KTAMฉวยจังหวะหุ้นดี่งขายทริกเกอร์ฟันด์ มุ่งสู่เป้าหมายเลิกโครงการที่5%ภายใน6เดือน
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเวลานี้ นอกจากจะเป็นช่วงที่เหมาะสมต่อการลงทุนในกองทุน RMF/LTF แล้ว ยังเป็นช่วงจังหวะที่ดี เหมาะสำหรับการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย 5% ทริกเกอร์ ฟันด์ 6 ( TRIG5-6 ) เสนอขาย วันที่ 31 กรกฎาคม - 5 สิงหาคม 2558 ซึ่งนับว่า เป็นโอกาสที่ดีในการหาจังหวะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจาก ดัชนีปรับตัวลดลงประมาณ 12.27% จากสูงสุดในปีนี้ที่ 1615.89 จุด
กองทุน TRIG 5-6 มีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ เงินฝาก และ/ หรือ ลงทุนในหลักทรัพย์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ 0 -100% ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
กองทุน KTIG5-6 ไม่กำหนดอายุโครงการ บริษัทจะเลิกโครงการโดยอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.5555 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป และทรัพย์สินของกองทุนที่จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ จะต้องเป็นเงินสด หรือเทียบเท่าเงินสดทั้งหมด หลังจากนั้น บริษัทจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บริษัทเปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้กับผู้ถือหน่วยต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ105ของมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาท หากกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ที่มูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นจนเป็นเหตุให้เลิกกองทุนภายใน 6 เดือน นับจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม บริษัทจะเปิดทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกวันทำการ และหากในวันใดวันหนึ่งราคาหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.5555 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ พร้อมสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์
นางชวินดา กล่าวต่อไปว่า ในช่วงเวลานี้ เป็นจังหวะที่ดีสำหรับโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เนื่องจาก ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ มีการปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง ในขณะที่ผลการดำเนินงานหลายๆบริษัทในตลาดฯ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ และรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ได้แก่ โครงการโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ รถไฟรางคู่ ถึงแม้ว่าการลงทุนของภาครัฐอาจช้าไปบ้างแต่รัฐบาลก็พยายามออกโครงการที่มีความพร้อมที่สุดออกมาก่อน โดยล่าสุดอนุมัติให้มีการสร้างถนนมอเตอร์เวย์ 3 สาย เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของระบบขนส่งของประเทศ นอกจากนี้ การท่องเที่ยวที่ยังคงดีอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะจากการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีนทำให้คาดว่าภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในตอนนี้
สำหรับปัจจัยภายนอกนั้น ประเด็นความกังวลปัญหาหนี้กรีซได้ผ่อนคลายลง จากการที่กรีซยอมรับเงื่อนไขของเจ้าหนี้ในการลดรายจ่ายของรัฐบาลเพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ประเทศต้อง Default รวมถึงเศรษฐกิจโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว น่าจะฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลังของปีนี้ น่าจะเป็นปัจจัยช่วยให้ตลาดหลักทรัพย์ของไทยฟื้นตัวขึ้นได้ โดยทางบริษัทมองดัชนีตลาดเป้าหมายสิ้นปีอยู่ที่ระดับ 1,580 จุด ซึ่งมี upside จากดัชนี ณ ระดับปัจจุบันค่อนข้างมาก จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน
นอกจากนี้ นักลงทุนที่ต้องการลงทุนแบบกำหนดระยะเวลา และรับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 26 ( KTFFE26 )
เสนอขายถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2558 อายุ 6 เดือน เน้นจำหน่ายผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย และผู้ที่มีเงินลงทุนสูง (AI ) เงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท โดยกองทุนจะลงทุนใน Medium Term Note ( MTN) ซึ่งเป็นตราสารการเงินที่ออกจำหน่ายระหว่างประเทศ โดย Banco ABC ( Brasil ) , MTN ออกโดย Banco Santander (Brasil ) S.A , MTN ที่ออกโดย Turkiye Vakiflar Bankasi TAO , เงินฝากประจำ PT Bank Rakyat Indonesia ( PERSERO) Tbk และเงินฝากประจำ Yapi ve Kredi Bankasi A.S . ผลตอบแทนประมาณ 1.95% ต่อปี