แสนสิริ ฉุดยอดขายไม่อยู่ ประกาศปรับเป้าไตรมาส 2 แล้ว จาก 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 13,000 ล้านบาท
ผู้บริหารแสนสิริตัดสินใจปรับเพิ่มเป้ายอดขายไตรมาสที่ 2 แล้ว โดยปรับเพิ่มเป้ายอดขายไตรมาส 2 จากเดิมที่ตั้งไว้ 10,000 ล้านบาท เป็น 13,000 ล้านบาท หลังยอดขายแสนสิริ 5 เดือนพุ่งสูงไปทะลุ 13,000 ล้านบาท จากการได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยเฉพาะการปิดขาย 2 โครงการคอนโดมิเนียมระดับบนในทำเลติดแนวรถไฟฟ้าในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ทั้ง เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า และเดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต ได้ในวันพรีเซลล์ พร้อมจ่อคิวเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ต่อเนื่องทันที
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยสรุปภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วง 5 เดือนของปี 2558 บริษัทประสบความสำเร็จจากการที่ลูกค้าให้การตอบรับโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ของแสนสิริทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเป็นอย่างดี อาทิ การปิดการขายโครงการ เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า โครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมล่าสุดของแสนสิริซึ่งนับเป็นมาสเตอร์พีซของถนนพหลโยธิน มูลค่า 1,500 ล้านบาท รวมถึงความสำเร็จล่าสุดจากการปิดการขายโครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร – หมอชิต ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนระหว่างแสนสิริและบีทีเอส มูลค่าโครงการเกือบ 6,000 ล้านบาท โดยทั้งสองโครงการสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว ภายในวันพรีเซลล์วันแรก
นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการเปิดการขายโครงการแนวราบต่างๆ อาทิ โครงการบ้านเดี่ยวระดับบน นาราสิริ ไฮด์อเวย์ ที่ใกล้ปิดการขาย โดยมีจำนวนยูนิตที่ยังเปิดการขายอีก 2 ยูนิต, โครงการนาราสิริ บางนา ซึ่งมียอดขายไปถึงกว่า 70% รวมทั้งความสำเร็จจากการจัดแคมเปญการตลาดต่างๆ ทั้งแคมเปญการตลาดโครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศที่หัวหิน The Joy of Huahin และแคมเปญการตลาดโครงการแนวราบ Make It Yours ส่งผลให้ยอดขายรวมของบริษัทในช่วง 5 เดือน พุ่งสูงไปถึง 13,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายเฉพาะไตรมาส 2 ประมาณ 10,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้บริษัทต้องมีการพิจารณาปรับเป้ายอดขายในไตรมาสที่ 2 จากเดิมที่ตั้งไว้ 10,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเป็น 13,000 ล้านบาท
“การดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจที่ชัดเจน โดยเฉพาะยอดขายในช่วงไตรมาส 2 ที่สามารถทำได้ถึง 10,000 ล้านบาท พุ่งสูงจากการสร้างยอดขายรายไตรมาส จากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 3,800 ล้านบาท เนื่องจากโครงการต่างๆของบริษัทฯ ได้รับความสนใจและตอบรับจากลูกค้าเป็นจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 12 โครงการ ตามแผนที่วางไว้ โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการ และบ้านเดี่ยว 6 โครงการ ทั้งนี้จากความสำเร็จในการเปิดตัวคอนโดมิเนียมในช่วงที่ผ่านมาซึ่งได้รับการตอบรับจากลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี ล่าสุดบริษัทยังได้เตรียมสานต่อความสำเร็จโดยเตรียมเปิดการขายคอนโดมิเนียมใหม่ต่อเนื่องทันที โดยคาดว่าจะเปิดการขายในเร็วๆ นี้” นายเศรษฐา กล่าว