happy on March 25, 2015, 06:56:53 PM
ชื่อภาพยนตร์ : THE SPONGEBOB MOVIE SPONGE OUT OF WATER 3D
ชื่อไทย : สพันจ์บ็อบ ฮีโร่จากใต้สมุทร 3 มิติ
วันที่เข้าฉาย : 16 เมษายน 2558 (รอบพิเศษเริ่ม 9-15 เมษายน)
จัดจำหน่าย : บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด
*เสียงพากย์ไทย : ไคล์ นกพิราบตัวจี๊ด โดย โจ๊ก โซคูล หรือ กรภพ จันทร์เจริญ จากพาราเม้าต์ แอนิเมชั่น และนิคคาโลเดียน มูฟวี่ส์ ภูมิใจเสนอการผจญภัยใหม่เอี่ยมอ่องในภาพยนตร์เรื่อง “The SpongeBob Movie: Sponge Out of Water” ในรูปแบบ 3D ที่โลดโผนโจนทะยานและสนุกสนานเฮฮาเหมือนที่ชื่อเรื่องบอกเอาไว้ และเป็นครั้งแรกที่ สพันจ์บ็อบ สแควร์แพนท์ส เจ้าฟองน้ำที่อาศัยอยู่ใต้มหาสมุทร และเป็นขวัญใจมหาชนทั่วโลก จะได้ก้าวขึ้นบก มาเยือนโลกของเรา ในการผจญภัยครั้งที่อภิมหาหาญกล้าที่สุดที่เคยมีมา ชีวิตในบิกินี่ บ็อทท่อมออกจะดี๊ดีสำหรับสพันจ์บ็อบ ที่สุดแสนจะมองโลกในแง่ดี (ทอม เคนนี่) กับเหล่าพ้องเพื่อนของเขา ซึ่งประกอบไปด้วย แพทริค ปลาดาวผู้ซื่อสัตย์ (บิลล์ ฟาเกอร์แบ็กกี้), สควิดวอร์ด เจ้าปลาหมึกปากร้าย (ร็อดเจอร์ บัมพาสส์), แซนดี้ กระรอกสาวนักวิทยาศาสตร์ (แคโรลิน ลอว์เรนซ์) และมิสเตอร์แคร็บส์ นายทุนปูก้ามโต (แคลนซี่ บราวน์) เมื่อสูตรลับสำหรับทำ แคร็บบี้ แพ็ตตี้ส์ เกิดถูกขโมยไป คู่อริตลอดกาลอย่างสพันจ์บ็อบ และแพลงตอน (มิสเตอร์ลอว์เรนซ์) ต้องผนึกกำลังกันเพื่อร่วมเดินทางฟันฝ่ากาลเวลาและสถานที่ เพื่อควบคุมพลังวิเศษในตัวของพวกเขา และต่อสู้กับโจรสลัดที่ชั่วร้ายอย่าง เบอร์เกอร์ เบียร์ด (แอนโตนิโอ แบนเดอรัส) ที่มีแผนการที่เกี่ยวกับอาหารรสเลิศของตน พบกับความสนุกหรรษาในภาพยนตร์ระบบ 3 มิติ เปิดรอบพิเศษ 9 – 15 เมษายน ฉายจริง 16 เมษายน นี้เบื้องหลังงานสร้าง จากพาราเม้าต์ แอนิเมชั่น และนิคคาโลเดียน มูฟวี่ส์ ภูมิใจเสนอการผจญภัยใหม่เอี่ยมอ่องในภาพยนตร์เรื่อง “The SpongeBob Movie: Sponge Out of Water” ในรูปแบบ 3D ที่โลดโผนโจนทะยานและสนุกสนานเฮฮาเหมือนที่ชื่อเรื่องบอกเอาไว้ และเป็นครั้งแรกที่ สพันจ์บ็อบ สแควร์แพนท์ส เจ้าฟองน้ำที่อาศัยอยู่ใต้มหาสมุทร และเป็นขวัญใจมหาชนทั่วโลก จะได้ก้าวขึ้นบก มาเยือนโลกของเรา ในการผจญภัยครั้งที่อภิมหาหาญกล้าที่สุดที่เคยมีมา ชีวิตในบิกินี่ บ็อทท่อมออกจะดี๊ดีสำหรับสพันจ์บ็อบ ที่สุดแสนจะมองโลกในแง่ดี (ทอม เคนนี่) กับเหล่าพ้องเพื่อนของเขา ซึ่งประกอบไปด้วย แพทริค ปลาดาวผู้ซื่อสัตย์ (บิลล์ ฟาเกอร์แบ็กกี้), สควิดวอร์ด เจ้าปลาหมึกปากร้าย (ร็อดเจอร์ บัมพาสส์), แซนดี้ กระรอกสาวนักวิทยาศาสตร์ (แคโรลิน ลอว์เรนซ์) และมิสเตอร์แคร็บส์ นายทุนปูก้ามโต (แคลนซี่ บราวน์) เมื่อสูตรลับสำหรับทำ แคร็บบี้ แพ็ตตี้ส์ เกิดถูกขโมยไป คู่อริตลอดกาลอย่างสพันจ์บ็อบ และแพลงตอน (มิสเตอร์ลอว์เรนซ์) ต้องผนึกกำลังกันเพื่อร่วมเดินทางฟันฝ่ากาลเวลาและสถานที่ เพื่อควบคุมพลังวิเศษในตัวของพวกเขา และต่อสู้กับโจรสลัดที่ชั่วร้ายอย่าง เบอร์เกอร์ เบียร์ด (แอนโตนิโอ แบนเดอรัส) ที่มีแผนการที่เกี่ยวกับอาหารรสเลิศของตน สร้างจากซีรีส์แอนิเมชั่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์ของนิคคาโลเดียน และถือเป็นปรากฏการณ์ไปทั่วโลกนานหลายทศวรรษ ผู้กำกับ พอล ทิบบิท กล่าวว่า “มันมีทุกอย่างครบถ้วนในแบบที่คุณต้องการในภาพยนตร์ เราได้นำตัวละครที่ทุกคนคุ้นเคยดี และใส่พวกเขาลงไปในทิศทางใหม่เอี่ยม นี่คือภาพยนตร์เดินทางผจญภัย เป็นทั้งภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ และเป็นภาพยนตร์ยุคหลังหายนะภัยพิบัติ และทุกอย่างที่ว่ามานี้มาในรูปแบบ 3-D!" “The SpongeBob Movie: Sponge Out of Water” กำกับโดย พอล ทิบบิท ขณะที่ทีมนักแสดงที่เป็นคนนั้น กำกับโดย ไมก์ มิทเชลล์ ผู้อำนวยการสร้างบริหารของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ สตีเฟ่น อิลเลนเบิร์ก, เคล บอยเตอร์, แนน โมเรลส์ และเคร็ก ซอสต์ และผู้อำนวยการสร้างคือ พอล ทิบบิท และแมรี่ พาเรนต์ “The SpongeBob Movie: Sponge Out of Water” สร้างจากซีรีส์แอนิเมชั่นยอดฮิตเรื่อง “SpongeBob SquarePants” ที่สร้างโดย สตีเฟ่น ฮิลเลนเบิร์ก จากเรื่องที่คิดสร้างโดย ฮิลเลนเบิร์ก และพอล ทิบบิท จากบทภาพยนตร์ที่เขียนโดย โจนาธาน ไอเบล และเกลนน์ เบอร์เกอร์ ดนตรีประกอบเป็นฝีมือของ จอห์น เด็บนี่ย์ เมื่อโลกไร้ซึ่งแคร็บบี้ แพ็ตตี้ แคร็บบี้ แพ็ตตี้ แซนด์วิชสุดอร่อยจนกลายเป็นตำนาน คือของโปรดของสพันจ์บ็อบ และเป็นอาหารยอดนิยมในบิกินี่ บ็อทท่อม ครัสตี้ แคร็บ ร้านอาหารเพียงแห่งเดียวทั้งบนบกและกลางทะเลที่ขายเมนูเด็ดเมนูนี้ แทบจะกลายเป็นสถาบันเพราะการเก็บรักษาสูตรทำแคร็บบี้ แพ็ตตี้แสนอร่อยไว้เป็นความลับสุดยอด "แคร็บบี้ แพ็ตตี้เปรียบเสมือนจาระบีที่ช่วยหล่อลื่นให้เครื่องจักรเดินหน้าทำงานต่อไปได้” ทอม เคนนี่ ผู้ให้เสียงเป็น สพันจ์บ็อบ เล่า “มันทำให้คนงานมีความสุข มันเปรียบได้กับกาแฟถ้วยแรกของทุกคนในตอนเช้า” "จริงๆ แล้วไม่มีใครรู้หรอกว่าในแคร็บบี้ แพ็ตตี้มีอะไรบ้าง แม้แต่มิสเตอร์แคร็บส์ก็ยังไม่รู้” ผู้กำกับ พอล ทิบบิท บอก “แต่ทุกคนก็ชอบมันมาก และมันคือสิ่งเดียวที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าอร่อยสุดๆ เราคิดว่ามันคงจะสนุกดีที่ได้มาเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสูตรลับนี้เกิดหายไป” "มันคือวันสิ้นโลกกันเลยทีเดียว” สตีเฟ่น ฮิลเลนเบิร์ก ซึ่งเป็นผู้สร้างซีรีส์เรื่องนี้ และยังทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหาร กล่าว แต่เริ่มเดิมที แพลงตอน คู่ปรับตลอดกาลของมิสเตอร์แคร็บ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าขโมยสูตรลับนี้ไป แต่สพันจ์บ็อบรู้ดีกว่าเพื่อน เขายังรู้อีกว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีกำลังที่จะช่วยไขปริศนาครั้งนี้ได้ นั่นก็คือ แพลงตอน จึงเป็นครั้งแรกที่สพันจ์บ็อบและแพลงตอน ยอมผนึกกำลังกันเพื่อตามหาคนร้ายตัวจริง ขณะที่บิกินี่ บ็อทท่อม เริ่มก้าวเข้าสู่กลียุคเมื่อปราศจากแคร็บบี้ แพ็ตตี้ การเดินทางครั้งนี้จะนำพวกเขาไปไกลเกินกว่าที่พวกเขาเคยไป จากหอสังเกตการณ์ของยานอวกาศของโลมาพูดได้จากต่างดาว จนถึงภายในสมองของสพันจ์บ็อบที่เคลือบด้วยน้ำตาล และสุดท้าย ก็คือที่ที่บ้าคลั่งที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้ นั่นก็คือ โลกมนุษย์! “มันคือการผนึกกำลังในแบบที่ไม่น่าจะเป็นไปได้” ฮิลเลนเบิร์กบอกเอาไว้ “แต่เดิมพวกเขาเป็นศัตรูกัน และไม่มีทางที่จะมีใครแตกต่างกันขนาดนี้อีกแล้ว แพลงตอนเป็นพวกปากจัด ชอบประชดประชัน ขณะที่ สพันจ์บ็อบ ก็แสนจะใสซื่อ” “เมื่อพวกเขามาอยู่ด้วยกัน มันกลับมีการผสมผสานอันสุดยอด” ผู้อำนวยการสร้าง แมรี่ พาเร้นท์ กล่าวเสริม “โดยหลักๆ แล้ว มันก็คือ Midnight Run ในเวอร์ชั่นของเรา พวกเขาไม่เคยจับมือกันมาก่อน เลยกลายเป็นเรื่องสนุกที่ได้เห็นตัวละครสองตัวนี้ที่เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน ถูกบีบให้ต้องมาพึ่งพิงกัน เพราะพวกเขาจำเป็นต้องทำ”สพันจ์ขึ้นจากน้ำ "นับจากเริ่มต้น เรารู้อยู่แล้วว่าเราต้องสร้างผลงานชิ้นใหญ่” ทิบบิท เล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการวางแผนของภาพยนตร์เรื่อง The SpongeBob Movie: Sponge Out of Water หลังจากทำงานอยู่ภายในแวดวงทีวีมานานหลายปี ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ทีมงานสร้างสรรค์เบื้องหลัง ได้สำรวจความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ให้กับตัวละครสุดคลาสสิกของซีรีส์เรื่องนี้ “เราคุ้นเคยดีอยู่แล้วกับการคิดหาไอเดียใหญ่ๆ สำหรับเรื่อง ซึ่งเราอาจต้องลดระดับความยิ่งใหญ่ลงบ้าง” ทิบบิทอธิบาย “แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้เรารู้ตัวดีว่าเราได้นำไอเดียใหม่สุดบรรเจิดไปเสนอกับทางสตูดิโอ (พาราเม้าต์) และพวกเขาก็ให้โอกาสเราที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้จริงๆ ไม่มีอะไรต้องเจรจากันอีกเลย” “ในครั้งนี้ ทุกอย่างใหญ่ขึ้นและดีขึ้น” เคนนี่บอก “แต่นี่ไม่ใช่การรีบู้ทเรื่องใหม่นะครับ มันไม่ใช่ ‘SpongeBob Begins’ เราไม่ได้จะลดความบ้าลง และย้อนกลับไปหารากฐานที่เป็นขาลุยของสพันจ์บ็อบ ถ้าเจออะไร เราก็แค่ทำให้บ้าขึ้นเท่านั้น” ใน The SpongeBob Movie: Sponge Out of Water แฟนๆ จะได้เห็นตัวละครตัวโปรดของพวกเขาในเวอร์ชั่นสามมิติเป็นครั้งแรก “ตัวซีรีส์มักจะมีงานแอนิเมชั่นผสมอยู่แล้ว เป็นการจับเอาตัวละครแอนิเมชั่นในบิกินี่ บ็อทท่อม และให้ขึ้นมาผจญภัยในโลกของเราบ้าง” ฮิลเลนเบิร์กอธิบาย “แต่เราไม่เคยทำอะไรในระดับนี้มาก่อนเลย” “เราเคยได้เห็นตัวละครของเราขึ้นจากน้ำในภาพยนตร์ภาคแรก แต่ก็มักจะเป็นภาพสองมิติตลอด” ทิบบิทเล่า”เราอยากให้พวกเขาไม่เพียงแต่ขึ้นจากน้ำ แต่ครั้งนี้ ต้องมีทั้งน้ำหนักและความลึก งานแอนิเมชั่นถือว่าพัฒนามาไกลมากนับแต่ภาพยนตร์ภาคแรกในปี 2006 มันน่าตื่นเต้นที่ได้ใช้เครื่องมือใหม่ๆ เหล่านี้ในการทำให้ตัวละครของเราลุกขึ้นมามีชีวิตในโลกมนุษย์ในแบบที่ดูเหมือนจริงที่สุด” บิลล์ ฟาเกอร์แบ็กกี้ ผู้ให้เสียงเป็น แพทริค ให้ความเห็นไว้ว่า “ในอดีต ตัวละครของเราจะเป็นเหมือนตัวการ์ตูนแข็งๆ ที่ขึ้นมาจากน้ำ แต่ครั้งนี้ งานภาพถือว่าใหม่เอี่ยมอ่อง ทุกอย่างแตกต่างออกไป เหมือนกับพวกเขาหลุดเข้าไปในเมืองพ่อมดงั้นแหละ” อิลลูร่า บริษัทวิชวลเอฟเฟ็กต์สัญชาติออสเตรเลีย(ผลงานก่อนหน้านี้ พวกเขาเป็นผู้สร้างตัวละครหมี “เท็ด” เพื่อนยัดนุ่นของ มาร์ก วอห์ลเบิร์ก ในภาพยนตร์เรื่อง "Ted") เข้ามารับผิดชอบในการนำเอาตัวละครที่ทุกคนคุ้นเคยดี มาสร้างให้มีชีวิตโลดแล่นอยู่ใน “โลกที่เป็นจริง” ในภาพยนตร์เรื่องนี้ “พวกเราถึงกับอึ้งไปเลยกับหลายๆ ชอตในภาพยนตร์เรื่องนี้” ทิบบิทอธิบาย “อิลลูร่าเก่งมากในการผสมรวมองค์ประกอบต่างๆ เข้าด้วยกัน และทำให้ตัวละครเหล่านี้เหมือนอยู่ในโลกเดียวกันจริงๆ" “มันเป็นประสบการณ์ทางภาพที่แตกต่างไปกว่าที่แฟนๆ เคยเห็นมาก่อนจริงๆ” ผู้อำนวยการสร้างบริหาร เคล บอยเตอร์ บอก “แต่ก็มีความใส่ใจในการสร้างตัวละครเวอร์ชั่นสามมิติ โดยจะต้องยึดมั่นต่อรากฐานที่เป็นภาพสองมิติด้วย” ในเหตุการณ์ต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะในภาพยนตร์ SpongeBob เท่านั้น เหล่าฮีโร่ของเราแทบจะกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ซึ่งทำให้ทีมผู้สร้างต้องจินตนาการใหม่อีกครั้ง พลังพิเศษแต่ละอย่างได้รับแรงบันดาลใจโดยความสนใจของตัวละครแต่ละตัว “สพันจ์บ็อบกลายเป็น ดิ อินเครดิบับเบิ้ล เพราะเขาชอบเป่าฟอง” ฮิลเลนเบิร์กอธิบาย “แพทริคชอบไอศกรีม ดังนั้นพลังของเขาจึงเป็นการเรียกไอศกรีม สควิดวอร์ดเล่นแคลริเน็ต ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นฮีโร่ที่อิงกับเสียงดนตรีในนาม ซอยร์ โน้ต พวกเขาทำได้สุดยอดมากในการจับเอาจิตวิญญาณและอารมณ์ของตัวละครเหล่านี้ออกมาได้” “มีการพูดคุยกันเยอะมากเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าเราต้องการให้ตัวละครดูเหมือนจริงมากแค่ไหน” ฮิลเลนเบิร์กอธิบายต่อ “สควิดวอร์ดควรจะดูเหมือนหมึกยักษ์ตัวจริงไหม แล้วแซนดี้ควรจะดูเหมือนกระรอกจริงๆ หรือเปล่า ในที่สุด เรารู้ตัวว่าเราต้องการภาพเงาสะท้อนที่สมบูรณ์ เพื่อให้คุณจดจำพวกเขาได้ในร่างใหม่ที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่” เคนนี่ยังจำได้ดีถึงความรุ้สึกประทับใจแรกของเขาที่มีต่อการกลายร่างเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของ สพันจ์บ็อบ “ครั้งแรกที่ผมได้เห็นตัวละครเหล่านี้ ผมอยู่บนเวทีที่ซานดิเอโก้ คอมิคคอน เพื่อกล่าวแนะนำตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมนั่งอยู่ในห้องขนาดใหญ่พร้อมกับคนหลายพันคน เมื่อแสงไฟมืดลง และตัวอย่างหนังเริ่มฉาย ตอนแรก มันมีแค่ความเงียบสงัด แต่ในไม่ช้า ทุกคนก็หัวเราะและส่งเสียงเชียร์กันยกใหญ่ ในห้องที่มีคนเยอะแยะมากมายนั้น เสียงมันดังจนเหมือนเสียงฟ้าผ่าเลยทีเดียว”
« Last Edit: March 25, 2015, 07:06:11 PM by happy »
Logged