sianbun on May 12, 2009, 11:43:45 AM
บลจ.ไอเอ็นจี ลุยออกกองทุนพันธบัตรเกาหลี ดัน “ไทย ไอเอสเอฟ 12M3” ชูผลตอบแทน 4.1% - 4.3%


นายจุมพล สายมาลา  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด

บลจ.ไอเอ็นจี เดินหน้าเสนอขายกองทุนพันธบัตรเกาหลีต่อเนื่อง ล่าสุดลุยออกกองทุนเปิด “ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M3” เสนอขายระหว่าง 11-18 พฤษภาคมนี้ ชูผลตอบแทน 4.1% - 4.3% มั่นใจกระแสตอบรับยังแรง หลัง 2 กองแรกได้รับการตอบรับล้นหลาม ระบุยังเน้นลงทุนตราสารหนี้สกุลเกาหลีใต้คุณภาพดี อายุ 12 เดือน พร้อมปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน จองขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท
 
นายจุมพล สายมาลา  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ บลจ.ไอเอ็นจี กำลังอยู่ระหว่างการเสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M3” หรือ ING Thai ISF 12M3 Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ยังคงมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้ อายุประมาณ 12 เดือน

ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะจัดสรรการลงทุนโดยเน้นการลงทุนในตั๋วแลกเงินที่ออกโดยสถาบันการเงินต่างประเทศ เงินฝากธนาคาร พันธบัตรรัฐบาลและที่มีรัฐบาลค้ำประกันสกุลเกาหลีใต้ โดยผู้ออกตราสารได้รับการจัดอันดับเครดิตจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ทั้งสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ (เอสแอนด์พี) อยู่ในระดับ “A” ซึ่งต้องยอมรับว่า ตราสารหนี้สกุลเกาหลีใต้ยังคงเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจและยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุน ขณะที่จุดเด่นของกองทุนดังกล่าว นอกจากจะมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน 100% โดยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 4.1% - 4.3% ต่อปีแล้ว ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา ยังไม่ต้องรับภาระภาษีอีกด้วย

   “กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้สกุลเกาหลีใต้ยังมีความน่าสนใจอยู่มาก โดยหลังจากที่เราออกกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M1 และกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M2 ที่เสนอขายในช่วงก่อนหน้านี้ ปรากฏว่ามียอดจองซื้อเข้ามาเต็มวงเงินจดทะเบียนอย่างต่อเนื่องทั้งสองกองทุน ซึ่งปัจจัยหลักนอกจากจะมาจากผลตอบแทนที่อยู่ในระดับที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับเงินฝากธนาคารพาณิชย์ระยะเดียวกันแล้ว การที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลกยังให้เครดิตเรทติ้งส์ตราสารหนี้สกุลเกาหลีใต้ในระดับที่สูง ยังถือเป็นการช่วยนักลงทุนในด้านการพิจารณาความเสี่ยงว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ทำให้เรามั่นใจว่า “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M3” จะยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าว


สำหรับ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M3” จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวในระหว่างวันที่ 11-18 พฤษภาคม 2552 ด้วยมูลค่าโครงการเพียง 2,000 ล้านบาทเท่านั้น กำหนดการจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ได้ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด 02-688-7777 หรือ www.ingfunds.co.th
« Last Edit: May 13, 2009, 04:10:40 PM by sianbun »

sianbun on May 13, 2009, 04:10:55 PM
บลจ.ไอเอ็นจีปลื้ม “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล” รับอานิสงส์หุ้นขาขึ้น ดันผลตอบแทนพุ่งสูงสุดกว่า 11% 


นายจุมพล สายมาลา  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด

บลจ.ไอเอ็นจี ปลื้ม “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล” รับอานิสงส์ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น ดันผลตอบแทนในช่วงเวลา     แค่เดือนกว่านับจากจัดตั้งกองทุนพุ่งตามไปด้วย เผย “ไลฟ์ไซเคิล 2025” สร้างผลตอบแทนสูงสุดถึง 11.74% ขณะที่กองทุน “ไลฟ์ไซเคิล 2015” อยู่ที่ 6% และกองทุน “ไลฟ์ไซเคิล 2020” อยู่ที่ 9.63% ผู้บริหารชี้ปัจจัยสำคัญมาจากการจัดพอร์ตการลงทุนที่มีความเหมาะสมทั้งในส่วนตราสารทุนและตราสารหนี้และปรับน้ำหนักการลงทุนอัตโนมัติโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ ส่งผลให้การแสวงหาผลตอบแทนจากตลาดหุ้นในจังหวะขาขึ้นทำได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันยังมีสภาพคล่องสูงซื้อ - ขายได้ทุกวันทำการ เอื้ออำนวยกับการจัดพอร์ตของนักลงทุน ล่าสุดอัดโปรโมชั่นเพิ่ม ซื้อผ่านแบงก์ทหารไทยทุกสาขาทั่วประเทศยอดสะสมตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป รับฟรีบัตรกำนัลห้างเซ็นทรัลหรือเทสโก้ โลตัส มูลค่า 300 บาท หมดเขตสิ้นเดือน พ.ค.นี้   

นายจุมพล สายมาลา  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การจัดตั้งกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย  ไลฟ์ไซเคิล ในช่วงปลายเดือนมีนาคมและเริ่มลงทุนในช่วงต้นเดือนเมษายน ถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะสมกับจังหวะการลงทุน เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลตอบแทนของกลุ่ม “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล” ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2015, 2020 และ 2025 ทั้ง 3 กองทุน ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย โดยนับตั้งแต่วันที่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2552 จนถึงวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2025 สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึงประมาณ 11.74% โดยมูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิ (NAV) อยู่ที่ 11.1739 บาทต่อหน่วย ขณะที่ NAV ของกองไลฟ์ไซเคิล 2020 อยู่ที่ 10.9626 บาทต่อหน่วย คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 9.63% และ NAV ของกองไลฟ์ ไซเคิล 2015 อยู่ที่ 10.6005 บาทต่อหน่วย คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 6%

“การปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนเปิดทั้ง 3 กองทุนในซีรีย์ส “ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล” ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่า ปัจจัยสำคัญมาจากการจัดพอร์ตการลงทุนของแต่ละกองทุนที่เน้นความเหมาะสมของการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงที่เหมาะกับนักลงทุนในแต่ละช่วงอายุ โดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพที่ติดตามความเคลื่อนไหวและวิเคราะห์แนวโน้มของสินทรัพย์ที่จะเข้าไปลงทุนอย่างใกล้ชิด ทำให้กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล สามารถที่จะจับจังหวะการลงทุน และแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นช่วงที่เป็นขาขึ้นได้อย่างเต็มที่” นายจุมพลกล่าว

ทั้งนี้ การปรับตัวสูงขึ้นของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนเปิดในซีรียส์ “ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล” พิสูจน์ให้เห็นว่า การจัดพอร์ตการลงทุนที่มีความเหมาะสมทั้งหุ้นและตราสารหนี้ช่วยให้เงินของนักลงทุนทำงาน และสร้างผลตอบแทนได้อย่างเต็มที่ภายใต้ความเสี่ยงที่ไม่มากจนเกินไป เพราะกองทุนในกลุ่มกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล นั้นสัดส่วนการลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในตราสารหนี้ภาครัฐที่มีความเสี่ยงต่ำ จะมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ลงทุนในหุ้น จึงสามารถสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับนักลงทุนได้ในระยะยาว 

นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวยังมีจุดเด่นในเรื่องของสภาพคล่องที่เปิดให้นักลงทุนซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการตัดสินใจของนักลงทุนในภาวะที่การลงทุนมีความผันผวนอีกด้วย

สำหรับ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล ประกอบไปด้วย 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2025 ที่มีนโยบายเน้นการลงทุนในตราสารทุนในช่วงปีแรกไม่เกินกว่า 55%  แต่ในปีใกล้สิ้นอายุของกองทุน ตราสารในพอร์ตการลงทุนจะมีการเพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้ระยะสั้นมากขึ้น จนกลายเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งหมดในวันสิ้นอายุกองทุน เพื่อลดความเสี่ยงในตลอดช่วงอายุการลงทุน  ขณะที่กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2020 จะให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้น โดยจะลงทุนในตราสารทุนในช่วงปีแรกไม่เกินกว่า 45% และ กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล 2015 ที่ช่วงแรกจะลงทุนในตราสารทุนไม่เกินกว่า 30% 

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวด้วยว่า มั่นใจว่าจากจุดเด่นของกองทุนดังกล่าว จะเป็นทางเลือกที่นักลงทุนให้ความสนใจ ซึ่งขณะนี้ บลจ.ไอเอ็นจี ยังได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ลงทุนในกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล ผ่านสาขาของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ทั่วประเทศ โดยผู้ที่มียอดซื้อสะสมในเดือนพฤษภาคม 2552 ตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป จะได้รับบัตรกำนัลจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสำหรับลูกค้าในกรุงเทพฯ หรือบัตรกำนัลจากห้างเทสโก้ โลตัส สำหรับลูกค้าในต่างจังหวัด มูลค่า 300 บาทฟรีทันที

ผู้สนใจ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไลฟ์ไซเคิล” ทั้ง 3 กองทุน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด โทร.0-2688-7777 หรือ www.ingfunds.co.th รวมทั้งที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ