ตุ๊กตา เราต้องเอาไปทิ้งซะ
-มีอา
มีการรายงานว่าตุ๊กตาแอนนาเบลล์ของจริงถูกซื้อมาจากร้านขายของถูก เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดของนักศึกษาวิทยาลัยคนหนึ่งเมื่อปี 70 เธอสร้างความทรมานให้เจ้าของและเคลื่อนที่ได้เอง เขียนข้อความบนกระดาษ โกหกเกี่ยวกับตัวตนของเธอ ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด และเล่ากันว่าทำให้คนตายอย่างน้อย 1 คน ตอนนี้แอนนาเบลล์อยู่ที่ตู้กระจกในพิพิธภัณฑ์เก็บของลึกลับของวอร์เรนในคอนเนคติคัท ด้านหลังมีสัญลักษณ์ที่บอกว่า “คำเตือน: ห้ามเปิดออกเด็ดขาด”
การถ่ายทอดเรื่องราวตุ๊กตาของวานบนจอภาพยนตร์ครั้งแรกในเรื่อง “The Conjuring” มีการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน “ความสำคัญอยู่ที่เธอต้องดูคล้ายกับมนุษย์” เขากล่าว “ผมว่านั่นเป็นการเล่นกับความรู้สึกที่สร้างความหวาดผวาให้กับหนัง เวลาที่เราเห็นเธออยู่บนเก้าอี้หรือตรงมุมห้อง เราต้องกลับไปมองอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่า ‘อ๋อ นั่นไม่ใช่คน ตุ๊กตาต่างหาก’“
สำหรับการกลับมาของตุ๊กตาในเรื่อง “Annabelle” ศิลปินทางตอนเหนือของแคโรไลนาคนเดิมที่เคยสร้างโมลด์อันเดียวกับที่วานเคยใช้ใน “The Conjuring” ได้สร้างแอนนาเบลล์เพิ่มขึ้นมา 2 แบบ ซึ่งแต่ละแบบจะมีความโดดเด่นมาก ตุ๊กตาตัวแรกดูใหม่และใสซื่อซึ่งผู้ชมจะเห็นตอนที่จอห์นให้เธอเป็นของขวัญ ส่วนตัวที่ 2 จะดูอมทุกข์ขึ้น และใช้ในการเล่าเรื่องเหตุการณ์เหนือธรรมชาติในหนัง เมื่อปีศาจคืบคลานมากขึ้น สีผิวของเธอก็ยิ่งเข้มขึ้นและแววตาของเธอจะสะท้อนถึงความชั่วร้ายและการสิงอยู่ในร่างออกมา
ลีโอเน็ตติรู้สึกประทับใจในรายละเอียดชวนหลอนของตุ๊กตาแอนนาเบลล์ตัวใหม่ “ก่อนที่จะได้พบตุ๊กตาแอนนาเบลล์ในเรื่อง ‘The Conjuring’ ผมคิดว่า ‘ก็แค่ตุ๊กตา แล้วไงหรอ?’ แต่พอผมได้พบกับเธอ เธอมีขนาดเท่ากับเด็กตัวเล็กๆ ที่จะเหวี่ยงเราออกไปได้ และเวลาที่เธอจ้องเราก็เหมือนเธอจ้องมาที่เราจริงๆ แต่การได้เห็นความเปลี่ยนแปลงจากที่เธอสวยกลายเป็นสยองมันยิ่งชวนกลัวมากขึ้น”
วอลลิสต้องเข้าฉากกับแอนนาเบลล์บ่อยสุดเล่าว่า “เธอน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูกค่ะ เพราะเราแทบไม่คาดคิดไม่ถึงเลย เมื่อมองเธอจะเห็นเธอเป็นสัญลักษณ์ของความดีและความไร้เดียงสา แต่ในตัวเธอมีบางอย่าง…เธอคือตัวอันตรายเลยค่ะ”
“ผมเห็นเธอครั้งแรกบนเก้าอี้แต่งหน้า ผมต้องกลับไปมองอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่มีชีวิตจริงๆ และไม่เคลื่อนไหว…ผมไม่แน่ใจเลยว่ายังไงกันแน่” ฮอร์ตันกล่าวพร้อมหัวเราะ ทุกครั้งที่ตุ๊กตาแอนนาเบลล์มาถึงในฉากจะเหมือนกับมีดาราสำคัญเดินทางมาถึง มีทั้งเสียงซุบซิบพึมพำดังมาจากทีมงานและนักแสดง “เราต้องรอเธอในฉากหลายครั้ง เธอคือนักแสดงคนหนึ่งในฉากเลยครับ แถมเธอยังเป็นตัวจุดความกลัวขึ้นมาด้วย ผมอยู่กับเธอทีไรอึดอัดทุกที” เขากล่าว
วูดาร์ดอธิบายถึงตุ๊กตาว่า “น่ากลัวมากครับ ผมสะดุ้งในฉากตั้งหลายครั้ง เพราะเธอนั่งอยู่ตรงนั้นและทำให้ผมตกใจ”
“เธอทำให้ผมหลอนมาก” อเมนโดลากล่าว เขาต้องเข้าฉากที่ทรมานร่วมกับเธอด้วย
“ผมไม่สนว่าคุณจะเป็นคนขี้สงสัยยังไง คือถ้ามีใครเสนอให้ต๊กตาแอนนาเบลล์มานอนในบ้าน คุณแทบจะปฏิเสธอย่างไม่ลังเลเลยล่ะ” ซาฟรานยิ้ม “แอนนาเบลล์ยังสร้างความหวาดกลัวให้ทุกคนอยู่ ผมคิดเสมอว่าต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแน่ถ้าเธอมาอยู่ใกล้ๆ”
อันที่จริงมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นกับนักแสดงและทีมงานระหว่างการถ่ายทำด้วย
คืนที่พวกเขาถ่ายฉากบุกรุกเข้าไปในบ้าน ผู้เขียนบทฯ ดาวเบอร์แมนเล่าถึงเรื่องประหลาดให้ฟังว่า “พวกลัทธิที่เสาะแสวงหาปีศาจในพิธีการบูชาเลือดโดยการกล่าวคาถา ฉากนั้นจะดูมีพลัง โหดเหี้ยม รุนแรง เราถ่ายเสร็จกันราวตี 5 ครึ่ง พอผมตื่นขึ้นมาอีกทีช่วงบ่าย เพดานข้างบนด้านขวาในห้องนอนผมก็มีตัวอักษรเด่นขึ้นมาเหมือนตัว A เป็นไปได้มั้ยว่าแสงอาทิตย์จะสะท้อนให้ตะเกียงดับ? แน่นอนเลย แล้วผมก็ไม่เคยเห็นอีก มันทำให้ผมตกใจมากครับ”
ฮอร์ตันยืนยันว่าสิ่งที่เขาเชื่อเป็นเรื่องที่ตามหลอนเขาจากในฉากไปจนถึงอพาร์ทเมนท์ที่เขาเช่าพักชั่วคราวระหว่างที่เขาไม่อยู่บ้านในนิวยอร์ค ข้าวของหายไปและโผล่มาอยู่ในที่ๆ เขาไม่ได้วางไว้ และในช่วงคืนแรกๆ โต๊ะเครื่องแป้งล้มจากผนังห้องเสียงดัง และก็เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ยึดเอาไว้แล้ว “ชัดเจนว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหนังเรื่องนี้” ฮอร์ตันกล่าว
ยังมีเรื่องหนึ่งที่เกิขดึ้นในฉากอพาร์ทเมนท์ของมีอาและจอห์นในช่วงวันแรกที่ทำให้ทุกคนต้องถึงกับหลบ ระหว่างถ่ายทำฉากเรื่องประหลาดเหนือธรรมชาติที่มีพลังต่างๆ กระจกบานใหญ่ของบ้านก็หลุดหล่นลงพื้นแตก
ลีโอเน็ตติยังสังเกตรอยขีดข่วนที่ปรากฏบนหน้าต่างชั้น 8 ของด้านนอกตึก Langham มันดูเหมือนรอยเล็บขูดกระจก “มันค่อนข้างกวนใจอยู่ เพราะตุ๊กตาแอนนาเบลล์ก็จะขีดข่วนเหยื่อแบบนั้นเหมือนกัน” ผู้กำกับฯ อธิบายว่า “ทุกคนแบ่งกันดูภาพถ่ายเพราะไม่มีใครเชื่อพวกเขา และผมเชื่อว่าเป็นเพราะมันทำให้พวกเขากลัวตัวสั่นเลยไม่มีใครอยากเชื่อ แต่ผมเชื่อ”
ฉันได้ยินเสียงร้องจากข้างบ้าน ฉันว่าต้องมีอะไรแน่
-มีอา
การถ่ายทำในเรื่อง “Annabelle” ใช้สถานที่จริงทั้งในและโดยรอบลอสแองเจลิส ซึ่งลีโอเน็ตติเลือกที่นั่นถ่ายทำเกือบทุกฉาก
สำหรับการถ่ายทำฉากยุค 70 ลีโอเน็ตติต้องอาศัยผู้กำกับภาพ เจมส์ คีสต์ “จิมมี่เป็นคนมีพรสวรรค์มากครับ เขาเป็นคนใจกว้างพอที่ให้ผมเติมความคิดตัวเองเข้าไป เขายอมรับความคิดของผมและความรู้สึกของผมมากพอจนทำให้มันเป็นรูปร่างขึ้นมาได้” เขากล่าว
พวกเขาเลือกที่จะเลี่ยงสีสันฉูดฉาดเพื่อช่วยให้ได้ลุคของหนังปี 70 มีการถ่ายภาพทดสอบเพื่อหาว่าสีไหนเหมาะกับการถ่ายทำและมีการปรับแต่งสีให้ได้แบบนั้น โทนสีโดยรวมเริ่มจากสีสันแนวพีเรียด แต่พวกเขาตั้งใจตั้งแต่แรกว่าให้มีการสื่อถึงความเป็นอมตะ ทั้งลีโอเน็ตติและผู้ออกแบบฉาก บ็อบ ซีมบิคกี้ โตขึ้นที่ลอสแองเจลิสในยุค 70 และต่างมีแหล่งอ้างอิงโดยส่วนตัวสำหรับเรื่องความงามขั้นพื้นฐาน ในความเป็นจริงแล้วแรงบันดาใจสำหรับภายในบ้านของฟอร์มที่มีอาและจอห์นเริ่มต้นชีวิตคู่อันแสนสุขมาจากบ้านของพ่อลีโอเน็ตติเอง “เราใช้เป็นมาตรฐานและก็เริ่มจากตรงนั้นเลยครับ” ซีมบิคกี้กล่าว
บ้านฟอร์มเป็นฉากหนึ่งที่มีความเข้มข้นมากในเรื่อง ทั้งในแง่ “ความน่ากลัว” และแง่ของเทคนิคที่ยุ่งยาก การบุกรุกเข้ามาในบ้านเริ่มจากมีอากับจอห์นอยู่บนเตียง มีอาตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงร้องและมองไปที่หน้าต่าง จะเห็นภาพเหมือนผู้ชมมองไปยังข้างนอกที่บ้านข้างๆ ท่ามกลางการโจมตีครั้งแรกของเหล่าลัทธิ จากนั้นกล้องจะกลับมาที่บ้านของฟอร์มที่โดนลัทธิจู่โจมมายังมีอาที่กำลังตั้งครรภ์อยู่
ลีโอเน็ตติต้องการทำสิ่งที่รู้กันในฉากว่าเป็น “one-r” ซึ่งเป็นฉากหนึ่งที่ถ่ายทำเทคเดียวด้วยกล้องตัวเดียว ผู้กำกับฯ หล่อหลอมหลายคนให้เป็นตากล้อง ลีโอเน็ตติอธิบายว่า “ผมอยากดึงความสนใจของผู้ชมและพาพวกเขาไปด้วยกัน เหมือนพวกเขาเป็นคนที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงและได้ยินเสียงคนร้อง พาพวกเขาไปอยู่ท่ามกลางความโกลาหลที่รุนแรง ซึ่งการทำแบบนั้นเราต้องมีการกำหนดโทนเรื่องและข้อเดิมพันของหนังทั้งเรื่องให้ดูสมจริงและออกมาจากภายใน”
ทีมผู้ออกแบบฉากได้สร้างฉากห้องนอนของเพื่อนบ้านขึ้นมา ทุกอย่างเริ่มต้นจากที่นั่น ในสวนด้านหลังของบ้านฟอร์ม ทีมเอ็ฟเฟ็กต์ต้องร่วมงานกับลีโอเน็ตติ ทีมตากล้อง และนักแสดงของพวกเขาตามลำดับ “เราต้องให้ทุกคนมีการประสานกันทุกช่วงจังหวะ แต่หากเราทำได้มันก็คุ้มค่ามากนะ” ผู้กำกับฯ กล่าว
ลีโอเน็ตติใช้ MoVI สำหรับการถ่ายฉากช็อตเดียวที่มีความซับซ้อน เขาอธิบายว่า “มันเป็นฉากลองเทค ทั้งกล้อง steady cam หรือกล้องแฮนด์เฮลด์ก็เก็บภาพทั้งหมดไม่ได้ ด้วยเทคโนโลยี MoVI เราจะได้สิ่งที่ดีที่สุดทั้ง 2 ด้าน คือกล้องจะอยู่ด้านบนคล้ายกับ steady cam และถ้าเราล็อคที่ยึดไว้ด้วยข้อศอก เราก็จะได้ภาพที่ตายตัวเหมือนกล้องแฮนด์เฮลด์”
“จอห์นชอบพูดว่า ‘ไอเดียดีชนะเลิศ’ และเขาก็หมายถึงแบบนั้นจริงๆ” วานกล่าว “เราเข้าใจตรงกันว่าจะเล่นกับความเครียดทางจิตใจจากตรงไหนและสร้างความรู้สึกนั้นขึ้นมา แต่ ‘one-r’ เป็นเทคนิคของจอห์นและมันก็ทำให้ผู้ชมเกิดความกลัวมากขึ้นจริงๆ”
ลีโอเน็ตติก้าวออกมาจากเก้าอี้ผู้กำกับฯ และเก็บภาพฉาก ระหว่างที่คีสต์ควบคุมกล้อง B เพื่อครอบคลุมการถ่ายทำ
“มันท้าทายและน่าตื่นเต้นมากค่ะ” วอลลิสกล่าว “มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้น มีหลายอย่างที่ตื่นเต้น และทั้งหมดเกิดขึ้นในเทคเดียว เป็นการทำงานที่สนุกสนานมากค่ะ”
ฮอร์ตันเห็นด้วยว่า “ครั้งแรกที่ผมนั่งอยู่กับจอห์น เขาเล่าถึงวิธีการถ่ายทำของเขาในฉากที่โดนทำร้ายช่วงแรก ฟังแล้วเจ๋งมากครับ และพอมาถ่ายทำจริงก็ยิ่งเจ๋งมากขึ้นอีก”
ครัวในบ้านฟอร์มถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนดาดฟ้าที่เป็นโรงจอดรถสำหรับฉากที่มีดอกไม้ไฟ ตอนที่มีอาซึ่งกำลังตั้งครรภ์ต้องอยู่ในบ้านกับตุ๊กตาแอนนาเบลล์
กองถ่ายเก็บภาพอพาร์ทเมนท์ Langham ใน Korea Town เป็นส่วนใหญ่ของตารางถ่ายทำ ทีมงานของซีมบิคกี้ได้สร้างห้องเลี้ยงเด็กและห้องอื่นๆ ขึ้นมาในเพนท์เฮาส์อพาร์ทเมนท์ของฟอร์ม ในห้องใต้ดินของ Langham พวกเขาได้สร้างลิฟต์และที่เก็บของขึ้นมา รวมถึงที่ทำงานของคุณพ่อเปเรซและภายในร้านหนังสือของอีฟลินด้วย
ฉากต่างๆ มีรายละเอียดที่ซับซ้อน วอลลิสเล่าว่าจาเน็ต แอนแกรม ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายได้เลือกเสื้อผ้าที่ดูคลาสสิคมีความเป็นอมตะเพื่อสะท้อนตัวตนของมีอา “เสื้อผ้าช่วยให้เข้าใจมีอาได้มากขึ้น แม้แต่ท่าทางและการเคลื่อนไหวของเธอ” วอลลิสกล่าว เธอชอบเสื้อผ้าตัวละครของเธอมาก “แม้ว่ายุค 70 จะมีความโดดเด่นในเรื่องของแฟชั่น จอห์นอยากให้มีอาแตกต่างจากคนอื่น เธอเป็นคนสงบเสงี่ยมมีรสนิยมคล้ายชาวยุโรป จาเน็ตเลือกเสื้อผ้าที่มีความคลาสสิคได้อย่างดีเยี่ยม มีการรวมเสน่ห์แบบเกรซ เคลลี ในการครอบคลุมมีอามากพอสมควรกว่าคนที่ร่วมแสดงกับเธอในตอนนั้น”
หนังทุกเรื่องโดยเฉพาะหนังที่สร้างความกลัวให้ผู้ชมขั้นรุนแรง เพลงประกอบภาพยนตร์ของ “Annabelle” มีความสำคัญเป็นพิเศษมาก ลีโอเน็ตติขอความช่วยเหลือจากโจเซฟ บิชาร่าที่เคยแต่งเพลงให้เรื่อง “Insidious” และ “The Conjuring” ให้มาประพันธ์ดนตรี บิชาร่ามีความถนัดในเรื่องความหลอน ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรก เขาเคยประพันธ์เพลงให้หนังเรื่องก่อนของวานมาแล้ว “ผมรักโจครับ เขาเป็นคนน่าทึ่งและเป็นนักแต่งเพลงที่มีพรสวรรค์ ผมต้องพาตำนานให้เดินต่อไป” ลีโอเน็ตติกล่าว
วานเล่าว่า “ระหว่างที่พยายามเก็บบรรยากาศที่คุ้นเคยเอาไว้ จอห์นก็ใส่ความพิเศษและความสยองลงไปในหนังเรื่องนี้ด้วย เขาสร้างผลงานได้น่าทึ่ง ผมตื่นเต้นที่ผู้ชมจะได้เห็นมัน ‘Annabelle’ จะสร้างความกังวลปนหลอน และทั้งหมดนั้นจะทำให้เกิดความสนุกมาก”
ซาฟรานให้ความเห็นว่า “มันมีความกลัว การยกระดับเกิดขึ้นจริง จอห์นประคองมันไว้เรื่อยๆ จนกระทั่งความสยองทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมา มันตื่นเต้นถึงขีดสุดเลยล่ะ”
ลีโอเน็ตติกล่าวสรุปว่า “ผมหวังว่า ‘Annabelle’ จะทำให้คุณอินจนฝังเกาะติดความคิด จิตวิญญาณ และเลือดเนื้อของคุณ ถ้าเลือดลมของคุณเริ่มสูบฉีดและขนแขนลุกตั้งก็เท่ากับว่าเราสร้างผลงานได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว”
https://www.facebook.com/AnnabelleThailand