MSN on August 06, 2015, 03:26:05 PM
เถ้าแก่น้อย เจ้าตลาดสาหร่ายแปรรูป พร้อมขาย IPO สร้างโรงงานเพิ่ม ส่งออกโตแรง มุ่งเป้าผู้นำตลาดสแน็กแห่งเอเชีย กำไรสุทธิปี 57 โตแรง 55% ยอดส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง
 
เถ้าแก่น้อย เจ้าตลาดสาหร่ายแปรรูป เตรียมขายไอพีโอเพื่อโกอินเตอร์เต็มตัว หลังครองตลาด ไทยกว่า 62% ยอดส่งออกโตแรงจนผลิตไม่ทัน
 


นายอิทธิพัทธ์  พีระเดชาพันธ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง  จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์สาหร่าย แปรรูปอันดับ 1 ในเอเชีย หลังเป็นผู้นำตลาดในประเทศไทยมาโดยตลอด โดยบริษัทฯ เตรียมพร้อมที่จะ เสนอขายหุ้นไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 90 ล้านหุ้นในเร็วๆนี้ โดยมี วัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อใช้ในการสร้างโรงงานแห่งใหม่ซึ่งตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ลงทุนซื้อเครื่องจักรในสายการผลิตใหม่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับสากลและเพิ่มเงินทุนหมุนเวียน ของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์อย่างมีนัยยะไปยังตลาดหลักในเอเชีย

“บจม. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN เป็นผู้บุกเบิกในการผลิตและจำหน่ายขนมขบ เคี้ยวประเภทสาหร่ายแปรรูปแบบครบวงจร ภายใต้แบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” และเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดมา โดยตลอด ด้วยส่วนแบ่งตลาดในประเทศสูงถึง 62% โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ 4 ประเภทหลัก ได้แก่ สาหร่ายทอด สาหร่ายเทมปุระ สาหร่ายอบ และสาหร่ายย่าง  และบริษัทฯ ได้รุกขยายธุรกิจส่งออกอย่าง ต่อเนื่องในกว่า 35 ประเทศ ทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ มีการเติบโตที่มั่นคงและต่อเนื่อง โดยในงวดปี 2557 TKN มีรายได้รวม 2,726 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ  199 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น  55%   เมื่อเทียบกับ ปี  2556  ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,721 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 128  ล้านบาท และปี  2555  ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,542 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 105  ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 1 ปี 2558 TKN มีรายได้รวม 702 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ  51 ล้านบาทโดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น  71%   เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 ปี  2557 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 578 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 30 ล้านบาท

บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่จะพัฒนาตราสินค้า “เถ้าแก่น้อย” ให้เป็นผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยว ในเอเชีย (Asian Brand) ด้วยยอดขาย 5,000 ล้านบาทภายในปี 2561 โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้ จากการขายต่างประเทศต่อรายได้จากการขายโดยรวมเติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 31.65 %  ในปี 2555 มาเป็น 43.05 % ของยอดขายรวมในปี 2557  ทั้งนี้ เป็นเพราะบริษัทฯ มีการส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย จึงส่งผลให้รายได้จากการขายต่างประเทศ มีอัตราการเติบโตสูงกว่ารายได้ จากการขายในประเทศ โดยเฉพาะยอดส่งออกไปประเทศจีน ซึ่งเป็น 1 ในตลาดส่งออกหลักที่มีมูลค่า ตลาดขนมขบเคี้ยวที่สูงที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยบริษัทฯ ได้เล็งเห็นโอกาสการเติบโตอย่างสูง จึงได้ลงทุนสร้างโรงงานเพิ่มอีก เพื่อรองรับการส่งออกโดยเฉพาะ ซึ่งโรงงานใหม่นี้ได้รับสิทธิพิเศษยกเว้น ภาษีจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 7 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มกำลังการผลิต สาหร่ายแปรรูปได้ถึง 100% นอกจากนี้บริษัทฯ ได้จำหน่ายข้าวโพดอบกรอบพรีเมี่ยมภายในชื่อว่า  “ต๊อบคอร์น”  และข้าวโพดอบกรอบแบบซอง ภายใต้ชื่อว่า “เถ้าแก่ป๊อป” และบริษัทฯ ยังมีแผนการ มุ่งพัฒนาสินค้าสแน็กตัวอื่นๆ ที่แปลกใหม่และตรงต่อความต้องการของผู้บริโภค” นายอิทธิพัทธ์กล่าว

นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน ของ TKN กล่าวว่า บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN เป็นหุ้นไอพีโอที่บริษัทฯ มีความ ภาคภูมิใจ เนื่องจาก TKN เป็นทั้งผู้บุกเบิกและผู้นำตลาดขนมขบเขี้ยวจากสาหร่ายแปรรูปแบรนด์ เถ้าแก่น้อย ที่มีส่วนแบ่งตลาดในประเทศสูงถึง 62% และที่สำคัญมีโอกาสในการเติบโตในต่างประเทศ อย่างสูง ที่สำคัญภายใต้การนำของคุณอิทธิพัทธ์ และ คณะผู้บริหารมืออาชีพ ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างสูง ในการสร้างเติบโตให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด นอกจากนี้แบรนด์เถ้าแก่น้อยเป็นแบรนด์ ที่มีมูลค่าสูง เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในไทยและตลาดอาเซียน ซึ่งบริษัทฯ สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ เป็นอย่างดี
 
 การระดมทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลงทุนสร้างโรงงานเพิ่มอีก 1 แห่งเพื่อการผลิตสินค้า เพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ เพิ่มเงินทุนหมุนเวียนและปรับโครงสร้าง ทางการเงินให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2557 TKN มีกำไรต่อหุ้น 1.19 บาท และ มีอัตราผลตอบแทน ต่อหุ้น (ROE) สูงถึง 65% และมีอัตรา ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) สูง 17% และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นเพียง 2.62 เท่า และ คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
   
อนึ่ง ณ วันที่  30 มิถุนายน 2558 บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หริอ TKN มีจำนวนทุน จดทะเบียน 345,0000,000 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท  เป็นทุนที่ชำระแล้วจำนวน  255,000,000 บาท  ภายหลังจากการนำเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนจำนวน  90,000,000 หุ้นในครั้งนี้บริษัทฯ จะมีทุน

เรียกชำระเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเท่ากับ 345,000,000 บาท  แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน  345,000,000 หุ้น  มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยมีกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ประกอบด้วยกลุ่มพีระเดชาพันธ์ ถือหุ้นรวม 100% หลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะเปลี่ยน เป็นกลุ่มพีระเดชาพันธ์ถือหุ้น 74% หรือ 255 ล้านหุ้น  และประชาชนทั่วไป  26% หรือเท่ากับ 90 ล้านหุ้น  โดยการเสนอการขายหุ้นไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ มีบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้ จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

MSN on August 06, 2015, 03:26:56 PM
Tao Kae Noi Plans IPO to fuel Ambitious Asia Expansion Plan Building New factory for Export with 2014 Net Profits grow 55%

Tao Kae Noi Plans to expand internationally as Export Sales explodes. Company controls domestic leadership with 62% Market Shares.



Itthipat Peeradechapan, Chief Executive Officer, Tao Kae Noi Food & Marketing Plc. (TKN) reveals that Company aims to become Asia’s No. 1 Seaweed Snack Leader after dominating that market in Thailand for a long time. TKN plans to offer 90 million IPO shares to fund new Factory Investment in Rojana Industrial Park, Acquiring new Cutting-edge Technology Machine and expand working capital. These efforts will support export expansion plan.   
 
”Tao Kae Noi  is a Pioneer and No.1 Market Leader in manufacuring and distributing Seaweed Snack with 62% market shares. The main products are fried seaweed, tempura-flavored seaweed, baked seaweed and grilled seaweed. The company also exports to 35 countries around the world, ensuring Strong and Sustainable Business Growth. In 2014, TKN has revenues of 2,726 Million baht with 199 Million Baht Net Profit, achieving a 55% Growth in Net Profit, from 2013, which had Revenues of 2,721 Million Baht and 128 Million Baht. In 2012, TKN had Revenues of 2,542 Million Baht with 105 Million Baht Net Profits.

Latest, in First Quarter, this year, TKN has 702 Million Baht revenues with 51 Million Baht Net Profit, recording a High 71% Net Profit Growth over same period last year that had 578 Million Baht Revenues and 30 Million Baht Net Profits.

TKN has set Company’s Vision and Goal to Become Asian Brand Leader in Snack Market with Revenues of 5,000 Million Baht in 2018. Currently, its Export Revenues has grown continuously, now accounting for 43.05% of Total Sales, up from 31.65% in 2012, as Company increased Export Volumes to key markets such as China, Indonesia and Malaysia. Therefore, Export Sales has grown at higher rate than domestic sales. China is one of highest potential market as it is the world’s largest snack market by market value. Therefore, TKN has decided to invest in building additional factory dedicated for export and has receieved won a Ta-free Priveleges from the Board of Investment for 7 years. As a result, TKN will also double its production capacity. In addition, TKN has marketed new Pop Corn Products under ‘Tobcorn’ and ‘Tao Kae Pop’. Company has plan to develop new and innovative products to satisfy consumers’ demands.” Khun Itthipat adds

Mr. Lec Sicoravit, President of Asia Plus Advisory Co., Ltd., its Financial Advisor, says that Tao Kae Noi Food and Marketing Plc. is an IPO Stock that we are very proud of. TKN is both a Pioneer and Market Leader in Seaweed Snack with 62% Market Shares and has Large Potential in International Markets. Importantly, under Khun Itthipat ‘s Leadership and his Capable Management Team, the company has gained strong recognition in building Strong & Continuous Business Growth. In Addition, Tao Kae Noi also has High Brand Value and enjoy Strong Brand Awareness in Asian and Thai Markets, which will enable company to grow much further.

This IPO offering are aimed to fund new factory building to produce Company’s Products for exports purpose, increase working capital and strengthen its financial condition. As of end or 2014, TKN has an Earnings per share of 1.19 Baht and Return on Equities of 65% and Return on Assets of 17%, with a Debt to Equities Ratio of 2.62 Times. We expect strong feedback from the investors.
 
As of June 30, 2015, Tao Kae Noi Food & Marketing Plc. has a registered capital of 345,000,000 Baht with a par value of 1 Baht. It has paid capital of 255,000,000 Baht and after the IPO of 90,000,000 Shares to public investors, it will increase registered paid capital to 345,000,000 baht, with 1-baht par value. The Peeradechanpan Group will continue to be Major Shareholder but will reduce its shareholding from 100% during Pre-IPO to 74% or hold 255,000,000 shares after the IPO., with the Public Investors  hold 26% Share. This IPO will be managed by Asia Plus Securities Co., Ltd., as a Lead Underwriter and Manager.