โธมัส นิวแมน (ผู้ประพันธ์เพลง)
โธมัส นิวแมน ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในฐานะหนึ่งในผู้ประพันธ์เพลงที่โด่งดังที่สุดในแวดวงภาพยนตร์ เขาได้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์และซีรีส์โทรทัศน์กว่า 50 เรื่องและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสิบครั้งและแกรมมี อวอร์ดอีกห้าครั้ง
เขาเป็นลูกชายคนสุดท้องของอัลเฟรด นิวแมน (1900-1970) ผู้อำนวยการดนตรีของทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์และผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ ผู้มีผลงานมากมายเช่น Wuthering Heights, The Hunchback of Notre Dame, The Diary of Anne Frank และ All About Eve สมัยเด็ก โธมัส นิวแมนได้ศึกษาดนตรีพื้นฐานและเปียโน แต่หลังจากที่พ่อเขาเสียชีวิต นิวแมน ที่ตอนนั้นอายุได้ 14 ปี ถึงได้รู้สึกถึงแรงปรารถนาที่จะแต่งเพลงขึ้นมา
นิวแมนได้ศึกษาการเรียบเรียงเสียงและออร์เคสตราที่ยูเอสซีกับศาสตราจารย์เฟรดเดอริค ลีสแมนน์ และผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ชื่อดัง เดวิด รัคซิน และกับผู้ประพันธ์ดนตรี จอร์จ เทรมบ์ลีย์ เป็นการส่วนตัว เขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดล ที่เขาได้ศึกษากับจาค็อบ ดรัคแมน, บรูซ แม็คคอมบี้และโรเบิร์ต มัวร์ นอกจากนี้ เขายังได้รับอิทธิพลจากนักดนตรีที่โด่งดังอีกคนหนึ่ง ซึ่งคือผู้ประพันธ์ดนตรีในตำนานของบรอดเวย์ สตีเฟน ซอนด์เฮม ผู้เป็นทั้งครูและผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ของเขา
จุดเปลี่ยนในอาชีพของเขาเกิดขึ้นระหว่างที่เขาทำหน้าที่ผู้ช่วยงานดนตรีในภาพยนตร์ปี 1984 เรื่อง Reckless ซึ่งไม่นานนัก เขาก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้ทำหน้าที่ผู้ประพันธ์เพลง ดังนั้น ด้วยวัย 27 ปี เขาก็ได้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์เร่องแรกของเขา นับตั้งแต่นั้นมา เขาก็ได้สร้างสรรค์ดนตรีประกอบที่โดดเด่นและปลุกเร้าอารมณ์สำหรับภาพยนตร์ดังมากมาย รวมถึง Desperately Seeking Susan, The Lost Boys, The Rapture, Fried Green Tomatoes, The Player, Scent of a Woman, Flesh and Bone, The Shawshank Redemption, Little Women, American Buffalo, The People Vs. Larry Flynt, Oscar and Lucinda, The Horse Whisperer, Meet Joe Black, American Beauty, The Green Mile, Erin Brockovich, In The Bedroom, Road to Perdition, Finding Nemo, Lemony Snicket’s A Series of Unfortunate Events, Cinderella Man, Jarhead, Little Children, The Good German, Revolutionary Road, Wall-E และ Skyfall
เมื่อเร็วๆ นี้ เขาได้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ใหม่โดยสตีเวน สปีลเบิร์กเรื่อง Bridge of Spies โปรเจ็กต์ล่าสุดเรื่องอื่นๆ ของเขารวมถึง The Debt, The Adjustment Bureau, The Help, ชีวประวัติของมาร์กาเร็ต แธทเชอร์เรื่อง The Iron Lady, Saving Mr Banks, The Second Best Marigold Hotel และ Finding Dory นอกจากนี้ เขายังแต่งดนตรีประกอบมินิซีรีส์หกชั่วโมงชื่อดังทางเอชบีโอเรื่อง “Angels in America” ที่กำกับโดยไมค์ นิโคลส์อีกด้วย เขาได้รับรางวัลเอ็มมี อวอร์ดจากเพลงธีมของเขาสำหรับซีรีส์ออริจินอลทางเอชบีโอเรื่อง “Six Feet Under” สำหรับ Skyfall เขาได้รับรางวัลบาฟต้าสาขาดนตรีออริจินอลยอดเยี่ยมและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขาดนตรีประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม
นอกเหนือจากผลงานจอแก้วและจอเงินแล้ว เขายังได้แต่งดนตรีให้กับเวทีคอนเสิร์ตอีกหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงงานซิมโฟนี “Reach Forth Our Hands” สำหรับคลีฟแลนด์ ออร์เคสตราในปี 1996 เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบสองร้อยปีของเมืองนี้ รวมถึง “At Ward’s Ferry, Length 180 ft” คอนแชร์โต้สำหรับดับเบิลเบสและออร์เคสตราสำหรับพิตส์เบิร์ก ซิมโฟนีในปี 2001 ผลงานคอนเสิร์ตชิ้นล่าสุดของเขาคืองานเชมเบอร์ชื่อ “It Got Work” สำหรับโครนอส ควอเทรทในปี 2009 งานชิ้นนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานที่เขารังสรรค์ให้กับลอสแองเจลิส ฟิลฮาร์มอนิค ได้ถูกขยาย และดัดแปลงสำหรับซิมโฟนี ออร์เคสตรา และควอเทรทเครื่องสาย และเปิดตัวที่วอลท์ ดิสนีย์ คอนเสิร์ต ฮอลในเดือนธันวาคม ปี 2009
แอนดรูว์ โนคีส (ผู้ร่วมอำนวยการสร้าง)
ประสบการณ์แรกของแอนดรูว์ โนคีสในอุตสาหกรรมภาพยนตร์คือการทำงานในระหว่างวันหยุดฤดูร้อนให้กับพ่อของเขา ซึ่งเป็นผู้ดูแลด้านการเงินของภาพยนตร์เรื่อง Superman จากจุดเริ่มต้นที่ต่ำต้อยจากการเป็นเด็กยกน้ำชาและเสมียนเอกสารใน Octopussy (1982) ถึงตอนนี้ เขาได้ทำงานในภาพยนตร์ 28 เรื่อง ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ทุกภาคนับตั้งแต่ Octopussy
ใน Tomorrow Never Dies โนคีสได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้ควบคุมทางการเงิน ต่อจากพ่อของเขาผู้ทำงานในภาพยนตร์ 007 ตั้งแต่ปี 1981 ในปี 2006 ด้วยบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเขาในแฟรนไชส์เจมส์ บอนด์ โนคีสจึงได้รับเครดิตผู้ช่วยอำนวยการสร้างใน Casino Royale และ Quantum Of Solace รวมถึงผู้ร่วมอำนวยการสร้างใน Skyfall
เดวิด โป๊ป (ผู้ร่วมอำนวยการสร้าง)
เดวิด โป๊ปได้ทำงานเป็นทนายความในนิวซีแลนด์ประเทศบ้านเกิดของเขา สหราชอาณาจักรและอเมริกา ก่อนที่จะเข้าสู่แวดวงภาพยนตร์ด้วยเรื่อง GoldenEye ในปี 1995 หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในลอสแองเจลิสนาน 23 ปี ปัจจุบัน โป๊ปก็ได้ทำงานในลอนดอนและดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของอีออน โปรดักชันส์ ลิมิเต็ด เขาได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ควบคุมงานสร้างแคลลัม แม็คดูกัลล์และแอนดรูว์ โนคีส เพื่อนผู้ร่วมอำนวยการสร้างของเขาในด้านธุรกิจ การเงิน โครงสร้างการถ่ายทำและการถ่ายทำจริงๆ ในภาพยนตร์บอนด์ทุกเรื่อง ก่อนหน้านี้ เขาดำรงตำแหน่งผู้ร่วมอำนวยการสร้างใน Skyfall
แซม สมิธ (ผู้ร่วมเขียนและนักร้องเพลงไตเติล)
‘In The Lonely Hour’ อัลบัมยอดขายมัลติแพลตินัมของแซม สมิธเปิดตัวที่อันดับหนึ่งในชาร์ตอังกฤษและอันดับสองในบิลบอร์ด ท็อป 200 ในเดือนพฤษภาคม ปี 2000 อัลบัมนี้ทำยอดขายได้กว่า 8.5 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก ทำลายสถิติในอเมริกาด้วยยอดขายสัปดาห์แรกสูงสุดสำหรับศิลปินชายชาวอังกฤษในยุคซาวน์สแกน เขาเป็นศิลปินเพียงคนเดียวในโลกที่ทำยอดขายได้หนึ่งล้านก็อปปี้ทั้งในอังกฤษและอเมริการะหว่างปี 2014
สมิธโด่งดังหลังจากได้ฟีเจอริงใน ‘Latch’ เพลงฮิตของดิสโคลเชอร์ในปี 2012 และได้ร่วมงานกับน็อตตี้ บอยใน ‘La La La’ ซิงเกิลอันดับหนึ่งที่ได้รับรางวัลโมโบ และมียอดผู้ชมรวม 513 ล้านครั้งจนถึงปัจจุบัน ในตอนเริ่มต้นปี 2014 เขาได้รับรางวัลบริทส์ คริติกส์ ชอยส์ อวอร์ด และครองอันดับหนึ่งของบีบีซี ซาวน์ โพลล์ในปีนั้น นับตั้งแต่นั้นมา เขาก็ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นศิลปินชายดาวรุ่งที่มาแรงที่สุดของอังกฤษในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปีที่แล้ว เขาได้เพิ่มปริมาณของซิงเกิลอันดับหนึ่งของตัวเองด้วยซิงเกิลโซโล ‘Money On My Mind’ ตามด้วย ‘Stay With Me’ ป็อปบัลลาดที่ยังคงสร้างเสียงฮือฮาไปทั่วโลก
ในปีที่ผ่านมา ความสำเร็จบนพรมแดงของเขาปรากฏชัดเจน หลังจากที่เขาได้รับทั้งสี่รางวัลที่เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลในเวทีโมโบปี 2014 รวมถึงรางวัลศิลปินใหม่ยอดเยี่ยมจากเวทีคิว อวอร์ดและศิลปินร็อค/ป็อปชายยอดนิยมจากเวทีอเมริกัน มิวสิค อวอร์ด ในตอนเริ่มต้นปี 2015 เขากลับบ้านพร้อมกับสี่รางวัลแกรมมี อวอร์ด โดยเขาคว้ารางวัลได้ในสาขาแผ่นเสียงแห่งปี เพลงแห่งปี รวมถึงศิลปินใหม่ยอดเยี่ยมและอัลบัมป็อปยอดเยี่ยม หลังจากนั้น เขาก็ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลบริทส์ในสาขาต่างๆ ที่มากกว่าศิลปินคนอื่นๆ โดยเขาได้รับรางวัลเพิ่มเติมในสาขาศิลปินแจ้งเกิดยอดเยี่ยมและรางวัลความสำเร็จทั่วโลก
ด้วยการสนับสนุนจากศิลปินดังอย่างไนล์ ร็อดเจอร์ส, อาซัพ ร็อคกี้และแมรี เจ ไบลจ์ ผู้ร่วมงานกับเขา และการร้องเพลงคู่กับจอห์น ลีเจนใน ‘Lay Me Down’ ที่แซมบันทึกเสียงเป็นพิเศษสำหรับคอมิก รีลิฟ บัดนี้ สมิธได้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในศิลปินระดับแนวหน้าของโลกเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด เขาเพิ่งประกาศการมีส่วนร่วมในแคมเปญฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวปี 2015 ของบาเลนเซียก้า เมน
อเล็กซานเดอร์ วิทท์ (ผู้กำกับยูนิทที่สอง)
ผลงานของ อเล็กซานเดอร์ วิทท์ครอบคลุมเวลากว่า 25 ปี เริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยช่างกล้อง ก่อนจะทำหน้าที่ช่างกล้องและผู้กำกับภาพ นับตั้งแต่นั้นมา เขาก็มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในนักวิชวลระดับแนวหน้าของวงการ ทั้งในฐานะผู้กำกับยูนิทที่สองและผู้กำกับภาพ เขาได้เปิดตัวผลงานการกำกับเรื่องแรกในปี 2004 ใน Resident Evil: Apocalypse ที่นำแสดงโดยมิลลา โยโววิช
SPECTRE จะเป็นภาพยนตร์บอนด์เรื่องที่สามที่เขาทำหน้าที่ผู้กำกับยูนิทที่สองหลังจาก Casino Royale และ Skyfall
ผลงานของเขาในฐานะผู้กำกับยูนิทที่สอง ผู้โด่งดังจากซีเควนซ์ไล่ล่าทางรถยนต์ไฮอ็อกเทนและซีเควนซ์แอ็กชัน ได้แก่ Speed และ Speed 2, Twister, Gladiator, Hannibal, Black Hawk Down, The Bourne Identity, XXX, The Italian Job, Hidalgo และ Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl นอกจากนี้ วิทท์ยังได้ทำงานเป็นผู้กำกับยูนิทที่สองใน Prince of Persia: The Sands of Time, Robin Hood, The Town, Fast and Furious 5, X-Men: First Class และ Safe House ล่าสุด เขาทำหน้าที่ผู้กำกับยูนิทที่สองในภาพยนตร์ปี 2015 เรื่อง Cinderella และ Terminator Genisys
คริส คอร์บูลด์ (ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายสเปเชียล เอฟเฟ็กต์/ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายพาหนะ/ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายเอฟเฟ็กต์งานจำลอง)
คริส คอร์บูลด์ ได้ทำการดูแลสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ในหนังบอนด์เจ็ดเรื่องก่อนหน้านี้ และเขาก็ได้ทำงานในแผนกสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ของการผจญภัยของ 007 มาแล้วสิบสี่ครั้ง
ผลงานในหนังบอนด์ของเขาเริ่มต้นในปี 1977 ที่เขารับตำแหน่งช่างเทคนิคใน The Spy Who Loved Me หลังจาก Moonraker เขาก็เริ่มไต่เต้าขึ้นไปเรื่อยๆ และได้รับการเลื่อนขั้นเป็นช่างเทคนิคอาวุโสใน For Your Eyes Only และ A View To A Kill ก่อนที่จะทำหน้าที่ผู้ดูแลฟลอร์ใน The Living Daylights และซูเปอร์ไวเซอร์ยูนิทที่สองใน Licence To Kill ในปี 1995 เมื่อบรอสแนนได้รับบทบอนด์ใน GoldenEye เขาก็ได้ทำงานเป็นซูเปอร์ไวเซอร์เป็นครั้งแรกและนับตั้งแต่นั้น เขาก็เป็นผู้รับผิดชอบสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ในหนังบอนด์ทุกเรื่อง คอร์บูลด์และทีมงานของเขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลบาฟต้าจากผลงานของพวกเขาใน GoldenEye, Casino Royale และ Quantum of Solace ล่าสุด เขาได้รับรางวัลออสการ์จากผลงานของเขาในภาพยนตร์โดยคริส โนแลนเรื่อง Inception นอกจากนั้น ในฐานะซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ คอร์บูลด์ยังได้ทำงานเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายเอฟเฟ็กต์จำลอง และผู้กำกับเสริมยูนิทที่สองใน Skyfall อีกด้วย
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่น่าประทับใจของคอร์บูลด์ในตำแหน่งซูเปอร์ไวเซอร์ได้แก่ The Mummy, Lara Croft Tomb Raider, Tomb Raider: Cradle of Life, X-Men: First Class, ภาพยนตร์โดยคริสโตเฟอร์ โนแลนเรื่อง Batman Begins, The Dark Knight และ Dark Knight Rises และล่าสุด Star Wars Episode VII: The Force Awakens ในปีนี้ ปัจจุบัน เขากำลังอยู่ระหว่างการทำงานใน Star Wars Episode VIII
คริสได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์โอบีอีจากสมเด็จพระราชินีนาถในโอกาสปีใหม่ปี 2014 จากคุณูปการที่เขามีต่อภาพยนตร์
แกรี พาวเวลล์ (ผู้ประสานงานฝ่ายสตันท์)
แกรี พาวเวลล์ กลับมาทำงานในหนังเจมส์ บอนด์เรื่องที่สี่ของเขาในตำแหน่งผู้ประสานงานฝ่ายสตันท์ ใน Casino Royale ทีมสตันท์ได้ทำลายสถิติกินเนส บุ๊คสำหรับ ‘Most Cannon Rolls In a Car’ และได้รับรางวัลเวิลด์ สตันท์ อวอร์ดสาขา ‘สตันท์ความสูงที่ดีที่สุด’ และตัวพาวเวลล์เองก็ได้รับรางวัลเวิลด์ สตันท์ อวอร์ดสาขา ‘ผู้ประสานงานฝ่ายสตันท์ยอดเยี่ยม’ อีกด้วย ก่อนหน้านี้ เขาเคยเป็นสตันท์แมนมาก่อนใน GoldenEye, Tomorrow Never Dies และ The World is Not Enough
พาวเวลล์เกิดในครอบครัวสตันท์แมนและเขาก็ได้แสดงฉากผาดโผนครั้งแรกตอนอายุ 11 ในภาพยนตร์ Carry On เรื่องหนึ่ง ผลงานเรื่องอื่นๆ ของเขาหลังจากที่เขาไต่เต้าขึ้นมาถึงตำแหน่งผู้ประสานงานฝ่ายสตันท์ได้แก่ Titanic, Braveheart, Saving Private Ryan, Terminator 3, Alexander, The Legend of Zorro, Bourne Ultimatum, ภาพยนตร์โดยสปีลเบิร์กเรื่อง Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull และล่าสุด The Amazing Spiderman 2, Dawn Of The Planet Of Apes และ Tracers
ปัจจุบัน เขากำลังอยู่ระหว่างการทำงานในตำแหน่งผู้ประสานงานฝ่ายสตันท์ในซีเควล Bourne ภาคต่อไป
เด็บบี้ แม็ควิลเลียมส์ (ผู้กำกับฝ่ายคัดเลือกนักแสดง)
เด็บบี้ แม็ควิลเลียมส์ ทำหน้าที่คัดเลือกนักแสดงมาในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์สิบสองเรื่องก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ For Your Eyes Only, Octopussy, A View To A Kill, The Living Daylights, GoldenEye, Tomorrow Never Dies, The World Is Not Enough, Die Another Day, Casino Royale, Quantum of Solace, Skyfall และ SPECTRE
ผลงานภาพยนตร์ที่น่าประทับใจเรื่องอื่นๆ ของเธอได้แก่ Superman I และ II, American Werewolf In London, Spies Like Us, Henry V, My Beautiful Launderette, Personal Services, Monty Python’s Meaning Of Life, Othello, Centurion, Jackboots on Whitehall, Up There, Take Down และ Stratton ที่กำลังจะเข้าฉาย ปัจจุบัน เธออยู่ระหว่างการทำงานกับมาร์ติน แคมป์เบล ผู้กำกับ Casino Royale ในภาพยนตร์เรื่อง The Foreigner
แดเนียล ไคลน์แมน (ผู้ออกแบบเมน ไตเติล)
แดเนียล ไคลน์แมน ได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในผู้กำกับที่โด่งดังที่สุดในแวดวงโฆษณา เขาได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในฐานะผู้กำกับโฆษณาที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในโลกและได้รับรางวัลสูงสุดของวงการมากมาย เขาได้รับการโหวตให้เป็นผู้กำกับโฆษณาแห่งทศวรรษ
หลังจากฮอมซีย์ อาร์ต สคูล แดเนียลก็ได้ทำงานเป็นนักวาดภาพประกอบ และได้ร่วมทำงานสตอรีบอร์ดกับผู้กำกับ ที่ทำงานในแวดวงมิวสิค วิดีโอ ที่เพิ่งเกิดใหม่ นำไปสู่มิวสิค วิดีโอเพลงแรกของเขาในปี 1983
แดเนียลเป็นผู้บุกเบิกการใช้สเปเชียล เอฟเฟ็กต์ในขั้นตอนโพสต์ โปรดักชันในช่วงการกำกับวิดีโอกว่า 100 เพลงในยุค 80s ตั้งแต่ยุค 90s แดเนียลก็ทุ่มเทให้กับการโฆษณา นอกจากนี้ เขายังได้กำกับดรามาทางโทรทัศน์ และได้รับการเสนอชื่อชิงบาฟต้าและได้รับรางวัลกุหลาบที่มอนโทรซ์ นอกจากนี้ เขายังได้สานต่องานของมอริซ บินเดอร์ ในการสร้างซีเควนซ์ไตเติลสำหรับภาพยนตร์เจมส์ บอนด์อีกด้วย
ในปี 2006 แดเนียลได้ก่อตั้งแรททลิง สติ๊ค ในปี 2012 บริษัทแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทโปรดักชันอันดับหนึ่งของอังกฤษเป็นครั้งที่สี่ในรอบห้าปี ในปี 2013 แรททลิง สติ๊คได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทโปรดักชันที่ดีที่สุดแห่งปีจากนิตยสารแคมเปญเป็นครั้งที่สามและในช่วงปลายปี 2014 บริษัทแห่งนี้ก็ติดอันดับหนึ่งในโพลล์เทเลวิชวล เพียร์เป็นปีที่หกติดต่อกัน
สตีฟ เบ็กก์ (ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์)
ตั้งแต่อายุน้อยๆ สตีฟ เบ็กก์ก็ชื่นชอบสเปเชียล วิชวล เอฟเฟ็กต์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากซีรีส์ของเกอร์รี แอนเดอร์สัน (“Thunderbirds”, “Captain Scarlet”, “Space 1999”)หลังจากนั้น พอจบจากโรงเรียน สตีฟ เบ็กก์ก็ไปทำงานให้กับแอนเดอร์สัน หลังจากทำให้เขาประทับใจกับเอฟเฟ็กต์สมัครเล่น 16 มม. เบ็กก์ได้ทำงานเป็นผู้กำกับฝ่ายเอฟเฟ็กต์ในซีรีส์หลายเรื่องของแอนเดอร์สัน ประสบการณ์ของเขากับแอนเดอร์สันทำให้เขาได้ร่วมงานกับดีเร็ค เมดดิงส์ ปรมาจารย์ด้านวิชวล เอฟเฟ็กต์ของบอนด์ (Live And Let Die , GoldenEye) และได้ทำงานเป็นช่างเทคนิคคนหนึ่งของเขาในภาพยนตร์โดยทิม เบอร์ตันเรื่อง Batman
หลังจากนั้น เบ็กก์ก็ได้ทำงานควบคุมวิชวล เอฟเฟ็กต์ตามลำพังใน Lost In Space, Lara Croft, Tomb Raider 1 และ 2, Batman Begins และ Golden Compass และล่าสุด Kingsman: The Secret Service เขาได้ทำความฝันในวัยเด็กให้เป็นจริงด้วยการได้ทำงานในภาพยนตร์บอนด์เริ่มต้นจากงานดิจิตอล เอฟเฟ็กต์ใน GoldenEye ก่อนที่ท้ายที่สุดจะได้เป็นซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์และของจำลองใน Casino Royale และ Skyfall
เกร็ก วิลสัน (ผู้ช่วยอำนวยการสร้าง)
เกร็ก วิลสันเป็นลูกชายคนเล็กของผู้อำนวยการสร้างไมเคิล จี. วิลสัน และหลานชายของอัลเบิร์ต อาร์.บร็อคโคลี อดีตผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์บอนด์ผู้ล่วงลับ เขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในปี 2001 ในสาขาฟิสิกส์และประพันธ์ดนตรี งานแรกของเกร็กในแฟรนไชส์บอนด์คือการเป็นผู้ช่วยของคอมโพสเซอร์เดวิด อาร์โนลด์ใน The World is Not Enough ใน Die Another Day ซึ่งเป็นภาพยนตร์บอนด์เรื่องถัดมา หน้าที่ของเขารวมถึงการพัฒนา การเป็นผู้ช่วยงานสร้างและการออกแบบเสียง
ตลอดหลายปีหลังจากนั้น เกร็กก์ได้ทำงานเป็นนักออกแบบเสียงฟรีแลนซ์ในภาพยนตร์ โฆษณาและวิดีโอเกม รวมไปถึงงานเขียนบทและพัฒนาบทด้วย หลังจากที่ได้ร่วมงานกับมือลำดับภาพ สจวร์ต เบิร์ดในฐานะผู้ช่วยลำดับภาพใน Casino Royale เขาก็เข้าทำงานกับอีออน โปรดักชันส์เต็มเวลา นับตั้งแต่นั้นมา เขาก็ได้ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างใน Quantum of Solace และผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างใน Skyfall
เจย์น-แอน เทนเกรน (ผู้ช่วยอำนวยการสร้าง)
ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา เจย์น-แอน เทนเกรน ได้ทำงานทั่วโลกในฐานะซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายบทฟรีแลนซ์และล่าสุด เธอก็ได้ทำหน้าที่ผู้ช่วยอำนวยการสร้างในภาพยนตร์เรื่อง Extremely Loud & Incredibly Close และ SPECTRE
เธอได้ทำงานในภาพยนตร์กว่า 60 เรื่อง โดยเน้นการร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับผู้กำกับ มือเขียนบทและฝ่ายพัฒนาบท เธอเริ่มต้นการร่วมงานกันที่ยาวนานสิบห้าปีกับผู้กำกับแซม เมนเดสด้วย Road To Perdition ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอได้แก่ Skyfall, Away We Go, Revolutionary Road, Jarhead, Blood Diamond, The Last Samurai, Star Wars (Episodes I, II และ III), Boogie Nights และ Sleepy Hollow
เธอได้ศึกษาด้านละครเวทีและภาพยนตร์ในอังกฤษ และย้ายไปอเมริกาในปี 1988 ที่ซึ่งเธอได้ทำงานในแวดวงสื่อสิ่งพิมพ์ชั่วคราว และได้เป็นตากล้องข่าวโทรทัศน์ ก่อนที่จะขยับขยายสู่งานสร้างภาพยนตร์
สจวร์ต วิลสัน (ผู้ผสมเสียงงานสร้าง)
ตั้งแต่อายุน้อย สจวร์ต วิลสันก็สนใจในเรื่องเสียงอยู่แล้ว เขารู้สึกสนใจภาพยนตร์ตั้งแต่เป็นวัยรุ่น และความสามารถในเรื่องออดิโอของเขาก็ทำให้เขาได้ฝึกงานที่สก็อตติช ฟิล์ม ออฟฟิศและได้เข้าร่วมเนชันแนล ฟิล์ม แอนด์ ทีวี สคูล นับตั้งแต่ปี 1992 สจวร์ตก็ได้ทำงานในภาพยนตร์หลากหลายในฐานะผู้บันทึกเสียงและผู้ผสมเสียงกับผู้กำกับที่หลากหลายอย่างไมเคิล วินเทอร์บอททอม, เบอร์นาโด้ แบร์โตลุชชี, เดวิด โครเนนเบิร์ก, เฟอร์นันโด เมอเรลเลส, โซเฟีย คอปโปลา, เดวิด เยทส์ ในสามภาคสุดท้ายของ Harry Potter และสปีลเบิร์กใน War Horse ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์และบาฟต้า อวอร์ด ล่าสุด เขาได้รับหน้าที่ผู้ผสมเสียงงานสร้างในภาพยนตร์เรื่อง Cinderella, Macbeth และ Star Wars Episode VII – The Force Awakens สำหรับ Skyfall วิลสันได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์สาขาผสมเสียง และรางวัลบาฟต้าสาขาเสียงยอดเยี่ยม
SPECTRE, 007 Gun Logo and related James Bond Trademarks © 1962-2015 Danjaq, LLC and United Artists Corporation. SPECTRE, โลโก้ปืน 007 และเครื่องหมายการค้าเจมส์บอนด์ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของแดนแจ็ค, แอลแอลซี สงวนลิขสิทธิ์