du_sit on June 26, 2015, 04:38:41 PM
ปอร์เช่ 911 คว้ารางวัลชนะเลิศ J.D. Power Award ถึง 4 ปีซ้อน จากการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า

ลูกค้าในสหรัฐอเมริกายกย่องให้ปอร์เช่เป็นรถคุณภาพระดับพรีเมี่ยม





สตุ้ดการ์ท/เวสเลค วิลเลจ. ผู้ขับขี่รถยนต์ปอร์เช่ในสหรัฐอเมริกาพึงพอใจต่อรถสปอร์ตจาก Zuffenhausen และ Leipzig เป็นอย่างมาก และนี่เป็นชัยชนะครั้งที่ 3 ที่โรงงานผลิตรถสปอร์ตที่สตุ้ดการ์ทสามารถคว้าอันดับ 1 มาครอง ตั้งแต่ปี 2013, 2014 และ 2015 ปีนี้ ซึ่งเป็นรางวัล “Initial Quality Study” ที่ทำการสำรวจโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาชื่อดัง J.D. Power ในสหรัฐอเมริกา

“ความสำเร็จของรถยนต์ปอร์เช่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้าของพวกเรา” กล่าวโดย Matthias Müller, ประธานกรรมการและบอร์ดบริหารของปอร์เช่ “พวกเรามองว่ารางวัลนี้ คือสิ่งที่ยืนยันว่ากลยุทธ์สำหรับการนำเสนอสินค้าระดับมาตรฐานดีเยี่ยม พร้อมการออกแบบที่มีคุณภาพ การพัฒนาและผลิตด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูงนั้นเป็นที่ยอมรับ และเราจะยังคงนำเสนอประสบการณ์การซื้อและการเป็นเจ้าของที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าแบบนี้ไปอย่างต่อเนื่อง”

ปอร์เช่ 911 ได้รับรางวัลที่หนึ่ง จากการสำรวจลูกค้าในสหรัฐอเมริกา และถือว่าคว้ารางวัลที่หนึ่งนี้มาได้ถึง 4 ปีซ้อน จาก J.D. Power Award เป็นรถที่ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุดสำหรับคลาส “รถสปอร์ตระดับพรีเมี่ยมขนาดกลาง”      ส่วนบ็อกซเตอร์ (Boxster) คือ อีกหนึ่งการการันตีถึงความสำเร็จของรถยนต์ปอร์เช่ด้วยเช่นกัน โดยคว้าอันดับหนึ่งในกลุ่ม “Compact Premium Sporty” หรือกลุ่มตลาดรถสปอร์ตพรีเมี่ยมขนาด Compact มาครอง 3 ปีซ้อนเช่นกัน ส่วนเคย์แมน (Cayman) รถคูเป้เครื่องยนต์วางกลางได้อันดับสองตามมา

ปอร์เช่ มาคันน์ (Macan) ไม่ได้ถูกรวมอยู่ในการสำรวจปีที่แล้วเพราะเพิ่งเปิดตัวสู่ตลาด แต่ปีนี้ได้เข้าร่วมและคว้ารางวัลชนะเลิศในกลุ่ม “Highest Initial Quality - Compact Premium SUV” ไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนคาเยนน์ (Cayenne) รถสปอร์ตแบบออฟโร้ด และพานาเมร่า (Panamera) รถแกรน ทัวริสโม่ ได้รับรางวัลเช่นกัน โดยได้รับรางวัลที่สาม สำหรับคลาสรถ  “Midsize Premium SUV” และ “Large Premium Car” ผลลัพธ์คือ ปอร์เช่ทั้ง 5 รุ่นต่างพากันรับรางวัลโดยถ้วนหน้าเลยทีเดียว

นักวิจัยการตลาดในสหรัฐอเมริกายังได้ทำการสำรวจเรื่องของโรงงานผลิตรถยนต์ด้วยเช่นกัน โดยให้คะแนนโรงงาน ผลิตรถยนต์ในยุโรปและแอฟริกา และโรงงานผลิตของปอร์เช่ที่บ้านเกิดใน Stuttgart-Zuffenhausen โดยได้รับรางวัลเหรียญทองแดงไปครองสำหรับรางวัล “U.S. Initial Quality Study – Plant Quality Award 2015” หรือรางวัลคุณภาพของโรงงานประจำปี 2015

การศึกษาเกี่ยวกับคุณภาพ “Initial Quality Study” โดยสถาบันวิจัย J.D. Power and Associates ได้ทำการสำรวจและทำแบบสอบถามแด่ลูกค้าที่เพิ่งออกรถใหม่ หลังจากรับรถไปในระยะเวลา 90 วัน ซึ่งในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ 29 แล้วที่สถาบันได้ทำการวิจัยเรื่องนี้ เจ้าของรถใหม่ในสหรัฐอเมริกาจะถูกถามเกี่ยวกับคุณภาพของรถใหม่ของพวกเขาในหัวข้อที่หลากหลายถึง 233 คำถาม โดยเจ้าของรถจะได้รับคำถามที่เกี่ยวกับ “ประสบการณ์การขับขี่” และ “เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง” เป็นต้น

ปอร์เช่ 911: อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ย 12.7–8.2 ลิตร/100 กิโลเมตร (7.87–2.19 กิโลเมตร/ลิตร); อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 296–191 กรัม/กิโลเมตร

ปอร์เช่บ็อกซเตอร์ (Boxster): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ย 9.0–7.9 ลิตร/100 กิโลเมตร (11.11–12.66 กิโลเมตร/ลิตร); อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 211–183 กรัม/กิโลเมตร

ปอร์เช่เคย์แมน (Cayman): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ย 10.3–7.9 ลิตร/100 กิโลเมตร (9.71-12.66 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 238–183 กรัม/กิโลเมตร
 
ปอร์เช่คาเยนน์ (Cayenne): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ย 11.5–6.6 ลิตร/100 กิโลเมตร (8.69-15.15 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 267–173 กรัม/กิโลเมตร

ปอร์เช่คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ย 3.4 ลิตร/100 กิโลเมตร (29.41 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการบริโภคพลังงานแบบเฉลี่ย 20.8 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 79 กรัม/กิโลเมตร
   
ปอร์เช่พานาเมร่า (Panamera): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ย 10.5–6.4 ลิตร/100 กิโลเมตร (9.52 – 15.62 กิโลเมตร/ลิตร); อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 245–169 กรัม/กิโลเมตร

ปอร์เช่ พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ย 3.1 ลิตร/100 กิโลเมตร (32.26 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการบริโภคพลังงานแบบเฉลี่ย 16.2 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 71 กรัม/กิโลเมตร

ปอร์เช่มาคันน์ (Macan): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ย 9.2–6.1 ลิตร/100 กิโลเมตร (10.87-16.39 กิโลเมตร/ลิตร); อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 216 –159 กรัม/กิโลเมตร

ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder):
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเฉลี่ย 3.1–3.0 ลิตร/100 กิโลเมตร (32.26-33.33 กิโลเมตร/ลิตร), อัตราการบริโภคพลังงานแบบเฉลี่ย 12.7 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 72–70 กรัม/กิโลเมตร


ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า   “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th