“แจ้” สร้างปรากฏการณ์ที่สุดแห่งคอนเสิร์ต “เฟรมส์ ออฟ เมโลดี้ 50 ปี แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ 2009” เยี่ยมยอดชนะใจ
สมกับที่รอคอยจริงๆ สำหรับคอนเสิร์ต “เฟรมส์ ออฟ เมโลดี้ 50 ปี แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ 2009” ที่จัดขึ้นโดย บริษัท ดับบลิว พี ครีเอชั่น กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น และ ธนาคาร นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ เมื่อวันเสาร์ที่ 2 พ.ค. ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้ผู้ชมตั้งแต่ต้นจนจบโชว์ ทุกช่วงอารมณ์ของคอนเสิร์ตนั้น ล้วนแต่สะกดคนดูให้อินไปกับทุกการถ่ายทอดแบบเต็มร้อยของ แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ โดยลงทุนร้องสดตลอดเวลาเกือบสามชั่วโมง ชนิดที่ว่าใครพลาดคอนเสิร์ตครั้งนี้ไป...ต้องรู้สึกยิ่งกว่าเสียดาย
เปิดฉากคอนเสิร์ตด้วย น้ำตาฝน เวอร์ชั่นบรรเลงแบบใหม่ ที่บิ้วท์อารมณ์คนดูให้พร้อมเต็มที่ก่อนจะเปิดตัว แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ อย่างตื่นตาตื่นใจด้วยเพลงสนุกๆ อย่าง ขออีกที ซึ่งมาพร้อมเสียงกรี๊ดต้อนรับดังสนั่นฮอลล์ ดับเบิ้ลต่อด้วย น้ำตาฝน อีกครั้งในแบบฉบับของพี่แจ้ที่ทุกคนรู้สึกตรงกันว่าไพเราะจริงๆ จบเพลงจึงได้ทักทายแฟนเพลงอย่างเป็นทางการเรียกความประทับใจสไตล์พี่แจ้ได้เป็นอย่างดี ทักทายพอหอมปากหอมคอแล้วก็เอาใจคอเพลงไทยลูกกรุงด้วย สวัสดีบางกอก แกล้มบรรยากาศบนเวทีไปด้วยภาพของกรุงเทพฯ ในอดีต แล้วปล่อยลูกอ้อนให้คนดูทุกคนร่วมร้องเพลงไปด้วยกัน ดังนั้นเพลงฮิตอย่าง คนหลายใจ และ คนธรรพ์รำพัน จึงมีเสียงคอรัสจากผู้ชมร้องตามกันกระหึ่มฮอลล์ ตามด้วยเพลงนานาชาติ อย่าง Stayin Alive, ยอยศพระลอ, รอยรักรอยมลทิน, เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้, สุกี้ยากี้ และ ผู้ชนะสิบทิศ
คอนเสิร์ตเพิ่มสีสันขึ้นอีกด้วยการเปิดตัวแขกรับเชิญคนแรกโดยประตูเชื่อมกาลเวลา มี บอย-ตรัย ภูมิรัตน เป็นแขกรับเชิญต่างวัยคนแรกในเพลง นิดหนึ่งพอ ตามติดด้วยพี่แจ้โซโลกีตาร์ลีลาเหนือชั้นให้ เป้ ไฮร็อก ร้อง ในเพลง Everybody need a friend ส่งแขกเรียบร้อยพี่แจ้ก็จับไมค์ร้องต่อในเพลง พระมเหลเถไถ ก่อนที่จะพาผู้ชมทั้งฮอลล์ย้อนไปฟังเพลงรักอย่าง ฝันลำเอียง ต่อด้วยเพลงเพราะอีกชุดใหญ่ที่เรียงร้อยมาตามลำดับช่วงเวลาในหนึ่งวันเริ่มจาก อุษาสวาท, แดดออก, สายัณห์รัณจวน, ค่ำแล้วในฤดูหนาว, ดึกแล้ว ดีกรีความไพเราะกำลังได้ที่ พี่แจ้ก็ชวน ลุลา-กันยารัตน์ ติยะพรชัย ออกมาร้องเพลงฮิตที่สุดอีกเพลง ที่สุดของหัวใจ แล้วซึ้งทวีคูณขึ้นไปอีกกับพี่แจ้ในเพลง แสนรัก ก่อนจะพบกับแขกรับเชิญคนสำคัญอีกคนคือ เศรษฐา ศิระฉายา ที่เรียกเสียงหัวเราะกึกก้องในมุขเปิดตัวจากเรือ และร้องเพลง จูบฟ้าลาดิน ได้อย่างไพเราะจับใจ
ช่วง “แกรนด์เอ็กซ์” เสียงกรี๊ดจากผู้ชมก็ดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย ทั้งเป็นการต้อนรับและให้เกียรติแก่สมาชิกทุกคนที่ต่างทยอยกันขึ้นเวทีร่วมร้องเพลงและเล่นมุขตลกรับ-ส่งกันฮากลิ้งตลอดเวลา รวมถึง นคร เวชสุภาพร ซึ่งมานั่งเชียร์นั่งชมคอนเสิร์ตกับครอบครัวก็อดใจไม่ไหวต้องขึ้นแจมบนเวทีกับเพื่อนๆ ด้วย ภาพแห่งความทรงจำและความสุขจึงหวนกลับมาให้ทุกคนได้อิ่มเอมใจอีกครั้งในเพลง เพื่อน, งานวัด และ บัวน้อยคอยรัก
อีกหนึ่งเซอร์ไพรส์สร้างปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกของวงการคอนเสิร์ตไทยที่นำเครื่องดนตรีกว่า 5,000 ชิ้นมาบรรเลงพร้อมกัน นี่คือสิ่งที่ พี่แจ้ ตั้งใจไว้ว่าจะให้ผู้ชมทั้ง 5,000 ที่นั่งได้ร่วมแสดงดนตรีในคอนเสิร์ตครั้งนี้ไปพร้อมๆ กัน โดยการแจกเครื่องดนตรีให้กับทุกๆ คนในพารากอนฮอลล์ได้เคาะได้เขย่าเข้าจังหวะดนตรีกันอย่างสนุกสนาน
ช่วงก่อนสุดท้ายของคอนเสิร์ตที่รวมเพลงเด็ดจังหวะมันส์ล้วนๆ อย่าง เทวดาเดินดิน, สุขกันเถอะเรา, เพียงสบตา และ เชื่อฉัน ทำเอาบรรดาแฟนเพลงทุกที่นั่งต่างลุกขึ้นเต้นและร้องตามกันอย่างไม่มีอั้น ก่อนจะอำลาแฟนเพลงด้วยเมดเลย์สุดซึ้ง ดอกไม้ให้คุณ, ที่สุดของหัวใจ, ห้องสีขาว และ โอ๊ย โอ๊ย ปิดฉากการแสดงแบบประทับใจไม่รู้ลืม คงเหลือแต่คำถามในใจของทุกคนรวมทั้งตัว พี่แจ้ เองว่า... เมื่อไหร่หนอ เราจะได้พบกันในคอนเสิร์ตที่สุดแห่งความประทับใจเช่นนี้อีก