“ริเวอร์ซิตี้” เปิดแผนรีโนเวท สู่คอนเซ็ปต์ใหม่ศูนย์ศิลปะและโบราณวัตถุหนึ่งเดียวในไทย มูลค่า 1.3 พันล้าน ตอบโจทย์คนรักงานศิลป์ เตรียมพร้อมเป็นฮับแห่ง ARTS HAPPENING
บริษัท เจ้าพระยา ดีเวล๊อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือบริษัทอิตัลไทยกรุ๊ป ผู้บริหารศูนย์การค้า เดอะ ริเวอร์ซิตี้ แบงคอก เปิดแผนเตรียมรีโนเวท ทุ่มงบ 250 ล้านปรับโฉมเป็นศูนย์ฯ 4 ชั้นสุดทันสมัย รวมพื้นที่ 13,000 ตร.ม. รับการขยายตัวของธุรกิจศูนย์การค้าริมแม่น้ำกับคอนเซ็ปต์ใหม่ของ “เดอะ ริเวอร์ซิตี้ แบงคอก” (THE RIVER CITY BANGKOK) ให้เป็นศูนย์กลางศิลปะและโบราณวัตถุหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย (ASIA’S PREMIER ARTS, ANTIQUES AND CULTURED LIVING SHOPPING CENTRE) ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 1,300 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จเมษายน 2559 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มคนรักงานศิลปะและเป็นเดสทิเนชั่นของเอเชียที่จะมี ART HAPPENING ระดับประเทศเกิดขึ้นเป็นประจำ
วรพงศ์ สุขธีรอนันตชัย กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ กล่าวว่า ทางบริษัท เจ้าพระยา ดีเวล๊อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้วางแผนในการปรับโฉมศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด โดยใช้งบประมาณกว่า 250 ล้านบาทในการรีโนเวทให้ทั้ง 4 ชั้นของศูนย์การค้ามีความทันสมัย ในคอนเซ็ปต์ใหม่ “เดอะ ริเวอร์ซิตี้ แบงคอก” ศูนย์ศิลปะและโบราณวัตถุแห่งแรกในเอเชียที่ผสานสอดรับรูปแบบการใช้ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้หลงใหลในศิลปวัฒนธรรมอย่างลงตัว ภายใต้สโลแกน THE ANCHOR OF ARTS & ANTIQUES เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจศูนย์การค้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มเฟสแรกเดือนกันยายน 2558 ใช้เวลาในการก่อสร้างราว 8 เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเมษายน 2559 หลังเสร็จสิ้นจะมีมูลค่าโครงการกว่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่ารวมที่ดิน สิ่งปลูกสร้างและค่าตกแต่ง
วรพงศ์ กล่าวถึงจุดเด่นของศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ว่า เป็นศูนย์การค้าเฉพาะด้านหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่รวมร้านค้าด้าน ARTS & ANTIQUES ระดับคุณภาพสูงและเจ้าของร้านมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ไว้ในที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นร้าน BEYOND THE MASK ของ ยิ่งยง โอภากุล พี่ชายฝาแฝดของแอ๊ด คาราบาว, ร้าน PAGODA ที่ขายชิ้นงานศิลปะของศิลปินดังมากมาย, ร้าน THE OLD TIME ของคุณวิชัย ทองวานิช ที่รวมงานเฟอร์นิเจอร์และรูปภาพไทยแท้โบราณที่หายากยิ่ง, ร้าน HONG ANTIQUES โดดเด่นด้านเครื่องลายครามโบราณจีนและไทยของคุณธารา แซ่เบ๊ เจ้าของร้านผู้คร่ำหวอดในวงการเครื่องสังคโลกมานานกว่า 50 ปี, ร้าน LAMPION ของคุณพรรณวสา กุลบุตร ผู้คร่ำหวอดและโด่งดังด้านผ้าโบราณแท้จากพม่า, ล้านนา และลาว รวมถึงเฟอร์นิเจอร์โบราณล้านนา และอีกมากมาย ซึ่งแต่ละร้านล้วนแล้วแต่เป็นร้านที่เปิดมายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 ประกอบกับทางศูนย์ฯ มีองค์ประกอบร้านค้าประเภทอาหารและไลฟ์สไตล์คุณภาพระดับพรีเมียมที่ทำให้ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้มีชื่อเสียงยาวนานเป็นที่น่าเชื่อถือของชาวต่างชาติมา 30 ปี
สัดส่วนร้านค้าแบ่งเป็นร้านจำหน่ายงานศิลปะและวัตถุโบราณ 60%, ร้านอาหารและบาร์ 20% เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน 20% รวมทั้งสิ้น 260 ร้านค้า พร้อมด้วยศูนย์ประมูลศิลปวัตถุและโบราณวัตถุระดับประเทศ (RIVER CITY AUCTION HOUSE) อีกทั้งโครงการตั้งอยู่ในลุ่มเจ้าพระยาที่รายล้อมด้วยโรงแรมชั้นนำระดับ 5 ดาว โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการเดินทางทั้งทางบกและทางน้ำ ได้แก่ ที่จอดรถ 500 คัน โป๊ะเรือขนาดใหญ่ 3 ท่า พร้อมทางลาดสำหรับคนพิการแยกอิสระ
“กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 70% และลูกค้าชาวไทย 30% โดยสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศ 5 อันดับ ได้แก่ 1.จีน 2. ยุโรป (เยอรมัน, สวิตเซอร์แลนด์, ฝรั่งเศส) 3.สหรัฐอเมริกา 4. ฮ่องกง และ 5. สิงคโปร์ จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯ ช่วงวันจันทร์-ศุกร์ มีประมาณ 3,000 คน และวันเสาร์-อาทิตย์ 4,500 คน หลังจากเปิดให้บริการครบทุกเฟสในเดือนเมษายน 2559 คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 25%” วรพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังได้วางแผนงานสู่การเป็นฮับแห่ง ARTS HAPPENING ที่จะมีกิจกรรม ART EXHIBITION ระดับประเทศ, งาน GRAND AUCTION, ARTS & ANTIQUES SHOW ที่รวมงานแสดงและกิจกรรมด้านศิลปะ ทั้งศิลปวัตถุ, ผ้าทอ, จิลเวลรี่, เครื่องเงินโบราณ, ฯลฯ โดยในครึ่งปีหลังจะมีกิจกรรมให้ความรู้ด้านงานศิลปะและโบราณวัตถุ เช่น เสน่ห์เครื่องดินเผา (ประเภทเบญจรงค์ ลายคราม ลายน้ำทอง) โชว์ชุดสะสมปั้นชาพร้อมลิ้มรสศิลปะการดื่มชาจีนต้นตำรับสุดพิเศษแห่งกรุงสยาม, ยลศิลปะเอเชียไม้แกะและเครื่องเฟอร์นิเจอร์ งานจีน งานพม่า งานอินโดนีเซีย, นิทรรศการศิลปกรรมสีน้ำอินเตอร์ ร่วมกับศิลปินชื่อดังของจีนและไทย และนิทรรศการของสะสมแสตมป์อาเซียน เป็นต้นหมุนเวียนจัดแสดงทุกเดือน
สำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่กำลังจากมาถึงนี้ วรพงศ์ มองว่า จะส่งผลดีต่อศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้อย่างแน่นอน เพราะเราเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้า ARTS ANTIQUES นานาชาติทั้ง ไทย จีน พม่า อินโดนีเซีย แม้กระทั่งยุโรป ฯลฯ เมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเปิดจะเกิดการไหลเวียนและการกระเพื่อมของธุรกิจครั้งใหญ่ที่ส่งผลดีต่อการค้าขายในทุกๆ แขนง ดีมานด์และซัพพลายจะมีเพิ่มมากขึ้นโดยธรรมชาติ การเปิด AEC เปรียบได้กับการรวม 10 ประเทศ ให้เป็น 1 ชุมชนขนาดใหญ่ เหมือนบ่อน้ำ 10 บ่อที่ต่อเชื่อมถึงกัน การเดินทางก็สะดวกขึ้น กำแพงภาษีที่ลดลงย่อมส่งผลดีต่อการลงทุนของทั้งชุมชน
วรพงศ์ ฉายภาพรวมธุรกิจศูนย์การค้าริมแม่น้ำว่า “เชื่อว่าธุรกิจศูนย์การค้าริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นด้านทัศนียภาพและการสัญจรทางน้ำที่การจราจรคล่องตัวเป็นจุดขายที่สำคัญเมื่อเทียบกับศูนย์การค้าในเมืองทั่วไป อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของศูนย์การค้าในเมืองมีคู่แข่งขันจำนวนมากและมีร้านค้าที่คล้ายคลึงกัน ลูกค้าจึงเลือกไปในศูนย์ที่สะดวกและบรรยากาศการตกแต่งที่ตรงกับที่ชอบมากกว่า ทิศทางการขยายตัวน่าจะเป็นศูนย์การค้าขนาดไม่ใหญ่ และจะเป็นศูนย์การค้าเฉพาะทางมากขึ้น โดยมีร้านอาหารเป็นร้านค้าหลักส่วนหนึ่ง โครงการใหญ่แบบไอคอนสยามและเอเชียทีค 2 น่าจะหาได้ยาก เพราะไม่สามารถรวบรวมที่ดินแปลงใหญ่ได้ อีกทั้งการจราจรที่เข้าถึงโครงการริมน้ำส่วนใหญ่เข้าถึงได้ยากลูกค้าไม่สะดวก และสามารถเลือกที่จะไปศูนย์ฯ ในเมืองได้ง่ายกว่า ดังนั้น การทำเป็นศูนย์การค้าเฉพาะทางจะสร้างเสน่ห์ให้กับโครงการ และอยู่ได้แบบยั่งยืนกว่า”
ทั้งนี้ ผู้บริหารริเวอร์ซิตี้ ได้กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจที่มีผลต่ออนาคตของศูนย์การค้าว่า โดยปกติศูนย์การค้าจะขยายในทิศทางเพื่อรองรับชุมชนที่ขยายตัว หลายปีมานี้โครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากมายในเขตเมืองและแนวรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน ดังนั้น ศูนย์การค้าในอนาคตจะกระจายตัวครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการด้านศูนย์การค้ามืออาชีพขนาดใหญ่ในเมืองไทยมีเพียงไม่กี่รายเท่านั้น ซึ่งต่างต้องยึดทำเลที่สำคัญของแต่ละย่านเพื่อปักธงเป็นเจ้าตลาดของชุมชน ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่นิยมทำเป็นศูนย์คอมมูนิตี้มอลล์ คงต้องพิจารณาเป้าหมายในการลงทุนให้รอบคอบขึ้น หากสร้างเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการที่อยู่อาศัยหรือชุมชนของตนเองเพื่อความครบถ้วนก็น่าจะตอบโจทย์ได้ แต่หากหวังผลตอบแทนจำนวนมากจากการลงทุนศูนย์การค้าขนาดเล็กอาจไม่ใช่คำตอบ การทำศูนย์การค้าจึงต้องมี CONCEPT และ POSITIONING ที่ชัดเจนและแตกต่าง มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน การปรับปรุงศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ ให้เป็นศูนย์การค้าเฉพาะด้าน ARTS & ANTIQUES พร้อมท่าเรือที่สมบูรณ์แบบในครั้งนี้จึงเป็นการพัฒนาเพื่อสร้างความแตกต่างและสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืนอย่างแน่นอน
เตรียมพบกับปรากฏการณ์โฉมใหม่ของ ศูนย์การค้า ริเวอร์ซิตี้ แบงคอก ในคอนเซ็ปต์ THE ANCHOR OF ARTS & ANTIQUES ศูนย์ศิลปะและโบราณวัตถุแห่งแรกในเอเชียที่ผสานสอดรับรูปแบบการใช้ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้หลงใหลในศิลปวัฒนธรรมอย่างลงตัวหนึ่งเดียวในประเทศไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทยได้เร็วๆ นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ 02-237-0077 ถึง 78
กลุ่มบริษัทอิตัลไทย คือ กลุ่มธุรกิจสำคัญกลุ่มหนึ่งในวงการธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้าง และธุรกิจพัฒนาโครงการเพื่อการพาณิชย์และฮอสพิทาลิตี้ของประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจของกลุ่มบริษัทอิตัลไทยแบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจในสัดส่วนพอๆ กัน และเป็นกลุ่มธุรกิจที่เป็นรากฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจประเทศไทย ได้แก่ ‘กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร’ ที่เชื่อมโยงกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ และ ‘กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและ ไลฟ์สไตล์’ ที่เชื่อมโยงกับภาคการท่องเที่ยวของไทยซึ่งสามารถแข่งขันได้กับทั่วโลก
กลุ่มบริษัทอิตัลไทย ตั้งเป้าผลักดันยอดขายธุรกิจในเครือให้เติบโตขึ้น 2 เท่า ภายในระยะเวลา 5 ปี ให้มียอดขายต่อปีอยู่ที่ 25,800 ล้านบาท เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานภาพทางการแข่งขันของกลุ่มบริษัทอิตัลไทย และทุ่มเงิน 11,000 ล้านบาทลงทุนในส่วนของศูนย์บริการ สิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ และโรงงาน ตลอดจนการบริการใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนาศักยภาพองค์กร
บริษัท เจ้าพระยา ดีเวล๊อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด 23 ซ.โรงน้ำแข็ง ถ.โยธา แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 โทร 02 237-0077-78