Last Edit: September 14, 2015, 03:12:12 PM by MSN »
Logged