FC on September 26, 2015, 01:53:16 PM
วุธ – อัษฎาวุธ’ สุดทึ่งฝีมือ เซฟฟานี่’ นางเอกดาวรุ่งช่อง 7 สี จากละคร เพลิงตะวัน’



          ผู้กำกับฯ และนักแสดงฝีมือดี 'วุธ – อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร' ผู้ผลิตละคร 'เพลิงตะวัน' สุดทึ่งในฝีไม้ลายมือการแสดงของนางเอกดาวรุ่งช่อง 7 สี 'เซฟฟานี่ อาวะนิค' จากบทบาทสุดท้าทายดีร้ายสุดขั้ว "ตะวัน-ปรางค์ทอง" ในละคร โรแมนติก ดราม่า 'เพลิงตะวัน' ออกอากาศทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี กำลังทยอยปล่อยฉากเด็ดออกมาให้แฟนๆ ลุ้นตามหาตัวตนที่แท้จริงของตะวัน ผ่านฝีมือการแสดงของนางเอกดาวรุ่งช่อง 7 สี โดยผู้กำกับฯ หนุ่มเผยว่า

          "เรื่องนี้ต้องขอชื่นชมนางเอกของผมครับ ที่เล่นได้ใช่ เขาทำได้ดีมาก คือ 'ตะวัน' กับ 'ปรางค์ทอง' บุคลิกจะแตกต่างกันคนละขั้วเลย โดยคนดูจะเห็นถึงความแตกต่างของตัวละครได้ผ่านการสื่อสารจากแววตาที่คนดูจะเห็นได้เพียงชั่วขณะหนึ่งในฉากนั้นๆ จากตะวันกลายไปเป็นปรางค์ทองแล้วกลับไปเป็นตะวันคนเดิม โดยไม่ใช้คำพูดอธิบายอารมณ์ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าน้องเซฟฟานี่สามารถเข้าถึงบทบาทได้จริงๆ และเรื่องราวกำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ อยากชวนให้แฟนๆ คอยลุ้น คอยเชียร์เรื่องราวความรักระหว่าง 'ธงไทย' กับ 'ตะวัน' ว่าจะสมหวังหรือไม่ และติดตามกันต่อไปจนถึงตอนจบเลยนะครับว่าปมต่างๆ จะคลี่คลายอย่างไร ใครคือคนสั่งฆ่าปรางค์ทอง แล้วตะวันจะกลับไปเป็นปรางค์ทองเพื่อค้นหาอดีตของตัวเอง หรืออยู่ที่ไร่กับธงไทยต่อไป ทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ครับ"

FC on September 29, 2015, 03:37:48 PM
คุยกับนักร้องตัวเล็กแต่มากความสามารถ มิ้นท์-กุญช์ภัสส์ (มิ้นท์ ไทนี่จี) กับการแสดงเต็มตัวเรื่องแรก “เพลิงตะวัน”









          มิ้นท์-กุญช์ภัสส์ พรปวีณ์วรกุล นักร้องสาวไทยตัวเล็ก แต่มากความสามารถ หรือที่รู้จักกันในนาม มิ้นท์ ไทนี่จี หนึ่งในสมาชิกของสมาชิกวง Tiny-G เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังของเกาหลี สังกัด GNG Production ที่ล่าสุดมาเอาดีด้านการแสดงแล้วในละคร "เพลิงตะวัน" ของค่ายดูมันดี โดยผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ ไฟแรง วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร เล็งเห็นความสามารถด้านการแสดง จึงส่งเทียบเชิญให้สาวมิ้นท์มารับบท "รัน" น้องสาวของ "คีริน" (โรส-ศิรินทิพย์ หาญประดิษฐ์) เด็กสก๊อย ห้าวๆ กวนๆ วีนๆ วันๆ เอาแต่เที่ยว ช้อปปิ้ง ทั้งๆ ที่บ้านก็จนแต่ก็ไม่เคยสนใจคนอื่นนอกจากตัวเอง...ที่เจ้าตัวบอกว่ารู้สึกขัดๆ กับตัวจริงยังไงก็ไม่รู้!!!
          เรามีโอกาสได้เจอสาวมิ้นท์ในกองละคร "เพลิงตะวัน" ย่านมีนบุรี ซึ่งเป็นฉากที่เจ้าตัวต้องเข้าฉากกับพี่สาว "คีริน" เมื่อมีเวลาว่างสาวมิ้นท์จึงปลีกตัวมาเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟังว่า
          @เล่าชีวิตวัยเด็กหน่อยจ้ะ
          "มิ้นท์เป็นลูกคนเดียว ตอนเด็กๆก็ซนตามประสาเด็กๆ แต่จะเป็นเด็กที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง ตั้งแต่อนุบาลแล้วจะตื่นเองแต่เช้าขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียนไม่มีงอแง เพราะมิ้นท์ชอบไปโรงเรียน เวลาไปโรงเรียนก็จะได้ทำกิจกรรมซึ่งมิ้นท์จะเป็นเด็กที่ชอบทำกิจกรรมมาก มีทั้งรำไทยแล้วก็เต้นซึ่งก็เต้นแบบเด็กๆค่ะ และเมื่อเห็นว่าลูกชอบเต้นก็เลยส่งให้ไปเรียนจริงจังตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ที่ครูสอนตอนนั้นก็เต้นแบบยังง่ายๆ เต้นเหมือนพวกหางเครื่อง แล้วก็สอนพวกเต้นแจ๊สค่ะ"
          จากการเรียนเต้นก็เลยทำให้ได้ทำงานกับพี่เบิร์ด ธงไชย
          "ใช่ค่ะ ตอนนั้นอายุ 11 ปีแต่ตัวยังเล็กมาก ได้เข้าไปออดิชั่นกับ ดีแดนซ์ ของแกรมมี่ ซึ่งหลังจากเต้นให้ดูผู้ใหญ่เขาก็ชอบ ก็เลยให้ไปเต้นเป็นแบ็คอัพแดนซ์เซอร์เริ่มจากอัลบั้ม เปิดฟอร์ล จากนั้นก็เต้นมาหลายคอนเสิร์ต ยอมรับว่าดีใจมากทั้งๆ เรายังเด็กอยู่เลย แต่ก็ได้ร่วมงานกับพี่เบิร์ด ซึ่งพี่เขานิสัยดีมาก แทคแคร์ดีมากกับแดนซ์เซอร์ทุกคนเลยไม่ว่าจะเป็นใคร ตอนซ้อมซื้อขนมมาให้ทานเยอะมาก พี่เบิร์ดน่ารักมากค่ะ"
          @แล้วจากจุดตรงนี้ทำให้คุณแม่ถึงกับเปิดโรงเรียนสอนเต้น
          "จริงๆ ในระหว่างที่ยังเป็นแดนซ์เซอร์ คุณแม่ก็เปิดโรงเรียนสอนเต้นควบไปด้วยเลย ถ้าเวลามิ้นท์ว่างก็จะมาช่วยสอนด้วย แล้วบางครั้งทางโรงเรียนส่งทีมประกวดเต้นคัฟเวอร์ เต้นฮิปฮอป ถ้าขาดคนมิ้นท์ก็จะร่วมลงเต้นประกวดด้วย"
          @แต่มาไกลขนาดได้ไปเป็นศิลปินที่เกาหลี
          "ผลจากการไปประกวดนี่แหละ งานนั้นเราเลือกประกวดเต้นฮิปฮอป พอดีกรรมการมีคนเกาหลีด้วย เขาเห็นเขาก็ชอบหลังประกวดเสร็จจำได้ว่าพวกเรานั่งกินส้มตำอยู่ เขาก็เดินเข้ามาขอถ่ายรูปแล้วถามว่าร้องเพลงได้มั้ย เต้นแนวอื่นได้มั้ย ในวันนั้นงานเขาจัดที่ห้างเซ็นทรัลเวิร์ด ชั้นใต้ดินมีห้องอยู่เขาก็ขอให้มิ้นท์คนเดียวลงไปออดิชั่นเลย มิ้นท์ก็ร้องเพลงให้เขาฟังซึ่งมิ้นท์เคยเรียนร้องเพลงคอร์สสั้นๆ ก็เลยพอร้องได้ ตอนร้องก็เต้นประกอบนิดๆหน่อยไปด้วย เขาก็ถ่ายเป็นวีดีโอไปเลย เสร็จแล้วก็ขอเบอร์ติดต่อ มิ้นท์ก็งงนะตอนนั้น พอวันรุ่งขึ้นเขากลับเกาหลีถัดไปอีกวันเขาก็ติดต่อมาเลยว่าจะมาเกาหลีเมื่อไหร่เพราะงานนั้นทีมมิ้นท์ได้ที่ 1 ได้ตั๋วไป-กลับเกาหลี 1 ที่ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ในทีม เขาเสียสละให้มิ้นท์ไปเพราะบอสใหญ่ที่ GNG เขาอยากเห็นเราตัวจริงแล้วก็ร้องโชว์ให้ดูอีกครั้ง จำได้ว่าวันนั้นพอโชว์เสร็จกลับมาที่โรงแรมในคืนนั้นแม่ก็โทรถามเลยว่า เราได้มั้ย... เพราะตอนนั้นมิ้นท์ยังเรียนอยู่ม.3 แม่ก็เลยอยากรู้ไวๆเพราะจะได้วางแผน ถ้าไม่ได้ก็จะได้กลับเมืองไทย ปรากฏว่าเขาบอกว่าได้กลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้ามาอยู่ที่เกาหลีเลย เป็นอะไรที่เร็วมาก...ความที่แม่ชอบแม่ก็เลยสนับสนุนให้ทำเลย ส่วนมิ้นท์ตอนนั้นเฉยๆคิดว่าไม่ได้ก็กลับมาเรียนต่อ พอได้ชีวิตก็เลยเปลี่ยนในปีแรกๆ ก็ยังไป-กลับ เมืองไทย เกาหลีได้ จนเรียนจบม.6 หลังจากนั้นก็ต้องอยู่เกาหลียาวเลย แต่มิ้นท์ก็ลงเรียนต่อมหาลัยฯที่พิษณุโลก ทางอินเตอร์เน็ตนะ มีช่วงสอบบางครั้งก็กลับมาสอบด้วย แล้วในตอนนั้นมิ้นท์ก็ต้องเรียนภาษาเกาหลีควบไปด้วย ถามถึงคะแนนที่จบปริญญาตรีมาก็ปานกลางค่ะ หลังจากนั้นมิ้นท์ไปเรียนการเต้นที่มหาลัยฯเกาหลีหวังจะเอาปริญญาทางด้านนี้อีกหนึ่งใบ แต่ความที่มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ก็เลยทำให้ตอนนี้ดร็อปอยู่ค่ะ"
          @ทราบว่าใช้ชีวิตคนเดียวในเกาหลีเป็นไงบ้าง
          "ก็อยู่กับค่าย เขามีที่พักให้ อยู่กับเพื่อนๆ เกาหลี ที่บางคนบ้านอยู่ต่างจังหวัดเขาก็ต้องมาพักในโซลค่ะ ช่วงแรกๆ ที่พูดภาษาเกาหลีไม่ได้ภาษาที่ใช้กับเพื่อนๆจะเป็นภาษาใบ้มากกว่า เพราะเพื่อนๆพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แล้วตอนนั้นมีไอโฟนติดไปด้วยก็เลยใช้ google ช่วยแปล ซึ่งก็ช่วยได้เยอะมากเลยค่ะ พอเซ็นสัญญากับค่ายเสร็จโดยเป็นเวลา 7 ปี เขาก็ส่งเราเรียนภาษาจริงจังเลย มีการแบ่งตารางเรียน 9.00 น.-15.00 น. เรียนภาษาทุกวัน หลังจากนั้นก็มาเรียนซ้อมเต้นร้องกับเพื่อนๆ ทำแบบนี้หนึ่งปีเต็มๆซึ่งยอมรับว่ามิ้นท์ตั้งใจมากไม่เคยขาดเรียนเลย ซึ่งปกติถ้าจะสอบเข้ามหาลัยฯที่โน่นต้องเรียนถึงเลเวล 4 แต่มิ้นท์เรียนถึงเลเวล 6 เลย ยอมรับว่าเรียนเร็วมาก ความที่เราเรียนคนเดียวมันก็เลยผ่านเร็วมากค่ะ ทุกวันนี้ก็พูด อ่าน เขียนได้สบายค่ะ"
          พอเข้าปีที่สองเป็นปีที่ให้เราเรียนรู้ภาษาด้วยตัวเอง ส่วนค่ายก็ทำวีซ่าให้เราไม่ต้องกลับไทยแล้ว มีการปรับการเรียนใหม่เป็นเด็กเทรน วันจันทร์-ศุกร์ 10.00 น.-22.00 น. จะเรียนร้องเรียนเต้นทั้งวัน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะได้พัก แต่พอหลังๆมิ้นท์จับกลุ่มมีโปรเจค วันเสาร์ก็ต้องซ้อมกับกลุ่ม พอมีเพลงของตัวเองวันอาทิตย์ก็ต้องมาซ้อมกับเพื่อนๆวันหยุดก็หมดไป สำหรับมิ้นท์ใช้เวลาเตรียมตัวสองปีถึงได้เดบิวส์อัลบั้มค่ะ"
          @เกิดเป็น ไทนี่จี
          "ใช่ค่ะ เรามีสมาชิก 4 คน เกาหลี 3 คน ไทย 1 คน ค่ะ เพลงที่ออกมาสไตล์ฮิปฮอป แต่จะมีความน่ารักผสมเข้าไปด้วย เพราะพวกเราตัวเล็กกันหมด ถือเป็นศิลปินที่ตัวเล็กที่สุดของเกาหลีก็ได้ อัลบั้มที่ออกเป็นซิงเกิ้ลมาวันนี้มี 6 เพลงแล้ว เสียงตอบรับดีเกินคาด ทีแรกเราก็กังวลนะเพราะศิลปินหญิงเกาหลีส่วนมากก็สวยเซ็กซี่ สูงๆ กัน แต่เรามีแต่ตัวเล็กๆ ก็เลยไม่รู้ว่าคนจะชอบมั้ย แต่ปรากฏว่ามันเกินเป้าที่เราตั้งไว้ก็ยอมรับว่าดีใจมาก"
          @แล้วทำไมจู่ๆ บอกว่าจะมาออกอัลบั้มเดี่ยวล่ะ
          "พอดีสมาชิกในวงคนหนึ่งเขาขอเบรกไปเล่นหนัง ส่วนมิ้นท์เองก็อยากทำงานในเมืองไทยบ้าง มันมีโอกาสมิ้นท์ก็เลยเข้าไปคุยกับค่ายว่าอยากทำอัลบั้มเดี่ยวนะ เขาก็ใจดีมากเป็นบริษัทที่ดีมากบอกว่าถ้าอยากทำเขาก็อนุญาตนะ แม่มิ้นท์ก็เลยลงทุนเปิดค่ายเพลงกับคนเกาหลีชื่อ รีรัน มิวสิค ซึ่งก็ทำเพลงไป 2 เพลงแล้ว โดยยังคงเป็นเพลงแนวฮิปฮอปที่ชัดเจนขึ้น รวมไปถึงการแต่งตัวก็จะโตขึ้น มีการเปลี่ยนลุคส์ใหม่ ก็ยอมรับว่ากดดันนิดๆเพราะตอนทำกับไทนี่จี มิ้นท์จะอยู่ในpart แร๊ฟ กับเต้น พอออกเดี่ยวเราก็ต้องทำหน้าที่ร้องมากขึ้น มันก็เลยต้องซ้อมหนักมาก เพราะเราต้องมีคุณภาพพอที่จะออกเดี่ยวได้นะ ซึ่งวางแผนไว้ว่าอัลบั้มน่าจะออกเร็วๆ นี้ค่ะ"
          @มาถึงเรื่องการแสดงละครเรื่อง "เพลิงตะวัน" มาเริ่มได้อย่างไร
          "ได้มีโอกาสไปเจอพี่วุธ ในงานเลี้ยงปิดกล้องละคร พรายพยากรณ์ และเลี้ยงปีใหม่ของ ดูมันดีค่ะ มิ้นท์ก็บอกกับพี่วุธว่าอยากเล่นละคร พี่ก็เลยให้โอกาสรับบท "รัน" ในบทเหมือนเด็กสก๊อย ห้าวๆ กวนๆ วีนๆ วันๆ เอาแต่เที่ยว ช้อปปิ้ง ทั้งๆ ที่บ้านก็จนแต่ก็ไม่เคยสนใจคนอื่นนอกจากตัวเอง...ซึ่งดูตัวเองในมอนิเตอร์ก็ขำตัวเองเพราะรู้สึกขัดๆ เพราะมันไม่ค่อยเหมือนตัวเรา แต่หลายๆคนก็บอกว่ามันไม่ได้แย่มากสำหรับเรื่องแรก ดูแล้วน่าหมั่นไส้ออก ฟังแล้วก็กลัวคนดูจะเกลียดเหมือนกันแต่มองในแง่ดีแสดงว่าเขาจำเราได้นะ"
          @เห็นว่าการแต่งตัวไม่ใช่แนวตัวเองเหมือนกัน
          "ค่ะ ในเรื่องมิ้นท์จะใส่เสื้อกล้าม กับกางเกงขาสั้นตลอด แต่ปกติมิ้นท์จะแต่งตัวสไตล์ฮิปฮอป แบบทอมบอยเหมือนเด็กผู้ชายมากกว่า พอมาเรื่องนี้ต้องแต่งตัวแบบนี้แรกๆก็รู้สึกแปลกๆแต่จะว่าไปก็เคยคิดอยากแต่งแบบนี้เหมือนกัน ก็ได้โอกาสแล้วค่ะ"
          @คิดว่าการแสดงยากหรือไม่
          "โอว ยากมาก โดยเฉพาะพวกซีนอารมณ์ร้องไห้ มิ้นท์ร้องไม่ได้ ก่อนเข้าฉากมิ้นท์ก็พยายามทำอารมณ์แล้วนะ แต่พอเข้าฉากมันก็รู้สึกกดดันมากกลัวจำบทไม่ได้ ทำอารมณ์ไม่ได้ พอยิ่งกลัวสุดท้ายน้ำตาหายไปเลย ทำให้ต้องเทคพยายามยังไงมันก็ยังทำไม่ได้ มิ้นท์ยอมรับว่ามันยากมาก เวลาดูละครแล้วนักแสดงสามารถเล่นให้คนดูร้องไห้ตามได้ยอมรับว่าทึ่งมาก เพราะมันไม่ได้ทำได้ง่ายๆ เลย"
          @ฉากที่คิดว่าตัวเองเล่นยากที่สุด
          "ฉากของมิ้นท์ที่เรียนจบรับปริญญา กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี แม่ดีใจมากร้องไห้หนักมาก แต่มิ้นท์น้ำตาไม่ไหลเลย ก็รู้สึกกับตัวเองนะว่าทำไมเราถึงทำไม่ได้ มันเป็นอะไรที่ยากมากจริงๆ"
          ในเรื่องเป็นน้องของโรส ศรินทิพย์ ด้วย
          "เชื่อมั้ยว่ามิ้นท์ ชอบฟังเพลงพี่โรส พี่เขาเสียงดีมาก ซึ่งตอนเด็กๆ ฟังเพลงพี่โรส ก็คิดว่าพี่เขาคงเป็นคนขรึมๆ ที่อยู่กับตัวเอง โลกส่วนตัวสูงแน่ เพราะเพลงพี่เขามีแต่พูดถึงความรัก ที่ค่อนข้างเจ็บปวด...มิ้นท์ก็คิดว่าถ้าทักทาย" สวัสดีค่ะ" เสร็จแล้วพี่เขาคงจะนั่งฟังเพลงคนเดียว แต่ปรากฏว่าตรงข้ามหมดเลยเพราะตัวจริงเป็นคนอารมณ์ดีมาก ขึ้เล่นตลก มุกเยอะมาก ชอบแกล้งพูดสไตล์เกาหลี บางครั้งก็เลยมีติดเข้าฉากไปด้วย ซึ่งก็ดีบรรยากาศเฮฮามากทำให้ไม่เครียดเวลาเข้าฉากด้วยกัน เวลาไม่ได้ถ่ายละครมิ้นท์ก็ชวนพี่เขาไปเล่นเวคบอร์ด พี่เขาก็บ้าจี้ไปด้วย นอกจากนี้พี่เขาก็ยังให้คำแนะนำเรื่องร้องเพลง การใช้เสียง เรื่องของอารมณ์ในการสื่อออกมากับเพลง ซึ่งพี่เขาบอกว่าจะทำให้เพลงเราเพราะขึ้นได้นะ เป็นคนที่เฟรนลี่มากจริงๆ"
          @ผู้กำกับ วุธ อัษฎาวุธ ให้คำแนะนำอย่างไรบ้าง
          "พี่วุธก็จะคอยบอกว่าเราต้องแสดงยังไงเวลาเข้าฉาก แล้วบางครั้งเราพูดเร็วเกินไปเพราะติดแร๊ฟ พี่วุธก็จะเตือนให้พูดช้าหน่อย เพราะคนจะฟังไม่รู้เรื่อง แล้วอย่างฉากร้องไห้มิ้นท์เล่นไม่ได้ก็มีเฟลพี่วุธเห็นก็จะพยายามปลอบบอกว่าที่เล่นไปดีแล้วไม่เป็นไรหรอก ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นนะคะ"
          @ตอนนี้รู้สึกชอบการแสดงหรือยัง
          "ชอบค่ะ สนุกดี ถ้ามีโอกาสก็อยากแสดงอีก แล้วอยากพัฒนาทางด้านนี้ไปเรื่อยๆ นักแสดงที่ชอบหรือคะ ถ้านักแสดงไทยก็พี่อั้ม พัชราภา ค่ะ พี่เขาสวย ชอบคาแรคเตอร์พี่เขาในละครที่แสดงเกือบทุกเรื่องอยากเล่นคาแรคเตอร์แบบนั้นบ้าง ส่วนนักแสดงเกาหลีมิ้นท์ชอบ ฮาจีวอน เป็นนักแสดงที่ดูมีคาแรคเตอร์เหมือนกัน เวลาเล่นฉากบู๊ก็ดูออกมาดีเข้ากับเขามาก เพราะมิ้นท์เป็นคนชอบละครแนวแอ๊คชั่น ก็เลยอยากเล่นละครบทบู๊เตะต่อยบ้าง ได้กระโดดเตะเหมือนพี่จีจ้า...อะไรแบบนี้ แต่ไม่รู้จะเล่นได้หรือเปล่า ถ้ามีโอกาสก็อยากเล่นละครเกาหลีเหมือนกัน เมื่อก่อนรู้สึกว่ากลัวแต่เมื่อได้ลองก็รู้ว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด ถ้าเราได้ฝึกมีการพัฒนามันก็จะทำได้ดีขึ้น"
          @มีตั้งเป้าหมายในการทำงานไว้อย่างไรบ้าง
          "ปีนี้มิ้นท์ก็อายุ 21 ปี ซึ่งบอกตรงๆไม่เคยเพราะเกรงว่าตั้งเป้าไว้ว่าภายในเวลานี้จะต้องเป็นแบบนี้นะ แล้วกลัวจะทำไม่ได้แล้วจะเฟล เพราะวงการนี้มันคาดการณ์ยากว่าจะต้องใช้เวลาแค่ไหนถึงจะประสบความสำเร็จอย่างที่เราคาดหวังไว้ ฉะนั้นมิ้นท์จึงตั้งใจว่าเราจะตั้งใจซ้อม ทำงานอะไรก็พยายามทำให้เต็มที่ แล้ววันหนึ่งชื่อเสียงความสำเร็จสูงสุด ถ้ามันจะมามันก็จะมาเองค่ะ"
          @สรุปว่าทุกวันนี้มิ้นท์ก็คงจะไปๆ มาๆระหว่างที่เกาหลี และที่เมืองไทย ใช่มั้ย
          "ใช่นะ แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับงานด้วย แม้การทำงานที่เกาหลีจะดีแต่ยังไงนี่ก็บ้านเกิดเรา ถ้ามีงานมิ้นท์ก็กลับมาทำแน่นอน ต้องดูเป็นงานๆ ไปค่ะ"

FC on October 01, 2015, 01:27:03 PM
ชาวตลาดยิ้มแก้มแตก เอส กันตพงศ์’ นำทีมนักแสดง เพลิงตะวัน’ บุกตลาดน้ำคลองลัดมะยม พบปะแฟนๆ แจกดอกทานตะวัน ชวนลุ้นของรางวัล แบบใกล้ชิดติดขอบแผง









          ช่อง 7 สี เอาใจแฟนละคร แบบจัดหนัก จัดเต็ม ยกทัพเหล่านักแสดงจากละครเรื่อง 'เพลิงตะวัน' นำทีมโดย พระเอกแสนดี เอส-กันตพงศ์ บำรุงรักษ์ นัท-อติรุจ สิงหอำพล เฟิร์น-ณัฐชยกานต์ ปากหวานและ โอ๊ต-สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์ บุกตลาดน้ำคลองลัดมะยม พบปะพูดคุยกับแฟนๆ แจกดอกทานตะวันเป็นที่ระลึก พร้อมชวนร่วมสนุกตอบคำถามลุ้นรับร่มลายดอกทานตะวันจากเหล่านักแสดงนำแบบใกล้ชิด ณ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา

          งานนี้ทำเอาชาวตลาดกรี๊ดกร๊าด อารมณ์ดี แฮปปี้กันสุดๆ เพราะได้พบกับดารานักแสดงในดวงใจ ทั้งเหล่านักแสดงเอง ก็ปลื้มอก ปลื้มใจ เดินไปตรงไหนมีแฟนๆ คอยให้กำลังใจกันอย่างล้นแน่น เท่านั้นยังไม่พอ แถมได้ของอร่อยจากแฟนๆ และเหล่าพ่อค้าแม่ขายติดไม้ติดมือกลับบ้านกันเพียบ ด้านพระเอกหนุ่ม เอส- กันตพงศ์ เห็นกระแสละครดีขนาดนี้ ถึงกับยิ้มไม่หุบ พร้อมเผยว่า

          "รู้สึกดีใจที่ชาวตลาดน้ำคลองลัดมะยมให้การต้อนรับพวกเราดีมาก เหล่าพ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกชื่อนักแสดงแต่ละคนเป็นชื่อตัวละครในเรื่อง เรียกผมว่า ธงไทย เรียกนัทว่า พิชิต เรียกเฟิร์นว่า จ๊ะจ๋า และเรียกโอ๊ตว่า พี่ไผ่ ยิ่งทำให้พวกเราปลื้มใจกันสุดๆ ไม่พอยังเอาของกินมาให้ทั้ง ไก่ทอด ส้มตำ ยำถั่วพู ปลาช่อนเผา ขนมเบื้องโบราณ เรียกได้ว่าทั้ง สนุก สุขใจ และอิ่มท้องไปในคราวเดียวกัน ยังไงก็ขอฝากละครเรื่อง 'เพลิงตะวัน' ด้วยนะครับ เรียกได้ว่ากำลังสนุกและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อาจได้เห็นผมในบทบู๊ ต่อสู้กับเหล่าหนุ่มๆ ของปรางค์ทอง และบทดราม่า ร้องไห้หนักๆ ที่ทั้งผมและพี่วุธ-อัษฏาวุธ ผู้กำกับฯ ตั้งใจปั้นให้ออกมาซึ้งกินใจที่สุด แล้วมาลุ้น และเชียร์เรื่องราวความรักระหว่าง 'ธงไทย' กับ 'ตะวัน' ว่าจะสมหวังหรือไม่ ใครคือคนสั่งฆ่าปรางค์ทอง แล้วตะวันจะกลับไปเป็นปรางค์ทองเพื่อค้นหาอดีตของตัวเอง หรืออยู่ที่ไร่กับธงไทยต่อไป ติดตามทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ครับ"

FC on October 11, 2015, 10:13:04 AM
“เพลิงตะวัน” ออกอากาศ 12-13 ต.ค.58





          ตอน 13 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2558 เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
          ธงไทย (เอส กันตพงศ์) พา นันทนา (อริษา วิลล์) มาบำบัดที่ไร่นวลตะวัน ตาท้วม (ค่อม ชวนชื่น) เอาสมุนไพรให้กิน ตะวัน (เซฟฟานี อาวะนิค) มาเห็นไม่พอใจ เพราะทุกคนรุมเอาใจนันทนากันหมด แม่นวล (ปุ๊ ปิยะมาศ) ชวน ตะวัน ไปคุยในไร่บอกให้ตะวันละความแค้น และมาอยู่ที่ไร่นวลตะวัน ตะวันไม่เชื่อ สะบัดมือจนแม่นวลล้มหัวฟาด ธงไทยพาแม่นวลส่งโรงพยาบาล และรู้ความจริงว่า แม่นวลเป็นโรคหัวใจ

          ตอน 14 ออกอากาศวันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2558 เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
          ธงไทย (เอส กันตพงศ์) พา ตะวัน (เซฟฟานี อาวะนิค) หนีความวุ่นวายมาใช้ชีวิตที่หมู่บ้านกลางทะเล ซึ่งเป็นบ้านเก่าของตาท้วม (ค่อม ชวนชื่น) ที่นี่ตะวันได้เจอกับ ป้าเรียม (นักแสดงรับเชิญ) และ กลอย (น้องสิงห์ เหลืองสุนทร) เด็กสาวที่หมู่บ้านกลางทะเล ธงไทยและตะวันได้แต่งงานกันที่นี่ด้วยการผูกข้อมือ ทั้งสองเข้าหอด้วยกัน แต่ คีริน (โรส ศิรินทิพย์) ก็มาตามฆ่าตะวันถึงที่นี่

FC on October 11, 2015, 10:14:59 AM
เลือดพ่อแรง!!! “น้องสิงห์” ลูกไม้หล่นใต้ต้น!!! รับบท “กลอย” ในละคร “เพลิงตะวัน”









          กำลังเข้มข้นได้ที่ แถมมีเซอร์ไพร้สเกือบทุกตอนทีเดียว สำหรับละครแอ็คชั่นดราม่าเรื่อง "เพลิงตะวัน" ของผู้จัดฯ ผู้กำกับฯ ไฟแรง วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร ในนามบริษัท ดูมันดี จำกัด ที่นอกจากจะจับเอานักร้องเสียงสวย โรส-ศิรินทิพย์ หาญประดิษฐ์ มารับบท "นักฆ่าคีริน" ในละครเรื่องนี้แล้ว ล่าสุดหนุ่มวุธจับลูกสาวสุดหวง น้องสิงห์ เหลืองสุนทร มารับบท "กลอย" เด็กน้อยในหมู่บ้านกลางทะเล

          เรื่องราวของละครมาถึงจุดที่ ธงไทย (เอส กันตพงศ์) พา ตะวัน (เซฟฟานี อาวะนิค) หนีความวุ่นวายในชีวิตมาอยู่ที่หมู่บ้านกลางทะเล ซึ่งเป็นบ้านเก่าของ ตาท้วม (ค่อม ชวนชื่น) มาใช้ชีวิตชาวเลแบบบ้านๆ ตะวันถุงผ้าซิ่น ธงไทยก็สวมกางเกงเลตามแบบฉบับหนุ่มชาวเล เรียกได้ว่าเปลี่ยนบรรยากาศกันเลยทีเดียว

          หนุ่มวุธ ผู้กำกับฯ พาทีมงานมาถ่ายทำที่รีสอร์ทปลายจันทร์ เซ็ทขึ้นเป็นหมู่บ้านกลางทะเล ในอ.บางชัน จ.จันทบุรี หลังจากเซ็ทเป็นบ้านพักของ ธงไทย และตะวัน แล้ว ทีมงานก็เริ่มถ่ายทำฉากต่างๆ ของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการซักผ้า หรือทำกับข้าว โดยฉากทำกับข้าวนี้มีนักแสดงรับเชิญอย่าง "น้องสิงห์" มาร่วมฉากด้วย โดยรับบท "กลอย" เด็กหญิงหน้าตาน่ารัก ลูกหลานชาวเลของป้าเรียม (นักแสดงรับเชิญ) นำปลามาให้ตะวันทำกับข้าว แต่ ปรางค์ทอง ในคราบตะวันนั้น มักจะแฝงตัวมาบ่อยๆ ระแวงคิดว่าจะมีคนมาทำร้าย เลยหยิบมีดทำกับข้าวจะทำร้าย "กลอย" ทำให้ กลอย กลัวรีบวิ่งไปหา ธงไทย

          ฉากนี้หนุ่มวุธบิ้วอารมณ์ให้ลูกสาวอยู่พักใหญ่ และสอนบทพูดด้วย น้องสิงห์ ก็เลือดแรงสามารถจำบทได้แม่น และแสดงออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ไม่กลัวมีดในมือสาวเซฟเลย ฟากคุณพ่อวุธก็ลุ้นอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ ฉากนี้ใช้เวลาถ่ายทำประมาณสองเทคก็ผ่านฉลุย หลังจากสั่งคัท น้องสิงห์ก็รีบวิ่งมาหาป๊า ป๊าชมว่า "เก่ง" และให้รางวัลด้วยการหอมแก้มหนึ่งฟอด!!! ทำเอา น้องสิงห์ ยิ้มแก้มปริเลยจ้า....

          ติดตามชมบทบาทของน้องสิงห์ได้ละครเรื่อง "เพลิงตะวัน" ในวันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2558 เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี

FC on October 11, 2015, 10:15:34 AM
หนึ่ง มาฟิศร์ เกร็ง! ควบสองตำแหน่งในละคร “เพลิงตะวัน”



          ห่างหายจากงานละครหลังข่าวมานานหลายปี ล่าสุดนักแสดงหนุ่มมากความสามารถ หนึ่ง-มาฟิศร์ เชยโสภณ ผู้รับบทเป็น "ทนายทนงศักดิ์" ของละครแอ็คชั่นดราม่าเรื่อง "เพลิงตะวัน" ของค่ายดูมันดี นอกจากจะสวมบทเป็นนักแสดงของเรื่องแล้ว เจ้าตัวยังรับหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานดูมันดีด้วย โดยเจ้าตัวเผยถึงความรู้สึกครั้งนี้ว่า

          "ละคร บ้านร้อยดอกไม้ เป็นละครหลังข่าวเรื่องล่าสุดที่เคยเล่นไว้ ตั้งแต่ปี 48 ก็หลายปีนะ จนมาถึงเรื่องนี้ เพลิงตะวัน รับบท "ทนงศักดิ์" เป็นคนที่รู้เรื่องราวเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก ก่อนที่ ปรางค์ทอง ความจำเสื่อมกลายเป็น "ตะวัน" เป็นคนที่รู้เรื่องราวระหว่างสามบ้านคือ บ้านนันทวัฒน์ ครอบครัวเราเอง ตั้งแต่คุณพ่อ แล้วก็บ้านของปรางค์ทอง พ่อเราก็เป็นทนายให้กับบ้านนี้ ส่วนงานเบื้องหลัง ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่วุธ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) ให้โอกาสทำงาน เรื่องปรับตัวก็มีบ้าง ตอนไปญี่ปุ่นก็มีเกร็งๆ หน่อย เพราะต้องรีบทำงานด้วย แต่พอกลับมาแล้วเราก็ต้องทำหน้าที่ทั้งนักแสดงแล้วก็ทีมงาน ถือเป็นการรับสองจ๊อบเลย (หัวเราะ) ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ไหนๆ ก็มาแล้ว งานเบื้องหลังแล้วแต่ใช้งาน ทำทุกกอย่าง ประสานงาน ซึ่งก็ดิวกับนักแสดงด้วย ช่วยคุยเรื่องบท เรื่องแอ็คติ้ง เรื่องคาแร็กเตอร์ ก็ไม่ได้เป็นแอ็คติ้งโค้ชอย่างจริงจัง เพราะบางทีวุธไม่มีเวลาอธิบายหรือเจาะทีละคน ก็ให้ไปคุยกับน้องนักแสดง แล้วก็นั่งคุยกับนักแสดงรุ่นใหญ่ๆ บ้างแล้วก็มีช่วยดูเรื่องบทบ้าง ตอนแรกเรายังไม่เห็นบททั้งหมด เราก็รู้ว่าประมาณนี้ มันก็จะค่อยๆ เข้มข้นเรื่อยๆ ทำงานกะวุธก็รู้อยู่แล้ว วุธจะไม่ทิ้งตัวละคร ตัวละครทุกตัวจะต้องมีที่มาที่ไป ซึ่งมีผลกับเรื่อง เราเพิ่งจะมาพัวพันช่วงสุดท้าย รับรองว่าสนุกแน่นอนครับ"

          ติดตามชมบทบาทของ หนึ่ง มาฟิศร์ ในช่วงโค้งสุดท้ายของละคร "เพลิงตะวัน" รับรองว่าแซ่บแน่นอน ทุกคืนวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.20 น. ทางช่อง 7 สี

FC on October 11, 2015, 10:58:06 AM
เซฟฟานี่’ ปลื้ม กระแสตอบรับละครดี อ้อนแฟน 7 สี รอลุ้นจุดจบตัวละคร ปรางค์ทอง’



          แจ้งเกิดในบทนางเอกเต็มตัวของช่อง 7 สี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับสาวฮอต 'เซฟฟานี่ อาวะนิค' ที่พิสูจน์ฝีมือในบทบาทท้าทายความสามารถ จากละคร 'เพลิงตะวัน' ออกอากาศทุกวันจันทร์ – วันอังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี ผลงานของ ผู้กำกับฯ และนักแสดงฝีมือดี 'วุธ –อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร' จนแฟนละครเอ่ยปากชมกันทั่วบ้านทั่วเมือง ว่าเล่นได้ ถึงใจ ถึงอารมณ์ ของจริง งานนี้ทำเอานางเอกสาว เซฟฟานี่ ปลื้มสุดๆ พร้อมเผยว่า

          "ต้องขอบคุณแฟนละครช่อง 7 สี ทุกคน ที่ให้การตอบรับดีมากๆ ตอนแรกรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมกับบทนี้เลย เพราะคิดว่ายากมากกับการที่ต้องเล่นดราม่า สองบุคลิกที่แตกต่าง กับบท 'ปรางค์ทอง' ที่เป็นสาวเปรี้ยว ก็ต้องเล่นบู๊ด้วยเพราะเป็นนักฆ่าที่โหดเหี้ยม ฆ่าคนได้แบบเลือดเย็น แม้แต่พระเอก'ธงไทย' (เอส กันตพงศ์) ผู้ชายที่เรารัก และคนที่มีพระคุณคอยชุบเลี้ยงสร้างชีวิตใหม่ให้เราอย่าง 'แม่นวล' (ปิยะมาศ โมนยะกุล) ก็เอาเราไม่อยู่ คิดแต่จะแก้แค้นเพื่อตอบแทนบุณคุณพ่อบุญธรรม (สรพงศ์ ชาตรี) อย่างเดียว เรียกได้ว่าเรื่องราวกำลังเข้มข้นถึงจุดที่น่าติดตาม แต่สุดท้ายต้องมาลุ้นกันว่า ปรางค์ทองจะกลับตัวกลับใจ กลับไปเป็น 'ตะวัน' คนดีของธงไทย หรือเปล่า ห้ามพลาดนะคะ"

FC on October 15, 2015, 09:21:47 AM
สรพงษ์ ชาตรี ไม่ขอย่ำอยู่กับที่ โดนใจบท “ทรงพล” ในละคร เพลิงตะวัน ได้เล่นหลากหลายอารมณ์





          พะยี่ห้อ "พระเอกตลอดกาล" อย่าง เอก-สรพงษ์ ชาตรี ในวัย 66 ปี นักแสดงชายอันดับหนึ่งของไทย เจ้าของรางวัลเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ในปี พ.ศ. 2551 มาสวมบท "ทรงพล" อดีตนายพลใจดี ที่ผันตัวเองมาทำธุรกิจ เมื่อถูกโกงจนล้มละลาย เขากลายเป็นซาตานที่มีแต่ความแค้นในหัวใจ และใช้ทุกลมหายใจในการคิดแก้แค้นในละครแอ็คชั่นดราม่าเรื่อง"เพลิงตะวัน" ของค่ายดูมันดี จนหลายคนสงสัยถึงที่มาที่ไปในการรับเล่นละครเรื่องนี้ รวมทั้งความรู้สึกกับบทบาท "ทรงพล" ไปอ่านจากบทสัมภาษณ์เหล่านี้กัน

@คาแร็กเตอร์ของ ทรงพล เป็นอย่างไร
          ทรงพลเป็นนายทหารที่มีเพื่อนเป็นนักธุรกิจ และทำธุรกิจกับเพื่อน แล้วเพื่อนก็ให้เซ็นต์เอกสารที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย จนถูกออกจากราชการ หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ระหว่างนั้นก็ออกไปเที่ยวซ่อง ก็ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งมีลูกสาวอยู่ในซ่อง ก็เอามาเลี้ยงไว้ พอลูกโตมา เราก็สอนให้ลูกใช้อาวุธเหมือนทหารเหมือนที่เราเรียนมา ให้ลูกเป็นนักฆ่า ไปแก้แค้นให้พวกนั้น พอให้ไปแก้แค้น ลูกดันไปรักลูกของศัตรู ไปใจอ่อน ก็ผิดหวัง เสียใจ ไม่มีใครรัก คนที่อยู่กับเรามันก็จะหนี เหมือนเป็นคนเครียด ไม่มีใครเข้าใกล้

@เรื่องนี้ต้องเล่นหลากหลายอารมณ์มากๆ
          ใช่ ต้องเล่นทั้งตบ ทั้งตี ทั้งบีบคอ และต้องพิการด้วย ก็หลอกคนอื่นว่าเราพิการ เพราะถ้าเราไม่ทำ เขาก็จะทิ้งเราไป พูดง่ายๆ ว่าตั้งแต่เราเล่นหนังมาหกร้อยเรื่อง เล่นเป็นพระเอก เล่นเป็นคนดี แต่ว่าเรื่องนี้เล่นอารมณ์หลากหลาย ก็บังเอิญ 12-13 ปีมานี้ เราไปเล่น ตำนานสมเด็จพระนเรศวร เล่นเป็นพระมา 12 ปี พอมาเล่นทีวี 4-5 ปี ก็เล่นเป็นหลวงตามา 4 ปี เด็กรุ่นหลังก็บอกว่า สรพงษ์เล่นแต่เป็นพระ ก็คิดว่าเราเล่นได้แต่ยิ้มๆ เล่นเป็นคนใจดีอย่างเดียว เราก็คิดว่าเราก็ เอ๊ะ...เราน่าจะให้นักแสดงรุ่นน้องๆ หลานๆ เขาเห็นว่า "การแสดงหมดตัว" นั้นคืออะไร ก็คือการเล่นละครเรื่องนี้ เพราะได้เล่นหลากหลายอารมณ์ ทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งดุดัน ทั้งร้องไห้ ต้องดราม่าตลอด

@ชอบบทแบบนี้มั้ย
          บทนี้มันเล่นทุกอย่าง มีทุกอารมณ์ บทนี้จะทำให้น้องๆ นักแสดงเห็นว่าเราเล่นหลากหลายอารมณ์ได้นะ เพราะว่าในคาแร็กเตอร์พระเอกทั่วไป เขาไม่เล่นหรอก มันไม่มีให้เล่นด้วย พระเอกมันคือทำหน้าที่พระเอก ทำดีไป ช่วยคนโน้นคนนี้ เป็นฮีโร่ไป แต่อันนี้มันช่วย แต่ช่วยแล้ว กูได้อะไร มันก็เป็นกิเลสตัณหาของมนุษย์คนหนึ่ง

@หลังจากอ่านบทแล้วรู้สึกกังวลอะไรมั้ย
          จริงๆ เราไม่ได้เล่นแบบนี้มานาน เพราะเราก็ทำงานเกี่ยวกับศาสนา ภาพพจน์ในชีวิตจริงของเราก็เป็นคนใจดี เราสร้างหลวงพ่อโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกมา 17 ปี คนมาบริจาคเงินกับเราหลายๆ ล้าน เขาก็ต้องคิดว่าเราเป็นคนดี พอมาดูละครเรื่องนี้ เอ้ย...เป็นคนแบบนี้ด้วยเหรอ (หัวเราะ) กูไม่ทำบุญด้วยดีกว่า ถามว่ากังวลมั้ย จริงๆ คิดว่าสิ่งที่เราทำบุญเขาก็เห็นอยู่แล้วว่าเราทำสำเร็จแล้ว แล้วนี่คือการแสดงที่ผ่านมา 46 ปีในวงการ เราก็รับบทพ่อด้วย แต่บทพ่อที่ได้รับส่วนใหญ่ก็จะเป็นบทพ่อเรียบๆ เป็นพ่อใจดี ก็คิดว่าเป็นบทที่ดี ซึ่งนักแสดงต่างประเทศชอบนะ ก็ไม่ได้คิดว่าถ้าเล่นละครเรื่องนี้แล้ว คนจะมองว่าเราไม่ดี หรือภาพพจน์ไม่ดี เราอายุ 66 ปี เราอยู่วงการมาตั้งแต่อายุสิบเก้า ถ้ามันจะเลว ในชีวิตจริงมันคงเลวไปนานแล้ว (หัวเราะ) ชีวิตจริงมันยืนยัน และผลในการที่เราสร้างสาธารณกุศล มันยืนยัน มันชัดละ

@ตอนผู้จัดฯ ติดต่อมารู้สึกอย่างไร
          ก็ถามคุณเดือน (ดวงเดือน จิตไธสง) ภรรยา คุณเดือนก็บอก บทแรง บทเป็นแบบนี้ แบบนี้นะ เขาก็ถามว่า เล่นมั้ย ก็ถามเขากลับไปว่า "ช่อง 7 เขากล้าสร้างเหรอ" (หัวเราะร่วน) เขากล้าทำเหรอ แล้วเราจะถูกตั้งความหวังไว้เยอะ มีนักแสดงเล่นบทพ่อเยอะแยะ คุณวุธ (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) เขาบอก "ตัวนี้ต้องพี่เอก" ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาไปรู้ยังไงอะไรอย่างนี้นะ เพราะในสมัยหนุ่มๆ ตั้งแต่ปีพ.ศ.2515-2516 เราเล่นหนังกับท่านมุ้ย (ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล) เปลี่ยนคาแร็กเตอร์ทุกเรื่อง เดี๋ยวเป็นแมงดา เดี๋ยวเป็นมือปืน เดี๋ยวเป็นหมอ เดี๋ยวเป็นนักวิทยาศาสตร์ ท่านมุ้ยให้เราเป็นนักแสดง ไม่ให้เราเป็นพระเอก แล้วเราจึงใช้ความเป็นนักแสดง เราจะไม่ยึดว่าเป็นคนดีตลอด เดี๋ยวเรื่องนี้เราเป็นหมอดี เรื่องหน้าเล่นเป็นแมงดาละ เราเป็นแบบนี้มาตลอด

@พอภรรยาบอกว่าบทแรง คิดยังไง
          เออ...ถ้าเล่นไปตอนนี้คงไม่เป็นไรนะ เพราะว่างานศาสนาเราเสร็จไปร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ที่เราทำคนมันเห็นชัดเจนแล้ว เพราะเราก็ไม่ใช่แบบในเรื่องด้วย เราอยู่มาจนได้รางวัลศิลปินแห่งชาติมา เพราะว่าเรามีผลงานที่คนชอบ แล้วมันก็เป็นผลงานเฉพาะตัว แล้วมันเป็นงานศิลปวัฒนธรรม อย่างเราเล่นหนังโบราณ เล่นหนัง แผลเก่า มันเป็นชีวิตของคนชนบท หนังสุริโยไท ตำนานสมเด็จพระนเรศวร คือภาพตรงนี้มันชัดเจนว่า เราศิลปินตัวจริง แล้วเราเป็นศิลปินแห่งชาติ เราก็ต้องนำเสนออะไรใหม่ๆ ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ เพราะชื่อเราถูกจารึกไว้ที่หอศิลปินแห่งชาติแล้ว เราก็ต้องมีมุมใหม่ให้เขามองบ้าง ไม่ใช่แบบ...สรพงศ์มาทีไรก็เล่นแต่บท พระ จริงๆ แล้วชีวิตเราไม่เคยเล่นบทพระเลย จนท่านมุ้ยจับมาเล่น คนก็เห็นก็บอก "เหมือนพระจริงๆ" เคยเดินไปตลาดคนยกมือไหว้ เพราะฉะนั้นเราเล่นอะไร คนก็จะบอกว่าเหมือน ซึ่งจุดนี้เราก็ถือว่าโอเค.นะ ต้องขอบคุณคุณวุธที่เขามองเห็นเรา มีนักแสดงรุ่นเราเยอะแยะ แต่เขาเลือกเรา เรื่องนี้มันมีทั้งดราม่า ทั้งร้องไห้เยอะ โวยวาย มันมีทั้งรัก ทั้งแค้น มันมีทั้งเสียใจด้วย ก็ต้องติดตามว่าตอนจบมันจะเป็นอย่างไร

          มาติดตามบทสรุปของ "ทรงพล" ได้ในละคร "เพลิงตะวัน" ตอนจบ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคมศกนี้...หลังข่าวภาคค่ำ ทางช่อง 7 สี รับรองว่ามันส์...!!!!