LDC วางเป้าปี 58 ขยายเพิ่ม อีก 10 สาขา พร้อมเปิด สาขาต่างจังหวัดครั้ง แรก
LDC เปิดเกม รุก ประกาศเดินหน้าขยายสาขา ทุกช่องทาง ตั้งเป้าปี 58 ขยาย เพิ่มอีก 10 สาขา ใช้งบลงทุนสาขาละประมาณ 10 ล้านบาท จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 21 สาขา ครอบคลุมเขตพื้นที่ กรุงเทพและปริมณฑล ล่าสุด เตรียมประเดิมเปิดสาขา ต่างจังหวัดที่อุบลฯ-นครพนม-มุกดาหาร ระบุพร้อมเซ็นสัญญาและจะเริ่มให้บริการใน Q2/58 “ทันตแพทย์ วัฒนา ชัยวัฒน์” เอ็มดี มั่นใจทิศทางธุรกิจทันต กรรมปีหน้าสวย
ทันตแพทย์ วัฒนา ชัยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC ผู้ให้ บริการศูนย์ทันตกรรม ทันตแพทย์เฉพาะทางในนาม ศูนย์ทันตกรรม แอลดีซี เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทฯ มีแผนเปิดสาขาในทุกช่อง ทาง หลังจากปี 2557 เดินหน้า ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และเตรียมเปิดสาขาล่าสุด ที่ศาลายา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2557 นี้ ส่งผลให้ปี 2557 บริษัทฯ จะมีสาขารวมอยู่ทั้งสิ้น 21 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ใน เขตกรุงเทพและปริมณฑล
ทั้ง นี้ การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุน การเติบโตของรายได้ และกำไรที่แข็งแกร่งในอนาคต โดยล่าสุด บริษัทฯ เซ็นสัญญาซื้อที่ดินในจังหวัดอุบลราชธานี , เช่า ที่ดินในจังหวัดนครพนม และเช่าที่ดินในจังหวัด มุกดาหาร ซึ่งสัญญาเช่าที่ดินเป็นสัญญาระยะยาว 20 ปี เพื่อเตรียมเปิดศูนย์ทันตกรรมในนาม LDC Dental เพิ่มเติมอีกเป็นสามสาขาแรกที่นำร่องในต่างจังหวัด โดยทั้งสามสาขาจะเริ่มก่อสร้างในต้นปีหน้า และสามารถเปิดให้บริการใน ช่วงต้นไตรมาส 2/2558 พร้อมกัน นี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างพูด คุยเพื่อขยายสาขาเพิ่ม เติมอีกในหลายๆ พื้นที่เขตต่างจังหวัด อาทิ อุดรธานี ขอนแก่น หาดใหญ่ และเชียงใหม่ สนับสนุนเป้าหมายการขยาย สาขาใหม่ปี 2558 เพิ่มเติม อีก 10 สาขา คาดว่าใช้งบลงทุนสาขาละประมาณ 10 ล้าน บาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการ เพิ่มอัตราการเข้าใช้ บริการของลูกค้าในสาขา เดิมที่มีอยู่ให้ถี่ขึ้น จึงเชื่อว่าปัจจัยดัง กล่าวนี้จะสนับสนุนให้ผล ประกอบการในปี 2558 ของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ใน ช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ วางเป้าหมายจะขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 5 สาขา ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ สาขารามอินทรา กม.10 , สาขาศาลายา และล่าสุดที่ต่างจังหวัด อีก 3 สาขา คือ อุบลราชธานี นครพนม และมุกดาหาร ซึ่งการเปิดสาขาใหม่จะทำให้บริษัทฯ มีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่ม ขึ้นในช่วงแรก แต่จะสร้างการเติบโตของ รายได้และกำไรที่ดีใน อนาคต นอกจากนี้ ในปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 10 สาขา โดยพิจารณาเลือกพื้นที่ ตามทำเลที่เหมาะสม ซึ่งเราก็มองพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน รวมทั้งในขอบจังหวัดชายแดนเพื่อให้กลุ่มผู้ใช้บริการในประเทศเพื่อนบ้าน สามารถเข้ามาทำฟันที่ LDCได้ ส่วนการขยายสาขาในประเทศ เพื่อนบ้าน และการซื้อกิจการผู้ ประกอบการรายอื่นมาบริหาร ภายใต้ LDC นั้น บริษัทฯ ก็ได้ศึกษาและพูดคุยอย่าง ต่อเนื่อง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลา หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้นักลงทุนและผู้ถือหุ้นรับทราบอย่างใกล้ชิด โดยบริษัทฯ พิจารณาการลงทุนจากความคุ้มค่าและผลตอบแทนที่ได้รับเป็นสำคัญ เพื่อสร้างการเติบโตที่ดี ที่สุดต่อไป” ทันตแพทย์วัฒนา กล่าว
ทันตแพทย์ วัฒนา กล่าวต่อว่า ภาพรวมธุรกิจทันตกรรมใน ช่วงต่อจากนี้มีแนวโน้ม เติบโตที่ดีในอนาคต เนื่องจากปัจจุบัน คนเริ่มให้ความสำคัญ เรื่องการดูแลสุขภาพของ ช่องปากและการตกแต่งเพื่อ ความสวยงามมากขึ้น รวมทั้ง การเติบโตของประชากรและผู้สูงอายุอายุที่เพิ่มขึ้น สนับสนุนให้ธุรกิจการ บริการด้านทันตกรรมมีความ สำคัญและเติบโตได้อีกมาก นอกจากนี้ จากการเปิด AEC ในปี 2558 จะทำให้ ธุรกิจด้านสุขภาพของคนไทย ได้รับประโยชน์ เนื่องจากการบริการด้าน ทันตกรรมในประเทศไทยได้ รับความนิยมจากต่างชาติ อยู่แล้ว จึงเป็นอีกปัจจัยสนับสนุน ให้ LDC ในฐานะผู้นำทาง ธุรกิจด้านทันตกรรมเพียง รายแรกและรายเดียวใน ปัจจุบัน ที่จดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์ฯ มีความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ บริหารงานอย่างมืออาชีพ และให้ความสำคัญในการ รักษาและการบริการที่เป็น มาตรฐานระดับสากลจนเป็น ที่ยอมรับจากผู้ใช้บริการ มาโดยตลอด สามารถขยายการเติบโตในทุก ช่องทางเพื่อรองรับการให้ บริการที่ครอบคลุมทุก พื้นที่เป้าหมาย สร้างการเติบโตให้บริษัทฯ อย่างมั่นคงในอนาคต
สำหรับ ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2557 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 87.41 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากงวดเดียว กันของปีก่อนอยู่ที่ 88.21 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 5.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกัน ของปีก่อนอยู่ที่ 1.34 ล้านบาท คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น กว่า 300% สาเหตุหลักมา จากบริษัทฯ มี ต้นทุนทางการเงินลดลง จากการชำระคืนเงินกู้ยืม ระยะยาวจากสถาบันการเงิน จำนวน 13 ล้านบาท ทำให้ลดต้นทุนในเรื่อง ภาระดอกเบี้ยจ่ายลงจากงวด เดียวกันของปีก่อน ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนแรก ของปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 260.63 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 9.12 ล้านบาท
