sianbun on October 28, 2009, 08:39:35 AM
รู้จักเด็ก LD ความบกพร่องที่ซ่อนอยู่ในความฉลาด

Learning Disabilities (L.D.) ความบกพร่องในการเรียนรู้ อาจเป็นศัพท์ใหม่ที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ไม่ค่อยคุ้นหูกันนัก เพราะปัจจุบันยังไม่ค่อยมีคนเข้าใจในเรื่องของ L.D อย่างชัดเจนว่าแท้จริงเป็นอย่างไร สำหรับประเทศไทยเรื่องของ LD เพิ่งได้รับความสนใจและมีการตื่นตัวเมื่อไม่นานนี้เอง ในขณะที่เมืองชิคาโก มลรัฐอิลลินอยด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา L.D. กลับมีการศึกษามายาวนานกว่ายี่สิบปี จนปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายทางการศึกษามารองรับเรื่องนี้กันอย่างจริงจังแล้ว

หากคุณพ่อคุณแม่ไม่เข้าใจถึงปัญหาความสลับซับซ้อนเรื่อง L.D.ที่ได้เกิดกับเด็ก ปัญหาซ้ำซากก็จะเกิดขึ้นอยู่เสมอเพราะผู้ใหญ่ไม่ทราบถึงปัญหาต้นตอที่แท้จริง เด็กจึงต้องถูกตำหนิอยู่เสมอว่าเป็นคนขี้เกียจ ดื้อ ไม่ตั้งใจเรียน ฯลฯ ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้เด็กมีปมด้อย และเกิดปัญหาด้านอารมณ์และพฤติกรรมที่ก้าวร้าวต่าง ๆ ได้ในที่สุด

                ดร.เพ็ญนี หล่อวัฒนพงษา ผู้อำนวยการฝ่ายบริการจิตวิทยา ผู้ชี่ยวชาญสาขาครอบครัวบำบัด และผู้เชี่ยวชาญด้าน Learning Disabilities (L.D.) แห่งโรงพยาบาลมนารมย์  กล่าวว่า ปัญหาความบกพร่องในการเรียนรู้ หรือที่เรียกว่า LD เป็นความบกพร่องที่ซ่อนเร้น พ่อแม่ควรมีสัมพันธ์อันดีกับเด็ก และพยายามสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ อีกทั้งครูควรมีความใจในเรื่องนี้มากขึ้นเพราะจะได้สามารถรับมือได้ โดยปกตินักจิตวิทยาสามารถตรวจสอบได้ว่าเด็กคนไหนเป็น LD หรือไม่ โดยการใช้เครื่องมือในการประเมินด้านต่าง ๆ เพื่อทดสอบตั้งแต่การประเมินเรื่องของสติปัญญา เรื่องของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลายๆ  ด้านของเด็ก แต่สิ่งที่ต้องระวังอย่างมากคือ จะไม่สรุปว่าเด็กที่มีปัญหาในการเรียนทุกคนเป็นเด็ก LD เพราะเด็กบางคนโดยเฉพาะก่อนแปดขวบ อาจมีพัฒนาการด้านทักษะต่างๆ ช้ากว่าเพื่อนในวัยเดียวกันและปัจจุบันพบว่ามีเด็กที่เป็น LD จำนวนมากกระจายอยู่แทบทุกมุมโลก

“วิธีสังเกตเด็กที่มีลักษณะเป็น LD พฤติกรรมบางอย่างจะสังเกตได้ชัด บางอย่างอาจสังเกตไม่ได้ คือเด็กอาจจะอ่านได้คล่อง อ่านเพื่อความเข้าใจได้ เล่าเรื่องได้ แต่เมื่อถามเฉพาะจุดเจาะจงจะตอบไม่ได้ ไม่สามารถเชื่อมโยงเรื่องได้  ส่วนในด้านคณิตศาสตร์ก็ไม่สามารถคิดคำนวณง่าย ๆ  ได้ ไม่เข้าใจความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ จำหลักเลขไม่ได้ ด้านการเขียนอาจสะกดคำศัพท์ไม่ได้ เป็นต้นดูเป็นเรื่องที่ชัดเจนสำหรับเด็ก LD แต่ก็ต้องดูต่อว่าเขาจัดอยู่ใน LD ประเภทไหน เด็ก LD จะแตกต่างกับเด็กไม่ฉลาดและเด็กสมาธิสั้น คือเรื่องพัฒนาการต่าง ๆ เด็กที่ไม่ฉลาดจะมีพัฒนาการจะล่าช้าเป็นเรื่องปกติ ส่วนเด็กสมาธิสั้นก็จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ไม่นานเพราะต้องรับสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่เข้ามา ส่วนเด็ก LD อาจจะพูดเก่ง ฉลาด แต่จะไม่จำ โดยเฉพาะถ้าให้ลงมือเขียน ลงมือทำ จะทำไม่ได้ นี่คือช่องว่างที่แตกต่างกันตรงนี้และสิ่งที่ตามมาคือผลสัมฤทธ์ทางการเรียนอย่างน้อยที่สุดมีนัยยะสำคัญที่สองชั้นเรียน เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กปกติ” 

ดร.เพ็ญนี กล่าวต่อด้วยว่า ปัจจุบันปัญหาการตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุยังน้อยของมารดาก็อาจะทำให้บุตรที่ออกมาก็มีสิทธิ์เป็น LD ได้รวมถึงเด็กที่คลอดแล้วน้ำหนักตัวน้อยมากก็อาจเป็น LD ได้เช่นกัน สำหรับแนวทางการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือนั้น  ผู้ปกครองต้องบอกนักจิตวิทยาก่อนว่ามีความห่วงใยเด็กในเรื่องใด ได้ห่วงใยในเรื่องนั้น ๆ มาระยะเวลานานแล้วเท่าไร และที่ผ่านมาได้พยายามช่วยเหลือเด็กอย่างไร เพราะข้อมูลเรื่องการเรียนของเด็ก การพัฒนาการของเด็กตลอดจน ข้อมูลจากโรงเรียน ครูผู้สอน ฯลฯ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้ทราบว่าเด็ก LD  มีข้อดีข้อเด่นในเชาว์ปัญญาของเขาด้านไหน และเมื่อทราบถึงจุดนี้ก็เสามารถทำการเลือกวัดไอคิว ทำแบบทดสอบมาตรฐานต่าง ๆ ตามวัยที่เหมาะสมกับเขาได้ ทั้งนี้เพื่อสามารถทำแผนบำบัดที่มีประสิทธิภาพสำหรับตัวเขาต่อไปและผลการประเมินต้องสามารรถใช้ในการช่วยเด็กได้”

                สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการขอคำปรึกษาจากแพทย์ควรต้องมีบทบาทที่ดีในเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกก่อนเป็นอันดับแรก เพราะจะได้สังเกตว่าเขาเรียนอย่างไร คิดอย่างไรกับตัวเอง ดูเรื่องการพัฒนาการของเขาในหลาย ๆ ด้านเมื่อเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น เขาการใช้เวลาทำการบ้านนานผิดปกติหรือไม่ หรือว่าพูดคุยกับพ่อแม่ในวันนี้จำได้แต่พรุ่งนี้กลับจำไม่ได้ ฯลฯ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ก็อาจเป็นข้อบ่งบอกที่ชัดเจนว่าต้องมีสิ่งที่ไม่ปกติเกิดขึ้นกับลูกแน่นอน ซึ่งเป็นพฤติกรรมง่าย ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สังเกตได้ไม่ยากก่อนที่จะดุด่าว่ากล่าวเด็กเพราะความไม่รู้” ดร.เพ็ญนี กล่าวสรุป

ข่าวดี !! สำหรับผู้ปกครอง และครู ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความบกพร่องทางการเรียน และพัฒนาการของเด็ก โรงพยาบาลมนารมย์ได้จัดบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Learning Disabilities” โดย ดร.เพ็ญนี หล่อวัฒนพงษา ในวันที่ 31 ตุลาคม 2552 เวลา 8.30 -12.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายผู้สนใจสำรองที่นั่ง ได้ที่ โทร 02-725-9595 หรือเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์  www.manarom.com