FB on October 20, 2014, 11:08:54 AM
“สหมงคลฟิล์ม” ส่ง “หนังทีมแดน” “The One Ticket ตัวพ่อ…เรียกพ่อ” มอบความสุข สนุกรับปีใหม่ 31 ธันวาคมนี้







           เดินหน้าถ่ายทำจนปิดกล้องไปพักใหญ่ และกำลังอยู่ระหว่างทำโพสต์โปรดักชั่นกันอย่างขะมักเขม้นสำหรับ “The One Ticket ตัวพ่อ...เรียกพ่อ” ภาพยนตร์ตลกอารมณ์ดีเรื่องล่าสุดของ “ค่ายสหมงคลฟิล์มฯ” ที่พร้อมวางโปรแกรมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขสนุกรับปีใหม่ให้กับผู้ชมชาวไทย 31 ธ.ค.นี้

          โดย “หนังทีมแดน” เรื่องนี้ นักแสดงหนุ่มมากความสามารถ “แดน-วรเวช ดานุวงศ์” ขอนั่งแท่นโปรดิวเซอร์อย่างเต็มตัว พร้อมดันเพื่อนสนิทที่เคยเป็นผู้ช่วยผู้กำกับของเขาจาก “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” (2555) และ “ฤดูที่ฉันเหงา” (2556) อย่าง “ปอย-ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา” ขึ้นรับหน้าที่ผู้กำกับภาพยนตร์เป็นเรื่องแรก
 
          งานนี้รับรองยิ้มแก้มปริไปกับความน่ารักน่าเอ็นดูของคู่พ่อลูก “แดน วรเวช” และนักแสดงดาวรุ่งรุ่นจิ๋ว “น้องยูเค-ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล” พร้อมฮาปนซึ้งไปกับมิตรภาพของผองเพื่อนสุดรั่วกันได้ทั้งครอบครัว 31 ธันวานี้แน่นอน ทุกโรงภาพยนตร์
« Last Edit: November 25, 2014, 01:55:33 PM by FB »

FB on November 13, 2014, 03:25:28 PM
“แดน วรเวช” ดันเพื่อนเลิฟ “ปอย ณภัทร” กำกับหนังเรื่องแรก “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” มั่นใจหนุกหนานแน่





           กำลังจะมีภาพยนตร์ตลกอารมณ์ดีเรื่อง “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” ออกฉายให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงกันในช่วงเทศกาลแห่งความสุขสนุกรับปีใหม่ 25 ธ.ค.นี้ ซึ่งงานนี้นักแสดงหนุ่มมากความสามารถ “แดน-วรเวช ดานุวงศ์” ขอเป็นป๋าดันเต็มที่ ส่งเพื่อนเลิฟเพื่อนซี้ที่เคยเป็นผู้ช่วยผู้กำกับของเขามาก่อนหน้านี้จาก “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” (2555) และ “ฤดูที่ฉันเหงา” (2556) อย่าง “ปอย-ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา” ขึ้นรับหน้าที่ผู้กำกับภาพยนตร์เป็นเรื่องแรก พร้อมการันตีหนังสนุกสนานถูกใจทุกเพศวัยอย่างแน่นอน

          “คือจริงๆ แล้วแรงบันดาลใจเรื่องนี้มาจากพี่ปอย (ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา) ผู้กำกับเลยนะครับ คือผมอยู่กับพี่ปอยมา ผมเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเขาหมด อย่างเวลาเขาขายงานผม อยากทำหนังเรื่องนู้นเรื่องนี้ ผมว่ามันยังไม่ใช่ นั่นก็ดาร์กไป นี่ก็ดิ่งไป ผมว่ามันไม่ใช่ตัวเขาซักทีครับ จนวันหนึ่งเขาพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพ่อลูกในความพยายามที่จะทำสิ่งเล็กๆ ที่หลายคนอาจมองข้ามไป สิ่งเล็กๆ ที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตของพ่อลูกคู่หนึ่งหรือหลายๆ คนไปได้เลย ผมรู้สึกว่านี่แหละคือตัวเขา มันต้องมีบางอย่างที่มาจากตัวเขา ผมก็เลยตัดสินใจให้พี่ปอยกำกับเรื่องนี้เองเลย เพราะผมทำงานกับพี่เขามานานมากตั้งแต่ยังไม่มีอะไร แชร์ความคิดกันตลอด คือแทบทุกชิ้นงานเบื้องหลังของผมจะมีเขาอยู่ข้างๆ เป็นผู้ช่วยผมตลอด วันนี้ผมรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะแสดงศักยภาพและความสามารถในการกำกับหนังดู คือเขาจะมีภาพในจินตนาการสูงมากครับ นั่นคือข้อดีที่ผมไม่ค่อยมี ซึ่งผมก็คิดว่าถ้าเขากำกับหนังเรื่องนี้มันคงได้สีสันที่มันฉูดฉาดขึ้นแล้วก็เปลี่ยนไปจากเดิมครับ และเมื่อเห็นชิ้นงานออกมาแล้ว ผมก็รู้สึกพอใจมากนะครับ ถือว่าเขาสอบผ่านเลย เพราะนี่เป็นเรื่องของเขา เป็นตัวตนในความเป็นพ่อของเขา ผสมผสานด้วยเรื่องราวความสนุกสุดเพี้ยนของแก๊งเพื่อนๆ ที่ไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ เรียกว่าไอ้แก๊งนี้รวมกันมันส์ฮา รับรองว่าสนุกสนานได้หัวเราะกันเต็มๆ รับปีใหม่แน่นอนครับ”

          “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” พร้อมฮาปนซึ้งไปกับมิตรภาพของผองเพื่อนสุดรั่วกันได้ทั้งครอบครัว 31 ธันวานี้แน่นอน ทุกโรงภาพยนตร์
« Last Edit: November 25, 2014, 01:56:17 PM by FB »

FB on November 24, 2014, 09:49:02 PM
Movie Guide: ทีเซอร์ “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ”









ทีเซอร์ The One Ticket - ตัวพ่อเรียกพ่อ (Official Teaser)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=l-UuKHjxfks" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=l-UuKHjxfks</a>

แดน เป็นยังไงในสายตา ตัวลูก #ตัวพ่อเรียกพ่อ
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=5LX9M3sbQDk" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=5LX9M3sbQDk</a>

          ปลายปีนี้ ตั๋วหนึ่งใบ เปลี่ยนตัวห่วย เป็นตัวพ่อ     
          พร้อมฮาปนซึ้งไปกับความรักของพ่อลูกตัวพ่อ
          และมิตรภาพของผองเพื่อนสุดรั่วกันได้ทั้งครอบครัว
          31 ธันวานี้แน่นอน ทุกโรงภาพยนตร์
« Last Edit: November 28, 2014, 03:14:26 PM by FB »

FB on November 26, 2014, 10:50:57 PM
“แดน วรเวช & เดอะ แก๊ง” “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” รวมทีมถ่ายโปสเตอร์สุดน่ารัก พร้อมส่งความสุขรับปีใหม่ 31 ธ.ค.นี้







ซิงโนไวท์ - เพลงประกอบภาพยนตร์ The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ [Official Lyric Video]
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=TuFFkfJnWi0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=TuFFkfJnWi0</a>

           กำลังจะฉายส่งความสุขให้กับผู้ชมทุกคนในเทศกาลปีใหม่นี้สำหรับภาพยนตร์ตลกอารมณ์ดีเรื่อง “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” ผลงานกำกับเรื่องแรกของ “ปอย-ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา” และควบคุมการสร้าง-แสดงนำโดย “แดน-วรเวช ดานุวงศ์” ซึ่งล่าสุดได้ปล่อยโปสเตอร์น่ารักสุดๆ ออกมาให้แฟนๆ ได้ชมกันแล้ว

          โดยเบื้องหลังการถ่ายทำในวันนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนานที่นานๆ จะได้มารวมแก๊งกันซะที ไม่ว่าจะเป็น “แดน วรเวช” “น้องยูเค-ด.ญ.ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล”, แอนนา ชวนชื่น, กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่, ใหม่ ไอน้ำ, โจอี้ เชิญยิ้ม, นาย เดอะคอมเมเดี้ยน (มงคล สะอาดบุญญพัฒน์) และ บ๊อบบี้ เน็ตไอดอลเสียงอีสาน (ธนาพร มณีพันธ์) ยิ่งงานนี้ได้มาร่วมภารกิจถ่ายภาพโปสเตอร์ร่วมกันอีกก็ยิ่งเฮฮาแบบตัวพ่อยกกำลังตัวพ่อมากขึ้นไปอีก

แดน วรเวชพูดถึงการถ่ายทำว่า
          “วันนี้เราก็มาถ่ายโปสเตอร์เรื่อง ‘The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ’ กันนะครับ วันนี้ก็มากับครบทีมเลย แต่ก็ทยอยถ่ายทำกันไปทีละคนบ้าง รวมทีมบ้าง บรรยากาศก็สบายๆ ครับ ไม่มีอะไรยาก ก็ได้ออกท่าออกทางตามคาแร็คเตอร์กันไป แต่ดีใจที่ได้มาเจอทีมนักแสดงด้วยกันอีกครั้งหลังปิดกล้อง ก็สนุกสนานกันดีเหมือนเคยครับ

          เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของการทำภารกิจที่สำคัญมากๆ เลยในชีวิตของโป้งซึ่งเป็นตัวละครที่ผมเล่น ในหนังเรื่องนี้ก็จะได้เห็นความน่ารักของพ่อลูก ความสนุกสนาน มิตรภาพของความเป็นเพื่อนที่ช่วยกันทำภารกิจตามหาตั๋วคอนเสิร์ตใบหนึ่งที่หาได้ยากมากๆ ให้ประสบความสำเร็จ ฟังแล้วเหมือนจะง่าย แต่พอเกิดขึ้นจริงกับตัวเองแล้วจะรู้เลยว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ยิ่งมีอุปสรรคต่างๆ มาเป็นตัวเพิ่มความยากด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่เลย แต่มันก็เป็นสีสันของชีวิตของตัวละครในเรื่องครับ ก็ต้องมาติดตามดูนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง 31 ธันวานี้นะครับ รับรองความสนุกสนานและความสุขที่พวกเราจะมีให้แน่นอนครับ ก็สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าด้วยเลยครับ”

          “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” พร้อมมอบความสุขหนุกหนานกันได้ทั้งครอบครัว 31 ธันวานี้แน่นอน ทุกโรงภาพยนตร์
« Last Edit: November 28, 2014, 03:15:29 PM by FB »

FB on December 02, 2014, 12:12:25 PM
เล็กดีรสโต ทุกคนต้องหลงรัก “น้องยูเค” ประเดิมหนังเรื่องแรกประกบ “แดน วรเวช” “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ”



           หลายคนคงเคยเห็นหน้าหมวยๆ กับรอยยิ้มสดใสของ “น้องยูเค-ด.ญ.ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล” ผ่านงานแสดงมิวสิควิดีโอ, ละคร และโฆษณากันมาบ้างแล้ว แต่ล่าสุดนี้หนูน้อยฝีมือดีรายนี้กำลังจะมีงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” ประกบนักแสดงตัวพ่อ “แดน วรเวช” ที่รับรองได้เลยว่าทุกคนจะต้องหลงรักเธอเพราะความน่ารักแสนซนสมวัยอย่างแน่นอน
ยูเคพูดถึงหนังเรื่องแรกของตัวเองด้วยความตื่นเต้นว่า

          “ในเรื่องนี้หนูรับบทเป็น ป.ปลา ค่ะ เป็นเด็กอายุ 7 ขวบ อยู่กับพ่อโป้ง (แดน วรเวช) ตามลำพังสองคน แล้วป.ปลาก็ต้องทำงานบ้านจนถึงเรื่องเรียนด้วยตัวเอง พ่อไม่ค่อยสนใจ ป.ปลามีวงเกิร์ลกรุ๊ปขวัญใจที่จะมาเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองไทย ป.ปลาก็เลยเก็บเงินจนครบและฝากพ่อจองบัตร แต่พ่อเอาเงินไปทำอย่างอื่นไม่ได้จองบัตร ทีนี้บัตรหมด พ่อไม่รู้จะทำยังไง เลยต้องไปชวนแก๊งเพื่อนช่วยกันทำภารกิจตามล่าหาบัตรมาให้หนู นี่เลยเป็นที่มาของความสนุกในเรื่องนี้ค่ะ

          หนูดีใจที่ได้เล่นหนังเรื่องแรก ตื่นเต้นแล้วก็สนุกค่ะ พี่ๆ ใจดีทุกคน ถ่ายดึกๆ หนูก็มีง่วงบ้าง ดีใจที่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วย อากาศร้อนมาก หนูกลับมาตัวดำเลย เล่นเรื่องนี้ก็สนุก ไม่เครียดเลยค่ะ

          พี่ปอย (ผู้กำกับ) ใจดี ไม่ดุ แล้วก็น่ารัก ก็จะคอยสอนหนูว่าต้องแสดงยังไง เล่นยังไงค่ะ พี่แดนก็ใจดี ไม่ดุเหมือนกัน พี่แดนเป็นคนตลก ชอบเล่านิทานให้หนูฟังด้วย ตอนแรกๆ ก็ไม่สนิทกันเท่าไหร่ แต่พอตอนหลังๆ เล่นไปนานๆ ก็สนิทกัน ไม่อยากให้ถ่ายหนังจบเลยค่ะ อย่าลืมมาดูหนังของหนูกันเยอะๆ นะคะ สนุกมากๆ ค่ะ”

           ด้านผู้กำกับ “ปอย-ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา” ก็ชื่นชมนักแสดงรุ่นจิ๋วมากความสามารถคนนี้ว่า

          “คือผมดูเด็กหลายๆ คนที่มาแคสกันก็มีความสามารถ แต่น้องยูเคผมเจอครั้งแรก ผมประทับใจเขาเลย น้องเป็นคนพูดจาฉะฉาน กล้าแสดงออก ไม่กลัวคน แล้วก็ก่อนหน้านี้ ผมได้ดู MV หนังสั้นที่น้องเล่นก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้แววตา เล่นแล้วออกมาสดใส ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ผมก็เลยลองมาแคสดู แล้วเราก็ได้ไอเดียจากเขาเอามาใส่เพิ่มในบทด้วย วันแรกจนถึงปิดกล้องนี่น้องเขามีพัฒนาการเล่นดีขึ้นมากๆ แล้วก็ความคิดของเขานี่โตเป็นผู้ใหญ่แต่ยังพูดจาเป็นเด็กอยู่ เมื่อไหร่ที่กองสนุก น้องก็จะเต็มที่ ซึ่งมันก็กระตุ้นให้ทีมงานสนุกด้วย”

          เตรียมชมความน่ารักสดใสของหนูน้อยยูเคกันได้ใน “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” พร้อมฮาปนซึ้งไปกับความรักของพ่อลูกและมิตรภาพของผองเพื่อนสุดรั่วกันได้ทั้งครอบครัว 31 ธันวานี้แน่นอน ทุกโรงภาพยนตร์

FB on December 02, 2014, 03:35:35 PM
“แดน วรเวช” แท็กทีม “กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ทำเพลงประกอบหนัง “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” ส่งเพลงสุดน่ารัก “ซิงโนไวท์” มาให้โดนกันแล้ว









ซิงโนไวท์ - เพลงประกอบภาพยนตร์ The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ [Official Lyric Video]
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=TuFFkfJnWi0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=TuFFkfJnWi0</a>

          นอกจากจะแสดงอย่างเข้าขาฮาแน่ในภาพยนตร์ตลกอารมณ์ดีเรื่อง “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” แล้ว สองหนุ่มมากความสามารถ “แดน-วรเวช ดานุวงศ์” และ “กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่-ณัฐวุฒิ ศรีหมอก” ก็ยังแท็กทีมร่วมสร้างสรรค์เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

          ล่าสุดได้ส่งเพลง “ซิงโนไวท์” ที่ร้องร่วมกันกับเนื้อเพลงสุดน่ารักที่ฟังปุ๊บก็ต้องโดนใจกันปั๊บมาให้ฟังกันแล้ว โดยแดนพูดถึงเพลงนี้ว่า

          “ในเรื่องนี้ก็จะมีเพลงประกอบอยู่ 2 เพลงนะครับ เพลงเร็ว 1 เพลงกับเพลงช้าอีกเพลงนะครับ เพลงเร็วเนี่ยจะมีแดนกับกอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่เนี่ยร้องด้วยกันชื่อเพลง ‘ซิงโนไวท์’ เนื้อเพลงก็จะพูดถึงว่าในชีวิตของเราเนี่ย เราอาจจะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งหรือแทบจะเป็นคนแคระเลยด้วยซ้ำ ก็ตามหาเจ้าหญิงมาตลอด เหมือนกับเป็นงานเปรียบเทียบชีวิตจริงว่าในวันที่เราเจอผู้หญิงคนที่เราชอบ เราประเคนของไป แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่เอา หรือว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เข้ากับเราอะไรแบบนี้ มันก็เป็นงานเปรียบเปรยที่ผมว่าสนุกดี แล้วมันก็เข้ากับเรื่อง ซึ่งตัวโป้งที่ผมเล่นเนี่ยชอบเล่านิทานให้ลูกฟังบ่อยๆ แดนว่ามันก็ดูเข้ากับเรื่องดี ที่กอล์ฟเขียนมาก็มีมุมมองอะไรที่นอกจากน่ารักแล้วยังมีอะไรที่สนุกและมีการล้อเลียนเกิดขึ้นอยู่ด้วยครับ”

          ฮั่นแน่ อยากฟังกันแล้วก็คลิกเลย https://www.youtube.com/watch?v=TuFFkfJnWi0

          แล้วเตรียมไปฮาปนซึ้งกับความรักของพ่อลูกและมิตรภาพของผองเพื่อนสุดรั่วใน “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” กันได้ทั้งครอบครัว 31 ธันวานี้แน่นอน ทุกโรงภาพยนตร์

FB on December 04, 2014, 01:59:34 PM
Movie: The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ



กำหนดฉาย 31 ธันวาคม 2557
แนวภาพยนตร์ Comedy
บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
บริษัทดำเนินงานสร้าง บริษัท เลเซอร์แคท จำกัด
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ที่ปรึกษาภาพยนตร์ ปรัชญา ปิ่นแก้ว
ควบคุมงานสร้าง วรเวช ดานุวงศ์
ดำเนินงานสร้าง จีนะวดี ชัยมุสิก
กำกับภาพยนตร์ ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา
เรื่อง Lasercat Team
บทภาพยนตร์ เตชิต เตชสิริอังกูร
กำกับภาพ ตนัย นิ่มเจริญพงษ์
ออกแบบงานสร้าง เตชิต เตชสิริอังกูร
กำกับศิลป์ เฉลิมพล ชูเสน, กันยกร ทิพณีย์
ลำดับภาพ ธวัช ศิริพงศ์
เทคนิคภาพพิเศษ Zurreal Studio
ดนตรีประกอบ เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน
เพลงประกอบ วรเวช ดานุวงศ์
ออกแบบเครื่องแต่งกาย อภิสาร บริบาลบุรีภัณฑ์
แต่งหน้า ธนัญชัย อินทฤทธิ์
ทำผม ภัทรภร ปวรวรชัย
ฟิล์มแล็บ-บันทึกเสียง G2D CO.,LTD
ทีมนักแสดง วรเวช ดานุวงศ์, ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล, ปทิตตา อัธยาตมวิทยา,
อเนก อินทจันทร์ (แอนนา ชวนชื่น), ณัฐวุฒิ ศรีหมอก (กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่),
ใหม่ สุขะเดชะ (ใหม่ ไอน้ำ), Mr. Amidu Johnson Musah (โจอี้ เชิญยิ้ม),
มงคล สะอาดบุญญพัฒน์ (นาย เดอะคอมเมเดี้ยน),
ธนาพร มณีพันธ์ (บ๊อบบี้ เน็ตไอดอลเสียงอีสาน)

ภารกิจพิชิตตั๋ว...
ใครจะไปคิดล่ะว่า แค่ตั๋วคอนเสิร์ตเพียงใบเดียว “ไอ้ตั๋วใบน้าน...นนน” มันจะเปลี่ยนชีวิตเขาได้ขนาดนี้
ใช่...นักเขียนการ์ตูนหนุ่มผู้ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ และไม่เอาไหนอย่าง “โป้ง” (แดน-วรเวช ดานุวงศ์) ก็ไม่คาดคิดเช่นกัน
โอ๊ย จองตั๋วแค่นี้ มันจะไปยากอะไร มีเงินมีเวลาก็ได้มาอยู่ในมือชิลล์ๆ แล้ว
แต่ “ไอ้ตั๋วใบน้าน...นนน” มันไม่ง่ายอย่างงั้นน่ะสิ
ตั๋วคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบรอบเดียวเท่านั้นของเกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่นชื่อดังที่แฟนคลับคนไหนก็อยากดู และแน่นอน มันเป็นวงสุดโปรดของเธอคนนี้ “ป.ปลา” (ยูเค-ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล) ที่ไม่อยากพลาดด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่แค่มีเงินอย่างเดียวแล้วจะซื้อได้ มันต้องวางแผน ต้องอยู่ให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกจังหวะ มีลูกล่อลูกชน (แน่ใจนะว่านี่คือตั๋วคอนเสิร์ต) เพียงแค่คลิก อย่าให้พลาดแม้แต่วินาทีเดียว
แต่นั่นไง!!! เรื่องแค่เนี้ยมีหรือที่ไอ้โป้งจะไม่พลาด จบเห่กันงานนี้ ตั๋วของลูกสาวสุดที่รัก Sold Out ไปแล้วจ้า ฝันพังทลาย สูญสลายในพริบตา ซวยแน่มรึง!!!
เฮ้ย แต่มันต้องมีทางสิวะ แค่ตั๋วใบเดียวมันจะได้มายากอะไรขนาดน้าน...นนน
แต่เอาเถอะ “สีสันของชีวิต คือการใกล้ชิดอุปสรรค” (หล่อโคตรๆ)
ว่าแล้วเขาก็เลยเกณฑ์แก๊งเพื่อนตัวพ่อ(ง)สุดเพี้ยน ไล่ตั้งแต่เจ้าของค่ายมวย, นักมวยต่างชาติ, ครูสอนเต้นแอโรบิค ยันไปถึงบรรณาธิการหนังสือ ฯลฯ มาช่วยสร้างสีสันให้ชีวิตเพียบ
เราจะรวมพลังทำทุกอย่างเพื่อคว้า “ตั๋วใบนั้น” มาครองให้จงได้
สู้ต่อไป... “ไอ้โป้ง & เดอะแก๊ง”
ภารกิจของโป้งและแก๊งเพื่อนจะรุ่งหรือร่วง ฝันของป.ปลาจะเป็นจริงมั้ย โป้งจะกลายเป็นฮีโร่ในสายตาของลูกสาวได้หรือไม่ ตั๋วเพียงใบเดียวจะเปลี่ยนชีวิตเราได้จริงหรือ...
ตีตั๋วติดตามคำตอบได้ใน “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” 31 ธันวานี้ในโรงภาพยนตร์

FB on December 04, 2014, 01:59:51 PM
เบื้องหลังงานสร้าง
          หลังจากที่ฝากผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่อง “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” (2555) และ “ฤดูที่ฉันเหงา” (2556) จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ล่าสุดหนุ่ม “แดน-วรเวช ดานุวงศ์” ขอนั่งแท่นโปรดิวเซอร์อย่างเต็มตัว พร้อมดันเพื่อนสนิทที่เคยร่วมงานภาพยนตร์กันมาอย่าง “ปอย-ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา” ขึ้นรับหน้าที่ผู้กำกับการแสดงเต็มตัวเรื่องแรกในภาพยนตร์แนวตลก อารมณ์ดี และแสนอบอุ่นเรื่อง “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” เรื่องราวของคุณพ่อสุดเห่ยและแก๊งเพื่อนสุดเพี้ยนที่ต้องมาร่วมหัวจมท้ายกับภารกิจพิชิต The One Ticket หนึ่งตั๋วเชื่อมความรักความสัมพันธ์ของเขากับลูกสาวตัวน้อยสุดจี๊ด
          (แดน วรเวช) “คือจริงๆ แล้วแรงบันดาลใจเรื่องนี้มาจากพี่ปอย (ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา) ผู้กำกับเลยนะครับ คือเวลาเขาขายงานผม อยากทำหนังเรื่องนู้นเรื่องนี้ ผมว่ามันยังไม่ใช่ นั่นก็ดาร์กไป นี่ก็ดิ่งไป ผมว่ามันไม่ใช่ตัวเขาซักทีครับ จนวันหนึ่งเขาพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพ่อลูกในความพยายามที่จะทำสิ่งเล็กๆ ที่หลายคนอาจมองข้ามไป สิ่งเล็กๆ ที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตของพ่อลูกคู่หนึ่งหรือหลายๆ คนไปได้เลย ผมรู้สึกว่านี่แหละคือตัวเขา มันต้องมีบางอย่างที่มาจากตัวเขา ผมก็เลยตัดสินใจให้พี่ปอยกำกับเรื่องนี้เองเลย เพราะผมทำงานกับพี่เขามานานมากตั้งแต่ยังไม่มีอะไร แชร์ความคิดกันตลอด คือแทบทุกชิ้นงานเบื้องหลังของผมจะมีเขาอยู่ข้างๆ เป็นผู้ช่วยผมตลอด วันนี้ผมรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะแสดงศักยภาพและความสามารถในการกำกับหนังดู คือเขาจะมีภาพในจินตนาการสูงมากครับ นั่นคือข้อดีที่ผมไม่ค่อยมี ซึ่งผมก็คิดว่าถ้าเขากำกับหนังเรื่องนี้มันคงได้สีสันที่มันฉูดฉาดขึ้นแล้วก็เปลี่ยนไปจากเดิมครับ และเมื่อเห็นชิ้นงานออกมาแล้ว ผมก็รู้สึกพอใจมากนะครับ ถือว่าเขาสอบผ่านเลย เพราะนี่เป็นเรื่องของเขา เป็นตัวตนในความเป็นพ่อของเขา ผสมด้วยเรื่องราวความสนุกสุดเพี้ยนของแก๊งเพื่อนๆ ที่ไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ เรียกว่าไอ้แก๊งนี้รวมกันมันส์ฮา รับรองว่าสนุกสนานได้หัวเราะกันเต็มๆ แน่นอนครับ”
          กว่าจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ครั้งแรกในเรื่องนี้ “ปอย ณภัทร” ก็ได้สั่งสมประสบการณ์ทั้งจากการแสดงเบื้องหน้าและการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับเบื้องหลัง รวมถึงเก็บเกี่ยวเรื่องราวและไอเดียที่น่าสนใจทั้งโดยตรงและจากผู้คนรอบข้างกลั่นกรองจนออกมาเป็นผลงานอารมณ์ดีเรื่องนี้
          (ปอย ณภัทร) “คือส่วนตัวผมเป็นคนชอบดูหนัง และผมก็เห็นหนังมาเยอะ ตัวเราก็เล่นละครซึ่งเล่นดีบ้างไม่ดีบ้างแล้วแต่บทและตัวเราเอง คือบางอันผมเริ่มไม่ค่อยอิน บางทีมันเล่นซ้ำๆ ทางเดิม ตัวละครเดิมๆ ก็เริ่มรู้สึกเบื่อ พอเบื่อแล้วเนี่ย แล้วรู้สึกว่าอยากจะลองไปคิดพล็อตอะไรซักอย่างแล้วทำขึ้นมา เพราะผมเป็นคนเขียนการ์ตูนด้วย แบบคิดพล็อตคิดบทอะไรขึ้นมาก็เลยอยากจะลองทำดู ก็เลยลงมือทำเลยดีกว่า ใช้เวลาเตรียมงานกับเรื่องแรกนี่เยอะเลยครับ แล้วก็แคสนักแสดงเยอะ ช่วงเตรียมงานจริงๆ 2-3 เดือน แต่ไม่นับรวมบทที่ทำกันอยู่เป็นปีๆ
คือเริ่มต้นผมอยากทำหนังพ่อลูก แล้วตัวผมก็มีลูกสาว แล้วผมก็เลี้ยงลูกคนเดียว แล้วผมก็รู้สึกว่ามีมุมมองที่ผมอยู่กับลูกเนี่ย มันไม่ใช่แค่เรื่องพ่อกับลูก ผมรู้สึกว่ามีความสนุก มันไม่จำเป็นต้องดราม่าหรือเครียด ผมว่ามุมมองของพ่อกับลูกที่สนุกสนานมีเยอะ บางทีเราได้แรงบันดาลใจจากเขา เหมือนเราเหนื่อย ๆ มา กลับมาถึงบ้านเจอยิ้มแย้มสวัสดี ก็ทำให้เราลืมหมดทุกอย่าง แต่ของผมจะรักลูกแบบไม่ค่อยโอ๋นะ แต่จะรักแบบคอยสอนเขา ตีไม่เคยตี แต่จะบอกเขาว่าทำไมถึงดุ แต่ในหนังเรื่องนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลูกเตือนพ่อ จะเป็นไปทางคอเมดี้มากกว่า เรื่องนี้ก็เหมือนเป็นตัวผลักดันให้รู้ว่าเราต้องทำอะไรให้เต็มที่ดูว่ามันจะไปได้ขนาดไหน มันก็เลยเป็นโปรเจ็คต์หนังเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งทิศทางของหนังจะเป็นแนวคอเมดี้ เป็นหนังพ่อลูกที่มันสนุกสนาน แล้วก็มีเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนฝูงเพี้ยนๆ แต่เต็มไปด้วยมิตรภาพที่ต้องทำภารกิจร่วมกันด้วย”
          “ตั๋วเพียงใบเดียวจะเปลี่ยนชีวิตคุณได้จริงหรือ” ธีมหลักของภาพยนตร์ที่เกิดจากจุดเล็กๆ ที่หลายคนอาจมองข้ามไป แต่ทีมงานได้พัฒนาและสร้างสรรค์จนออกมาเป็นเรื่องราวความรักความผูกพันของพ่อลูกคู่หนึ่ง และมิตรภาพของแก๊งเพื่อนที่ฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกันจนก่อเกิดเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ขึ้นได้
          (ปอย ณภัทร) “เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวของพ่อคนหนึ่งที่ไม่ได้เรื่องกับแก๊งเพื่อนๆ สุดเพี้ยนที่ต้องจับพลัดจับผลูแบบเลี่ยงไม่ได้มาทำภารกิจร่วมกันคือหาตั๋วคอนเสิร์ตโคตรหายากให้ลูกสาวตัวเองให้ได้ เพราะเป็นวงโปรดของลูกสาว และตัวเองก็อยากเป็นฮีโร่ในสายตาลูกสาวให้ได้ซักครั้งด้วย แต่สิ่งที่คิดไว้บางทีมันไม่ได้อย่างที่คิด ส่วนใหญ่ชีวิตก็จะเป็นอย่างนี้ คิดอยากได้อะไร มันก็จะมีอุปสรรคเกิดขึ้น พอมีอุปสรรคก็ต้องหาทางแก้ มันจะทำให้คนดูรู้ว่าอุปสรรคมันไม่ได้ทำให้เราเหนื่อย แต่เพียงมันให้เราหาวิธีแก้สถานการณ์ต่อไป อันนั้นคือจุดมุ่งหมาย มันก็เหมือนเป็นภารกิจเป็นมิชชั่น ความสนุกสนานเฮฮามันก็จะเกิดขึ้นตรงนี้ระหว่างพระเอกกับแก๊งเพื่อนที่จะต้องทำภารกิจให้สำเร็จ ฟังดูเหมือนจะง่ายแค่หาตั๋วคอนเสิร์ตใบเดียว แต่ด้วยสถานะตัวละครด้วยเงื่อนไขอะไรหลายๆ อย่างมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ตรงนี้มันก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกและมิตรภาพของแก๊งเพื่อนนี้ด้วย จะรุ่งหรือจะรอดก็ต้องมาดูกัน”
          (แดน วรเวช) “เรื่องราวของหนังฟังดูเหมือนจะมีแค่เหตุการณ์ที่เป็นความสนุกคอเมดี้แบบนี้ แต่ว่าเรื่องนี้เนี่ย สิ่งที่จะอยู่ข้างในคือทำไมถึงตั้งชื่อเรื่อง The One Ticket จริงๆ มันคือตั๋วใบเดียวเนี่ยกำลังจะเปลี่ยนทุกอย่างในชีวิตของคนๆ หนึ่ง เราคิดว่านี่เหมือนเป็นแค่สิ่งเล็กๆ แต่บางครั้งเรื่องเล็กๆ นี้ก็สามารถเปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนคน เปลี่ยนสิ่งที่ไม่ดีให้ดีขึ้นได้ หรือเปลี่ยนสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้แย่ลงสุดๆ ก็ได้ เรื่องนี้เราถึงบอกว่าอย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆ บางทีมันสามารถสร้างเรื่องใหญ่ๆ ให้เกิดขึ้นได้”

          เรื่องราวสนุกสนานใน “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” มาพร้อมคาแร็คเตอร์มากสีสันที่ได้รับการถ่ายทอดจากทีมนักแสดงหน้าเก่า-ใหม่มากความสามารถอย่างเข้าถึงบทบาทที่จะทำให้คุณอินไปกับความน่ารักที่เต็มไปด้วยความฮาอย่างแน่นอน
“แดน (วรเวช) ในบท โป้ง เป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง เป็นเหมือนผู้ชายที่ไม่รับผิดชอบ แต่จริงๆ ก็รักลูก แต่ไม่ค่อยใส่ใจ เพราะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงมากกว่า เป็นคนที่ทำอะไรก็เหมือนทำไม่สุด เลิกดีกว่า จนเพื่อนๆ ต้องบอกว่าทำอะไรต้องทำให้สุด แล้วในที่สุดเมื่อถึงจุดเปลี่ยน เขารู้ละว่าต้องทำเพื่อลูกยังไง ก็เลยเหมือนมีแรงผลักดันขึ้นมา เรื่องนี้ผมว่าพลิกคาแร็คเตอร์ของแดนเยอะ แล้วเวลาแสดงหรือถ่ายทอดออกมาจะดูน่ารักสดใส และนี่คือตัวตนที่บางส่วนเป็นแดนจริงๆ ผมก็อยากให้ดู อยากนำเสนอมุมที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็น ความคอเมดี้ที่แดนไม่เคยเล่นในเรื่องอื่นก็เอามาใส่หมด มันเลยเป็นความรู้สึกที่แยกไม่ออกระหว่างตัวแดนจริงๆ กับคาแร็คเตอร์ในเรื่องก็ว่าได้
          น้องยูเค (ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล) เล่นเป็น ป.ปลา ลูกสาวของโป้ง เป็นเด็กน่ารักสดใส ชีวิตปกติก็คือพูดจาฉะฉาน แล้วก็เป็นเด็กที่ฉลาดพูด แต่ว่าบางทีพอเขาเริ่มมองคนอื่นก็จะเก็บความรู้สึกว่าทำไมพ่อเราไม่ไปส่งที่โรงเรียน ทำไมคนอื่นเขามีอย่างนี้ พอมันเก็บมากๆ สุดท้ายเด็กมันก็ต้องหลุดออกมาตามแนวทางเป็นเด็ก จะไม่ใช่เด็กที่เป็นผู้ใหญ่ คือผมดูเด็กหลายๆ คนที่มาแคสกันก็มีความสามารถ แต่น้องยูเคผมเจอครั้งแรก ผมประทับใจเขาเลย น้องเป็นคนพูดจาฉะฉาน กล้าแสดงออก ไม่กลัวคน เล่นแล้วออกมาสดใส ดูเป็นธรรมชาติที่สุด วันแรกจนถึงวันนี้พัฒนาการแสดงดีขึ้นมากๆ เมื่อไหร่ที่กองสนุก น้องก็จะเต็มที่ ซึ่งมันก็กระตุ้นให้ทีมงานสนุกด้วย
          นางเอกนิว ปทิตตา มาเล่นเป็นผู้หญิงที่เข้ามาเติมความสดใสให้กับครอบครัวพ่อลูกคู่นี้ ตอนแรกที่นิวมาแคส เราก็ให้เล่นตามบท นิวเล่นได้ดีมาก แต่เราก็อยากได้คาแร็คเตอร์ที่สามารถเข้ากันได้กับตัวพ่อ อยากให้เคมีมันใกล้กัน ก็เลยลองนอกบทดู ซึ่งนิวสามารถทำได้ลื่นไหล เขามีวิธีการตอบโต้ที่ฉลาด และเข้าใจคาแร็คเตอร์ของตัวละครได้ดี
          มาที่แก๊งเพื่อน 6 คนที่เราดีไซน์คาแร็คเตอร์มาอยู่แล้ว อย่าง พี่แอนนา ก็จะเป็นบรรณาธิการฯ ที่ชอบเต้นมากๆ ใช้ชีวิตสบายๆ ชอบเที่ยว เขาก็จะมีท่าเต้นเด็ดของเขา ชอบโทรมาหาโป้งชวนไปเที่ยวผับแทนที่จะถามเรื่องต้นฉบับการ์ตูน แต่เขาก็มีเป้าหมายอยากจะทำให้สำนักพิมพ์ของเขาดีขึ้น
          ส่วน กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ก็จะเป็นเพื่อนสนิทของพระเอก ชีวิตขัดสน เป็นเหมือนมุมมองของเพื่อนจริงๆ ที่ผมอยากถ่ายทอดออกมา คือตัวกอล์ฟเนี่ยเป็นเพื่อนที่ไม่ค่อยมีตังค์แต่เปิดค่ายมวย แล้วค่ายมวยก็มีนักมวยไม่กี่คน แล้วเวลาโป้งมีปัญหาเนี่ยก็จะมาบ่นมาปรึกษากับคนๆ นี้ จะเป็นเหมือนพลัง ผลักดันตัวโป้งและทั้งกลุ่มด้วยซ้ำ เหมือนเป็นเฮดครับ เหมือนคนหนึ่งท้อ กอล์ฟจะขึ้น มึงอย่ายอมดิ มึงนำกูมาแล้ว อยู่ดีๆ มาทิ้งกันกลางคันได้ยังไง
          พี่โจอี้ จะเป็นนักมวยอยู่ในค่ายของกอล์ฟ เป็นนักมวยจากต่างชาติที่อยากจะขึ้นชก Thai Fight แต่ด้วยความที่ค่ายมันไม่ค่อยใหญ่ แล้วงบที่ไม่สามารถพัฒนาฝึกซ้อมอะไรได้เยอะเนี่ย เวลาขึ้นชกทีไรก็แพ้ แล้วก็เป็นคนที่พูดภาษาไทยไม่ค่อยได้คือจะเป็นพูดภาษากานาของเขาเกือบทั้งเรื่อง แต่เขาก็มีแฟนสวยจนทุกคนในแก๊งต้องอิจฉา
          ใหม่ ไอน้ำ จะเป็นคู่ซ้อมชกให้พี่โจอี้ ซึ่งจะเป็นเหมือนกระสอบทรายให้พี่โจอี้อยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ยอมทำ เพราะว่าเขาไม่มีที่ไป แล้วเขาก็อยากอยู่ค่ายนี้ เห็นพี่โจอี้เขาฝึกซ้อมมาทุกวันเนี่ย ก็อยากทำความฝันเพื่อนให้เป็นจริง และตัวใหม่เนี่ยจะบ้ากินไข่เป็นชีวิตจิตใจ มโนไปเองว่าจะช่วยเพิ่มพลังให้ได้
          น้องบ๊อบบี้ เสียงอีสาน จะเป็นแฟนพี่โจอี้ที่ชอบเหวี่ยงวีน แล้วก็ด่าได้น่ารัก เป็นผู้หญิงคนเดียวในแก๊ง จะรักพื้นเพตัวเองมากเลยพูดอีสานทั้งเรื่องเลย และที่สำคัญเป็นแฟนของพี่โจอี้ซึ่งพูดภาษากานา คือคนในค่ายจะเข้าใจว่าสองคนนี้เขารักกันนะ แต่คนที่มาทีหลังอย่างพี่แอนนาเนี่ย เขาจะไม่เข้าใจเลยว่าสองคนนี้มันคบกันได้ยังไง แล้วพี่แอนนาเขาก็จะพูดสไตล์ไหหลำ พอสามคนนี้อยู่ด้วยกัน มันก็จะพูดไม่เป็นภาษากันเลย
          ส่วน นาย เดอะคอมเมเดี้ยน ก็จะเป็นคนที่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ เขาจะเป็นครูสอนเต้นแอโรบิคใต้ตึกที่โป้งพักอยู่ ตัวละครนี้จะก่ำกึ่งไม่แน่ไม่นอนว่าเป็นเพศไหนกันแน่ แต่มันก็จะมีหลายซีนที่แอบมองผู้ชายนะ แต่บอกว่าไม่ได้ชอบ ไม่ได้เป็น มันจะงงๆ สับสนในตัวเอง เวลานายเล่นเนี่ยผมว่าเขาขโมยซีนเยอะเหมือนกัน คือเขาจะมีจังหวะจะโคน เล่นออกมาดูน่ารักครับ
          แก๊งนี้รวมแดนเป็น 7 คนเหมือนจับปูใส่กระด้งมาก แต่ก็สนุก คือผมกำกับหนังเรื่องนี้ ผมมีความรู้สึกว่ากำกับหนังสองพาร์ทอ่ะ คือพาร์ทแรกเนี่ยเป็นเรื่องฝั่งพ่อกับลูกสนุกมากๆ จนผมกังวลว่าพอไปถึงพาร์ทของเพื่อนๆ มันจะสู้ได้มั้ย แต่พอผมกำกับเพื่อนๆ ทั้งหมดเนี่ย ผมว่าบางทีเกินร้อยเลย สนุกมากเหมือนทำหนังสองเรื่องเลย ยิ่งอยู่กันนานๆ ก็ยิ่งเข้าขากัน มีมุกสด มีอินเนอร์ มีเล่นอิมโพรไวส์ ซึ่งมันสนุกและโอเคมากๆ ครับ
          ความสนุกสนานเกิดขึ้นจากตรงนี้ เมื่อคาแร็คเตอร์มันชัดเนี่ยตัวนักแสดงเองผมว่าเขาก็จะเล่นได้เต็มที่ เพราะเขารู้ว่าตัวนี้คิดอะไรอยู่ ซีนนี้เขาควรเล่นอะไร ผมว่าดี เพราะถ้าคาแร็คเตอร์มันยังลอยๆ ไม่ชัดเจน มันก็อาจจะเล่นไม่สุดประมาณนี้”
          นอกจากนี้ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเพลงประกอบภาพยนตร์สุดไพเราะซึ่งเกิดจากการแท็คทีมครั้งสำคัญของ “แดน วรเวช” และ “กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่” รวมถึงได้นักทำดนตรีประกอบมือฉมังระดับเอเชียอย่าง “เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน” มาบรรเลงฝีมือด้วย
          (แดน วรเวช) “ในเรื่องนี้ก็จะมีเพลงประกอบอยู่ 2 เพลงนะครับ เพลงเร็ว 1 เพลงกับเพลงช้าอีกเพลงนะครับ เพลงเร็วเนี่ยจะมีแดนกับกอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่เนี่ยร้องด้วยกันชื่อเพลง ‘สโนไวท์’ เนื้อเพลงก็จะพูดถึงว่าในชีวิตของเราเนี่ย เราอาจจะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งหรือแทบจะเป็นคนแคระเลยด้วยซ้ำ ก็ตามหาเจ้าหญิงมาตลอด เหมือนกับเป็นงานเปรียบเทียบชีวิตจริงว่าในวันที่เราเจอผู้หญิงคนนี้เราชอบ เราประเคนของไป แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่เอา หรือว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เข้ากับเราอะไรแบบนี้มันก็เป็นงานเปรียบเปรยที่ผมว่าสนุกดี แล้วก็มันเข้ากับเรื่อง ซึ่งตัวโป้งเนี่ยชอบเล่านิทานให้ลูกฟังบ่อยๆ แดนว่ามันก็ดูเข้ากับเรื่องดี ที่กอล์ฟเขียนมาก็มีมุมมองอะไรที่นอกจากน่ารักแล้วยังมีอะไรที่สนุกและมีการล้อเลียนเกิดขึ้นอยู่ด้วยนะครับ
          อีกเพลงเป็นเพลงช้าที่แดนเป็นคนร้องก็จะถูกพูดเกี่ยวกับเรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ หมายถึงในชีวิตของเราต้องเจอจุดเปลี่ยนต่างๆ ซึ่งวันนี้เราคนที่ร้องเพลงกำลังจะเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อใครซักคนหนึ่งที่คิดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่าแล้วก็ยอมเปลี่ยนได้แม้มันจะหนักหนามากน้อยแค่ไหน ก็เข้ากับธีมหลักของเรื่องเลย
          ในส่วนของการทำซาวน์ดีไซน์หรือสกอร์ของหนัง รวมไปถึงดูแลเรื่องเพลงประกอบหนัง ก็จะเป็นหน้าที่ของพี่ต๋อย (เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน) ซึ่งแดนดีใจมากที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่เขา ซึ่งมีความเป็นมืออาชีพสูง แล้วก็มีรสนิยมที่จูนกับงานเราได้ คือพี่เขาเคยทำงานกับเจย์ โชวในหนังเรื่อง The Secret (ได้ชิงรางวัลม้าทองคำ สาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ของไต้หวัน) มาก่อนนะครับ แล้วล่าสุดเนี่ยพี่เขาก็เพิ่งจบหนังแอ็คชั่นไต้หวันไปอีกเรื่อง เป็นโปรดักชั่นที่ใหญ่มาก ทุนสร้างแทบจะเป็นอันดับต้นๆ ของไต้หวันเลย แล้วก็เพิ่งบินกลับมาทำดนตรีให้กับเราในเรื่อง ตัวพ่อเรียกพ่อ นี้ ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีในการเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากพี่เขา ก็อยากจะให้ลองฟังดูครับ คือแดนทำหนังเนี่ยก็พยายามให้ความสำคัญกับทุกส่วน โดยเฉพาะเรื่องเพลงก็ถือว่ามีความสำคัญมากๆ ที่จะช่วยสร้างอารมณ์ต่างๆ ในหนังให้เรารู้สึกอินมากขึ้นทั้งในพาร์ทของความสนุก ตลก โรแมนติกแล้วก็ดราม่าด้วยครับ”
          งานนี้รับรองยิ้มแก้มปริไปกับความน่ารักน่าเอ็นดูของพ่อลูกคู่นี้ พร้อมฮาปนซึ้งไปกับมิตรภาพของผองเพื่อนสุดรั่วทั้ง 6 คนที่ยอมร่วมหัวจมท้ายตะลุยภารกิจพิชิตตั๋ว...แบบที่ "ตัวพ่อ" ยังต้อง "เรียก (ว่า) พ่อ" กันเลยทีเดียว
          (ปอย ณภัทร) “เสน่ห์ของมันก็คือเรื่องของพ่อลูกที่ห่างเหิน แต่ก็จะกลับมาใกล้ชิดกันให้ความสัมพันธ์มันดีขึ้น แล้วก็เรื่องเล็กๆ เนี่ยสามารถทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้แล้วคุณจะแก้ไข้สถานการณ์ได้หรือเปล่า แล้วเสน่ห์อีกเรื่องก็คือคุณจะได้เห็นความน่ารักของน้องยูเค แล้วก็การพลิกคาแร็คเตอร์ของแดน ร่วมถึงความสนุกสนานของแก๊งเพื่อนตัวพ่อที่รับรองความฮาและสนุกได้เลย ในแง่ความบันเทิงคือได้แน่ๆ นักแสดงแต่ละคนที่เล่นในเรื่องนี้มีคาแร็คเตอร์ชัด แล้วก็มีความสนุกสนานในกลุ่มเพื่อนฝูง มีความสนุกสนานของพ่อกับลูก แล้วก็จะได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ที่แดนเล่นอออกมาให้เห็นในมุมมองของความเป็นพ่อ เราคิดแค่ง่ายๆ ว่าแดนมีลูกเนี่ยจะเป็นยังไง แค่นี้ก็สนุกแล้วครับ
คือผมว่าหนังเรื่องนี้มีคำอยู่สองคำคือ ทำกับไม่ทำ เพราะว่าถ้าเกิดคุณเจอเรื่องนี้ปุ๊บ เออ...ไม่เอาแล้ว เลิก จบกัน แต่ถ้าคุณทำ ไม่รู้ว่าสิ้นสุดเมื่อไหร่ แต่คุณได้ทำกับมันเนี่ยคุณจะภูมิใจกับมันมาก”
          (แดน วรเวช) “หนังเรื่องนี้มันจะมีครบทุกอารมณ์นะครับ ก็จะมีเรื่องของความสัมพันธ์กับครอบครัว ความสัมพันธ์ของผู้หญิงผู้ชายรักกัน ความเป็นเพื่อนรักที่จะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คือเรื่องบอกได้เต็มปากเต็มคำว่าคอเมดี้นำมากๆ ถ้าเทียบสองเรื่องของผมที่ผ่านมา คือเรื่องนี้คอเมดี้ที่สุดเท่าที่ผมทำมานะครับ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าข้างในมีแกนสำคัญอยู่หมดครับ เรามีไลน์เรื่องที่ชัดเจนครับ เรากำลังจะสื่อเรื่องบัตรใบหนึ่ง มันกำลังจะปรับเปลี่ยนความรักของพ่อลูกคู่หนึ่งไปตลอดกาล แล้วก็จะบอกว่าคนๆ หนึ่งไม่มีใครที่จะทำอะไรไม่ได้ อยู่ที่ว่าคุณลงมือทำมันหรือยัง แล้วทำมันจริงหรือเปล่า แล้วการที่คุณบอกว่าคุณทำมันไม่ได้ คือถามว่าคุณทำมันสุดหรือยังครับ แล้วถ้าทำไม่ได้เรามีวิธีให้ จงหาแรงบันดาลใจซะ แรงบันดาลใจคุณอยู่ที่ไหนคุณหามันให้เจอ จะทำเพื่อคุณพ่อคุณแม่หรือจะทำเพื่ออนาคตที่ดีของตัวเอง ทำเพื่อแฟนคุณ หรือว่าทำเพื่ออะไรซักอย่าง ถ้าคุณเจออันนั้นคุณจะประสบความสำเร็จแน่นอน นั่นล่ะครับ แต่โดยรวมทั้งหมดคือความสนุกสนานบันเทิงแน่นอนครับ”

FB on December 04, 2014, 02:00:14 PM
ครอบครัวตัวพ่อ
          โป้ง (แดน-วรเวช ดานุวงศ์) - นักวาดการ์ตูนหนุ่มผู้ครองโสดมานานถึงเจ็ดปี เพราะด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกสาวเพียงลำพังจึงทำให้แทบไม่มีเวลาหาสาวคนใหม่ให้หัวใจตัวเอง แต่เดี๋ยวนะ...ดูเป็นพ่อแสนดีจัง ไม่ใช่ล่ะมั้ง เพราะดูจากสภาพที่เห็นแล้ว น่าจะเรียกว่าไม่มีใครเอาถึงจะถูก เพราะด้วยความชิลล์เกินเหตุจนออกจะไปทางเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะ ไม่สนใจชีวิต นั่นต่างหากที่ทำให้โป้งต้องโสดสนิทสถานเดียว แต่เอาเถอะ เขาก็มีข้อดีเหมือนกัน คืออะไรเพื่อลูก...เขายอมทำได้หมด
          “โป้งก็จะเป็นคนใช้ชีวิตไปวันๆ เรื่อย ๆ ปล่อยมันดำเนินไป แต่ว่าเป็นคนมีความฝันนะ ฝันว่าอยากจะเป็นนู่นเป็นนี่ อยากจะทำนู่นนี่ อยากจะมีงานที่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่มันติดตรงที่ฝันแต่ไม่ทำเท่านั้นเองครับ ในเรื่องก็จะเป็นนักเขียนการ์ตูนที่มักจะเขียนการ์ตูน คิดการ์ตูนออกก็ต่อเมื่อเงินมันช้อตเท่านั้นเองครับ แต่โดยรวมแล้วคือเป็นพ่อที่รักลูกมากๆ แต่ไม่แสดงออก ทุ่มเทสิ่งดีๆ ให้ลูกสาวอยู่ตลอด
ตัวละครนี้เหมือนแดนตรงที่เป็นคนมีความฝัน แต่ว่าต่างกันตรงที่ผมเป็นคนฝันแล้วผมมักจะทำมัน แต่ตัวโป้งฝันแล้วไม่ทำ แล้วก็ต่างกันตรงที่เวลาผมฝันแล้วผมมักจะหาจุดเหนี่ยวรั้งของชีวิตผมหรือว่าตัวที่จะพาผมไปสู่ฝันนั้นๆ ให้ได้ นั่นก็คือแรงบันดาลใจที่จะผลักดันให้คนประสบความสำเร็จสูงสุดได้ ซึ่งโป้งยังไม่มีสิ่งนั้นในเรื่องตอนต้น แต่หลังจากนั้นเราจะเริ่มเห็นการพัฒนาของเขาเอง เต็มที่มากครับในเรื่องนี้ เหมือนได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเองเต็มที่มาก อะไรที่เป็นตัวเราอยู่ในนี้เยอะมาก แต่ก็มีเพิ่มสีสันให้มันสนุกมากขึ้น เราก็พยายามดีไซน์คาแร็คเตอร์ให้มันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ”
          ป.ปลา (ยูเค-ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล) - สาวหมวยตัวน้อยแต่โตเกินวัย 7 ขวบ ที่ใครเห็นก็เป็นต้องตกหลุมรักในความน่ารักน่าชัง ขยันและฉลาด ป.ปลาใช้ชีวิตเติบโตมากับพ่ออย่างโป้ง แน่นอน...เรารู้จักโป้งดีตามที่บอกไป ด้วยเหตุผลนี้เธอจึงต้องดูแลตัวเองตั้งแต่เด็กและอาจจะยันโตก็เป็นได้
          “ในเรื่องนี้หนูรับบทเป็น ป.ปลา ค่ะ เป็นเด็กอายุ 7 ขวบ อยู่กับพ่อโป้ง (แดน วรเวช) ตามลำพังสองคน แล้วหนูก็ต้องทำงานบ้านจนถึงเรื่องเรียนด้วยตัวเอง พ่อไม่ค่อยสนใจ ป.ปลามีวงเกิร์ลกรุ๊ปขวัญใจที่จะมาเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองไทย ป.ปลาก็เลยเก็บเงินจนครบและฝากพ่อจองบัตร แต่พ่อเอาเงินไปทำอย่างอื่นไม่ได้จองบัตร ทีนี้บัตรหมด พ่อไม่รู้จะทำยังไง เลยต้องไปชวนแก๊งเพื่อนช่วยกันทำภารกิจตามล่าหาบัตรมาให้หนู นี่เลยเป็นที่มาของความสนุกสนานในเรื่องนี้ค่ะ
          หนูชอบทุกฉากเลยค่ะ ก็มีฉากปาร์ตี้บนดาดฟ้า, ฉากสระน้ำ ชอบทุกๆ ฉากค่ะ ฉากปาร์ตี้บนดาดฟ้าก็ได้เล่นกับพี่แดนและพี่นิวค่ะ มีจัดไฟแล้วก็ปิ้งหมูกระทะกัน แล้วก็มีเล่นเกมกันด้วย สนุกดีค่ะ แต่ถ่ายดึกไปหน่อยค่ะ หนูก็ง่วงมั่ง”
          ณฐา (นิว-ปทิตตา อัธยาตมวิทยา) - สาวสวย น่ารัก มีเสน่ห์ และเข้ากับคนง่าย เธอเข้ามาในชีวิตของสองพ่อลูกโดยบังเอิญ และก็ดันเข้าขากับสาวน้อยป.ปลาได้เป็นอย่างดี หรือเธอจะเป็นจิ๊กซอว์ที่มาต่อให้ภาพครอบครัวนี้สมบูรณ์เสียที
“ทีแรกที่นิวเห็นบทนี้ก็จะดูเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่สดใส ร่าเริง มองโลกในแง่ดี แต่ว่าพอมาถึงจุดๆ หนึ่งของหนังแล้วมันมีอะไรที่แบบผิดคาด พลิกกว่านั้นไปอีก คือเป็นตัวละครที่มีอะไรให้เล่น รู้สึกว่าท้าทาย อยากลอง เป็นหนังตลกจริงจังเรื่องแรก เลยรู้สึกว่าเราต้องทำมันให้ได้ เพราะว่ามันน่าจะมาทางเรานะ เราตลกอยู่นะ
          นิวว่าเสน่ห์ของหนังเรื่อง The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ คือความน่ารักของตัวละคร ตัวละครทุกตัวนิวว่ามีเสน่ห์ทั้งหมดทั้งพี่แดน, ยูเค หรือว่าตัวณฐาของนิว รวมถึงแก๊งเพื่อนของพี่แดนที่ต้องออกมาปฏิบัติภารกิจอีก มันค่อนข้างชัดว่าจะสื่ออะไร ต้องการอะไร ทีนี้มันก็เลยทำให้ดูน่าสนใจ ก็อยากให้ทุกคนติดตาม พลาดไม่ได้นะเรื่องนี้ มันก็เป็นการพลิกคาแร็คเตอร์ของนักแสดงหลายๆ คนอย่างพี่แดนก็น่าจะเป็นพ่อเรื่องแรก แล้วอีกหลายๆ คนที่ต้องเปลี่ยนตัวเองเยอะนะ คือถ้าเห็นแล้วอย่างฮา เราดูเบื้องหลังยังอยากเข้าไปแจมกับแก๊งพี่แดนเลย แต่เผอิญเราอยู่คนละพาร์ทกัน”
          บก.ณภัทร (แอนนา ชวนชื่น) - บรรณาธิการสำนักพิมพ์การ์ตูน เจ้านายของโป้ง จู้จี้ ช่างสังเกต และชอบหาประเด็นให้คนข้างๆ ได้ขบคิดเสมอ แต่ก็ใช่ว่าชีวิตเขาจะขาดสีสัน เพราะนอกจากจะเป็น บก. เขาก็ยังชอบทำตัวเป็นเพลย์บอย แถมเด็ดสุดคือรักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ เรียกได้ว่าเมื่อไหร่ฟลอร์เปิด เมื่อนั้น บก.ต้องแดนซ์สะบัดฟินเฟอร์
          “ภาพยนตร์เรื่องนี้ท่านจะได้เห็นคาแร็คเตอร์ใหม่ของแอนนา ซึ่งแบบแล่นมาหลายเรื่องแล้ว แต่ไม่เคยมีท่าเต้นนี้อยู่ในหนังเรื่องไหนเลย แบบว่าท่านี้เป็นท่าแรกที่คิดขึ้นมาเอง แล้วไม่ได้จำใครมา เต้นแบบหลุดโลกสุดๆ ไม่เคยเห็นแอนนาเต้นที่ไหนมาก่อน
ปอยเป็นคนอารมณ์ดี เขาไม่แน่ใจเขาก็ไม่ปล่อยนะ เขาก็จะเทกใหม่ ก่อนที่จะเล่นเราตกลงกันแล้วว่า ผมเป็นนักแสดงเก่า คุณเป็นผู้กำกับใหม่ คุณอย่ามาเกรงใจผม คุณเป็นผู้กำกับอยู่หน้ามอนิเตอร์ คุณเห็นช่องโหว่ คุณต้องบอก ผมยอมเหนื่อย ทุกคนยอมเหนื่อย ทุกคนพูดอย่างนี้หมด ตรงไหนไม่ดี ตรงไหนสะดุด เอาใหม่ได้เลย พวกเราพร้อมที่จะทำให้ออกมาดีที่สุด”
          ฟัก (กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่) - เพื่อนซี้ร่างยักษ์ของโป้ง เจ้าของค่ายมวยที่ใกล้จะเจ๊งเต็มที ฟักเป็นคนเรื่อยเปื่อยแต่ก็แอบแฝงด้วยสาระ เพราะทุกครั้งที่โป้งต้องการที่ปรึกษาก็จะมีฟักเพียงคนเดียวที่ยืนรอเพื่อหาทางแก้ปัญหาไปพร้อมๆ กัน แม้บางครั้งจะแก้ไม่ได้ และต้องปล่อยเลยตามเลยก็ตาม
          “จริงๆ แล้วผมกับแดนก็รู้จักกันมาก่อน เคยทำงานด้วยกัน พอมาเรื่องนี้ตัวพี่ปอย (ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา) ซึ่งเป็นผู้กำกับฯ ก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วเหมือนกัน ก็เลยทำให้การแสดงที่ต้องมาแสดงเป็นเพื่อนกันมันก็เลยค่อนข้างจะง่าย การแสดงมันใกล้เคียงกับตัวจริง ก็เลยทำให้มันเล่นง่ายขึ้น การทำงานก็ง่ายขึ้นด้วย
          จริงๆ ดูไม่ออกว่าพี่ปอยกำกับหนังเรื่องแรก เพราะพี่ปอยเขาเองก็ร่วมงานกับแดนในเรื่องอื่นๆ มานาน ไม่รู้สึกเลยว่าเขากำกับเรื่องแรก ชั่วโมงบินเขาค่อนข้างสูง เขาให้อิสระกับการแสดงเราและทุกคน แล้วเขาก็บอกกว่าเขาต้องการยังไง ซึ่งผมว่าพี่ปอยค่อนข้างจะมืออาชีพมากเลย”
          เข็มหมุด (ใหม่ ไอน้ำ) - ผู้เสพติดการกินไข่ทุกขณะจิต เป็นคู่ซ้อมร่างเล็กหรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นที่รองรับอารมณ์ของฟ.ฟันขาวนั่นเอง เป็นคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้างเพื่อนเสมอ เพราะความฝันของเขาคือการได้เห็นเพื่อนรักได้ขึ้นชก Thai Fight เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน มีไข่เพิ่มพลังซะอย่าง
          “บทของผมจะไดอะล็อกน้อยๆ แต่แอ็คติ้งต่างๆ มันเหมือนจะแย่งซีนชาวบ้านเขาอยู่ตลอดอย่าง เช่น จะชอบนั่งแบบไม่ระวัง อยู่ดีๆ ก็ไข่โผล่ขึ้นมา คือพี่ปอยบอกว่าอยากเล่นอะไรเล่นไปเลย เล่นให้เต็มที่ เพราะบทพูดผมน้อยอยู่แล้ว
เรื่องนี้เนี่ยต่างคนต่างมีคาแร็คเตอร์ที่แปลกๆ ที่ในโลกนี้เขาไม่มีกัน แต่แก๊งนี้มี อย่างเช่น ‘เข็มหมุด’ ชอบกินไข่ จะไปไหนว่ายน้ำลงเรือจะต้องกินไข่ตลอด แล้วคู่หูผม ‘ฟ.ฟันขาว’ ก็ลิ้นหลุดตลอดเวลา ส่วน ‘บ.ก.ไหหลำ’ ของพี่แอนนาก็จะเป็นคนชอบเต้น แล้วก็ ‘แอร์โรว์’ เป็นนักเต้นแอโรบิค แล้วก็คิดว่าตัวเองไม่เป็น แต่จริงๆ มันเป็น... คอนเฟิร์มเลยมือไม้นี่ตลอดเวลา เละครับผม แต่ละซีนแต่ละฉากมารวมแก๊งกันทีก็ฮาครับ เล่นเองยังฮาเลยครับ”
          ฟ.ฟันขาว (โจอี้ เชิญยิ้ม) - นักมวยชาวกานาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยจนทำนาเป็น...นี่ก็พูดไป เขาเป็นนักมวยเพียงคนเดียวในค่ายของฟัก ผู้มีความใฝ่ฝันสูงสุดคือการขอให้ได้ขึ้นชกบนเวที Thai Fight สักครั้งหนึ่งในชีวิตนี้
“ความน่าสนใจของ The One Ticket ตัวพ่อ...เรียกพ่อ เนี่ยมันสำคัญมากกับมนุษย์ มันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์ ในเมื่อมีลูกแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันแบบเราไม่มีลูก เราก็ไม่รู้ความหมาย ความสัมพันธ์ของพ่อลูก ความรัก ความจริงจัง ความจริงใจเข้ามาด้วย เวลาเราทำอะไร เราก็ไม่ได้รอค่าตอบแทนอะไรกลับมา แต่เราพยายามทำเพื่อลูก แล้วพ่อคนนี้เป็นเพื่อนกับผม ผมเห็นความพยายามของเขาที่ทำเพื่อลูก ผมก็ต้องช่วยเหลือเขาแน่นอน เพื่อนทุกคนถึงจะบ้าจะเพี้ยนยังไงก็พร้อมใจกันช่วยเขา มันก็เลยเกิดเป็นความสนุกสนานและมิตรภาพระหว่างเพื่อนขึ้นมาด้วยครับ”
          แอร์โรว์ (นาย เดอะคอมเมเดี้ยน-มงคล สะอาดบุญญพัฒน์) - ผู้นำเต้นแอโรบิค หนุ่มหน้าใสผู้มีใจรักสวยรักงาม แต่ไม่ได้ขายครีมนะจ๊ะ พูดเลยว่าเดาเพศจากพฤติกรรมยากมาก ถึงแม้ใครจะทักว่า “ใช่...ใช่มะ” อยู่เสมอ แต่ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าไม่ใช่...ฉันไม่ใช่ตุ๊ดนะ ก็หยวนๆ เชื่อนางไปเหอะ อย่าเสียเวลาสแกนอยู่เลย
          “ในเรื่องเป็นคนสอนเต้นอยู่ในตึกที่พระเอกพักอยู่กับลูกสาว แล้วก็เป็นคนที่ออกจะเกย์ๆ หน่อย ก็ไม่ได้เปิดตัวว่าเป็น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นหรือเปล่า เราว่าเราไม่เป็น แต่ด้วยบุคลิกแล้วคนอื่นเขาว่าเราเป็นทั้งนั้น
          แก๊งนี้ถ้าถามว่าเพี้ยนถึงขนาดไหน ผมว่าไปศรีธัญญา ศรีธัญญาแตก อยู่ไม่ได้ มันเลอะเทอะไปหมด ไม่รู้ใครเป็นใคร ไม่รู้อยู่ด้วยกันได้ไง แต่รับรองว่าสนุกแน่นอน”
          แต้ว (บ๊อบบี้ เน็ตไอดอลเสียงอีสาน-ธนาพร มณีพันธ์) - ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ แหม่...ช่างเหมาะสมกับสาวอีสานหน้าสวยขี้เหวี่ยงวีนคนนี้ซะจริงๆ เธอมีความรักแม้จะต่างภาษาแต่ก็สามารถใช้เป็นเครื่องผลักดันชีวิตในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเดือดร้อนถึงตัวหรือไม่ แต่ถ้าเป็นเรื่องของฟ.ฟันขาวแฟนหนุ่ม นางก็ยอมถึงไหนถึงกัน
          “ตื่นเต้นแล้วก็กังวลด้วย เพราะเป็นหนังเรื่องแรกค่ะ กลัวเราทำไม่ได้แล้วเป็นตัวถ่วงของพี่เขา เพราะมีแต่พี่ๆ นักแสดงมืออาชีพทั้งนั้น เราก็เป็นคนเดียวที่ยังไม่มีประสบการณ์ แต่พอได้แสดงร่วมกันแล้วก็รู้สึกโอเคค่ะ ตอนแรกเข้ากองไปนึกว่าพี่เขาจะเครียดๆ กัน แต่พอเข้าไปแล้วพี่ๆ เขาก็ช่วยสอน ช่วยแนะนำ แล้วก็ใจดีด้วย
          ฉากแรกที่เข้าก็ตามคาแร็คเตอร์เลยค่ะ วันแรกก็เหวี่ยงวีนเลยค่ะ ฉากนั้นคือยากที่สุดแล้ว คือจริงๆ บทหนูจะไม่ค่อยมีบทพูด แต่วันแรกนั่นบทพูดยาวหลายบรรทัดเลยค่ะ แล้วต้องพูดภาษาอีสาน แล้วเราก็ต้องแสดงอารมณ์เหวี่ยงใส่พี่กอล์ฟแล้วก็พี่แดนค่ะ บทมันก็ประมาณ เอาแฟนเราไปทำอะไร ทำไมกลับมาแล้วหน้าเป็นแบบนี้ ประมาณนี้ค่ะ ก็สนุกมากๆ ค่ะ”
บันทึกผู้กำกับ...
          “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” เป็นหนังเรื่องแรกที่ผมได้กำกับ คือผมอยากทำหนังพ่อลูกที่มีความสนุกสนาน และให้คนที่ได้ดูได้รับรู้ถึงความพยายามของตัวตนคนหนึ่งว่า เมื่อคุณได้พยายามเต็มที่จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ แต่ความภูมิใจจะเกิดกับตัวคุณเอง อาจจะไม่ใช่แค่ตัวคุณเอง แต่รวมถึงคนรอบข้างอีก และบางครั้งการที่จะพยายามทำคนเดียวอาจจะไม่สำเร็จ ต้องมีคนรอบข้างที่เข้าใจคุณด้วย เพื่อฉุดกันขึ้นไป
          โดยส่วนตัวผมมีลูกสาว และเลี้ยงคนเดียว ก็เลยได้แรงบันดาลใจอยากทำหนังพ่อลูก และอยากทำหนังที่สนุกสนานเพราะเวลาที่ผมอยู่กับลูกสาวก็จะเล่นกัน มีความสุข ความอบอุ่นกับการที่ได้นั่งมองอีกชีวิตที่กำลังเติบโต ช่างทำให้มีความสุขมากๆ และก็อยากจะทำหนังที่มีความตลกร้ายเข้ามาผสมด้วย เลยได้แรงบันดาลใจว่า ถ้าพ่อเอาเงินที่ลูกเก็บมาไปใช้ทำอย่างอื่น โดยที่เงินทั้งหมดหายไปกลายเป็นศูนย์ เขาจะหาตั๋วที่ลูกอยากได้มาคืนได้หรือเปล่า ความสัมพันธ์ของพ่อลูกที่เหมือนรูมเมทจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้มั้ย พฤติกรรมเดิมๆ ของโป้งจะปรับเปลี่ยนได้หรือเปล่า
          ความสนุกและความตลกของการปฏิบัติภารกิจหาตั๋วของลูกจึงเริ่มต้น เรื่องของตั๋วคอนเสิร์ตที่หายไป มันเป็นเรื่องยากที่จะได้มาแต่ลูกสาวก็พยายามจะหามาให้ได้ แต่พ่อกลับทำความฝันของเด็กน้อยๆ พังทลาย
          คืออยากให้คนที่เขามาดูหนังเรื่องนี้ได้รับความสนุกของสองพ่อลูก ความแปลกประหลาดของเพื่อนๆ และที่ต้องการมากที่สุด คือเมื่อเข้ามาดูคุณจะกลับไปมองคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณมากขึ้น ไม่ใช่แค่พ่อแม่หรือลูก
          เพราะบางครั้งการมองตัวเอง เข้าข้างตัวเองมากๆ ก็ทำให้คนรอบข้างที่คุณรักห่างไป จนในที่สุดอาจจะไม่สามารถเอากลับคืนมาได้

FB on December 04, 2014, 02:00:31 PM
ปอย-ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา
(ผู้กำกับ “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ”)
ประวัติและผลงานผู้กำกับ “ปอย-ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา”
กำกับการแสดง
- The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ
ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์
- ฤดูที่ฉันเหงา (2556)
- คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ (2555)
ผู้ช่วยผู้กำกับละคร
- ละครสืบสวนป่วนกำลังสาม ช่อง 3
- คาราบาว เดอะ ซีรีส์ ตอนกระถางต้นไม้, ตอนมหา’ลัย, ตอนหนุ่มสุพรรณ ฯลฯ ช่องโมเดิร์น 9
ผลงานการแสดง
- ละครบุษบาครับผม
- ละครสุภาพบุรุษตีนควาย
- ละครนายกระจอก
- ละครสมปองน้องสมชาย
- ละครวิมานกุหลาบ
- ละครพี่น้องสองเลือด
- ละครมนต์รักล็อตเตอร์รี่
- ละครพี่ชาย
- ละครฟาร์มเอ๋ย ฟาร์มรัก
- ภาพยนตร์คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์
ประวัติและผลงาน “ด.ญ.ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล” (น้องยูเค)
เกิด: 14 กันยายน อายุ: 5 ปี
ส่วนสูง: 107 เซนติเมตร น้ำหนัก: 16 กิโลกรัม
ประวัติการศึกษา: โรงเรียนทิวไผ่งาม
ความสามารถพิเศษ: ร้องเพลง
สีโปรด: สีชมพู
กีฬาโปรด: ว่ายน้ำ
อาหารจานโปรด: สปาเก็ตตี้ไวท์ซอสเห็ด, ข้าวไข่ดาว
ผลไม้ที่ชอบ: มะละกอ, แคนตาลูป
สไตล์การแต่งตัว: แนวญี่ปุ่นแบบไม่มีลวดลายการ์ตูน
เครื่องประดับ : สร้อย, แหวน
สถานที่ท่องเที่ยว: ทะเล
ดาราที่ชื่นชอบ: เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข, มาริโอ้ เมาเร่อ
นักร้องที่ชื่นชอบ: นิว-จิ๋ว
หนังที่ชอบ: การ์ตูน Disney ทุกเรื่อง
ผลงานที่ผ่านมา
- โฆษณา: คอนโดแสนสิริ, มิตซูบิชิ ปาเจโร, AIS, โรงพยาบาลศิริราช, นูทิไลท์
- หนังสั้น: Wacoal (My Beautiful Woman 3/3), Present Perfect
- MV: หากว่าย้อนเวลากลับไปได้ (พีท-พีระ), ปล่อย (ป็อป-ปองกูล)
- ละคร: รอยฝันตะวันเดือด (ช่อง 3)
ผลงานล่าสุด
- ภาพยนตร์: The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ
ประวัติและผลงาน “นิว-ปทิตตา อัธยาตมวิทยา”
ผลงานภาพยนตร์
- ปาย อิน เลิฟ (2552)
- 9-9-81 บอก-เล่า-9-ศพ (2555)
- The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ (2557)
ผลงานละครช่อง 7
- เหลี่ยมรัก
- วันนี้ที่รอคอย
- ยมบาลเจ้าขา
- บอดี้การ์ดสาว
- แหม่มจ๋า
ผลงานเพลง
- อัลบั้ม "ความรัก ปากกา กีตาร์โปร่ง" (Love in the Light Lines) ค่าย Classy ติดชาร์ตอันดับ 1 ในประเทศไต้หวัน, ฮ่องกง, มาเก๊า ในปี พ.ศ. 2553
ผลงานมิวสิควีดีโอ
- อยู่กับเขาคิดถึงเธอ (วง Unvirgin)
- เจ็บ...และชินไปเอง (วง ETC)
ผลงานพิธีกร
- รายการ ยำใหญ่ใส่สารพัด
- รายการ วีสตาร์นิวส์
- ผู้กำกับ และพิธีกร รายการ Pet Space @Fukduk TV
- รายการ The Event ทางช่อง TNN (True)
- รายการ เที่ยงบันเทิง
- รายการ เส้นทางบันเทิง

FB on December 08, 2014, 10:50:07 PM
บทสัมภาษณ์ “น้องยูเค-ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล” คู่หูคนใหม่ของ “แดน วรเวช” สาวน้อยมากความสามารถกับการแสดงหนังเรื่องแรก “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ”









แนะนำตัว
          สวัสดีค่ะ หนูชื่อ เด็กหญิงณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล ชื่อเล่น ยูเค ค่ะ อายุ 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้นป.1 โรงเรียนทิวไผ่งามค่ะ ผลงานที่ผ่านมาหนูเคยแสดง MV ของป๊อป-ปองกุล, พีท-พีระ, หนังสั้น แล้วก็มีโฆษณา แล้วก็ละครรอยรักหักเหลี่ยมตะวันค่ะ เรื่องนี้เป็นผลงานล่าสุดของหนู เป็นหนังเรื่องแรกค่ะ เรื่อง “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” หนูรับบทเป็นลูกสาวพี่แดน ชื่อ ป.ปลา ค่ะ

เรื่องราวสนุกสนานยังไง
          ในเรื่องนี้หนูรับบทเป็น ป.ปลา ค่ะ เป็นเด็กอายุ 7 ขวบ อยู่กับพ่อโป้ง (แดน วรเวช) ตามลำพังสองคน แล้วป.ปลาก็ต้องทำงานบ้านจนถึงเรื่องเรียนด้วยตัวเอง พ่อไม่ค่อยสนใจ ป.ปลามีวงเกิร์ลกรุ๊ปขวัญใจ ชื่อเบอร์รี่ซ์ โคโบ (Berryz Kuobo) ที่จะมาเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองไทย ป.ปลาก็เลยเก็บเงินจนครบและฝากพ่อจองบัตร แต่พ่อเอาเงินไปทำอย่างอื่นไม่ได้จองบัตร ทีนี้บัตรหมด พ่อไม่รู้จะทำยังไง เลยต้องไปชวนแก๊งเพื่อนช่วยกันทำภารกิจตามล่าหาบัตรมาให้หนู นี่เลยเป็นที่มาของความสนุกสนานในเรื่องนี้ค่ะ

เล่นหนังเรื่องแรกเป็นยังไงบ้าง
          ตื่นเต้นแล้วก็สนุกค่ะ พี่ๆ ใจดีทุกคน ถ่ายตอนดึกๆ หนูก็มีง่วงบ้าง ดีใจเล่นเรื่องนี้ ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วย ที่ญี่ปุ่นอากาศร้อนมาก หนูกลับมาตัวดำเลย เล่นเรื่องนี้ก็สนุก ไม่เครียดเลยค่ะ

พี่ปอย (ผู้กำกับ) กับพี่แดนเป็นยังไง
          พี่ปอย (ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา) เป็นผู้กำกับเรื่องนี้ค่ะ ใจดี ไม่ดุ แล้วก็น่ารัก ก็จะคอยสอนหนูว่าต้องแสดงยังไง เล่นยังไงค่ะ
พี่แดน (วรเวช ดานุวงศ์) รับบทเป็นพ่อหนูในเรื่องค่ะ ใจดี ไม่ดุเหมือนกัน พี่แดนเป็นคนตลก ชอบเล่านิทานให้หนูฟังด้วย ตอนแรกๆ ก็ไม่สนิทกันเท่าไหร่ แต่พอตอนหลังๆ เล่นไปนานๆ ก็สนิทกัน ไม่อยากให้ถ่ายหนังจบเลยค่ะ

กองถ่ายหนังเรื่องนี้สนุกยังไง ได้เล่นอะไรกับพี่แดนและพี่ๆ ทีมงานบ้าง
          กองนี้สนุกดีค่ะ พี่แดนก็จะเล่านิทานให้ฟังค่ะ เรื่องไข่เจียว แต่หนูจำไม่ได้แล้วค่ะ แล้วก็มีเล่นเกมกับพี่แดนด้วย อยู่ในกองก็ไม่ค่อยได้เล่นค่ะ ก็มีไปดูคางคกกระโดดไปกระโดดมา แล้วก็พี่คนหนึ่งเขาก็เอาไม้กวาดมาเขี่ยเล่น แล้วคางคกมันเกาะอยู่ที่ไม้กวาด (หัวเราะ)

ชอบฉากไหนที่สุด
          ชอบทุกฉากเลยค่ะ ก็มีฉากปาร์ตี้บนดาดฟ้า, ฉากสระน้ำ ชอบทุกๆ ฉากค่ะ ฉากปาร์ตี้บนดาดฟ้าก็ได้เล่นกับพี่แดนและพี่นิวค่ะ มีจัดไฟแล้วก็ปิ้งหมูกระทะกัน แล้วก็มีเล่นเกมกันด้วย สนุกดีค่ะ แต่ถ่ายดึกไปหน่อยค่ะ หนูก็ง่วงมั่ง ฉากเล่นเปตองที่สระน้ำ พี่ๆ ก็แปลงสระว่ายน้ำเป็นสนามเด็กเล่นค่ะ ก็เล่นเปตองกัน โยนไปโยนมา แล้วก็มีฉากหนึ่งดราม่าด้วยค่ะ แบบหนูร้องไห้เยอะมาก มีอยู่ฉากหนึ่งครูเบล (แอ็คติ้งโค้ช) เขาสอนหนู แต่แบบครูเบลตะโกนดังมากๆ ค่ะ จนหนูกลัวมาก ร้องไห้ได้เลย (ยิ้ม)

ในชีวิตจริงถ้ามี The One Ticket ยูเคอยากดูคอนเสิร์ตวงไหนที่สุด
          ถ้าหนูมีตั๋วคอนเสิร์ตหนึ่งใบ หนูอยากดูคอนเสิร์ตของเบอร์รี่ซ์ โคโบ กับ D2B ค่ะ

ชวนทุกคนมาดูหนังเรื่องนี้
          ค่ะ ก็มาดูหนังเรื่องนี้กันเยอะๆ นะคะ หนูกับพี่ๆ ทุกคนตั้งใจทำงานมาก แล้วก็เป็นหนังเรื่องแรกของหนูด้วย หนูตั้งใจเล่นมากๆ แล้วหนังก็สนุกมากๆ เลยค่ะ มาดูกันเยอะๆ นะคะ “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” ค่ะ ดูได้ทั้งครอบครัว พามาฉลองปีใหม่กันได้ค่ะ 31 ธันวานี้ค่ะ

FB on December 17, 2014, 02:10:09 PM
Movie Guide: ตัวอย่าง “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” (เข้าฉาย 31 ธันวา 57)





ตัวอย่าง The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ (Official Trailer 1)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=OKsIxBBnzkI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=OKsIxBBnzkI</a>

ภาระกิจที่จะเปลี่ยนตัวห่วย ให้กลายมาเป็นตัวพ่อ เรื่องง่ายๆ ที่กลายมายากมากกกกกกกกกกกก เมื่อมาอยู่ในมือของโป้ง แค่ตั๋วใบเดียว ก็ทำให้ชีวิตมันปั่นป่วนได้ถึงขนาดของโป้ง นักเขียนการ์ตูนจอมมั่ว ที่ไม่เคยคิดเลยว่าแค่ตั๋วคอนเสิร์ตเพียงใบเดียว “ไอ้ตั๋วใบน้าน...นนน” มันจะเปลี่ยนชีวิตเขาได้ขนาดนี้

พวกเขาจึงต้องรวมพลังทำทุกอย่างเพื่อคว้า “ตั๋วใบนั้น” มาครองให้จงได้ ภารกิจของโป้งและแก๊งเพื่อนจะรุ่งหรือร่วง ฝันของป.ปลาจะเป็นจริงมั้ย โป้งจะกลายเป็นฮีโร่ในสายตาของลูกสาวได้หรือไม่ ตั๋วเพียงใบเดียวจะเปลี่ยนชีวิตเราได้จริง­หรือ...สู้ต่อไป... “ไอ้โป้ง & เดอะแก๊ง”

          The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ
          ฮาแน่ ฮะแน่ เข้าฉาย 31 ธันวาคม 57 นี้
« Last Edit: December 17, 2014, 03:47:14 PM by FB »

FB on December 17, 2014, 02:24:17 PM
บทสัมภาษณ์ “กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่” เพื่อนรักตัวพ่อในหนังตลกอารมณ์ดี “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ”



บทบาท-คาแร็คเตอร์
          เรื่องนี้ผมรับบท “ฟัก” เป็นเจ้าของค่ายมวยที่ค่อนข้างไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ทีนี้เป็นเพื่อนกับแดนที่เล่นเป็น โป้ง ก็คบหากันมานานแล้วค่อนข้างที่จะเห็นได้ว่าตัวเพื่อนของเราเนี่ยมันไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง สุดท้ายก็ต้องมาร่วมหัวจมท้ายกันเพื่อตามหาตั๋วใบหนึ่งให้ลูกสาวเขา เพราะไม่อยากให้เขาพลาดโอกาสไปมากกว่านี้
          ซึ่งจริงๆ แล้วผมกับแดนก็รู้จักกันมาก่อน เคยทำงานด้วยกัน พอมาเรื่องนี้ตัวพี่ปอย (ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา) ซึ่งเป็นผู้กำกับฯ ส่วนตัวเราก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วเหมือนกัน ก็เลยทำให้การแสดงที่ต้องมาแสดงเป็นเพื่อนกันมันก็เลยค่อนข้างจะง่าย การแสดงมันใกล้เคียงกับตัวจริง ก็เลยทำให้มันเล่นง่ายขึ้น การทำงานก็ง่ายขึ้นด้วย

เรื่องราวความสนุกสนานของเรื่องนี้
          ความสนุกสนานของเรื่องนี้เนี่ย มันเริ่มมาจากตัวโป้ง (แดน วรเวช) ที่เป็นพ่อของป.ปลา (น้องยูเค)เขาได้เอาเงินของลูกสาวที่จะใช้ซื้อตั๋วคอนเสิร์ตไปใช้อย่างอื่น ซึ่งตั๋วใบนี้ก็สำคัญกับลูกสาวเขามาก ตั๋วก็โคตรหายาก แล้วทีนี้เนี่ยจะทำยังไงให้ได้ตั๋วมา แล้วเขาก็ค่อนข้างทำผิดพลาดกับลูกสาวไว้เยอะ แล้วเขาก็ไม่อยากทำให้มันผิดพลาดไปมากกว่านี้ ก็เลยร่วมกับเพื่อนๆ อีก 6 คนร่วมทำภารกิจที่จะต้องไปตามหาตั๋วใบนี้มาให้ได้ ก็ช่วยเหลือเพื่อนกัน แล้วก็ฝ่าฟันมันไปให้ได้ มันมีเรื่องราวมากมายหลายอย่างมากกว่าแค่ตั๋วใบเดียวครับ
รวมตัวแก๊งเพื่อนเมื่อไหร่ ความฮามาเยือนแน่นอน
          ในเรื่องนี้คาแร็คเตอร์ของเพื่อนแต่ละคนเรียกว่าพีกมาก แต่ละคนไม่ธรรมดาครับ เฉพาะนักแสดงแต่ละคนก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้วครับ พอมารวมตัวกันก็เลยฮามาก พอไม่ได้ถ่ายก็นั่งคุยกันเฮฮา ยิ่งพี่แอนนา, พี่โจอี้ แล้วโดยเฉพาะนาย เดอะคอมเมเดี้ยนนี่จะฮามาก ต้องลองดูกันครับ
การกำกับเรื่องแรกของผู้กำกับปอยเป็นยังไงบ้าง
          จริงๆ ดูไม่ออกว่าพี่ปอยกำกับหนังเรื่องแรก เพราะพี่ปอยเขาเองก็ร่วมงานกับแดนในเรื่องอื่นๆ มานาน ไม่รู้สึกเลยว่าเขากำกับเรื่องแรก ชั่วโมงบินเขาค่อนข้างสูง เขาให้อิสระกับการแสดงเราและทุกคน แล้วเขาก็บอกกว่าเขาต้องการยังไง ซึ่งผมว่าพี่ปอยค่อนข้างจะมืออาชีพมากเลย
มีฉากที่ยากหรือหนักใจในการแสดงเรื่องนี้
          ฉากที่หนักใจจริง ๆ แล้วเป็นฉากที่คุยกันข้างสระว่ายน้ำกับแดนมากกว่า เหมือนจะง่าย แต่ฉากนั้นเนี่ยบทประมาณ 3-4 หน้าเลย แล้วจะต้องเป็นการแสดงที่ใช้อารมณ์มาก เป็นฉากที่ต้องพูดคุยกับเพื่อน คอยแนะนำเขา มันน่าจะเป็นฉากพลิกชีวิตเขาได้เลย
ส่วนฉากเต้นเนี่ย วันแรกๆ ค่อนข้างปวดเข่าเป็นอย่างมาก เพราะว่าเราไม่ใช่คนออกกำลังกายอยู่แล้ว ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร เพื่อที่จะซ้อมให้เข้ากับคิวทุกคนและทุกอย่าง
เสน่ห์และความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้
          เรื่องนี้จะมีโมเม้นต์พิเศษสำหรับผมมากๆ คือตอนที่ผมอ่านบทเรื่องนี้เสร็จ อีกวันพบว่าเมียผมท้อง ผมกลายเป็นคุณพ่อทันที เป็นท้องแรก ตกใจกับเรื่องส่วนตัวเราด้วย เราคิดว่ามันก็เลยทำให้เราอินกับหนังมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะอยู่ๆ ชีวิตเราก็คล้ายกับตัวเอกในหนังทันทีด้วย แล้วเพิ่งรู้ว่าแฟนได้ลูกสาวเหมือนกันด้วย ก็เลยค่อนข้างที่จะอินมาก ผมก็เลยดูว่าคาแร็คเตอร์ตัวพระเอกในเรื่องมันจะคล้ายกับตัวผมคือตัวเขาจะเป็นคนทำอะไรบ้าๆ ไม่เอาอ่าว ความรับผิดชอบมันก็ไม่ค่อยมี ซึ่งมันก็คล้ายๆ เรา เรายังเป็นคนตื่นสาย เป็นคนที่บางวันยังไม่อาบน้ำ 2-3 วันอยู่เลย ดูดบุหรี่แล้วกินเหล้าหนักมาก แล้วมันทำให้เราเนี่ยเหรอที่จะเป็นพ่อที่ดีได้ แต่พอไปอ่านบทเรื่องนี้ ได้เล่นเรื่องนี้ มันมีเรื่องความเป็นฮีโร่ของตัวพ่ออยู่ด้วย มันอยู่ที่การเป็นพ่อเป็นแม่ พ่อแม่ทุกคนนี่เป็นฮีโร่หมด หลังจากนั้นเราก็ค่อยๆ ปรับปรุงในชีวิตจริง ก็เลิกกินเหล้ามาตั้งแต่เมียท้อง 4-5 เดือนแล้ว ค่อนข้างที่จะอินไปกับมันมากพอสมควร พอดูหนังเรื่องนี้จบ ผมว่าจะต้องกลับไปกอดคนที่บ้าน มันมีความรู้สึกนี้จริง ๆ
          ซึ่งใกล้เทศกาลสิ้นปีอย่างนี้นะครับ ไม่มีอะไรดีกว่าการพาครอบครัวมาดูหนังเรื่องนี้นะครับ เพราะว่ามันคือความอบอุ่น มันคือความประทับใจที่อยากจะให้ส่งมอบต่อกันช่วงปีใหม่นี้ ถ้าหนังเรื่องที่คุณชอบคือเรื่องอะไร มาดูหนังเรื่องนี้มันจะเป็นเรื่องนี้ทันทีครับ ผมมั่นใจอย่างนั้นครับ
« Last Edit: December 18, 2014, 03:43:03 PM by FB »

FB on December 18, 2014, 04:06:50 PM
Movie Guide: “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” รวมแก๊ง “ตัวฮาตัวพ่อ” หัวเราะกระจายรับปีใหม่








 
          ขึ้นชื่อภาพยนตร์ตลกตัวพ่ออย่างนี้แล้ว “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” โดยการกำกับครั้งแรกของ “ปอย-ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา” ก็เลยเซอร์วิสแฟนหนังด้วยการรวมแก๊ง “ตัวฮาตัวพ่อ” อย่าง “แอนนา ชวนชื่น, กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่, ใหม่ ไอน้ำ, โจอี้ เชิญยิ้ม, นาย เดอะคอมเมเดี้ยน, บ๊อบบี้ เน็ตไอดอลเสียงอีสาน” มาสร้างเสียงหัวเราะให้ฮากระจายส่งความสุขรับปีใหม่กันเลย งานนี้ผู้กำกับปอยพูดถึงการจับปูใส่กระด้ง เอ้ย...การร่วมงานกับแก๊งฮาแก๊งนี้ว่า

          “แก๊งเพื่อน 6 คนผู้มาช่วยพระเอกเราปฏิบัติภารกิจพิชิตตั๋วนี่เราดีไซน์คาแร็คเตอร์ให้โดดเด่นมีสีสันด้วยกันทุกคนอยู่แล้ว เริ่มจาก ‘พี่แอนนา’ ก็จะเป็นบรรณาธิการฯ ที่ชอบเต้นยับปล่อยมุกกระจายเลย ส่วน ‘กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่’ ก็จะเป็นเพื่อนสนิทของพระเอก ชีวิตขัดสน เป็นเหมือนมุมมองของเพื่อนจริงๆ ที่ผมอยากถ่ายทอดออกมา ‘พี่โจอี้’ จะเป็นนักมวยต่างชาติที่สื่อสารไม่รู้เรื่องแต่ดันมีแฟนสวยจนทุกคนในแก๊งต้องอิจฉา ‘ใหม่ ไอน้ำ’ จะเป็นคู่ซ้อมชกที่บ้ากินไข่เป็นชีวิตจิตใจ มโนไปเองว่าจะช่วยเพิ่มพลังให้ได้ ‘น้องบ๊อบบี้ เสียงอีสาน’ เป็นผู้หญิงคนเดียวในแก๊ง จะขี้เหวี่ยงวีนแล้วก็ด่าได้น่ารัก จะรักพื้นเพตัวเองมากเลยพูดอีสานทั้งเรื่องเลย ส่วนสุดท้าย ‘นาย เดอะคอมเมเดี้ยน’ ก็จะเป็นคนที่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ เขาจะเป็นครูสอนเต้นแอโรบิคใต้ตึกที่โป้งพักอยู่ ตัวละครนี้จะก่ำกึ่งไม่แน่ไม่นอนว่าเป็นเพศไหนกันแน่ มันจะงงๆ สับสนในตัวเอง

          แก๊งนี้รวมแดน (วรเวช) เป็น 7 คนเหมือนจับปูใส่กระด้งมาก แต่ก็สนุก ยิ่งอยู่กันนานๆ ก็ยิ่งเข้าขากัน มีมุกสด มีอินเนอร์ มีเล่นอิมโพรไวส์ ซึ่งมันโอเคมากๆ ครับ ความสนุกสนานเกิดขึ้นจากตรงนี้ เมื่อคาแร็คเตอร์ชัดเนี่ยตัวนักแสดงเองผมว่าเขาก็จะเล่นได้เต็มที่ เพราะเขารู้ว่าตัวนี้คิดอะไรอยู่ ซีนนี้ควรเล่นอะไร ผมว่าดี เพราะถ้าคาแร็คเตอร์มันยังลอยๆ ไม่ชัดเจน มันก็อาจจะเล่นไม่สุดได้ครับ”

          เตรียมฮากระจายระดับตัวพ่อกับแก๊งผองเพื่อนสุดรั่วนี้ได้ใน “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ” 31 ธันวานี้แน่นอน ทุกโรงภาพยนตร์

FB on December 22, 2014, 03:12:58 PM
“เตรียมพบกับ MV “ซิงโนไวท์” ost. “The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ”


 
          “แดน-วรเวช” แท็กทีมฮิพฮ็อพตัวพ่อ “กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่”
          ร่วมกันร้อง เต้น มันส์หลุดโลก ไม่ห่วงลุกส์
          เตรียมพบกับ MV “ซิงโนไวท์”
          เพลงประกอบภาพยนตร์ "The One Ticket ตัวพ่อเรียกพ่อ"
          วันพฤหัสที่ 18 ธันวาคมนี้
          ที่ facebook.com/sahamongkolfilmint