happy on May 10, 2015, 07:51:07 PM

ชื่อไทย      ชมรมเสียงใส ถือไมค์ตามฝัน 2
วันที่เข้าฉาย   14 พฤษภาคม 2558
จัดจำหน่าย   บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=nszoMKT7K6U" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=nszoMKT7K6U</a>

ข้อมูลงานสร้าง

      เบลลาส์ สาวๆ จากบาร์เดน กลับมาเพื่อเขย่าโลกให้สั่นสะเทือนอีกครั้งใน Pitch Perfect 2 ภาคต่อของภาพยนตร์ฮิตถล่มทลายปี 2012 เกี่ยวกับกลุ่มของคนขี้แพ้ผู้น่ารักที่มีสิ่งเดียวที่เหมือนกัน นั่นคือเสียงเย้ายวนมีเสน่ห์ในตอนที่เสียงของพวกเธอถูกมิกซ์ ผสมผสานและเรียบเรียงเข้าด้วยกันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

   ผ่านมาสามปีแล้วนับตั้งแต่พวกเบลลาส์ได้โชว์พลังเสียง สไตล์และทัศนคติที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเธอ และกลายเป็นวงหญิงล้วนวงแรกที่คว้ารางวัลระดับประเทศได้ แต่เมื่อพวกเธอถูกแบนหลังจากเหตุการณ์อื้อฉาวที่มีแววว่าจะทำให้ชีวิตปีสุดท้ายของพวกเธอที่บาร์เดนล้มเหลวไม่เป็นท่า แชมเปี้ยนสามสมัยกลุ่มนี้ก็กังวลว่า ครั้งนี้ วงของพวกเธออาจจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

   เมื่อเหลือโอกาสเพียงหนึ่งเดียวในการกอบกู้ศักดิ์ศรี พวกเบลลาส์ก็จะต้องสู้เพื่อคว้าชัยชนะในการแข่งขันชิงแชมป์โลกอะแคพเพลล่าในกรุงโคเปนเฮเกน และในขณะที่พวกเธอต้องรับมือกับทั้งความกดดันจากการชิงชัยในโลกดนตรีและเรื่องวุ่นๆ ของการเรียนปีสุดท้าย พวกเธอก็จะต้องใช้พลังสาวๆ เพื่อค้นหาเสียงของตัวเองและหาคำตอบว่าพวกเธอต้องใช้อะไรบ้างเพื่อก้าวไปสู่การเป็นสุดยอดวงอะแคพเพลล่า

   ผู้ที่กลับมารับบทสาวๆ ในวงอาคัปเปลาได้แก่ แอนนา เคนดริค (Into the Woods) ในบท เบก้า, รีเบล วิลสัน (Bridesmaid) ในบท แฟท เอมี, บริทนีย์ สโนว์ (Hairspray) ในบท โคลอี้, แอนนา แคมป์ (The Help) ในบท ออเบรย์, อเล็กซิส แน็ปป์ (Project X) ในบท สเตซีย์, ฮานา เมย์ ลี ในบท ลิลลี, เอสเตอร์ ดีน ในบท ซินเธีย โรส, เคลลีย์ แจ็คเคิล (42) ในบท เจสสิกา และเชลลีย์ เร็กเนอร์ (Fat Planet) ในบท แอชลีย์

   สาวๆ เบลลาส์หน้าใหม่ที่ได้รับการต้อนรับเข้าสู่ Pitch Perfect 2 ได้แก่ เฮลลีย์ สเตนเฟลด์ (True Grit) ในบท เอมิลี น้องใหม่ผู้กระตือรือร้นที่จะเจริญรอยตาม แคทเธอรีน (เคทีย์ ซากัลแห่งซีรีส์ Sons of Anarchy) แม่ผู้เป็นนักร้องพรสวรรค์ของเธอ และคริสซีย์ ฟิท (Teen Beach Movie) รับบท โฟล นักศึกษาที่ย้ายมาใหม่ ผู้สงสัยกับความดรามาของเพื่อนร่วมชั้นเสมอๆ

   ผู้ที่กลับมาแสดงในแฟรนไชส์นี้อีกครั้งคือสมาชิกวงเทรเบิลเมคเกอร์สที่บาร์เดนโปรดปรานในปัจจุบัน (และอดีต) ที่ประกอบไปด้วยสกายลาร์ แอสติน (21 & Over) ในบท เจสซี, อดัม เดอไวน์ (ซีรีส์ Workaholics) ในบท บัมเปอร์ และเบน แพลทท์ (Ricki and the Flash) ในบท เบนจี้ โดยมีโจ โล ทรูกลิโอ (Role Models) กลับมารับบทหัวหน้ากลุ่มโทน แฮงเกอร์ส เจ้าปัญหาอีกครั้งหนึ่ง

   ผู้ที่ร่วมแสดงในคอเมดีเรื่องนี้ในบทผู้บรรยายการแข่งขันชิงแชมป์โลกอะแคพเพลล่า (ไอซีซีเอ) จอมขโมยซีนได้แก่จอห์น ไมเคิล ฮิกกินส์ (A Mighty Wind) ในบท จอห์น หนุ่มเหยียดเพศ และนักแสดงหญิง/ผู้กำกับ/ผู้อำนวยการสร้าง อลิซาเบธ แบงค์ (The Hunger Games) ในบท เกล ผู้ผ่านการหย่าร้างบ่อย

   เมื่อพวกเบลลาส์มุ่งหน้าสู่การแข่งขันชิงแชมป์โลกในเดนมาร์ค พวกเธอต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งขันที่หินที่สุดในโลก นั่นคือดาส ซาวน์ แมชชีน วงดนตรีจากเยอรมนี ที่นำทีมโดย ปีเตอร์ เครเมอร์ (ฟลูลา บอร์ก ซูเปอร์สตาร์จากยูทูป) หนุ่มลึกลับ และคอมมิสซาร์ (เบอร์จิทท์ ฮยอร์ท โซเรนเซนจาก Automata) สาวแสบ

   ผู้ที่เปิดตัวในวงการภาพยนตร์ในภาพยนตร์เรื่องนี้คือแฟนพันธุ์แท้หกคน ที่เป็นสมาชิกทีมกรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส ได้แก่เคลย์ แมทธิวส์, เดวิด แบ็คเทียรี, จอร์แดน ร็อดเจอร์ส, ดอน บาร์เคลย์, ที.เจ. แลงและจอช ซิตตัน พวกเขาที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Pitch Perfect ได้รับเลือกหลังจากสร้างความประทับใจให้กับทีมผู้สร้างด้วยความรอบรู้ในทุกเพลง ทุกบทพูดและทุกท่าเต้นในคอเมดีปี 2012 เรื่องดังกล่าว

   Pitch Perfect 2 กำกับโดยแบงค์ ผู้ร่วมแสดงและผู้อำนวยการสร้าง Pitch Perfect และอำนวยการสร้างโดยพอล บรู๊คส์ (My Big Fat Greek Wedding), แม็กซ์ แฮนเดลแมน (Surrogates) และแบงค์ (Surrogates) จาก Pitch Perfect โดยมีเคย์ แคนนอน (ซีรีส์ New Girl, 30 Rock) กลับมาเขียนบทและร่วมอำนวยการสร้าง

   ทีมงานเบื้องหลังมากพรสวรรค์ของแบงค์นำทีมโดยผู้กำกับภาพจิม ดีนอลท์ (Boys Don’t Cry, The Campaign), ผู้ออกแบบงานสร้าง โทบี้ คอร์เบ็ตต์ (Running Scared, Bad Lieutenant: Port of Call New Orleans), มือลำดับภาพ เคร็ก อัลเพิร์ต (Borat, Knocked Up) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ซัลวาดอร์ เปเรซ (Think Like a Man, ซีรีส์ The Mindy Project)

   มาร์ค มาเธอร์สบัฟ (The Lego Movie, 21 Jump Street) เป็นผู้แต่งดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ของเรื่อง และจูลีแอนน์ จอร์แดน (New Year’s Eve, Pitch Perfect) และจูเลีย มิเกลส์ (Hope Springs, Pitch Perfect) กลับมารับหน้าที่ผู้ควบคุมงานดนตรีอีกครั้ง ซาราห์ เว็บสเตอร์ (Apollo 18, ซีรีส์ Endgame) รับหน้าที่ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายดนตรี ในขณะที่เอโคมอน โจนส์ (Dreamgirls, The Rum Diary) กลับมาออกแบบท่าเต้นให้กับคอเมดีเรื่องนี้อีกคั้ง

   ภาพยนตร์เรื่องนี้ควบคุมงานสร้างโดยสก็อต นีไมเออร์ (The Fourth Kind) และเจสัน มัวร์ (Pitch Perfect)





เกี่ยวกับงานสร้าง

เรากลับมาแล้ว:
ความสุขหวนคืน

      ในปี 2012 ในตอนที่ทีมสามีภรรยาคู่หูอำนวยการสร้าง อลิซาเบธ แบงค์และแม็กซ์ แฮนเดลแมนได้ร่วมมือกับพอล บรู๊คส์จากโกลด์ เซอร์เคิล ในการนำ Pitch Perfect สู่จอเงิน พวกเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าโลกที่สนุกสนาน แปลกประหลาด และไม่ค่อยมีคนรู้จักของดนตรีอะแคพเพลล่าในมหาวิทยาลัยจะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้ชมได้ขนาดนี้ ตั้งแต่ดนตรีที่ติดหู บทพูดน่าจดจำและความแสบซ่าส์เกินพิกัด แฟนๆ ต่างก็หลงใหลในภาพยนตร์ฮิตม้ามืดเรื่องนี้ที่กลายเป็นกระแสวัฒนธรรมใหม่ จริงๆ แล้ว มันได้รับความนิยมมากถึงขนาดที่ซาวน์แทร็คของคอเมดีเรื่องนี้กลายเป็นซาวน์แทร็คขายดีประจำปี 2013 และเป็นซาวน์แทร็คที่ขายดีเป็นอันดับสองในรอบหนึ่งทศวรรษด้วยซ้ำไป

   บรู๊คส์ ผู้อำนวยการสร้างมากประสบการณ์ ผู้เคยผ่านปรากฏการณ์ภาพยนตร์ดังอย่าง My Big Fat Greek Wedding มาก่อน รู้สึกประหลาดใจเป็นพิเศษกับความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาเล่าว่า “สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Pitch Perfect คือแม้ว่ามันจะทำรายได้ได้ดีในโรงหนัง แต่มันกลับประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในรูปแบบดีวีดีและวีโอดี มันเป็นหนังที่พิเศษสุด และผู้ชมและครอบครัวทุกวัยต่างก็ค้นพบความพิเศษนั้นครับ” แฟนกลุ่มใหญ่ที่สุดเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีใครคาดคิด “เราได้รับคำบอกเล่าจากคนในเรือขนส่งอากาศยานลำหนึ่งในกองทัพเรือสหรัฐ ที่ส่งอีเมลมาบอกเราว่าพวกเขาดูหนังเรื่องนี้ตลอดเวลาเลย จากคนกลุ่มนั้นสู่ทีมกีฬายักษ์ใหญ่ ไม่ว่าคุณจะหันไปทางไหน คนก็ตกหลุมรักหนังเรื่องนี้ทั้งนั้น มันเป็นเรื่องน่าปลาบปลื้มใจมาก แต่แน่นอนว่ามันก็นำมาซึ่งภาระหนักด้วยว่าในตอนที่เราตัดสินใจจะสร้างซีเควลของหนังเรื่องนี้ เราจะนำมันไปในทิศทางไหน”

   แบงค์เล่าถึงสิ่งที่ทำให้เธอสนใจโปรเจ็กต์นี้ในตอนแรกและเหตุผลที่ทำให้เธอแคร์ภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่กำกับโดยเจสัน มัวร์และเขียนบทโดยเคย์ แคนนอนเหลือเกินว่า “อย่างแรกเลย ฉันชอบที่ว่ามันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงที่น่าสนใจและวิเศษสุด ที่เป็นคนตลกจริงๆ มันเป็นเรื่องราวของม้านอกสายตา ซึ่งฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์เสมอ และที่สำคัญที่สุดคือมันเต็มไปด้วยความสุขค่ะ”

   หลังจากความสำเร็จของภาคแรก แน่นอนว่าก็ต้องมีการตั้งคำถามและพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องการสร้างซีเควล แบงค์เล่าว่าเธอรู้สึกว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายให้บอกเล่าจากโลกใบนี้ “Pitch Perfect 2 ทำให้เราได้ใช้เวลากับตัวละครที่ผู้ชมรักมากขึ้นและมันก็ทำให้เราได้บอกเล่าถึงตัวตนของพวกเธอมากขึ้นด้วย มันสนุกมากที่ได้กลับไปนึกว่าพวกเบลลาส์จะเป็นยังไงบ้างในสามปีให้หลัง และแบ่งปันสิ่งที่เกิดขึ้นกับสาวๆ พวกนี้นับตั้งแต่ที่เราได้เห็นพวกเธอเป็นครั้งสุดท้าย หนังภาคแรกเกี่ยวกับการที่พวกเธอมารวมตัวกัน การเป็นน้องใหม่และการสร้างสายสัมพันธ์เหล่านี้ และหนังเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่พวกเธอแยกตัวกัน ไปกันคนละทิศละทาง การทิ้งรังเดิมและความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นตามมา เราอยากจะสำรวจเรื่องราวของการที่คุณจะจบการศึกษากับเพื่อนๆ รวมถึงคนที่คุณทิ้งไว้ข้างหลังด้วยค่ะ”

   เมื่อถึงเวลาสร้างภาคใหม่ แบงค์ก็เลือกที่จะก้าวสู่ด้านหลังกล้องเพื่อรับหน้าที่กำกับ อย่างไรก็ดี มันไม่ได้ถูกกำหนดเช่นนี้ตั้งแต่ต้น เธอเล่าว่า “ฉันได้อำนวยการสร้างหนังภาคแรก และฉันก็ไปกองถ่ายทุกวัน ตอนที่เรากำลังเตรียมสร้างภาคสอง เราหวังว่าเจสันจะกลับมากำกับด้วย แต่ระหว่างกระบวนการพัฒนาที่ยาวนาน เขาก็ไปรับงานหนังอีกเรื่องหนึ่ง [Sisters ของยูนิเวอร์แซล] ค่ะ”

   ตัวแบงค์เอง ที่เคยควบหลายตำแหน่งมาแล้ว ก็เคยกำกับโปรเจ็กต์เล็กๆ มาก่อนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเธอก็รู้ว่าเมื่อโอกาสในการกำกับภาพยนตร์เข้ามา เธอจะพร้อมสำหรับมัน เธอบอกว่า “ฉันเป็นนักแสดงด้วย ดังนั้น ฉันก็เลยไม่ค่อยมีเวลาที่จะมากำกับหนัง แต่ฉันรู้ว่าฉันจะต้องหาเวลามาทำงานใน Picture Perfect 2 ให้ได้ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันก็เลยดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติที่ฉันจะก้าวมารับหน้าที่ผู้กำกับด้วยน่ะค่ะ”

   ด้วยความที่ภาคที่แล้วได้รับความนิยมอย่างสูง แฮนเดลแมนก็ตระหนักดีถึงความท้าทายที่พวกเขาต้องเผชิญในการสร้างอีกบทหนึ่งในชีวิตของสาวๆ พวกนี้ เขาเล่าว่า “พวกเบลลาส์เวิร์คที่สุดและแฟนๆ ก็ตอบสนองกับพวกเธอมากที่สุดในตอนที่พวกเธอเป็นม้านอกสายตา ที่ต้องสู้กับอะไรบางอย่างและสู้เพื่อกันและกัน ความท้าทายหลักใน Pitch Perfect 2 คือตอนที่เราเห็นพวกเบลลาส์ครั้งสุดท้าย พวกเธอเพิ่งได้แชมป์ระดับประเทศ พวกเธอแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบสุดท้าย เราก็เลยต้องหาวิธีทำให้พวกเธอกลายเป็นพวกนอกสายตาอีกครั้ง...แม้ว่าตอนนี้ทุกคนจะรู้แล้วว่าพวกเธอมีพรสวรรค์มากแค่ไหน เรารู้สึกเหมือนเราต้องกระชากพลาสเตอร์ออกในทันทีเพื่อเริ่มต้น Pitch Perfect 2 ซึ่งเราก็ทำด้วยการทำให้พวกเธอทำตัวน่าขายหน้าต่อหน้าประธานาธิบดี ซึ่งทำให้พวกเธอกลายเป็นที่อับอายขายหน้าระดับประเทศ”

   ทีมผู้อำนวยการสร้างได้ร่วมงานกับมือเขียนบทเจ้าเดิม เคย์ แคนนอน เพื่อเปิดโลกของพวกเบลลาส์ให้กว้างขึ้น พวกเธอจะต้องทิ้งมหาวิทยาลัยบาร์เดนที่คุ้นเคยไว้ข้างหลัง และมุ่งหน้าสู่กรุงโคเปนเฮเกนในเดนมาร์ค เพื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่พวกเธอเคยเจอ แบงค์อธิบายถึงเหตุผลนี้ว่า “ฉันอยากได้การแข่งขันระดับโลก ที่พวกเบลลาส์จะต้องเผชิญกับคู่แข่งจากยุโรป แล้วฉันก็รู้ว่าฉันอยากให้พวกเธอเรียนอยู่ปีสุดท้าย และมีการแนะนำสมาชิกเบลลาส์ใหม่ๆ เข้าไปด้วย เราคุยกันว่าจะให้เบก้าเป็นคนแรกที่ได้ก้าวออกไปนอกประตูรั้วมหาวิทยาลัย และต้องรับมือกับความผิดชอบต่อเหล่าเบลลาส์...รวมทั้งพร้อมที่จะเริ่มต้นตำนานบทใหม่ จากนั้น ฉันก็อยากให้เราผลักดันทุกสิ่งที่เราเคยทำสำเร็จออกไปอีก และทำให้สาวๆ ดูเฉิดฉาย ซึ่งก็เป็นแบบนั้นค่ะ”

   สำหรับแคนนอน การเขียนบทภาพยนตร์คอเมดีไม่ใช่แค่งานแห่งรัก แต่มันเป็นกระบวนการทำงานที่ยาวนาน เธอยกตัวอย่างฉากสำคัญจากบทภาพยนตร์ของเธอว่า “การเขียนบทเป็นกระบวนการจริงๆ ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ฉันรู้ว่าฉันอยากให้พวกเบลลาส์ไปเก็บตัวในป่า แล้วฉันก็เขียนถึงสิ่งที่มีอยู่จริง ในกระบวนการนี้ คุณจะค้นคว้าสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ายเก็บตัวพวกนี้ พอคุณเขียนไปถึงตรงนั้น คุณก็จะถามตัวเองว่าคุณจะสามารถเพิ่มอะไรเข้าไปได้อีก ในตอนที่เราอยู่ในกองถ่ายกับนักแสดง เราก็จะคุยกันถึงฉากนั้นๆ และอิมโพรไวส์เพิ่มเติม มันพัฒนาและก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเธอตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมรอบด้าน ยกตัวอย่างเช่น ในฉากเก็บตัว พวกเธอทำเหมือนกับว่าพวกเธอไม่ชอบลุยโคลน แต่นั่นเป็นหนึ่งในของชอบของพวกเธอเลยนะคะ”





เบลลาส์ต้องมาก่อนเพื่อน:
ทีมนักแสดงกลับมารวมตัวกัน

      สมาชิกทีมเบลลาส์ทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้งใน Pitch Perfect 2 และพวกเธอก็มีผู้นำเป็น เบก้า ผู้นำสาวผู้ไม่เกรงกลัวใคร ที่รับบทโดยแอนนา เคนดริค นักแสดงมากความสามารถอีกครั้งหนึ่ง เธอเห็นด้วยกับผู้อำนวยการสร้างว่าพวกสาวๆ จะต้องถูกลดระดับลงมา เพื่อที่พวกเธอจะได้แสดงให้พวกเราเห็นว่าเนื้อแท้ของพวกเธอเป็นเช่นไร ทั้งในเรื่องของเสียงและเรื่องส่วนตัว ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนหยัดได้อีกครั้ง เธอเล่าว่า “พวกเบลลาส์ทำเกินไปหน่อยค่ะ ในตอนจบของภาคแรก พวกเธอเลือกใช้เสียงออริจินอล และในครั้งนี้ เสียงของพวกเธอก็ยังเพราะอยู่...แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น มันมีการใส่เรื่องของโชว์และเสียงเข้ามามากเกินไป ดังนั้น หนังเรื่องนี้ก็เลยเป็นเรื่องของการที่พวกเธอคิดว่าพวกเธอจะต้องผลักดันมันมากขึ้น ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว พวกเธอควรจะลดทอนรายละเอียด เพื่อค้นหาตัวเองอีกครั้งค่ะ”

   มันคงไม่ใช่ Pitch Perfect ถ้าปราศจากแพทริเซีย ที่หลายคนเรียกอย่างเอ็นดูว่า “แฟท เอมี” ด้วยอารมณ์ขันแบบประชดประชันตามสไตล์เธอ รีเบล วิลสันได้พูดถึงสิ่งที่นำเธอกลับมาสู่ภาคสองนี้ว่า “ตอนที่ฉันได้ยินเรื่องนี้ ฉันก็คิดว่า ‘ภาคนี้ ฉันจะได้ร้องโซโลมั้ย’ ซึ่งฉันก็รู้ว่าฉันได้ทำ ฉันก็เลยทุ่มสุดตัวค่ะ แล้วฉันก็ถามว่า ‘แล้วฉันจะมีฉากโป๊ในห้องน้ำมั้ย’ พวกเขาบอกว่า ‘มีสิ’ ฉันบอกพวกเขาว่า ‘คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างฉันหรอกถ้างั้น ฉันยอมเล่นให้ฟรีๆ เลย’ น่ะค่ะ” นอกเหนือจากเรื่องขำขันนี้แล้ว วิลสันยังชื่นชอบการที่ตัวละครของเธอได้พบรักในภาคนี้ด้วย “คุณจะได้รู้จักแฟท เอมีลึกซึ้งขึ้นและรู้ว่าเธอจะทำอะไรหลังจากเรียนจบแล้ว...รวมถึงผลกระทบที่มันมีต่อเธอด้วย”

   บริทนีย์ สโนว์ ที่คุ้นเคยกับฉากอาบน้ำพิลึกๆ ใน Pitch Perfect ดีอยู่แล้ว กลับมารับบท โคลอี้ รุ่นพี่ปีเจ็ดที่รู้สึกลำบากใจกับการเอ่ยคำอำลา เธอเล่าถึงสถานะของตัวละครของเธอว่า “โคลอี้ชื่นชอบการร้องเพลงกับพวกเบลลาส์ จนเธอเลือกที่จะอยู่และจงใจสอบตกหลายวิชา ดังนั้น ในภาคนี้ เธอก็เพี้ยนยิ่งกว่าภาคที่แล้วอีก และเธอก็เป็นคนจริงจังมากๆ ซึ่งนำไปสู่เรื่องวุ่นๆ มากมายเพราะเธอสุดโต่งมากในเรื่องของการร้องเพลง เธอพิลึกกว่าแต่ก่อนอีกค่ะ ซึ่งทำให้การเล่นบทนี้สนุกมากสำหรับฉัน”

   สโนว์ชื่นชอบการที่เพื่อนร่วมแสดงของเธอแสดงอย่างสุดฝีมืออีกครั้งหนึ่ง เธอกล่าวถึงวิลสันพลางหัวเราะว่า “รีเบลเต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์ค่ะ เธอมีความสงบแบบที่ดูแล้วตลกมาก เธอมั่นใจในตัวแฟท เอมีมากและรู้ว่าอะไรที่ตลก ฉันชอบดูเธอในเทรลเลอร์ก่อนเข้าฉาก ตอนที่เธอจะเตรียมสมาธิกับเรื่องตลกของตัวเองและรู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไร แล้วพอเธอเข้าไปในฉาก มันก็เหมือนนรกแตกเลยค่ะ เธอให้ความร่วมมือกับเราทุกคนมากๆ และอยากจะช่วยเรากับมุขตลกของเราน่ะค่ะ”

   สเตซีย์ สมาชิกผู้เร่าร้อนที่สุดในวงเบลลาส์ รับบทโดยอเล็กซิส แน็ปป์เช่นเคย นักแสดงหญิงกล่าวว่า “สำหรับสเตซีย์ ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปซักเท่าไหร่...เว้นแต่สีผมเธอ ตอนนี้ผ่านไปสามปีแล้ว ทุกคนก็เลยโตขึ้น และเธอก็ไม่ซ่าส์เท่าแต่ก่อนในหลายๆ เรื่องค่ะ”

   แน็ปป์ชื่นชมกับการที่ผู้กำกับของเธอสนับสนุนซีเควลเรื่องนี้มากขนาดนี้และพบว่าเธอเป็นแรงบันดาลใจอย่างยิ่งในกองถ่าย เธอบอกว่า “ฉันชอบที่ผู้หญิงมีอำนาจมากขึ้นและบุกเบิกเส้นทางด้วยการมีผู้หญิงมากำกับมากขึ้นค่ะ มันสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กสาวตรงที่ว่าคุณไม่จำเป็นต้องอยู่หน้ากล้องอย่างเดียวถึงจะอยู่ในวงการนี้ได้ คุณจะเป็นบอสก็ได้น่ะค่ะ เราต้องการผู้หญิงแกร่งมากกว่านี้ และอลิซาเบธก็เป็นตัวอย่างชั้นดีเลย”

   ไม่ต้องสงสัย สมาชิกที่พิลึกที่สุดของวงเบลลาส์ก็คือ ลิลลี ที่เป็นที่รู้จักว่ามักจะพูดจาไม่ค่อยจะรู้เรื่องบ่อยครั้ง ฮานา เมย์ ลีชื่นชมความสุขที่ตัวละครของเธอนำมาสู่ผู้ชม เธอเล่าว่า “ฉันรักลิลลีค่ะ เธอเป็นคนตลกและเงียบ แต่เธอไม่ได้ขี้อายนะคะ ฉันคิดว่าหลายคนคิดว่า ‘เธอน่ารักแต่ประหลาดจัง’ สิ่งที่ฉันชื่นชอบเกี่ยวกับเธอคือผู้ชมยังอ่านเธอไม่ทะลุปรุโปร่ง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะมันมีเรื่องใหม่ๆ เกิดขึ้นกับเธอเสมอ เคย์ได้เขียนบทพูดที่วิเศษสุดให้กับลิลลี และลิซก็เปิดกว้างกับการต่อยอดจากบทนั้นด้วย ด้วยความที่ตัวละครตัวนี้เป็นแบบนี้ ฉันก็เลยสนุกมากกับการด้นสดในสิ่งที่เธออาจจะพูดน่ะค่ะ”

   นักแสดงหญิงกล่าวชื่นชมความหลากหลายของสาวๆ ว่า “ในวงเบลลาส์ ไม่มีตัวละครตัวไหนที่คล้ายกันเลยค่ะ ทุกคนมีบุคลิกแตกต่างกัน มีลุคและสไตล์ที่แตกต่างกันและนั่นก็คือสิ่งที่ก่อให้เกิดเสียงเยี่ยมๆ และภาพโมเสคความงามเยี่ยมๆ ค่ะ พอพวกเธอเปล่งเสียงออกมารวมกันแล้ว มันก็ไพเราะเหลือเกินค่ะ”

   เอสเตอร์ ดีน ผู้รับบท ซินเธีย โรส ผู้จริงจัง พูดถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมแสดงของเธอว่า “ใน Pitch Perfect เรากลายเป็นเพื่อนกันและได้รู้จักกันและกัน เราผ่านเรื่องน่าแปลกใจของการได้เรียนรู้ท่าเต้นและการร้องเพลงอะแคพเพลล่า มันเป็นการทำงานของเราค่ะ แต่ครั้งนี้ เราเป็นเพื่อนที่แสดงด้วยกัน ฉันไม่เคยรู้สึกว่าผูกพันกับพวกเธอมากเท่ากับตอนนี้เลยค่ะ”

   นักแสดงที่รับบทสาวๆ เบลลาส์ที่เหลือคือเคลลีย์ แจ็คเกิลและเชลลีย์ เร็กเนอร์ ผู้รับบท เจสสิกา และแอชลีย์ ตามลำดับ ทั้งคู่เป็นนักร้องที่มีพรสวรรค์สูง โดยแจ็คเกิลเป็นหนึ่งในทีมโซคัล โวคัลส์ ที่ชนะการแข่งขันไอซีซีเอ ส่วนเร็กเนอร์ก็เป็นนักร้องที่โด่งดังและมีพรสวรรค์ ที่เคยแสดงร่วมกับแจ็คเกิลมาแล้วที่คาร์เนจี้ ฮอลล์ และปัจจุบัน ก็ได้แสดงไลฟ์โชว์ที่ทีเอ็มไอ ฮอลลีวูด

   แม้ว่า ออเบรย์ หนึ่งในเบลลาส์คนโปรดของเรา จะจบการศึกษาไปแล้ว อย่างที่สาวๆ รู้นั่นแหละว่า เมื่อเป็นเบลลาส์ครั้งหนึ่งแล้ว ก็จะเป็นเบลลาส์ตลอดไป ออเบรย์ ที่ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการหลักสูตรที่ค่ายฝึกของบริษัท ทำตัวสมกับเป็นลูกสาวของพ่อเธอจริงๆ และเธอก็ก้าวเข้ามาจัดการพวกเบลลาส์ให้เข้ารูปเข้ารอยอีกครั้งหลังจากที่พวกเธอสับสนกับเส้นทาง...และเสียงของพวกเธอเอง เธอได้พูดถึงหนึ่งในฉากโปรดของเธอในการถ่ายทำว่า “เรามีค่ายฝึกอาคัปเปลาที่ล็อดจ์ ออฟ ฟอลเลน ลีฟส์ และสาวๆ ก็ถูกฝึกโหดมากๆ ที่ค่าย เราได้สไลด์ตัวลงน้ำ โหนสลิง ออกกำลังกายบนขอนไม้ แล้วเราก็ได้ลุยบ่อโคลนด้วย พวกเธอผ่านอะไรมาเยอะแยะค่ะ และฉันก็ภูมิใจกับพวกเธอจริงๆ”

   พวกเบลลาส์ไม่ใช่ดาวเด่นเพียงกลุ่มเดียวที่บาร์เดน ที่กลับมาสู่รั้วมหาวิทยาลัยอีกครั้ง แฟนหนุ่มของเบก้า เจสซี หนุ่มมองโลกในแง่ดีตลอดกาล ก็คอยสนับสนุนความใฝ่ฝันของเธอที่จะเป็นผู้อำนวยการดนตรี เจสซี ที่รับบทโดย สกายลาร์ แอสติน อยากให้เธอรู้ว่า มันยังมีชีวิตหลังจากจบมหาวิทยาลัยและการใช้เวลาอยู่กับพวกเบลลาส์ แอสตินเล่าว่าความสัมพันธ์ระหว่างเบก้าและเจสซีเป็นสิ่งที่เสริมสร้างความสมจริงให้กับคอเมดีของเรื่อง “เรื่องราวนี้ตลกมากครับและมีองค์ประกอบทางกายภาพที่ทำให้มันเป็นแบบนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ภาคแรกยอดเยี่ยมก็คือองค์ประกอบที่เสริมสร้างความสมจริงเหล่านี้แหละครับ คุณมีคนจริงๆ ที่มีทั้งความรักและปัญหา เจสซีและเบก้านำเสนอสมดุลที่ดีเยี่ยมของปัญหาจริงๆ ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ครับ”

   บัมเปอร์ อดีตเพื่อนร่วมวงเทรเบิลเมคเกอร์ของเจสซี และหนุ่มในห้วงคำนึงของแฟท เอมี อาจจะสำเร็จการศึกษาไปแล้วก็จริง แต่เขาก็ไม่อาจจะทิ้งมหาวิทยาลัยเก่า (หรือคนที่เขาปิ๊ง) ไว้ข้างหลังได้ อดัม เดอไวน์ อธิบายถึงสถานะของตัวละครของเขาว่า “ผมได้ร้องแบ็คอัพให้กับจอห์น ไมเออร์ และผมก็มีพรสวรรค์จริงๆ แต่เห็นได้ชัดว่ามันมีความขัดแย้งบางอย่าง มีการทะเลาะกันว่าผมขโมยสร้อยข้อมือหนังของเขาไปรึเปล่า ตอนนี้ บัมเปอร์เป็นส่วนหนึ่งของโทน แฮงเกอร์ส ทีมเพื่อนเก่าที่บัมเปอร์เกลียดในภาคที่แล้วน่ะครับ”

   เดอไวน์และวิลสันเคยร่วมมือกันในซีซันแรกของ Workaholics ซีรีส์ฮิตของเขา ก่อนที่พวกเขาจะถ่ายทำ Pitch Perfect การอิมโพรไวส์ของพวกเขาช่วยกำหนดโทนให้กับนักแสดงคนอื่นๆ เดอไวน์กล่าวว่า “มันสนุกดีนะครับกับการอิมโพรไวส์กับคนที่มีแบ็คกราวน์การแสดงตลก เพราะพวกเขาจะไม่ชะงักถ้าคุณพูดบทพูดไม่ตรงเป๊ะ” มีการถ่ายทำหลายเทคในกองถ่าย และเดอไวน์ก็โอเคกับเรื่องนั้น เขาเล่าว่า “เคย์เขียนบทเยี่ยมๆ ที่เฉียบคมมากๆ ขึ้นมา มุขพวกนั้นจะจู่โจมคุณอย่างรวดเร็วและร้อนแรงจนทำให้มันกลายเป็นประสบการณ์การดูหนังที่ลืมไม่ลงเลยครับ”

   วันเวลาเก่าๆ ที่เบนจี้ เพื่อนรักของเจสซี เป็นน้องใหม่ผู้เซ่อซ่า ได้ผ่านเลยไปแล้ว ตอนนี้ เขากลายเป็นรุ่นพี่ที่เซ่อซ่าแทน ผู้ที่กลับมารับบทนี้คือเบน แพลทท์ ผู้เล่าให้เราฟังว่าตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง “เบนจี้กับเจสซีเป็นหัวหน้ากลุ่มเทรเบลเมคเกอร์ส พวกเขากลายเป็นผู้นำ มันเป็นกลุ่มใหม่ครับแม้ว่าพวกเขาจะทำตัวเหมือนวงอะแคพเพลล่าธรรมดาๆ มากกว่า พวกเบลลาส์ได้โด่งดังเป็นพลุแตกไปแล้ว และตอนนี้ เมื่อเบนจี้อยู่ในกลุ่มนี้และความฝันกลายเป็นจริงแล้ว สิ่งใหม่ที่เขาคลั่งไคล้ก็คือเอมิลี เธอเป็นน้องใหม่ที่พิลึกพอๆ กับเขา เขาตกหลุมรักเธอในทันทีและใช้เวลาตลอดทั้งเรื่องพยายามจีบเธอครับ”

   นักแสดงคนสุดท้ายที่กลับมาแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้คือจอห์น ไมเคิล ฮิกกินส์ ในบท จอห์น สมิธ และอลิซาเบธ แบงค์ ในบท เกล เอเบอร์นาธี-แม็คแคดเดนไฟน์เบอร์เกอร์ ผู้บรรยายหลักของการแข่งขันไอซีซีเอ ฮิกกินส์เล่าถึงตัวละครที่มีสีสันทั้งสองว่า “จอห์นและเกลมีพ็อดคาสต์ที่เรียกว่า ‘Let’s Talk-Appella’ และพวกเขาก็เป็นผู้บรรยายการแข่งขันพวกนี้ครับ สิ่งที่แปลกก็คือเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวพวกเขาเลย ซึ่งมันก็มีเหตุผลอยู่ เพราะงานของพวกเขามันทั้งแปลกและไร้สาระมากๆ มันเป็นงานที่ไม่จำเป็นต้องทำ มันเป็นทางแก้ไขปัญหาที่ขาดปัญหา ความตลกเกิดขึ้นเพราะตัวละครของผมไม่ฉลาดเอาซะเลย เขาเป็นพวกเหยียดเพศ เหยียดเชื้อชาติ และทั้งหลายทั้งปวงที่เรากลัวกันน่ะครับ”

   เช่นเดียวกับเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆ ฮิกกินส์เองก็ภูมิใจที่ได้เห็นเพื่อนร่วมแสดงและผู้อำนวยการสร้างของเขารับหน้าที่ผู้กำกับใน Pitch Perfect 2 เขากล่าวชื่นชมว่า “ผมคิดไม่ออกว่าจะมีใครรับหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้ได้ดีไปกว่าลิซอีกแล้ว เธอเป็นคนนิสัยดี รู้จักเนื้อหาของเรื่องอย่างดีและรู้วิธีในการบอกเล่าเรื่องราวนี้ดีกว่าใครๆ ด้วยครับ นั่นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคุณในการเป็นผู้กำกับ เธอมีความมั่นใจอย่างเหลือเชื่อ ฉลาดและเป็นนักแสดงที่เก่งกาจ ผมยินดีร่วมงานกับเธอทุกครั้งที่เธออยากจะกำกับหนังหรือแสดงหนังซักเรื่องครับ”

   ส่วนตัวเธอเอง แบงค์ชื่นชอบการได้เข้าฉากกับอดีตเพื่อนร่วมแสดงของเธอในฉากที่สุดโต่งที่สุดของเรื่องหลายๆ ฉาก เธอพูดถึงทั้งคู่ว่า “เมื่อจอห์นและเกลกลับมาเพื่อพูดในสิ่งที่ไม่เข้าท่า ใครจะรู้ล่ะคะว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองบ้าง” เมื่อถูกถามว่าการออกคำสั่งกับตัวเองในฐานะนักแสดงเป็นอย่างไรบ้าง เธอก็เลียนแบบเกลและกล่าวหน้าตายว่า “สิ่งที่ตลกเกี่ยวกับการกำกับตัวฉันเองคือฉันเป็นนักแสดงคนโปรดของตัวเอง...มันก็เลยเป็นเรื่องง่ายทีเดียวค่ะ”
« Last Edit: May 10, 2015, 08:00:29 PM by happy »

happy on May 10, 2015, 08:08:46 PM



น้องใหม่สุดพิลึกและกรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส:
นักแสดงสมทบกลุ่มใหม่

      ตั้งแต่สมาชิกใหม่ของวงเบลลาส์ไปจนถึงสุดยอดวงจากยุโรป Pitch Perfect 2 ได้ต้อนรับน้องใหม่หลายคนเข้าสู่มิวสิคัลสุดฮาเรื่องนี้ วิลสันสรุปถึงสิ่งที่นักแสดงทีมเดิมได้พบในกองถ่ายว่า “ตัวละครใหม่ๆ ทุกคนน่ารักน่าเอ็นดูมากค่ะ พวกเธอทุกคนเป็นคนที่แตกต่างกัน ที่ถูกจับมาอยู่ในวงเบลลาส์ มันมีบางอย่างสำหรับทุกคน และตอนนี้ เราก็ได้สมาชิกใหม่มา ซึ่งผู้ชมก็จะชื่นชอบพวกเธอค่ะ” นักแสดงตลกหญิงหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อว่า “บางทีอาจเป็นเพราะตัวละครของฉันเป็นชาวต่างชาติในภาคแรก ตอนนี้ เราก็ได้คนจากประเทศอื่นๆ มาร่วมทีมเพิ่มเติมค่ะ”

   คนแรกคือน้องใหม่เอมิลี จังค์ (หรือเอมิลี ฮาร์ดอน) ผู้รับบทโดยนักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี อวอร์ด เฮลลีย์ สเตนเฟลด์ ผู้สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ชมเมื่อเธอสามารถแสดงประกบเจฟฟ์ บริดเจสใน True Grit ได้อย่างสมบทบาท นักแสดงหญิงเล่าว่า “Pitch Perfect 2 แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ ที่ฉันเคยแสดงมา และการที่มันเกี่ยวกับดนนตรีมากเหลือเกินก็ทำให้ฉันสนใจค่ะ ฉันโตขึ้นมาด้วยความรักในการร้องเพลงและการเต้น และฉันก็มองหาโอกาสที่จะได้ทำแบบนั้นในหนังที่ใช่มาโดยตลอดค่ะ”

   เช่นเดียวกับเบก้าในภาคแรก เอมิลีเริ่มต้นที่บาร์เดนในฐานะแกะดำ ในขณะที่เบก้าชื่นชอบการอำนวยการสร้างดนตรี เอมิลีชื่นชอบการแต่งเพลง แม้ว่าทั้งคู่จะทุ่มเทให้กับพรสวรรค์ของตัวเอง...และการเป็นสมาชิกเบลลาส์พอๆ กัน สเตนเฟลด์ก็อธิบายว่า “ทุกสิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับการเป็นเบลลาส์มาจากแคทเธอรีน แม่ของเธอ สมัยแม่ของเธอ การเป็นเบลลาส์เป็นเรื่องเพอร์เฟ็กต์ เอมิลีเข้าไปด้วยความกระตือรือร้นและความตื่นเต้น เพราะคิดว่าทุกอย่างจะต้องเพอร์เฟ็กต์ ตอนนั้นเองที่เธอต้องผิดหวังจากความตื่นเต้นมากเกินไป และไม่รู้ว่าพวกเธอจะต้องฝึกฝนอย่างหนักจริงๆ และจะต้องเรียนรู้เรื่องดนตรีด้วย ทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องกับการแสดงและการเป็นสมาชิกเบลลาส์ค่ะ”

   แบงค์ ผู้พิถีพิถันพอๆ กับสมาชิกเบลลาส์คนล่าสุด ได้เขียนรายละเอียดความเปลี่ยนแปลงของตัวละครตัวนี้ใส่ลงในโพสต์อิทในออฟฟิศของเธอ เธออธิบายถึงเหตุผลที่ทำให้เอมิลีสำคัญต่อภาพยนตร์เรื่องนี้เหลือเกินว่า “หนึ่งในสิ่งเยี่ยมๆ ที่ฉันชื่นชอบเกี่ยวกับโปรเจ็กต์นี้คือแนวคิดของการที่ผู้หญิงเป็นคนสอนผู้หญิงคนอื่นๆ ฉันชอบที่เบก้าสอนเอมิลี และเอมิลีก็แสวงหาสิ่งนั้น มันเป็นข้อคิดสำคัญสำหรับเด็กสาวที่ว่า ‘คุณจะไม่ได้สิ่งที่คุณไม่ได้ขอ ดังนั้น ถ้าคุณอยากให้ใครซักคนสอนคุณ ก็ไปขอเขาสิ’ พวกเธอร่วมมือกันอย่างดีเยี่ยมค่ะ เพราะพวกเธอเติมเต็มกันและกันทางดนตรีจริงๆ”

   พูดถึงผู้สอน...เคทีย์ ซากัล นักแสดงหญิงยอดนิยม ผู้ซึ่งผลงานตลอดหลายทศวรรษของเธอได้สร้างความประทับใจให้กับนักแสดงหญิงทุกคนในกองถ่าย ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ในบท แคทเธอรีน แม่ผู้โด่งดังของเอมิลี ผู้มีระดับเสียงห้าอ็อกเทฟ และเป็นส่วนหนึ่งของรุ่น 1981 ที่โด่งดัง เธอเล่าถึงตอนที่เธอเป็นสมาชิกเบลลาส์ว่า “ฉันตื่นเต้นมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน ฉันชอบหนังภาคแรกค่ะ ลูกสาวคนโตของฉันอยู่ในวงอะแคพเพลล่าด้วย เธอก็เลยตื่นเต้นมากๆ ที่ฉันได้แสดง Pitch Perfect 2 ค่ะ”

   ดีนพูดแทนความรู้สึกของเพื่อนนักแสดงว่า “เอมิลี มิสเฮลลีย์ เป็นเบลลาส์คนใหม่ค่ะ แล้วเธอก็น่ารักมากๆ เรารอตั้งนานกว่าจะรู้ว่าใครจะมารับบทเอมิลี ดังนั้น พอเธอเข้ามา มันก็เลยเหมือนว่าเธออยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว เราตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรก เหมือนกับคริสซีย์ พวกเธอมาพร้อมกับความคิดที่เปิดกว้างและพร้อมรับทุกอย่างค่ะ”

   คริสซีย์ที่ดีนพูดถึงคือนักแสดงหญิง คริสซีย์ ฟิท ผู้รับบท โฟล นักเรียนแลกเปลี่ยนจากเอกวาดอร์ นักแสดงหญิง ผู้เริ่มต้นแสดงใน General Hospital และภาพยนตร์ดิสนีย์ Teen Beach Movie มีปฏิกิริยาอย่างที่ใครๆ คาดคิดในตอนที่เธอรู้ว่าเธอคว้าบทนี้มาได้สำเร็จ เธอกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ตอนที่ฉันได้รับโทรศัพท์ ฉันอยู่ในรถกับเพื่อนและฉันก็พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเพราะฉันตื่นเต้นและร้องกรี๊ดเลยล่ะค่ะ ฉันชอบการที่พวกเธอเป็นวงของสาวๆ ที่เป็นเหมือนแกะดำของสังคม แต่พวกเธอก็มารวมตัวกันร้องเพลงและสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันได้...และทุกอย่างก็เวิร์คค่ะ”

   ฟิทเล่าถึงตัวละครของเธอว่า “ฟิทเป็นเหมือนตัวแทนความเป็นจริงสำหรับพวกเบลลาส์ค่ะ เพราะเธอมาจากประเทศโลกที่สามและต้องเจอกับสถานการณ์ที่สุดโต่งบางอย่าง ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่สาวๆ คิดว่าบางสิ่งเป็นเรื่องถึงเป็นถึงตาย แต่จริงๆ แล้วเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว โฟลก็จะเสริมความจริงเข้าไปในสถานการณ์นั้นด้วยการเล่าเรื่องบางอย่างที่ซีเรียสที่เกิดขึ้นกับเธอจริงๆ ให้พวกเธอฟัง ฉันได้ทำตัวประชดประชันและตลกกับคนอื่นๆ ค่ะ” เช่นเดียวกับที่ลีเคยพูดเอาไว้ ฟิทเองก็ประทับใจกับเรื่องราวนี้และความหลากหลายที่เพิ่มมากขึ้นของสมาชิกเบลลาส์ เธอบอกว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฉันคือการที่เราได้เห็นตัวละครลาตินทำตัวสนุกสนานและฉายแววเด่นกับวงร็อคสตาร์กลุ่มนี้ค่ะ”

   คู่แข่งตัวฉกาจของเบลลาส์คือวงมากพรสวรรค์และทะเยอทะยานจากเยอรมนี ที่รวมตัวกันในคอนเสิร์ตเพื่อสร้างความเป็นเลิศด้านเสียงดนตรี และเรียกตัวเองว่าดาส ซาวน์ แมชชีน (ดีเอสเอ็ม) ผู้ยินดีแสดงแทนพวกเบลลาส์ในการแสดงอะแคพเพลล่าทั่วประเทศหลังจากที่พวกเบลลาส์ทำให้ตัวเองขายหน้าที่เคนเนดี้ เซ็นเตอร์ ดีเอสเอ็ม ที่มีหัวหน้าวงคือปีเตอร์ เครเมอร์ และคอมมิสซาร์ ผู้ลึกลับ เป็นพลังทางดนตรีที่ไม่อาจมองข้ามได้ ในตอนที่พวกเบลลาส์เห็นดีเอสเอ็มแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม พวกเธอก็ตระหนักว่าพวกเธอต้องทุ่มเทกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อเอาชนะคู่แข่งของพวกเธอในการแข่งขันชิงแชมป์โลกและกอบกู้ชื่อเสียงของพวกเธอกลับคืนมา

   ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฟลูลา บอร์ก ผู้รับบท เครเมอร์ ได้สร้างชื่อให้กับตัวเองด้วยการสร้างความบันเทิงให้กับคนหลายล้านคนผ่านทางยูทูป อดีตผู้อพยพชาวเยอรมันผู้นี้เล่าว่า “ผมบันทึกวิดีโอมาได้ซักระยะแล้ว และคนที่ทำงานในหนังเรื่องนี้ได้เห็นวิดีโอยูทูปของผม แล้วก็ส่งต่อมันขึ้นไปเรื่อยๆ อลิซาเบธได้ดูวิดีโอนั้นและอยากจะใช้งานผม เดิมทีพวกเขาเตรียมบทนี้ให้กับผู้หญิงร่างใหญ่หน่อย แต่พวกเขาคิดว่าบางทีผู้ชายเยอรมันร่างผอมบางและสูงกว่านั้นน่าจะรับบทนี้ได้ ผมก็เลยมายืนอยู่ตรงนี้ครับ”

   บอร์กกล่าวชื่นชมที่ผู้กำกับของเขายินยอมให้มีการอิมโพรไวส์คู่ไปกับบทที่ยอดเยี่ยมของแคนนอน เขาชื่นชมว่า “อลิซาเบธเป็นคนที่นิ่งมากๆ และเธอก็ยอมให้เราเล่นและอิมโพรไวส์ครับ ถ้าเรามีไอเดียบางอย่าง เราก็สามารถนำเสนอเธอได้ นี่เป็นกองถ่ายที่เปิดกว้างจริงๆ”

   เบอร์จิทท์ ฮยอร์ท โซเรนเซน รับบท คอมมิสซาร์ สาวงามผู้ใจร้าย ผู้ทำให้เบก้าทั้งหงุดหงิดและสนใจ...จนสมาชิกเบลลาส์ไหวพริบดีผู้นี้ถึงกับพูดอะไรไม่ออก นักแสดงหญิงชาวเยอรมันพูดถึงที่มาในการร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ของเธอว่า “ฉันรักหนังภาคแรกและตื่นเต้นที่พวกเขาคิดบทที่เหมาะกับฉันขึ้นมาได้ ฉันชอบที่ว่าเธอไม่มีชื่อจริงๆ เธอเป็นแค่คอมมิสซาร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งค่ะ เธอมีแรงผลักดัน มีความทะเยอทะยานที่จะคว้าชัยชนะมากๆ ไม่มีอะไรทำให้เธอกลัว และเธอก็ชื่นชอบคนที่ลุกขึ้นสู้ค่ะ ฉันคิดว่าเธอชอบพวกเบลลาส์จริงๆ เธอคิดว่าพวกเธอเก่ง เธอรู้ว่าพวกเธอไม่มีวันมาทาบรัศมีเธอได้ แต่เธอก็ชื่นชอบการได้เห็นพวกเธอพยายามค่ะ”

   “ดาส ซาวน์ แมชชีนเป็นฝันร้ายที่เป็นจริงของพวกเบลลาส์ค่ะ” นักแสดงหญิงกล่าวต่อ “และคอมมิสซาร์ก็เป็นมันสมองเบื้องหลังวงนั้น ตัวละครของฟลูลาเป็นหัวใจของมันและฉันก็ชอบที่ความคิดเขาทำงานในรูปแบบที่พิลึกที่สุด เขาสามารถแอดลิบได้อย่างที่คุณไม่อยากจะเชื่อเลย และเขาก็ถนัดในการรวมสมาชิกวงเข้าด้วยกันด้วยค่ะ”

   เคนดริคพูดถึงตัวเองว่าเป็นหนึ่งในแฟนพันธุ์แท้ของพวกเขา เธอเล่าว่า “วงดีเอสเอ็มเหลือเชื่อเลย การได้ดูพวกเขาเป็นอะไรที่สนุกมากค่ะ”

   หกแฟนพันธุ์แท้ของแฟรนไชส์ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดตัวในโลกภาพยนตร์ด้วย Pitch Perfect 2 และบังเอิญว่าเคลย์ แมทธิวส์, เดวิด บัคห์เทียรี, จอร์แดน ร็อดเจอร์ส, ดอน บาร์เคลย์, ที.จี. แลงและจอช ซิตตันก็เป็นสมาชิกปัจจุบันของทีมกรีน เบย์ แพ็คเกอร์สเสียด้วย ตอนที่พวกเขารู้ว่าซีเควลของภาพยนตร์ที่พวกเขาชื่นชอบกำลังจะถูกสร้าง พวกเขาก็ติดต่อผู้กำกับแบงค์ทางทวิตเตอร์ พวกเขาบอกเธอว่าพวกเขาเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ และหลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้พบว่าตัวเองได้ทุ่มเทสุดกำลังในกองถ่าย พวกเขาร้องเพลง เต้นและมีส่วนร่วมในการออกแบบท่าเต้นของพวกเขาเองในลีกการแข่งขันที่มีชื่อว่า เนชันแนล อะแคพเพลล่า เลเซอร์ นินจา ดรากอน ลีค...ที่จัดขึ้นโดยเดวิด ครอสจาก Arrested Development และ Mr. Show with Bob and David นั่นเอง

   “การร่วมงานกับกรีน เบย์ แพ็คเกอร์สเป็นเหมือนฝันค่ะ” เคนดริคกล่าวสรุป “พวกเขาเป็นที่มาของความสุข พลังงานและความทุ่มเท ระหว่างการซ้อม พวกเขาโน้มตัวลงต่ำและอินกับมันมาก ฉันจำได้ว่าคิดว่า ‘ได้โปรดเถอะ พยายามเก็บภาพใบหน้าของคุณไว้ในความทรงจำเพื่อที่เวลาเราถ่ายทำฉากนี้ คุณก็จะได้แสดงสีหน้าแบบนี้ได้’ มันทั้งแปลกและวิเศษสุดค่ะ มันทำให้ฉันมีความสุขมากที่ได้เห็นพวกกรีน เบย์ แพ็คเกอร์สโน้มตัวลงต่ำมากๆ น่ะค่ะ”

   แอสตินเห็นพ้องว่านักฟุตบอลเพื่อนร่วมแสดงของเขาเป็นตัวขโมยซีน “ตอนที่ผมไปซ้อมและได้เห็นหนุ่มๆ กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส คือการมองข้ามพวกเขาเป็นเรื่องยากมากเลยเพราะพวกเขาตัวโตมากครับ ทุกอย่างผ่อนคลายเมื่อพวกเขาเริ่มอ้างถึงคำพูดจากหนังภาคแรกของเจสซีและเบนจี้ พวกเขารู้สึกประหม่ากับการร้องเพลง แล้วผมก็บอกพวกเขาว่า ‘พวกคุณไม่ต้องกังวลหรอก คุณร้อง ‘Bootylicious’ ก็โอเคแล้ว แล้วพวกเขาก็ถามว่า ‘ทำไมคุณไม่ลองเล่นฟุตบอลดูบ้างล่ะ แล้วดูว่ามันจะเป็นไงบ้าง’ พวกเขาทุกคนมีหัวใจเป็นนักแสดงอยู่แล้วครับ ผมคิดว่าพวกเขาคงจะแฮปปี้มากๆ พวกเขาเต้นกันที่เอนด์โซนบ่อยๆ ผมก็เลยมั่นใจว่าพวกเขาเอาอยู่แน่”

   นักแสดงที่เหลือคือผู้รับบทเหล่าแบ๊ดบอยของวงโทน แฮงเกอร์ส ได้แก่เร็จจี้ วัตส์ (ซีรีส์ Comedy Bang! Bang!), จอห์น ฮ็อดจ์แมน (Baby Mama) และ เจสัน โจนส์ (Rosewater) สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือทอมมี จอมขโมยซีน (คีแกน-ไมเคิล คีย์จากซีรีส์ Key and Peele) หัวหน้าบริษัทโปรดักชันที่เบก้าฝึกงานอยู่ คีย์ ผู้สามารถพูดบทที่วิเศษสุดของแคนนอนได้อย่างง่ายดาย ทำให้เพื่อนนักแสดงและทีมงานหัวเราะท้องคัดท้องแข็งในกองถ่าย







ลีลาก้าวย่าง:
การฝึกฝนท่าเต้น

      หลังจากได้ร่วมงานกับแบงค์และทีมงานในภาคแรกแล้ว ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เอโคมอน “เอเจ” โจนส์ จะกลับมาสู่ครอบครัว Pitch Perfect อีกครั้งเพื่อออกแบบท่าเต้นสำหรับการแสดงใน Pitch Perfect 2 ร่วมกับผู้ช่วยของเขา คินดรา “บินกี้” รีฟวีย์และโคดี้ วิกกินส์ โจนส์ ผู้โด่งดังจากการออกแบบท่าเต้นให้กับศิลปินดังอย่างจัสติน บีเบอร์และอัชเชอร์ ได้นำสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากการเคี่ยวกรำวงอะแคพเพลล่าเมื่อครั้งที่แล้วมายกระดับขึ้น เขาและแบงค์ได้ร่วมงานกันเพื่อทำให้ทุกอย่างยิ่งใหญ่ขึ้น การขยับจากรั้วมหาวิทยาลัยสู่เวทีอะแคพเพลล่ามืออาชีพไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และสเกลความยากก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วย

   ในขณะที่พวกเบลลาส์เป็นม้านอกสายตาในภาคแรก และสามารถพัฒนาตัวเองไปสู่ความเก่งกาจได้ สำหรับภาคนี้ พวกเธอจะต้องเก่งตั้งแต่เริ่มต้นและการซ้อมก็สะท้อนถึงเรื่องนั้นเป็นอย่างดี สโนว์พูดถึงกระบวนการนี้ว่า “ครั้งนี้ การซ้อมยากขึ้นเยอะเพราะเราจะต้องเป็นแชมป์ระดับประเทศอยู่แล้วน่ะค่ะ ก่อนหน้านี้ เราอาจจะโอเค แต่พอถึงตอนท้าย เราก็ได้ก้าวไปถึงจุดที่เราเก่งจริงๆ ดังนั้น ตอนนี้ เพลงที่พวกเราต้องแสดงมันจะต้องยอดเยี่ยมอยู่แล้ว มันเป็นกระบวนการที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมค่ะ”

   เหตุผลหนึ่งในการสร้างท่าเต้นที่ท้าทายกว่าเดิมปรากฏในเนื้อเรื่องของภาคนี้ เราพบว่าสาวๆ เบลลาส์เริ่มสนใจการโชว์และการออกแบบท่าเต้นของโลกอะแคพเพลล่ามากขึ้น และหันเหไปจากรากเหง้าเสียงดั้งเดิมของพวกเธอ โจนส์อธิบายถึงความท้าทายนี้ว่า “ผมต้องอัพเกรดท่าเต้นของพวกเธอ แต่ก็ไม่ทำให้ส่วนอะแคพเพลล่าเสียไป เพราะสิ่งสำคัญคือการร้องเพลงครับ ดังนั้น ไม่ว่าท่าเต้นจะซับซ้อนขนาดไหน สิ่งที่ผมทำคือผมจะทำให้แน่ใจว่าพวกเธอจะสามารถร้องอะแคพเพลล่าและเต้นไปด้วยได้ ผมพยายามจะรักษาสมดุลระหว่างการก้าวที่เมคเซนส์สำหรับการร้องเพลงและการก้าวที่เมคเซนส์สำหรับภาพวิชวลโดยรวมด้วยครับ”

   เคนดริคตระหนักดีถึงทัศนคติที่สบายๆ ของโจนส์ “เอเจเป็นคนที่เจ๋งมากค่ะ งานของเขายอดเยี่ยมมาก ถ้าไม่มีเขา เราแย่แน่ สาวๆ หลายคนเป็นแดนเซอร์ที่เก่งอยู่แล้ว แต่ฉันไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นอัจฉริยะในการทำให้คนอย่างฉันดูเหมือนว่าเรารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่และดูมั่นใจ เขาดึงเอาจุดแข็งของทุกคนออกมา เขาเคยร่วมงานกับคนที่เก่งที่สุดมาแล้วแต่เขาก็รู้ดีถึงวิธีรับมือกับคนที่บอกว่า ‘ฉันทำไม่ได้หรอก’ ซึ่งเขาจะบอกว่า ‘มันแค่ดูเหมือนยาก แต่มันจะออกมาเยี่ยมแน่ๆ’ น่ะค่ะ”

   แบงค์กล่าวชื่นชมหัวหน้าทีมออกแบบท่าเต้นของเธอคนนี้ว่า “นอกเหนือจากความยอดเยี่ยมในกองถ่ายแล้ว เอเจยังเป็นหนึ่งในทีมงานมากพรสวรรค์ที่ฉันโชคดีได้เขามาทำงานร่วมกับเรา เขาเป็นคนเหลือเชื่อเลยและสมควรจะได้รับการยกย่องที่ทำให้พวกเบลลาส์, ดีเอสเอ็ม และแต่ละวงดูยอดเยี่ยมในการแสดงทุกครั้งค่ะ”

   ในขณะที่พวกเบลลาส์มีลุคแบบหนึ่ง ดีเอสเอ็ม คู่แข่งของพวกเธอ ก็มีลุคอีกแบบหนึ่งเช่นกัน การเพิ่มวงดีเอสเอ็มเข้ามาจำเป็นต้องใช้มุมมองที่ต่างออกไปจากเดิม โจนส์เล่าว่า “พวกเขาทุกคนดูเหมือนวงระดับสูง จากการคัดเลือกนักแสดง เรามีสมาชิก 18 คน และเราก็ทำให้แน่ใจว่า ถ้าเราเลือกคนที่สูง 5 ฟุต 7 นิ้วมา คนพวกนั้นจะเข้าคู่กับอีกคนหนึ่งที่สูง 5 ฟุต 7 นิ้วเหมือนกัน ดังนั้น ทุกคนก็จะมีคู่ตั้งแต่วันแรก พวกดีเอสเอ็มมีความเลิศหรู เสื้อผ้าของพวกเขาเป็นสีโมโนโครม เกือบจะเหมือนทหา และเราก็ใส่พลังงานในแบบที่คุณจะเห็นความแม่นยำเข้าไปในท่าเต้นของพวกเขาครับ”

   ในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ ฮยอร์ท-โซเรนเซนไม่แน่ใจว่าจะเจอกับอะไรในตอนที่เดินเข้าไปในการซ้อม เธอเล่าว่า “ฉันเข้าไปด้วยความกลัวนิดๆ เพราะเอเจเก่งมากและเขาก็ทำสิ่งที่มหัศจรรย์มากมาย แล้วก็เป็นเพราะฉันไม่ใช่แดนเซอร์ แต่ก็อยากจะทำให้ได้ เอเจ, โคดี้และบินกี้เก่งในเรื่องการสร้างภาพมากๆ พวกเขาสามคนสามารถคิดออกมาเป็นภาพและสื่อสารมันออกมาอย่างเรียบง่ายได้ค่ะ”

   งานของโจนส์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนพื้นดินเท่านั้น เขาได้ก้าวไปถึงกลางอากาศสำหรับซีเควนซ์เปิดเรื่องที่พิเศษสุด ที่พวกเบลลาส์ได้แสดงที่ลินคอล์น เซ็นเตอร์ วิลสัน ผู้ได้รับเกียรติในการเหินฟ้า อธิบายว่า “ก่อนที่เราจะเริ่มถ่ายทำ ฉันได้รับโทรศัพท์จากอลิซาเบธถามว่าฉันเต็มใจที่จะลองแสดงสตันท์กลางอากาศรึเปล่า แล้วพวกเขาก็ส่งบทแปดหน้าแรกที่มีฉากนี้มาให้ฉัน ฉันคิดว่ามันตลกดีและเป็นฉากเปิดเรื่องที่ยอดเยี่ยม มันอาจทำให้คุณแปลกใจก็จริง แต่จริงๆ แล้ว ฉันไม่ถนัดแสดงฉากสตันท์หรอกนะคะ ฉันฝึกฝนสัปดาห์ละสามครั้งเป็นเวลาห้าสัปดาห์ก่อนที่ฉันจะมาที่บาตัน รู้จน่ะค่ะ”


****

         ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สและโกลด์ เซอร์เคิล ฟิล์มส์ ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดยโกลด์ เซอร์เคิล ฟิล์มส์/บราวน์สโตน Pitch Perfect 2 นำแสดงโดยแอนนา เคนดริค, รีเบล วิลสัน, เฮลลีย์ สเตนเฟลด์, บริทนีย์ สโนว์, สกายลาร์ แอสิน, อดัม เดอไวน์, เคทีย์ ซากัล, แอนนา แคมป์, เบน แพลทท์, อเล็กซิส แน็ปป์, ฮานา เมย์ ลี, จอห์น ฮ็อดจ์แมน, เจสัน โจนส์, โจ โล ทรูกลิโอ, เร็จจี้ วัตส์ ร่วมด้วยจอห์น ไมเคิล ฮิกกินส์และอลิซาเบธ แบงค์ คัดเลือกนักแสดงโดยเคอร์รี บาร์เดนและพอล ชนี ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายดนตรีของเรื่องคือซาราห์ เว็บสเตอร์ ผู้ควบคุมงานดนตรีคือจูลีแอนน์ จอร์แดนและจูเลีย มิเกลส์ ดนตรีโดยมาร์ค มาเธอร์สบัฟ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายของเรื่องคือซัลวาดอร์ เปเรซ และมือลำดับภาพคือเคร็ก อัลเพิร์ต, เอซีอี ผู้ออกแบบงานสร้างคือโทบี้ คอร์เบ็ตต์และผู้กำกับภาพคือจิม ดีนอลท์, เอเอสซี ผู้ร่วมอำนวยการสร้างคือเจฟฟ์ เลอวีนและผู้ดูแลงานสร้างคือการ์เร็ตต์ แกรนท์ ผู้ควบคุมงานสร้างของเรื่องคือสก็อต นีไมเออร์, เจสัน มัวร์และผู้อำนวยการสร้างได้แก่พอล บรู๊คส์, แม็กซ์ แฮนเดลแมน, อลิซาเบธ แบงค์ คอเมดีเรื่องนี้เขียนบทโดยเคย์ แคนนอน กำกับโดยอลิซาเบธ แบงค์