“ตราช้าง” จากเอสซีจี เปิดตัว “ระบบพื้น ตราช้าง” กระตุ้นตลาดไม้สังเคราะห์ ชูจุดแข็งด้วยบริการออกแบบติดตั้งครบวงจรเบ็ดเสร็จ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ ตั้งเป้าปี 58 ครองความเป็นผู้นำตลาดไม้สังเคราะห์อย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 49%
“ตราช้าง” จากเอสซีจี ผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง เดินหน้ากระตุ้นตลาดไม้สังเคราะห์ครั้งใหญ่ เปิดตัว “ระบบพื้น ตราช้าง” ขั้นสุดของนวัตกรรมระบบพื้นคุณภาพเยี่ยม ที่ผสานทั้งไม้พื้นและระบบงานโครงสร้าง มาเป็นระบบพื้นที่สมบูรณ์แบบ ให้ความสวยเหมือนไม้จริง แข็งแรง ทนทานทุกสภาพอากาศ ชูจุดแข็งด้วยบริการให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้งแบบครบวงจรเบ็ดเสร็จ ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญจากเอสซีจี พร้อมรับประกันการติดตั้ง 1 ปี เพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของบ้าน หมดกังวลปัญหาเรื่องการดูแลรักษาในระยะยาว เจาะกลุ่มเจ้าของบ้านยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายและความครบครันเพื่อต่อเติมพื้นที่นอกบ้าน มั่นใจสามารถตอบโจทย์ทุกงานดีไซน์เรื่องพื้น ตั้งเป้าหมายปี 2558 ครองความเป็นผู้นำตลาดไม้สังเคราะห์อย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 49% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 8,500 ล้านบาท
นายประกาญจน์ อัยยะภาคย์ ผู้อำนวยการการตลาด ซิสเต็ม แอนด์ โซลูชั่น ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า “ตราช้าง” จากเอสซีจี มีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
ในการสำรวจความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ความต้องการของตลาด และแนวโน้มของตลาด จนทำให้“ตราช้าง” มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่หลากหลาย ครบครันทั้งบริการ และโซลูชั่น ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านที่อยู่อาศัย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของผู้บริโภค และได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดเพื่อตอบวิสัยทัศน์ดังกล่าว จึงได้เปิดตัว “ระบบพื้น ตราช้าง” ขั้นสุดของนวัตกรรมระบบพื้นคุณภาพเยี่ยม นวัตกรรมระบบพื้นคุณภาพเยี่ยม ที่ครบครันทั้งคุณภาพ ความสวยงาม ความแข็งแรงทนทาน และความสะดวกสบาย โดย “ตราช้าง” เป็นรายแรกและรายเดียวของไทย ที่มีบริการเบ็ดเสร็จแบบครบวงจร ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพจากเอสซีจี โฮมโซลูชั่น ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบวางโครงระบบพื้นตามพื้นที่หน้างานด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ Optimized Design สำหรับออกแบบโครงพื้นโดยเฉพาะ จึงมีประสิทธิภาพ และได้รูปแบบตามที่ผู้บริโภคต้องการ ตลอดจนให้บริการติดตั้งโครงเหล็ก ด้วยการติดตั้งแบบระบบสกรู โดยเชื่อมต่อองค์ประกอบวัสดุแต่ละส่วนที่ถูกตัดตามการออกแบบของพื้นที่จริงจากโรงงาน จึงติดตั้งง่าย สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และแม่นยำ ทั้งยังช่วยลดขั้นตอนการทำงานอีกด้วย
นอกจากนี้ยังชูจุดเด่นในการคัดสรรองค์ประกอบสำคัญของระบบพื้น ซึ่งประกอบด้วย ไม้พื้น ตราช้าง สมาร์ทวูด รุ่นที-คลิป สีสวยเหมือนไม้ธรรมชาติผลิตจากเส้นใยเซลลูโลส แข็งแรงทนทาน ปลวกไม่กิน เนื้อสีผสานสนิทแน่นกับเนื้อไม้ ไร้กังวลกับปัญหาสีลอกล่อน ด้วยเทคโนโลยี Color Loc เคลือบสีสำเร็จจากโรงงานถึง 3 ชั้น ให้ผิวสัมผัสเหมือนไม้ เป็นผืนเดียวกัน ด้วยระบบการติดตั้งแบบที-คลิป ไร้รอยหัวสกรู และ ระบบงานโครงสร้าง ใช้โครงเหล็กที่ผลิตจากเหล็กกล้าแรงดึงสูง เคลือบกัลวาไนซ์ ชุบสังกะสี (Galvanized High Tensile Steel) มาตรฐานการเคลือบสังกะสี มอก.50-2538 และ JIS 3302-194 จึงมั่นใจได้เรื่องความทนทาน แข็งแรง ปลอดสนิม หมดปัญหาการดูแลในระยะยาว ด้วยการติดตั้งระบบใหม่ ทดแทนการเชื่อมเหล็ก ซึ่ง “ตราช้าง” ได้นำ 2 องค์ประกอบข้างต้นมาผสานและเชื่อมต่อกันเป็นระบบพื้นที่สมบูรณ์แบบ สวยเหมือนไม้จริง แข็งแรง และทนทานทุกสภาพอากาศ การันตีมาตรฐาน“ตราช้าง” สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เอสซีจี คอนแทค เซ็นเตอร์ โทร. 02-586-2222 หรือคลิกเว็บไซต์
www.trachang.co.th “สำหรับการเปิดตัวในครั้งนี้ เรามุ่งเน้นในการสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายหลักที่เป็นกลุ่มเจ้าของบ้านยุคใหม่ และกลุ่มเจ้าของโครงการ ด้วยการจัดทำดิสเพลย์ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์จริงของระบบพื้น ตราช้าง ที่เอสซีจี โฮมโซลูชั่น และเอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ รวมถึงร่วมออกบูธจัดแสดงผลิตภัณฑ์ในงานสถาปนิกที่ผ่านมา และงานบ้านและสวนที่จะจัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม–8 พฤศจิกายน 2558 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี นอกจากนี้ยังได้การสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และนิตยสารต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้อีกด้วย โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมายภายในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยคุณสมบัติเด่นขององค์ประกอบระบบพื้น ตราช้าง และการให้บริการที่ครบวงจร ตลอดจนช่วยกระตุ้นให้การเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์ ตราช้าง เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ โดย “ตราช้าง” ตั้งเป้าหมายยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์เติบโต 6% จากปีที่ผ่านมา พร้อมครองความเป็นผู้นำตลาดไม้สังเคราะห์อย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 49% จากมูลค่าตลาดรวม 6,000ล้านบาท ทั้งนี้คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมในปีนี้จะเติบโตขึ้น 3% จากปี 2557” นายประกาญจน์ กล่าวในท้ายสุด