happy on May 29, 2016, 09:26:04 PM

Teenage Mutant Ninja Turtles: Out of the Shadows

ชื่อภาพยนตร์: เต่านินจา : จากเงาสู่ฮีโร่

วันเข้าฉาย: 2 มิถุนายน 2559

จัดจำหน่าย: บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)


ข้อมูลงานสร้าง

                   ไมเคิลแองเจโล, ดอนนาเทลโล, ลีโอนาร์โดและราฟาเอลหวนคืนสู่โรงภาพยนตร์อีกครั้งในซัมเมอร์นี้เพื่อต่อกรกับวายร้ายที่ตัวใหญ่กว่า และร้ายกาจยิ่งกว่า ร่วมกับเอพริล โอ’นีล (เมแกน ฟ็อกซ์), เวิร์น เฟนวิค (วิล อาร์เน็ตต์) และเพื่อนใหม่ของพวกเขาภายใต้หน้ากากฮ็อกกี้ เคซีย์ โจนส์ (สตีเฟน อาเมล) หลังจากที่จอมวายร้าย ชเรดเดอร์ (ไบรอัน ที) ได้หลบหนีจากการถูกคุมขัง เขาก็ได้ร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง แบ็กซ์เตอร์ สต็อคแมน (ไทเลอร์ เพอร์รี) และสองวายร้ายสมองทึบ บีบ็อป (แกรี แอนโธนี วิลเลียมส์) และร็อคสเตดดี้ (ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการมวยปล้ำ สตีเฟน “เชียมัส” ฟาร์เรลลี) เพื่อดำเนินแผนการร้ายในการยึดครองโลก ในตอนที่สี่เต่านินจาเตรียมตัวที่จะรับมือกับชเรดเดอร์และสมุนใหม่ของเขา พวกเขากลับพบว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับ แครงก์ วายร้ายชื่อกระฉ่อน ผู้ร้ายกาจยิ่งกว่าที่มีความตั้งใจคล้ายคลึงกัน

                   พาราเมาท์ พิคเจอร์สและนิคเคลโลเดียน มูฟวีส์ ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดยแพลตินัม ดูนส์, เอ กามา เอนเตอร์เทนเมนต์/เม็ดนิค โปรดักชัน/สมิธโรว์ เอนเตอร์เทนเมนต์ โปรดักชัน Teenage Mutant Ninja Turtles: Out of the Shadows ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยเดฟ กรีน (Earth to Echo) เขียนบทโดยจอช แอปเปิลบอมและอังเดร นีเม็ค (Teenage Mutant Ninja Turtles, Mission Impossible: Ghost Protocol) และอำนวยการสร้างโดยไมเคิล เบย์ (แฟรนไชส์บล็อกบัสเตอร์ Transformers, Teenage Mutant Ninja Turtles), แอนดรูว์ ฟอร์ม, แบรด ฟูลเลอร์, กาเลน วอล์คเกอร์และสก็อต เม็ดนิค ผู้ควบคุมงานสร้างได้แก่เดนิส แอล. สจวร์ต, แกรนท์ เคอร์ติส, อีริค คราวน์และนาโปเลียน สมิธ ที่สาม, อังเดร นีเม็คและจอช แอปเปิลบอม ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยเมแกน ฟ็อกซ์, วิล อาร์เน็ตต์, ลอรา ลินนีย์, สตีเฟน อาเมล, โนเอล ฟิชเชอร์, เจเรมี โฮเวิร์ด, พีท พลอสเซ็ค, อลัน ริทช์สันและไทเลอร์ เพอร์รี ร่วมแสดงโดยไบรอัน ที, สตีเฟน “เชียมัส” ฟาร์เรลลี, แกรี แอนโธนี วิลเลียมส์, บริทนีย์ อิชิบาชิและเจน วู

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=saQggtpPV0E" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=saQggtpPV0E</a>

มิติใหม่

“เรื่องราวของเราเริ่มต้นขึ้นจากตอนจบของภาคแรก ทั้งในชีวิตจริงและในหนังครับ” ผู้อำนวยการสร้างแอนดรูว์ ฟอร์มกล่าว “ในคืนเปิดตัว Teenage Mutant Ninja Turtles ในปี 2014 เราได้ยินว่าพาราเมาท์ให้ไฟเขียวกับการสร้างซีเควล มันเป็นฝันที่เป็นจริงครับ”

ทีมผู้สร้างรู้ว่าพวกเขาต้องยกระดับความน่าตื่นเต้นในภาคสองจากการทำลายล้างนครนิวยอร์กไปสู่ความวินาศทั่วโลก เพื่อแผ้วถางทางให้กับตัวละครโปรดของแฟนๆ ที่ยังไม่ปรากฏตัวในภาคก่อน

“เมื่อคุณสร้างแฟรนไชส์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน คุณก็สามารถดึงอะไรจากมันได้มากมายครับ” ฟอร์มกล่าวต่อ “แต่คุณก็ไม่อยากจะบอกเล่าเรื่องราวเดิมๆ ที่เคยถูกบอกเล่ามาแล้วด้วย เราอยากจะรักษาแฟรนไชส์นี้ให้สดใหม่อยู่เสมอครับ”

“เรารับฟังเสียงของแฟนๆ” หุ้นส่วนและผู้อำนวยการสร้างแบรด ฟูลเลอร์กล่าวเห็นพ้องด้วย “และพวกเขาก็ไม่ได้ขี้อายเลย หลังจากภาคแรก พวกเขาก็บอกเราว่าพวกเขาต้องการอะไรจากภาคสอง และเราก็เห็นพ้องต้องกัน พวกเขาอยากจะเห็นตัวละครและองค์ประกอบของเรื่องราวที่เราพยายามใส่เข้าไปในภาคแรก แต่หาที่ลงให้มันไม่ได้ เราก็เลยให้ความสำคัญกับการใส่องค์ประกอบพวกนั้นเข้าไปในครั้งนี้เป็นอันดับแรก นี่เป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็นแบ็กซ์เตอร์ สต็อคแมน, แครงก์, บีบ็อปและร็อคสเตดดี้ในหนัง และมันก็น่าตื่นเต้นที่ได้มีส่วนร่วมในการเนรมิตชีวิตให้กับตัวละครเหล่านี้ครับ”

ผู้อำนวยการสร้างได้เลือกผู้กำกับเดฟ กรีน วัย 32 ปี ผู้เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเต่านินจา มานั่งแท่นผู้กำกับซีเควลภาคนี้ กรีนได้ใช้ความรู้กว้างขวางที่เขามีเกี่ยวกับเต่านินจามาใช้ในการนำทางเรื่องราวและใส่รายละเอียดอ้างอิงต่างๆ เข้าไปในภาพยนตร์สำหรับแฟนพันธุ์แท้คนอื่นๆ

“มีแฟนพันธุ์แท้เต่านินจาหลายรุ่นเหลือเกินครับ” กรีนกล่าว “ความสุขส่วนหนึ่งของการได้กำกับหนังเรื่องนี้คือโอกาสการได้ใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และตำนานที่ผู้คนรักลงไป เราเจาะลึกเข้าไปในหนังสือการ์ตูนและการ์ตูนทั้งหมดและนั่งดูหนังภาคแรกเพื่อพิจารณารายละเอียดในแต่ละเวอร์ชัน มันมีชิ้นส่วนของฉาก การตกแต่งฉาก เครื่องแต่งกาย หรือกระทั่งท่าโพสต์ของตัวละคร ที่เราหยิบยืมมาใช้ มันมีบางอย่างสำหรับทุกคนครับ” เขาเล่า

“มันมีเนื้อเรื่องที่ให้ความสำคัญกับพวกเต่านินจามากขึ้น” กรีนเล่าต่อ “เราใช้เวลามากขึ้นในการทำความรู้จักกับเต่าแต่ละตัว และล้วงลึกเข้าไปในความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับพลังของครอบครัวและสิ่งที่ครอบครัวสามารถทำได้เมื่อพวกเขาร่วมมือกัน เมื่อครอบครัวนั้นเกิดความร้าวฉาน พวกเขาก็ทำได้ไม่ดีเท่ากับตอนที่เป็นทีมเดียวกันครับ”

“เดฟให้ความสำคัญกับตัวละครและความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องครับ” ฟูลเลอร์อธิบาย “เรารู้สึกว่าถ้าส่วนนั้นของหนังเวิร์คล่ะก็ ทุกอย่างก็จะเข้าที่เข้าทางของมันเองครับ”

“วัยรุ่นทุกคนจะต้องเจอกับช่วงเวลาที่พวกเขาอยากจะเป็นใครที่ไม่ใช่ตัวเอง” กรีนกล่าว “ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเอง ซึ่งเป็นแนวคิดสะเทือนอารมณ์ของหนังเรื่องนี้ ถ้ามีโอกาส เต่านินจาพวกนี้อยากจะเป็นอย่างอื่นหรืออยากจะเป็นตัวเองเหมือนเดิมล่ะ เราได้เห็นพวกเขาเรียนรู้ว่าความแตกต่างของพวกเขาคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาโดดเด่นและมีพลัง สำหรับผม นั่นเป็นสิ่งที่กระทบใจผมจริงๆ”

ระหว่างที่พวกเต่านินจากำลังเผชิญกับความหนักใจเรื่องตัวตนของตัวเอง ภัยที่ร้ายกาจยิ่งกว่ากำลังย่างกรายเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อชเรดเดอร์ร่วมมือกับผู้บัญชาการเหล่าร้าย แครงก์ ในการนำ เทคโนโดรม เครื่องจักรสงครามสุดอันตรายจากต่างดาว มาสู่โลกมนุษย์

“แครงก์มาจากอีกมิติหนึ่งครับ” กรีนอธิบาย “เขาก็เลยมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่อันตราย ซึ่งรวมถึงเมือกสีม่วงที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งมนุษย์กลายพันธุ์และมนุษย์ พวกเต่านินจาไม่เคยเผชิญหน้ากับศัตรูแบบนี้มาก่อนและมันก็ท้าทายพวกเขาทั้งทางร่างกายและอารมณ์ครับ”







พ้นจากเงามืด

เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้วนับตั้งแต่ที่ฮีโรของเราได้กอบกู้สถานการณ์เอาไว้ได้ และเพื่อฝึกฝนวิชานินจา (และอำพรางรูปร่างหน้าตาที่ไม่ธรรมดาของพวกเขา) พวกเขาก็เลยเก็บตัวเงียบ ในขณะเดียวกัน เอพริล โอ’ นีล (เมแกน ฟ็อกซ์) ก็ได้ปลอมตัวเพื่อสืบเรื่องราวของแบ็กซ์เตอร์ สต็อคแมน (ไทเลอร์ เพอร์รี) นักวิทยาศาสตร์ผู้ชาญฉลาดและเป็นที่นับหน้าถือตา ผู้อาจจะมีความเกี่ยวพันกับชเรดเดอร์ (ไบรอัน ที)

“ผมคิดว่าเอพริลอยากจะเป็นคนใหญ่คนโตที่นั่งทำงานอยู่กับโต๊ะ” ฟอร์มรำพึง “แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเธอจะสามารถละทิ้งความตื่นเต้นของการได้อยู่ในท้องถนน สืบเรื่องราวต่างๆ และร่วมงานกับพวกเต่านินจาได้รึเปล่า เธอรักงานของเธอ แต่เธอก็รักความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพวกเต่านินจามากกว่า เธอกลายเป็นเหมือนเต่านินจาตัวที่ห้าเลยครับ” เขากล่าว

“หนังภาคแรกโฟกัสไปที่ความทะเยอทะยานของเอพริลค่ะ” ฟ็อกซ์กล่าว “แต่ในภาคนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพวกเต่านินจาและการมีชีวิตรอดของพวกเขาในฐานะครอบครัวเป็นสิ่งที่เธอให้ความสำคัญที่สุดค่ะ”

“เมแกนมีความผูกพันอย่างเหลือเชื่อกับนักแสดงที่รับบทเต่านินจาครับ” กรีนตั้งข้อสังเกต “แม้กระทั่งในตอนที่ไม่ได้ถ่ายทำ พวกเขาก็มักจะคุยเล่นหัว หัวเราะ เล่นเกมกัน พวกเขาเป็นเหมือนพี่น้องของเธอจริงๆ ครับ”

ผู้ที่กลับมารับบทสี่เต่านินจาได้แก่พีท พลอสเซ็ค ในบท ลีโอนาร์โด ผู้นำผู้นิ่งสงบและมีวินัยของสี่เต่านินจา, อลัน ริทช์สันในบท ราฟาเอล เต่าเลือดร้อนหัวดื้อ, เจเรมี โฮเวิร์ด ในบท ดอนนาเทลโล นักประดิษฐ์ผู้ชำนาญเทคโนโลยีและโนเอล ฟิชเชอร์ ในบท ไมเคิลแองเจโล ผู้รักความสนุกและมุทะลุ ผู้ใฝ่ฝนจะใช้ชีวิตแบบมนุษย์วัยรุ่น

“สำหรับผม พวกเขากลายเป็นเหมือนตัวละครของพวกเขา จนเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมได้เห็นช็อตที่เสร็จสมบูรณ์ ผมก็ได้ยินและเห็นโนเอล, อลัน, เจเรมีและพีท” ฟอร์มกล่าว “ผมได้เห็นพวกเขาแต่ละคนลอยขึ้นมาจากการแสดงอนิเมชัน ผมคิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครรับบทสี่เต่านินจาพวกนี้ได้อีก”

Out of the Shadows ทำให้พลอสเซ็คได้พบกับความท้าทายใหม่ๆ ในการสวมบทลีโอนาร์โด “ลีโอโตขึ้นมากับเข็มทิศศีลธรรมที่แข็งแกร่งครับ” พลอสเซ็คกล่าว “แต่เขาจะน่าสนใจที่สุดในตอนที่เขาต้องทำการตัดสินใจที่ไม่ใช่สีดำหรือสีขาวโดยสิ้นเชิง เขาไม่เคยคิดถึงชีวิตที่อยู่นอกเหนือจากท่อระบายน้ำ และเมื่อพวกเขามีโอกาสจะได้อยู่ในโลกภายนอก เขาก็คัดค้าน เพราะเขาไม่อยากจะสลายกลุ่มครับ”

“มันเป็นเรื่องยากที่ต้องเป็นวัยรุ่นที่นำวัยรุ่นคนอื่นๆ อีกที” กรีนกล่าว”โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อทุกคนต่างก็มีบุคลิกที่โดดเด่นของตัวเอง ลีโออยากจะรักษาเสถียรภาพของกลุ่มเอาไว้ แต่มันก็มีความลับบางอย่างระหว่างพี่น้องที่อยู่เหนือการควบคุม โชคดีที่สปลินเตอร์คอยย้ำเตือนเขาว่าผู้นำที่ดีจะยอมรับความแตกต่างและมองเห็นความแข็งแกร่งของพวกเขาน่ะครับ”

ต่างกับลีโอนาร์โด ราฟาเอลไม่ได้เติบโตขึ้นซักเท่าไหร่ในช่วงหลายเดือนนับตั้งแต่พวกเขาได้ก้าวสู่โลกภายนอกครั้งแรก “ราฟก็ยังคงเป็นราฟ” ริทช์สันกล่าว “ความคิดอ่านของเขายังไม่เปลี่ยนแปลงซักเท่าไหร่ เขามักจะไม่พอใจกับหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตครับ”

“พูดตรงๆ ผมเหมือนกับราฟมากครับ” ริทช์สันกล่าวกลั้วหัวเราะ “เขาไม่ชอบคิดอะไรให้มากความเพราะการไม่ตัดสินใจอาจนำไปสู่การไม่เคลื่อนไหว เขายินดีที่จะเคลื่อนไหวแบบผิดๆ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย คุณจะไปได้ไกลกว่าและเร็วกว่าถ้ายึดคติแบบนั้น ซึ่งผมก็เข้าใจดีครับ”

นับตั้งแต่ที่เราได้เห็นเขาครั้งสุดท้าย ดอนนาเทลโล ผู้เชี่ยวชาญเทคนิค ได้ขยันขันแข็งอัพเกรดรังและพาหนะของทีม “ดอนนีงานยุ่งมากๆ” โฮเวิร์ดอธิบาย “ในภาคนี้ เขามีห้องแล็บสมบูรณ์ ที่มีกล้องวงจรปิดจำนวนมากขึ้นเป็นสองเท่า และมีโปรเจ็กต์ลูกรักอย่างรถเก็บขยะของนิวยอร์ก ซิตี้ ที่เขาตกแต่งอย่างอลังการ มันมีทั้งโซฟา จอทีวีขนาดใหญ่หลายจอ มีปืนใหญ่และแขนกลด้านนอก ปัญหาเดียวก็คือเขาไม่เคยทดสอบพวกมันเลย เขาก็เลยไม่มั่นใจว่าอะไรเวิร์คบ้าง”

“ดอนนาเทลโลมีความคิดที่สูงส่งและเข้าใจเหตุผล” กรีนกล่าว “แต่ตัวละครของเขายังมีหน้าที่ในการให้ข้อมูลกับผู้ชมด้วย เจเรมีไม่เพียงแต่ชำนาญในการพูดเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเหมือนอีกภาษาหนึ่งก็ไม่ปาน แต่เขายังเก่งในเรื่องการนำเสนอช่วงเวลาเหล่านั้นอย่างมีน้ำหนักเหมาะสมด้วย เราอาจจะไม่ได้รู้เสมอไปว่าเขาพูดเรื่องอะไร แต่เราก็จะเข้าใจดีถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องครับ”

โฮเวิร์ดยินดีที่ได้เห็นอารมณ์และมิติที่ลึกซึ้งขึ้นในตัวของพี่น้องบนหน้าจอของเขา “มันน่าตื่นเต้นที่ได้เห็นพวกเขาทะเลาะและโกรธกัน และทำในสิ่งที่ครอบครัวทำกัน” เขากล่าว “เราได้เห็นว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาแต่ละคนไม่พอใจครับ”

ฟิชเชอร์ตื่นเต้นที่ได้กลับมารับบทไมเคิลแองเจโลอีกครั้ง “ไมกี้เป็นหัวใจและจิตวิญญาณของกลุ่ม” เขากล่าว “เขาเป็นตัวละครที่บริสุทธิ์มากๆ ที่ต้องการทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของทุกคน เขาเป็นคนตลกแต่เขาก็เป็นเหมือนกาวใจที่เชื่อมทุกคนเข้าหากันด้วยครับ”

ในตอนเริ่มต้นเรื่อง ไมเคิลแองเจโลกำลังมีความสุขกับขบวนพาเหรดวันฮัลโลวีนและอิสรภาพของวันนี้ที่ทำให้เต่ากลายพันธุ์อย่างเขากลมกลืนไปกับบรรดาชาวนิวยอร์กทั้งหลาย

“ไมกี้ได้ลิ้มรสชาติของการเป็น ‘คนปกติ’” ฟิชเชอร์กล่าว “เขาแสร้งทำตัวเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่สวมชุดประหลาด แต่เขารู้ว่าเขาไม่ใช่ เขารู้ว่าเขามีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างออกไป และความพยายามที่จะได้รับการยอมรับของเขาก็กลายเป็นธีมสำคัญของหนังเรื่องนี้”

สปลินเตอร์ อาจารย์ในท่อระบายน้ำของสี่เต่านินจา คอยช่วยนำทางพวกเขาให้ผ่านพ้นวิกฤติการณ์เกี่ยวกับตัวตนที่คาดไม่ถึงของพวกเขา

“สไตล์การเป็นผู้ปกครองของสปลินเตอร์เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยในหนังเรื่องนี้” กรีนกล่าว “เขาใช้การบังคับน้อยลงและเต็มใจที่จะปล่อยให้พวกเขาทำผิดพลาด เพราะเขารู้ว่าการปล่อยให้พวกเขาผิดพลาดบ้างอาจจะสอนบทเรียนที่สำคัญได้ดีกว่าการบอกพวกเขาว่าต้องทำอะไรน่ะครับ”

เมื่อตัดสินใจว่าโลกภายนอกไม่พร้อมที่จะรับรู้ถึงวีรกรรมของพวกเขา สี่เต่านินจาก็ยอมให้เวิร์น เฟนวิค (วิล อาร์เน็ตต์) เพื่อนของพวกเขา รับเสียงชื่นชมเป็นของตัวเอง

“เวิร์นเลือกที่จะรับเครดิตในการกอบกู้สถานการณ์ของนิวยอร์ก” อาร์เน็ตต์อธิบาย “และมันก็เปลี่ยนแปลงชีวิตเขา ตอนที่เราได้เห็นเวิร์นครั้งแรก เขานั่งอยู่ติดสนามในการแข่งขันของนิคส์กับซูเปอร์โมเดล (อเลสซานดรา แอมโบรซิโอ) มีความสุขกับชื่อเสียงของเขา แต่พอเขามองเห็นภัยคุกคาม เขาก็ไม่อยากจะไปข้องเกี่ยวด้วยมากกว่าในภาคที่แล้วอีกครับ”

“เวิร์นชื่นชอบการเป็นคนดัง ที่ดื่มด่ำกับลาภยศสรรเสริญของการเป็นฮีโร” กรีนกล่าว “เขาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เต็มที่และเขาก็ใช้มันเป็นกุญแจนำไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดที่แมนฮัตตันนำเสนอ และพวกเต่านินจาก็หัวเสียนิดๆ กับเรื่องนั้น พวกเขาริษยาเขาและอยากจะได้รับความสนใจแบบนั้นบ้าง และความแตกต่างระหว่างทั้งสองข้างก็เป็นเรื่องน่าดูชมครับ”

“ผมชอบที่เวิร์นพูดอะไรก็ตามที่เขารู้สึก” อาร์เน็ตต์กล่าว “ในสถานการณ์บางอย่าง เขาเป็นคนพูดสิ่งที่มีเหตุผลและการยับยั้งชั่งใจ โดยเขาเตือนเอพริลและสี่เต่านินจาว่าแผนการของพวกเขาเป็นอะไรที่บ้าบอสิ้นดี แต่ท้ายที่สุด เวิร์นก็เป็นเพื่อนผู้ภักดีครับ”

“ทุกอย่างที่วิลทำมีความละเอียดอ่อนครับ” กรีนกล่าว “แม้กระทั่งในช่วงเวลาที่เวิร์นแสดงท่าทีเชิดหยิ่ง การแสดงของวิลก็ทำให้คุณได้เห็นการขาดความมั่นใจของตัวละครตัวนี้ที่ซ่อนอยู่ข้างใน เวิร์นเรียนรู้ว่าการถูกเรียกว่าฮีโรยังไม่พ จริงๆ แล้ว เขาจะต้องทำตัวให้คู่ควรกับการถูกเรียกแบบนั้นด้วยครับ”
« Last Edit: May 29, 2016, 09:32:48 PM by happy »

happy on May 29, 2016, 09:31:37 PM



เพื่อนใหม่ ศัตรูใหม่

หลังจากที่ชเรดเดอร์หลบหนีจากการถูกคุมขังของตำรวจ สี่เต่านินจาก็พบมิตรใหม่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยคุมความประพฤติที่กลายเป็นวีรบุรุษสวมหน้ากากฮ็อกกี้ เคซีย์ โจนส์ (สตีเฟน อาเมล)

   สตีเฟน อาเมล ผู้เป็นที่รู้จักของแฟนๆ Arrow ทั่วโลก เคยชินกับการรับบทแอนตี้ฮีโร

   “ผมชื่นชอบการรับบทตัวละครที่ยืนอยู่บนคมหอกคมดาบ และมักจะแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวออกมา” เขากล่าว “แต่เขาก็เป็นคนรักสนุก เขาใกล้เคียงกับนิสัยของผมมากกว่าตัวละครอื่นๆ ที่ผมเคยแสดงมาอีกครับ”

   “ตอนที่เราได้พบกับเคซีย์ในหนังเรื่องนี้ เขาเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยคุมความประพฤติที่ฝันจะเป็นนักสืบ” อาเมลอธิบาย “เขาไม่อยากจะเป็นฮีโรที่ควงไม้ฮ็อกกี้หรอกครับ แต่เขาจำเป็นต้องทำ”

   ฟูลเลอร์ยอมรับว่าเคซีย์เป็นตัวละครตัวแรกที่ทีมผู้สร้างพิจารณาในการเพิ่มเข้ามาในโลกของ TMNT “เราอยากจะให้เอพริลมีคู่เปรียบเทียบ” เขากล่าว “และเคมีระหว่างเอพริลและเคซีย์ก็เห็นได้ชัดเจน ซึ่งช่วยเพิ่มมิติให้กับทีมของเราครับ”

   “เรารู้ว่าเคซีย์อาจจะมีแววเป็นคนรักของเอพริล และมันอาจเกิดรักสามเส้าระหว่างเอพริลและเคซีย์ โดยมีเวิร์นข้องเกี่ยวเล็กๆ ก็ได้” เขากล่าวต่อ “นอกจากนั้น เรายังอยากได้คนที่จะสามารถรับมือกับแอ็กชันและอารมณ์ขันได้ และก็มีเสน่ห์น่าหลงใหล ซึ่งสตีเฟนก็เป็นแบบนั้น เราได้ทดสอบหน้ากล้องเมแกนกับสตีเฟน และเราก็รู้ทันทีว่าสตีเฟนคือเคซีย์ โจนส์ครับ”

   อาร์เน็ตต์ชื่นชมการเลือกอาเมลมารับบทนี้ด้วยเหตุผลที่แตกต่างออกไป “เป็นเรื่องดีที่มีนักแสดงแคนาดาอีกคนมาอยู่ในกองถ่ายครับ”

   ลอรา ลินนีย์ รับบท สารวัตรตำรวจรีเบ็กก้า วินเซนต์ เจ้านายของโจนส์ ตำรวจผู้จริงจัง ผู้ไม่มีน้ำอดน้ำทนกับพวกอาชญากรและฮีโรที่ทำตัวเป็นศาลเตี้ย

   “เธอเป็นหัวหน้าหน่วยปราบปรามแก๊งอาชญากรค่ะ” ลินนีย์อธิบาย “เมื่อเธอได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์พวกนี้ เธอก็ไม่ได้ปลาบปลื้มเลย เธอไม่ไว้ใจพวกเขา และเมื่อเธอได้พบพวกเขา เธอก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยค่ะ”

   สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเคซีย์ โจนส์และหัวหน้าของเขา “ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาทำให้เธอไม่พอใจค่ะ” ลินนีย์กล่าวกลั้วหัวเราะ “เธอคิดว่าเขาหยิ่งยะโสและไร้ความสามารถ แต่เขาก็พิสูจน์ว่าเธอคิดผิดค่ะ”

   “การแสดงของลอราช่วยเสริมสร้างความสมจริงให้กับหนังเรื่องนี้ ในแบบที่จะไม่เกิดขึ้นถ้าขาดเธอครับ” กรีนกล่าว “และโดยส่วนตัวแล้ว สำหรับผม เธอเป็นครูผู้วิเศษสุด ที่สอนผมเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับนักแสดงครับ”

   ในตอนที่ทีมผู้สร้างทาบทามลินนีย์ให้มารับบทนี้ครั้งแรก พวกเขาก็ส่งบทไปให้เธอ พร้อมกับพิซซาชีสถาดโต

   “เราไม่ได้รับคำตอบกลับในทันที” ฟอร์มเล่าพลางระลึกถึงอาการปั่นป่วนในท้อง “เราคิดว่าบางทีพิซซาอาจจะไม่เข้าท่าก็ได้”

   แต่วันถัดมา เขาก็ได้รับข้อความตอบกลับพร้อมกับรูปของลินนีย์ที่นอนอยู่บนพื้น ดูเหมือนจะสลบไปใกล้ๆ กับกล่องพิซซาที่ว่างเปล่าและกระป๋องเครื่องดื่มออเรนจ์ ครัช

   “เราโชคดีครับ” ฟอร์มกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ “และพอเธอมาที่กองถ่าย มันก็เหมือนเวทมนตร์เลย”

   “มีบางสิ่งที่แปลกใหม่ในการแสดงหนังแบบนี้ค่ะ” ลินนีย์กล่าว “มันมีคำอนุญาตให้สนุกได้ ซึ่งเป็นเรื่องดีจริงๆ ตอนนี้ที่ฉันมีลูกแล้ว ฉันก็อยากให้เขาได้ดูหนังซักเรื่องของฉันที่จะไม่ทำให้เขากลัวก่อนที่เขาจะอายุ 25 น่ะค่ะ” เธอกล่าวติดตลก

   เช่นเดียวกับลินนีย์ ไทเลอร์ เพอร์รีก็อยากจะแสดงภาพยนตร์ที่ลูกชายของเขาจะชื่นชอบ เพอร์รี ผู้เป็นแฟนของแฟรนไชส์เรื่องนี้ กระโจนเข้าใส่โอกาสในการรับบท แบ็กซ์เตอร์ สต็อคแมน พันธมิตรที่ถูกมองข้ามของชเรดเดอร์

   “สิ่งที่ผมชื่นชอบที่สุดเกี่ยวกับตัวละครตัวนี้คือเขาทำงานทุกอย่าง แต่เขากลับถูกเมินเฉยและมองข้าม” เพอร์รีกล่าว “ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นเพราะผมโตมาเป็นคนที่ถูกมองข้าม ผมก็เลยเข้าใจเขาทันที โอกาสในการได้แสดงบทนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องผู้เพี้ยนหนักกว่าเดิมเป็นเรื่องสนุกมาก เขาเริ่มจากการเป็นคนที่ไม่ได้เลวร้ายซักเท่าไหร่กลายเป็นหนึ่งในคนที่เลวร้ายที่สุดน่ะครับ”

   “จริงๆ แล้ว มีฉากหนึ่งในภาคแรกที่มีแบ็กซ์เตอร์ สต็อคแมนอยู่ด้วย” ฟูลเลอร์เล่า “ผมบอกไม่ได้หรอกครับว่าฉากไหน แต่เขาอยู่ในภาคแรกแน่ๆ เราชื่นชอบตัวละครตัวนี้มาโดยตลอด ดังนั้น ตอนที่เราพัฒนาเรื่องราวนี้ขึ้นมา นักแสดงคนเดียวที่เรานึกถึงคือไทเลอร์ เพอร์รีครับ”

   เพอร์รีชื่นชอบการสร้างบุคลิกของตัวละครตัวนี้ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ทั้งท่าเดิน เสียง ไปจนถึงลักษณะที่เหมือนหนูของเขา เพอร์รีได้ผลักดันตัวละครตัวนี้ให้ไปไกลกว่าที่ปรากฏในหน้ากระดาษ

   “ไทเลอร์ได้ขุดเอาความหยิ่งยะโสและความภูมิใจที่อยู่ลึกๆ ในใจแบ็กซ์เตอร์ออกมา แม้ว่าเมื่อดูภายนอกแล้วเขาจะค่อนข้างถ่อมตนและเก็บความรู้สึกก็ตาม” กรีนกล่าว

   “ไทเลอร์ทำให้ตัวละครตัวนี้เป็นของตัวเองครับ” ฟอร์มกล่าว “พอเขาสวมแว่นตา เขาก็จะเปลี่ยนเป็นแบ็กซ์เตอร์ สต็อคแมนในทันที มันน่าทึ่งมาก”

   “เมื่อเขามากองถ่าย ทุกคนก็จะให้ความสนใจ” ผู้อำนวยการสร้างกล่าวต่อ “เขาเป็นตำนานครับ ความสำเร็จในอาชีพของเขาเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังนั้น พอเขาถามว่าเราแฮปปี้กับฉากหรือช่วงเวลานั้นๆ รึเปล่า เราก็ต้องหัวเราะแล้วตอบว่า ‘คุณว่าไงล่ะ’ น่ะครับ”
   แครงก์ ตัวละครขวัญใจแฟนๆ สมองเอเลียนไร้ร่างกาย ผู้ซึ่งเมือกสีม่วงของเขาก่อให้เกิดความขัดแย้งหลักในเรื่อง ถูกเนรมิตชีวิตโดยทีมวิชวล เอฟเฟ็กต์ที่อินดัสเทรียล ไลท์ แอนด์ เมจิค

   “เราสร้างแบบดีไซน์แครงก์เบื้องต้นจากการ์ตูนครับ” โรเบิร์ต วีฟเวอร์ ซูเปอร์ไวเซอร์ร่วมฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์กล่าว “แล้วเราก็คอ่ยเพิ่มเติมอิทธิพลจากชีวิตสัตว์น้ำเข้าไป ดวงตาเขานำเค้าโครงมาจากฉลามปะการัง และเขาก็มีส่วนผสมของปลาบร็อบอยู่ในตัวด้วย ไมเคิล เบย์มีไอเดียในการทำให้เขามีขนาดใหญ่และเคลื่อนตัวเข้าๆ ออกๆ จากร่างหุ่นแอนดรอยด์ของเขาอย่างลำบากยากเย็นครับ”

   “แครงก์มีร่างหุ่นแอนดรอยด์ขนาดยักษ์ที่ค่อนข้างน่ากลัว” ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ พาโบล เฮลแมนกล่าว “แต่ภายใต้ร่างกายนั้น เขาก็เป็นแค่สมอง เขาทรงพลังก็จริง แต่ก็เปราะบางด้วยครับ”

   เมือกสีม่วงของแครงก์มีบทบาทสำคัญในการสร้างร็อคสเตดดี้และบีบ็อป สองตัวละครที่โด่งดังที่สุดของแฟรนไชส์ ที่เป็นที่รู้จักในนามของ “เดอะ นัคเคิลเฮดส์” ในกองถ่าย สตีเฟน ฟาร์เรลลีและแกรี แอนโธนี วิลเลียมส์ รับบท อันธพาลกระจอกที่กลายพันธุ์กลายเป็นมนุษย์แรด (ร็อคสเตดดี้) และมนุษย์หมูป่า (บีบ็อป) ตามลำดับ

   “มันน่าทึ่งมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้” ฟาร์เรลลีกล่าว “ผมเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้ร้ายครับ” เขากล่าว “ตัวละครทุกตัวมีความลึกซึ้ง แม้กระทั่งบีบ็อปหรือร็อคสเตดดี้ ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเป็นภาระให้กับชเรดเดอร์มากกว่าจะเป็นอย่างอื่น”

   ฟาร์เรลลาเป็นหนึ่งในคนแรกๆ ที่เข้าคิวรอชมภาพยนตร์ในปี 2014 แต่เขาก็อดทนรอตั้งแต่นั้นมาเพื่อให้ผู้ร้ายปรากฏตัวมากขึ้นอีก คงไม่เกินเลยไปถ้าจะพูดว่าเขากระโจนเข้าสู่โอกาสในการออดิชันเพื่อบทร็อคสเตดดี้

   “ผมกระโดดขึ้นรถ แล้วขับจากแทมปาไปออร์ลันโด” ฟาร์เรลลีเล่า “ผมไว้ผมทรงโมฮอว์คอยู่แล้ว ผมก็เลยแต่งทรงให้มันตั้งเหมือนกับนอ ผมสวมชุดอุปกรณ์ต่างๆ ในแบบที่คล้ายคลึงกับตัวละครที่ผมจำได้ และผมก็พยายามจะพูดไดอะล็อคให้ใกล้เคียงกับตัวละครตัวนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อแอนดรูว์ ฟอร์มถามผมว่าผมอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้รึเปล่า ผมก็ตอบว่า ‘แน่นอน! คุณบ้ารึเปล่า? ผมต้องไปไหน ผมจะเริ่มได้เมื่อไหร่’ คุณจะบอกผ่านโอกาสแบบนั้นไปได้ยังไง” เขากล่าวกลั้วหัวเราะ “มันเป็นฝันที่เป็นจริงครับ”

   แกรี แอนโธนี วิลเลียมส์ ก็เป็นแฟนการ์ตูนยุค 80s เรื่องนี้เช่นกัน

   “ผมอาจจะแก่เกินกว่าที่จะดูเต่านินจา แต่มันก็ไม่สำคัญครับ” เขาเล่าพลางหัวเราะ “คู่หูของผม เจอร์รีและผมนั่งดูทุกเอพิโซด ผมชอบที่เต่านินจาแต่ละตัวแตกต่างกัน คนที่ผมชอบที่สุดคือดอนนาเทลโลที่ฉลาดเป็นกรด ผมชอบอุปกรณ์ของเขาและการที่เขามีความคิดเฉียบแหลม” นักแสดงหนุ่ม ผู้เป็นอดีตนักเรียนดีเด่น กล่าว

   “ผมต่อสู้เพื่อบทนี้” วิลเลียมส์กล่าวต่อ “ตอนแรก ผมคิดว่าพวกเขาต้องการคนร่างใหญ่ กล้ามบึ้ก แต่กลายเป็นว่าไมเคิล เบย์ต้องการคอเมดีและความสามารถในการอิมโพรไวส์ และการอิมโพรไวส์ก็เป็นงานถนัดของผม”

   “บีบ็อปไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุดในโลก” เขากล่าว “พวกเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นซักคน แต่บีบ็อปและร็อคสเตดดี้ต่างก็รักกันแบบพี่น้องและอยากจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในเรื่องของการทำชั่ว เราได้นำเสนอความสัมพันธ์โง่ๆ แบบนั้นครับ”

   “ร็อคสเตดดี้เป็นคนอิสระเสรี เหมือนกับเด็กตัวโต” ฟาร์เรลลีกล่าวเสริม “ผมเคยร่วมงานกับคนร่างใหญ่ กล้ามบึ้ก ที่ชอบพูดจาคุยโวโอ้อวด แต่ไม่กล้าทำตามที่พูดมาแล้ว ผมคิดว่าร็อคสเตดดี้และบีบ็อปก็เป็นแบบเดียวกัน พวกเขาอยากจะเป็นชเรดเดอร์ เป็นหัวหน้าใหญ่ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะก้าวไปอีกขั้นยังไง ลองนึกถึงผู้นำที่ฉลาดที่สุดและใส่ใจรายละเอียดดู แล้วนึกถึงสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามนะครับ นั่นล่ะคือร็อคสเตดดี้และบีบ็อป”

   “สตีเฟนกับแกรีเคยหยุดเลยครับ” ไทเลอร์ เพอร์รีพูดถึงคู่หูอันตรายของแบ็กซ์เตอร์ “พวกเขาไม่เคยปิดสวิทช์ ตอนที่ผมได้พบกับแกรีครั้งแรก ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นคนอังกฤษหรือว่ามาจากบรองซ์กันแน่” เขากล่าวกลั้วหัวเราะ “เขาจะพูดด้วยสำเนียงสารพัดแบบ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวขำขัน และเมื่อพวกเขารับส่งมุขกัน มันก็เจ๋งจริงๆ ครับ”

   “เราอาจจะจ้างพวกเขาแยกกัน” กรีนกล่าว “แต่ตอนนี้ พวกเขาไม่แยกจากกันเลย จังหวะที่พวกเขามีร่วมกันเจ๋งจริงๆ ตอนที่เราบันทึกเสียงสำหรับตัวละครอนิเมชัน พวกเขาก็อยากจะอยู่ในห้องอัดเสียงด้วยกัน พวกเขามักจะพูดตามบท แต่เราก็มักจะปล่อยให้พวกเขาไหลไปเรื่อย แล้วเราก็จะได้กลับไปเข้าไปในห้องลำดับภาพพร้อมด้วยวัตถุดิบมหาศาลจากเซสชันพวกนั้นครับ”

   แม้ว่าประสบการณ์นี้จะสนุกขนาดไหน นักแสดงทั้งสองก็มองบทของพวกเขาอย่างจริงจัง “การแสดงบทที่โด่งดังแบบนี้มักนำมาซึ่งความกดดันเสมอครับ” ฟาร์เรลลีกล่าว “แน่นอนว่าตัวละครเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปและเมื่อคุณได้เห็นพวกเขาในร่างมนุษย์เป็นครั้งแรก พวกเขาก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณจำได้จากการ์ตูนอนิเมชัน แต่เราก็ยังพยายามที่จะนำชีวิตและคุณสมบัติแบบนั้นมาสู่ร็อคสเตดดี้และบีบ็อป และเพิ่มมิติให้กับพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกนิดครับ”

   บริทนีย์ อิชิบาชิ ผู้รับบท คาไร มองบีบ็อปและร็อคสเตดดี้ว่าเป็นอันธพาลรับจ้างที่ช่วยทำงานของชเรดเดอร์และลูกสมุนให้สำเร็จลุล่วง “พวกเขาอาจจะตัวใหญ่และแข็งแรง แต่ก็ต้องได้รับการดูแลควบคุมค่ะ” เธอเล่า “มันเป็นเรื่องยากในการรับบทคนร้ายในตอนที่คุณพยายามจะไม่หัวเราะน่ะค่ะ” เธอยอมรับเกี่ยวกับเพื่อนร่วมแสดงของเธอ “พวกเขาเป็นคนตลกมาก และสำหรับแกรีแล้ว เขาก็ปล่อยมุขมาไม่ยั้งเลยค่ะ”

   อิชิบาชิ ผู้มีแบ็คกราวน์ด้านการเต้นและศิลปะการต่อสู้ ไม่เคยรับบท “ผู้ร้าย” มาก่อน

   “คาไรมีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องหน้าที่และเกียรติยศค่ะ” เธออธิบาย “เธอบังเอิญอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเอกของเรา แต่ฉันชื่นชอบคาไรค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่ฉันเล็กๆ เพราะชื่อของเธอแปลว่า ‘เผ็ด’ ในภาษาญี่ปุ่น และเธอก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอเป็นหญิงแกร่งที่มักควบคุมสิ่งต่างๆ และทำหน้าที่ให้ลุล่วงเสมอ”

   ในตอนที่นักแสดงสาวได้อ่านคำอธิบายเกี่ยวกับตัวละคร มันก็เขียนไว้เพียงแค่ว่า ทหารหญิง

   “ฉันจำได้ว่าฉันไปเข้ารับการคัดเลือกด้วยความคิดว่า ‘ขอให้เป็นคาไรเถอะ ขอให้เป็นคาไรเถอะ” เธอเล่า “แต่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ ฉันก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้อยู่ดี ถ้าพวกเขายอม ให้ฉันชงกาแฟก็ได้ค่ะ!”

   แม้ว่าตัวละครของเธอจะเป็นคนร้าย อิชิบาชิก็เข้าใจความรู้สึกของพวกสี่เต่านินจา “ทุกคนสามารถมองเห็นเศษเสี้ยวของตัวเองในตัวพวกเขาคนใดคนหนึ่งค่ะ” อิชิบาชิกล่าว “ตอนเป็นเด็ก ฉันเป็นเหมือนลีโอนาร์โดเพราะฉันเป็นพี่คนโตสุด” เธอเล่า “มันเมคเซนส์ว่าฉันจะต้องเป็นผู้นำค่ะ” เธอกล่าวกลั้วหัวเราะ

   ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการรวมตัวของเหล่าร้ายในครั้งนี้คือชเรดเดอร์ ผู้นำของเหล่านินจาตัวร้ายนั่นเอง

   “ชเรดเดอร์เป็นจอมบงการครับ” ไบรอัน ทีอธิบาย “เขาเป็นผู้ร้ายตัวจริง และในฐานะแฟน ผมก็ชื่นชอบที่เรารวมตัวละครทั้งหมดนี้ ทั้งบีบ็อป ร็อคสเตดดี้ แบ็กซ์เตอร์ สต็อคแมน คาไรและแครงก์ มันเป็นการรวมตัวละครในตำนานทั้งหมดนี้มาอยู่ในหนังเรื่องเดียวครับ”

   ทีชื่นชอบเครื่องแต่งกายของเขาเป็นพิเศษและรู้สึกว่ามันช่วยให้เขาอินกับบทบาทของเขามากขึ้น “เครื่องแต่งกายเป็นหนึ่งในแง่มุมที่ผมชื่นชอบที่สุดในงานนี้” เขากล่าวพลางหัวเราะ “มันเป็นการแสดงออกภายนอกว่าชเรดเดอร์คือใคร มันเป็นชุดหนังสุดเนี้ยบที่มีจิตวิญญาณของซามูไร หมวกเกราะมีความสำคัญมากๆ เพราะคุณจะเห็นชเรดเดอร์กับหน้ากากนั้นเสมอ ชุดของเขาแสดงออกถึงความแข็งแกร่ง เห็นได้ชัดว่ามันพัฒนาขึ้นมากจากชุดชเรดเดอร์ที่ผมมีสมัยเด็กน่ะครับ”

   “ตอนแสดง ผมจะทำงานจากภายในสู่ภายนอก” ทีอธิบาย “มันมีความเป็นชเรดเดอร์ และพอคุณสวมชุดนั้นเข้าไป คุณก็จะมีการวางตัวและท่าทีบางอย่าง รวมทั้งสามารถสร้างตัวตนของเขาออกมาได้ในแบบที่เฉพาะเจาะจง เช่นเดียวกับเด็กจำนวนมาก ผมโตขึ้นมาด้วยความสงสัยว่าชเรดเดอร์มีหน้าตายังไงเบื้องหลังหน้ากากนั้น ตอนนี้ มันก็เลยเป็นความรู้สึกเซอร์เรียลที่ได้มาเป็นใบหน้าของตัวละครตัวนี้ครับ”

   “ไบรอันมีความจริงจังเงียบๆ ที่เต็มไปด้วยความหมายครับ” กรีนกล่าว “เขาสามารถแค่หันหน้าไปมอง มันก็ทำให้ทั้งกองถ่ายเงียบได้แล้ว ลักษณะที่เขาเดินอย่างทรงพลัง ท่าทางของเขา แม้กระทั่งอากัปกิริยาที่เล็กน้อยที่สุดก็จะมีความหมายมากกว่าบทพูดใดๆ เขาสยบคนได้ทั้งห้องจริงๆ ครับ”

   “ชเรดเดอร์จะต้องเป็นคนที่ทุกคนกลัวครับ” เขากล่าว “แต่เขาก็มีความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียดกับคาไร เธอเป็นหนึ่งในทหารที่ดีที่สุดของเขา และปกติแล้ว เธอก็เป็นคนที่เขาสามารถพึ่งพาได้ แต่กระทั่งเธอก็ทำให้เขาผิดหวัง สำหรับชเรดเดอร์ ทุกคนสามารถถูกเขี่ยทิ้งไปได้ครับ”

   แม้ว่าทีจะดูน่าหวั่นเกรงในหน้ากล้อง แต่เขาและลูกสมุนของเขาก็สร้างสายสัมพันธ์อันดีในกองถ่าย ที, อิชิบาชิ, วิลเลียมส์และฟาร์เรลลี ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ด้วยกัน พวกเขากลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ซึ่งช่วยเสริมสร้างอะไรบางอย่างให้กับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของพวกเขา

   “มีแต่ตัวร้ายตลอดเวลาเลยค่ะ” อิชิบาชิกล่าวติดตลก
« Last Edit: May 29, 2016, 09:34:00 PM by happy »