เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์ ปรับโฉมจากเมืองไอทีสู่ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์วัยรุ่น
หวังบูมกระแสเพิ่มความคึกคักให้กลุ่มค้าปลีกย่านสยามสแควร์
คาดหลังปรับโฉมจะสามารถสร้างอัตราการเติบโตได้ที่ 10-15%
ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ ประเดิมงานแรกด้วยการประกาศปรับโฉมเมืองไอที “ดิจิตอล เกตเวย์” สู่ “เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์” โดยได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 มิ.ย. นี้ ภายใต้คอนเซปต์ทางการตลาด “Centerpoint of Siam Square, your new standpoint...สะท้อนตัวตนคนรุ่นใหม่” เจาะกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มวัยเริ่มต้นการทำงานนางสาวเปรมินทร์ เลอนรเสฏฐ์ ผู้จัดการทั่วไป เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์ เปิดเผยว่า ล่าสุด ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ ส่วนงานรีเทลได้ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ปรับโฉมจาก “ดิจิตอล เกตเวย์” สู่ “เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์” เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของกำลังซื้อ ณ ปัจจุบันในย่านดังกล่าว โดยคาดการณ์ว่าภายหลังจากการปรับโฉมใหม่ในครั้งนี้จะสามารถเพิ่มปริมาณคนเข้าศูนย์ได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 40,000 คนต่อวันในช่วงวันธรรมดา และพุ่งสูงถึง 70,000 คนในช่วงสุดสัปดาห์ โดยสัดส่วนรายได้หลักยังอยู่ที่รายได้จากค่าเช่าพื้นที่อยู่ที่ 80% และการจัดกิจกรรมรวมทั้งพื้นที่สื่อโฆษณาภายในศูนย์อยู่ที่ 20% โดยประมาณ“ปัจจุบันเรามีพื้นที่ให้เช่ารวม 4,600 ตารางเมตร สามารถปล่อยเช่าพื้นที่ไปได้กว่า 95% เฉลี่ยค่าเช่าอยู่ที่ 2,800 -3,200 บาทต่อตารางเมตร โดยเรายังคงเปิดรับแบรนด์หรือธุรกิจใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับคอนเซปต์ทางการตลาดใหม่ของศูนย์ ปัจจุบันเรามีร้านค้าภายในศูนย์รวมกว่า 100 ร้านค้า ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำและแบรนด์ใหม่จากทั้งในและต่างประเทศ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบริการความงาม, สินค้าแฟชั่น, แอคเซสเซอร์รี่, สินค้านำสมัย และร้านอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ Innisfree เครื่องสำอางจากเกาะเชจูประเทศเกาหลี ที่เน้นความเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ, Beautrium รวบรวมผลิตภัณฑ์ความงามสุดทันสมัยหลากหลายยี่ห้อมารวมไว้ในที่เดียว, Faceshop เครื่อง สำอางจากเกาหลี ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ สร้างสรรค์เพื่อผิวชาวเอเชียโดยเฉพาะ, Croissant Taiyaki ขนมรูปปลาสอดไส้ชื่อดังยอดฮิตจากญี่ปุ่น ทำจากแป้งครัวซองต์, Kyochon ไก่ทอดยอดนิยมต้นตำรับความอร่อย จากเกาหลี, True ศูนย์รวมสินค้าและบริการของทรูแบบครบวงจร และGlowfish บริการออฟฟิศให้เช่ารูปแบบใหม่เน้นสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน” นางสาวเปรมินทร์ เลอนรเสฏฐ์ กล่าวโดยนางสาวเปรมินทร์ยังได้วิเคราะห์ถึงกลุ่มเป้าหมายของ เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์ ว่า “เรามีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนคือกลุ่มวัยรุ่นและวัยคนเริ่มทำงานช่วงอายุ 15 ถึง 30ปี เป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและกลุ่มคนทำงานที่เพิ่งผ่านพ้นวัยเรียนมาไม่นาน ซึ่งล้วนแต่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีตัวตน โดยกลุ่มตัวตนคนรุ่นใหม่ที่ว่านี้ มีพฤติกรรมที่เหมือนกัน คือ ชอบเล่น Social ทั้งอัพเดตข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นรอบข้างตัวเอง เรื่องของตัวเอง รวมถึงการสื่อสาร, เรียนรู้เร็วเกี่ยวกับเทคโนโลยี Technology addict, Selfie ชื่นชอบที่จะบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองผ่านทั้งทางภาพถ่ายและข้อความเพื่อแสดงจุดยืนและตัวตน, ชัดเจนใน Character แสดงออกผ่านทาง Appearance ของตนอย่างตรงไปตรงมา ส่วนใหญ่มักจะคำนึงถึงการเป็นที่ยอมรับจึงพยายามดูแลตัวเองให้ดูดีในวัยของตน, ให้ความสำคัญกับคำว่า “เพื่อน” เพราะเพื่อนคือกลุ่มคนสำคัญในช่วงชีวิต การนัดพบ ช้อปปิ้ง แฮงเอาค์ สังสรรค์กับเพื่อนเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่สำคัญ และการต้องการเป็นผู้อยู่ในกระแสทันสมัย (follower) หรือความต้องการเป็น Influencer ผู้นำเทรนด์”ทั้งนี้ เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์ ถูกสร้างสรรค์และพัฒนาขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อตอบโจทย์และสะท้อนถึงความเป็นตัวตนของรุ่นใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านต่างๆ ดังนี้Connect: การเชื่อมต่อและสื่อสารกันง่ายได้ทุกที่ทุกเวลา การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร รวดเร็ว ทุกคนเชื่อมต่อถึงกันหมดด้วยยุคของสื่อ Social networkConvenience: สะดวกสบาย เข้าถึงง่าย ไม่ยุ่งยากClear: ชัดเจนChic & Cool: รวมความชิค ความเก๋ ความล้ำสมัยเกี่ยวกับมุมมองต่อภาพรวมการแข่งขันด้านธุรกิจรีเทลในย่านสยามสแควร์นั้น นางสาวเปรมินทร์ เลอนรเสฏฐ์ นำเสนอความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวดังนี้ "เราไม่ได้มองว่าการปรับคอนเซปต์ทางการตลาดของศูนย์ในครั้งนี้เป็นการเสริมศักยภาพด้านการแข่งขัน แต่เราคิดว่าการขยับครั้งใหญ่ของเราในครั้งนี้ จะสามารถเติมเต็ม สร้างความแปลกใหม่ และเพิ่มสีสันให้กับธุรกิจรีเทลย่านสยามสแควร์ให้คึกคักยิ่งขึ้น เพราะหากวิเคราะห์เชิงลึกแล้วจะพบว่า ศูนย์การค้าในย่านนี้มีแนวทางที่จะเอื้อซึ่งกันและกันเพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่กลุ่มลูกค้า และหากเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นนี้ ก็จะทำให้ราคาค่าเช่าเฉลี่ยในย่านดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 5% ต่อปีอย่างแน่นอน”