โครงการ “พัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิม”
หลักการและเหตุผล
รัฐบาลมีนโยบายหลักและเร่งด่วนที่ต้องการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมในเขตพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจไทย รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน เพื่อสร้างความมั่นคงและเข้มแข็งให้กับชุมชน โดยเฉพาะประชาชนในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และมีกลุ่มอาชีพราษฎรที่มีทักษะความสามารถในการเย็บปักลายผ้าด้วยจักรอุตสาหกรรมที่มีฝีมือสูง แต่ยังขาดความรู้และทักษะในการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยตามความต้องการของตลาด ปัจจุบันกลุ่มอาชีพเหล่านั้นทำการผลิตผลิตภัณฑ์ผ้าปัก เครี่องแต่งกาย เช่น ผ้าคลุมผม หมวกกาปิเยาะห์ และเสื้อโต๊ฟ โดยอาศัยการออกแบบและสั่งทำจากนักธุรกิจที่มีเครือข่ายการตลาดจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก จึงเป็นปัญหาสำคัญของผู้ประกอบอาชีพดังกล่าว ทำให้เกิดการกดราคาจากผู้ซื้อเมื่อมีปริมาณการผลิตมากเกินความต้องการ และนอกจากนั้นการที่จะพัฒนาให้มีรูปแบบเครื่องแต่งกายใหม่ๆ เพื่อการส่งออกไปยังประเทศมุสลิมกลุ่มอื่นๆ ซึ่งหากเปิดตลาดไปได้จะเป็นตลาดที่ใหญ่ เช่น ประเทศแถบตะวันออกกลาง และประเทศมุสลิมใหม่ในยุโรปตะวันออกได้นั้น จำเป็นต้องมีการพัฒนาแบบ (Pattern) ขนาด (Size) และรูปแบบ สีสัน ให้ตรงกับความนิยมและความต้องการของแหล่งตลาดเหล่านั้น เพื่อที่จะช่วงชิงความได้เปรียบในด้านการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิมเพื่อรุกเข้าสู่ตลาดโลกมุสลิม ให้สามารถผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและจำหน่ายเครื่องแต่งกายมุสลิมทั้งตลาดภายในและต่างประเทศให้ได้ก่อน
สิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการ คือ กระตุ้นและเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการในประเทศให้หันมาให้ความสนใจพัฒนาการผลิตเพื่อการส่งออกสู่กลุ่มตลาดประเทศมุสลิมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากเริ่มต้นจากการฝึกอบรมพัฒนาความรู้ของกลุ่มในด้านการออกแบบเครื่องแต่งกายวิธีการเดียวจะต้องใช้เวลานาน การจัดกิจกรรมอื่น เช่น การจัดการประกวดออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิมพร้อมการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เป็นกิจกรรมสำคัญอย่างหนึ่งที่จะส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าได้เป็นอย่างดี
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเชื่อว่าการจัดทำโครงการพัฒนาแบบเครื่องแต่งกายมุสลิม จะเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิมขึ้นและเผยแพร่สู่สังคม ทำให้กลุ่มเป้าหมายการตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ได้รับรู้ เกิดความตื่นตัวและสนใจพัฒนางานมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการกระตุ้นกลุ่มผู้ประกอบการให้มีการพัฒนาการออกแบบให้ทัดเทียมกับนานาชาติแล้ว และเป็นโอกาสที่อุตสาหกรรมอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายมุสลิมของประเทศไทยจะก้าวสู่เชิงพาณิชย์อย่างกว้างขวางและยั่งยืน มีการต่อยอดการพัฒนาไปยังผู้ประกอบการเพื่อการส่งออกต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Pattern) ของเครื่องแต่งกายมุสลิม เพื่อใช้ในการถ่ายทอดให้มีการตัดเย็บเพื่อการส่งออกไปสู่ตลาดต่างประเทศในอนาคต
2. เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพการออกแบบให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิมเพื่อการส่งออก
3. เพื่อเชื่อมโยงและถ่ายทอดผลของกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดการสร้างงานและรายได้อย่างยั่งยืนให้กับประชากรในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูปเครื่องแต่งกายมุสลิมเป็นตัวนำ
กลุ่มเป้าหมาย
1.นักออกแบบ / สถาบันการออกแบบเครื่องแต่งกาย
2.ผู้ประกอบการเกี่ยวกับธุรกิจเครื่องแต่งกายเพื่อการส่งออก
3.ผู้แทนประเทศผู้นำเข้าเครื่องแต่งกายมุสลิม
4.กลุ่มอาชีพราษฎรในจังหวัดชายแดนภาคใต้
5.สื่อมวลชน และประชาชนผู้สนใจทั่วไป
ขอบเขตและวิธีการดำเนินการ
1. จัดจ้างสถาบันการออกแบบ หรือนักออกแบบที่มีชื่อเสียงด้านการออกแบบ ทำการออกแบบ Pattern และผลิตต้นแบบผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิม จำนวน 50 แบบ
2.จัดแสดงแบบ (Fashion Show) โดยนักแสดงแบบมืออาชีพ เพื่อเผยแพร่แบบ ต่อกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ จำนวน 1 ครั้ง
3.จัดแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิมเผยแพร่ ตามสถานที่ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกำหนด จำนวน 1 ครั้ง
4.จัดทำสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเผยแพร่ และจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการ ไปยังกลุ่มเป้าหมายให้เกิดผลกระทบในเชิงการสร้างกระแสสังคม
ทั้งนี้ ลิขสิทธิ์หรือสิทธิทางกฎหมายต่างๆ จากการดำเนินโครงการ ได้แก่ผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์อันเป็นผลที่เกิดขึ้นจากโครงการ เป็นกรรมสิทธิ์ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมแต่ผู้เดียว ผู้รับจ้างหรือผู้เกี่ยวข้องไม่อาจเรียกร้องสิทธิ์ใดๆ ได้
สถานที่ดำเนินการ
กรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง
ผู้รับผิดชอบโครงการ
สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
ประสิทธิผลโครงการ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. เกิดผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิม ต้นแบบที่เกิดจากนักออกแบบหรือสถาบันการออกแบบที่มีภูมิปัญญาและองค์ความรู้ในการออกแบบเครื่องแต่งกายมุสลิมที่จะสามารถนำไปเผยแพร่ และถ่ายทอดต่อไป ในอันที่จะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาต่อยอดเพื่อการส่งออกในอนาคต จำนวน 50 แบบ
2. ก่อให้เกิดการประชาสัมพันธ์ และกระแสทางด้านการตลาดแก่กลุ่มประเทศมุสลิมในด้านศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิมเพื่อการส่งออก
3. เกิดการเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายระหว่างนักออกแบบผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิมและผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายอย่างเป็นรูปธรรม เกิดกลุ่มเครือข่ายผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิม (Cluster) จำนวนไม่น้อยกว่า 1 เครือข่าย
4. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ด้านการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายมุสลิม และช่องทางการตลาดมากขึ้น
5. ผู้ประกอบการและประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการ สามารถพัฒนาความรู้ สร้างแนวคิดใหม่ และยกระดับการออกแบบผลิตภัณฑ์ของกลุ่มให้เป็นที่ยอมรับของตลาดมากขึ้น
6. สร้างภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ การยอมรับให้กับกลุ่มผู้ประกอบการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น