Facebook on October 15, 2014, 03:24:31 PM
Book Expo Thailand 2014

สถานที่: ศูนย์การประชุมฯ สิริกิติ์

วันที่จัดกิจกรรม: 15 ตุลาคม 2557 - 26 ตุลาคม 2557 เวลา 10:00 น.

          Book Expo Thailand 2014
          Date :15 ต.ค. -26 ต.ค. 2557
          Time :10.00-20.00

          ร่วมรณรงค์ส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน เพื่อให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และคิดอย่างสร้างสรรค์ได้ด้วยการอ่าน สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย จึงกำหนดจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 19 ภายในงาน พบกับการออกบูทและการจำหน่ายหนังสือในราคาพิเศษจากสำนักพิมพ์ชั้นนำกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ ที่นำกองทัพหนังสือดีคุณภาพเยี่ยมมาเอาใจคนรักการอ่านในงานนี้ รวมถึงกิจกรรมที่น่าสนใจให้ร่วมสนุกอีกมากมาย อาทิ การพบปะกับนักเขียนชื่อดังที่ท่านชื่นชอบ พร้อมรับสาระความรู้คู่ความบันเทิงจากกิจกรรมบนเวทีกลาง การอบรมสัมมนา และอื่นๆ ตลอดงาน

          Location :All areas
          Organizer :
          The Publishers and Booksellers Association of Thailand (PUBAT)
          For more information Please visit :
          www.pubat.or.th/index

Facebook on October 21, 2014, 10:35:26 PM
ครึ่งทางมหกรรมหนังสือฯ คนล้นทะลักกว่า 1.2 ล้านคน หนังสือจากโลกออนไลน์ และแนวพัฒนาตัวเองมาแรง สนพ.งัดกลยุทธ์ดึงดูดคนอ่านเต็มกำลัง









          เสนอรัฐบาลแจกคูปองปัญญา ให้คนทั่วประเทศได้อ่านหนังสือฟรี พร้อมจัดงบการอ่านเป็นงบประมาณประจำปีในแต่ละจังหวัด เพื่อร่วมสร้างคนคุณภาพให้สังคมไทย

          นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมครึ่งทางของ “มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19” ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันพุธที่ 15 ถึงวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2557 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า พิจารณาจากสภาวะเศรษฐกิจซบเซาในช่วงปีนี้ ถือว่าครึ่งทางของงานมหกรรมหนังสือฯครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายในแง่ของผู้ร่วมงาน เพราะจาก 6 วันที่ผ่านมาผู้เข้าชมงานอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคนแล้ว โดยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและเยาวชน รองลงมาคือวัยทำงาน แม้ว่ายอดซื้อหนังสือต่อคนจะลดลงบ้างก็ตาม

          “สำนักพิมพ์ต่างๆมีหนังสือปกใหม่เยอะกว่าปกติ ปกติจะราว 300 ปก แต่งานครั้งนี้ออกกันมาราว 500 ปก และต่างก็งัดกลยุทธ์ทางการตลาดมาแข่งขันกันอย่างจริงจังเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้อ่านให้มากที่สุด อาทิ การออกหนังสือเป็นบ็อกเซ็ท ทั้งพ็อกเก็ตบุ๊คแนวไลฟ์สไตล์ นิยายแนวต่างๆ และวรรณกรรมเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงมีการใช้คูปองลดราคาในสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ เพื่อดึงดูดใจให้เพิ่มการซื้อถึงระดับที่สำนักพิมพ์กำหนด เพื่อที่จะได้ลดราคามากกว่าเดิม เช่น ซื้อครบ2,000 บาท จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 200 บาท ซึ่งแม้จะทำให้สำนักพิมพ์ได้กำไรลดลง แต่ก็ช่วยเพิ่มยอดการซื้อได้

          อย่างไรก็ตาม ยอดการซื้อหนังสือต่อคนลดลงอย่างค่อนข้างเห็นได้ชัด จากที่เคยซื้อกันคนละประมาณ 5-10 เล่ม เหลือประมาณคนละ 3-6 เล่ม เพราะมีการไตร่ตรองมากขึ้น และจะซื้อเฉพาะเล่มที่ตัวเองต้องการจริงๆ”

          ส่วนเทรนด์หนังสือที่มาแรงในครั้งนี้ คือหนังสือที่นักเขียนต่อยอดผลงานของตัวเองจากโลกออนไลน์ อาทิ เว็บไซต์ บล็อก แฟนเพจต่างๆ เป็นต้น โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก และหลายเล่มมีการพิมพ์ซ้ำเพิ่มเติมระหว่างงาน รวมถึงหนังสือแนวพัฒนาตัวเอง ทั้งในด้านของการเพิ่มพูนความสามารถและวิธีสร้างรายได้เพิ่มเติม ที่วัยรุ่นและวัยทำงานให้ความสนใจอย่างสูง

          “หนังสือที่นักเขียนมาจากออนไลน์จะไม่ใช่แนวนิยายเป็นส่วนใหญ่อีกแล้ว เพราะที่มาแรงในงานครั้งนี้จะเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คที่เกี่ยวกับความรู้ ความคิดในด้านต่างๆ รวมถึงหนังสือภาพ คาดว่าอาจเพราะนักเขียนมีฐานของแฟนคลับจึงทำให้ยอดขายหนังสือแนวนี้ไปได้ดี และการันตียอดขายได้ในระดับหนึ่ง โดยหนังสือส่วนใหญ่จะเป็นการเขียนใหม่ขึ้นมา หรือจัดคอนเซ็ปต์เล่มอย่างชัดเจน

          ในส่วนของหนังสือแนวพัฒนาตัวเองนั้น กระแสเกิดขึ้นจากสภาพสังคมที่ผู้คนกำลังสับสนกับสภาวะเศรษฐกิจและสังคมภายนอก จึงตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด รวมถึงสร้างรายได้เพิ่มทั้งจากอาชีพและการลงทุน

          ที่น่าสนใจคืองานมหกรรมหนังสือฯครั้งนี้ หนังสือสำหรับเด็กและเยาวชนในช่วงปฐมวัยได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะแสดงว่าผู้ปกครองให้ความสำคัญกับการปลูกฝังการอ่านแก่เด็กไทยตั้งแต่ยังเยาว์มากขึ้น” นายจรัญกล่าว
นายจรัญยังกล่าวอีกด้วยว่า ตนขอเสนอรัฐบาลให้ทำโครงการ “คูปองปัญญา” แจกคูปองให้ประชาชนคนละ 200 บาท เพื่อซื้อหนังสือที่ไหนก็ได้ เพราะมีคนไทยอีกมากที่อยากอ่านหนังสือ แต่ไม่สามารถซื้อได้ โดยนอกจากจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมหนังสือแล้วนั้น ยังเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องสร้างคนคุณภาพให้เกิดขึ้นในสังคมด้วย และการลงทุนด้วยหนังสือถือเป็นการลงทุนที่ถูกมากเมื่อเทียบกับการลงทุนอย่างอื่น และยังสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้สังคมได้จริงๆ

          “ไม่ได้เรียกร้องรัฐบาลให้รัฐบาลมาช่วยเหลืออะไร แค่ขอให้ชายตามองอุตสาหกรรมหนังสือบ้าง ที่ผ่านมารัฐมุ่งเน้นช่วยเหลือธุรกิจภาคอื่นตลอดเวลา ซึ่งไม่สามารถสร้างคนคุณภาพให้สังคมได้จริงๆ แจกคูปองอื่นๆยังแจกได้ นี่คือการแจกปัญญา หากเป็นไปได้ขอเสนอภาครัฐให้จัดงบการอ่านเป็นหนึ่งในงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละจังหวัด เพื่อให้ได้ทำกิจกรรมด้านการอ่าน เช่นเดียวกับงบด้านวัฒนธรรม กีฬา และยาเสพติด

          การที่มีคนมางานหนังสือมากขนาดนี้ น่าจะเป็นตัวเลขที่ทำให้รัฐบาลมองบ้างว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร ประชาชนต้องการอะไรจากประเทศนี้ และน่าจะเป็นความเห็นหนึ่งที่ส่งถึงรัฐบาลได้ว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะเหลียวมามองอุตสาหกรรมหนังสือบ้าง เพราะรัฐมีหน้าที่สร้างคนให้เป็นคนคุณภาพ” นายจรัญกล่าว

Facebook on October 27, 2014, 11:04:15 PM
มหกรรมหนังสือฯประสบความสำเร็จล้นหลาม นักอ่านกว่า 2.8 ล้านคนเข้าร่วมงาน เพิ่มขึ้น6.46 % รายได้สะพัดราว 700 ล้านบาท





          หนังสือจากโลกออนไลน์ ท่องเที่ยว พัฒนาตัวเอง และหนังสือสำหรับเด็กเล็กมาแรง เสนอโครงการคูปองปัญญาแก่รัฐบาล กระจายการอ่านสู่ทุกครอบครัว พร้อมจัดงบการอ่านเป็นงบประมาณประจำปีแต่ละจังหวัด และรณรงค์มอบหนังสือเป็นของขวัญช่วงปีใหม่ หวังกระตุ้นอุตสาหกรรมหนังสือ

          นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)ให้สัมภาษณ์ถึงผลสรุปรวมของ “มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19” ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันพุธที่ 15 ถึงวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า งานมหกรรมหนังสือฯครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายทั้งในแง่ของผู้ร่วมงานและยอดขายโดยรวมของสำนักพิมพ์ต่างๆ โดยส่วนใหญ่ผู้เข้าชมงานจะเป็นเด็กและเยาวชน รองลงมาคือวัยทำงาน แม้ว่ายอดซื้อหนังสือต่อคนจะลดลงบ้างก็ตาม

          “แม้ยอดการซื้อหนังสือต่อคนลดลงอย่างบ้าง จากที่เคยซื้อกันคนละประมาณ 5-10 เล่ม เหลือประมาณคนละ 3-6 เล่ม เพราะมีการไตร่ตรองมากขึ้น และจะซื้อเฉพาะเล่มที่ตัวเองต้องการจริงๆ แต่ในภาพรวมแล้วถือว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย เพราะมีนักอ่านถึง 2.8 ล้านคนเข้าร่วมงาน โดยเฉพาะในวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันเสาร์อาทิตย์ ที่มีผู้ร่วมงานราว 3.5 แสนคนต่อวัน เมื่อเทียบกับมหกรรมหนังสือครั้งที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 6.46 %การอยู่รอดได้ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก” นายจรัญกล่าว

          โดยเทรนด์หนังสือที่มาแรงในครั้งนี้ คือหนังสือที่นักเขียนต่อยอดผลงานของตัวเองจากโลกออนไลน์ อาทิ เว็บไซต์ บล็อก แฟนเพจ เป็นต้น ซึ่งมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรู้ ความคิดในแง่ต่างๆ โดยไม่ได้เป็นเพียงแนวนิยายออนไลน์อีกต่อไป และหลายเล่มมีการพิมพ์ซ้ำเพิ่มเติมระหว่างงานมหกรรมหนังสือฯ คาดว่าอาจเพราะนักเขียนมีฐานของแฟนคลับจึงทำให้ยอดขายหนังสือแนวนี้ไปได้ดี และการันตียอดขายได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงหนังสือแนวท่องเที่ยวต่างประเทศ แนวพัฒนาตัวเอง ทั้งในด้านของการเพิ่มพูนความสามารถและวิธีสร้างรายได้เพิ่มเติม ที่วัยรุ่นและวัยทำงานให้ความสนใจอย่างสูง

          “ที่น่าสนใจคืองานมหกรรมหนังสือฯครั้งนี้ หนังสือสำหรับเด็กและเยาวชนในช่วงปฐมวัยได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะแสดงว่าผู้ปกครองให้ความสำคัญกับการปลูกฝังการอ่านแก่เด็กไทยตั้งแต่ยังเยาว์มากขึ้น” นายจรัญกล่าว

          นายจรัญคาดว่าจากความสำเร็จในครั้งนี้ น่าจะช่วยกระตุ้นภาพรวมของอุตสาหกรรมหนังสือของปีนี้ได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามยอดรวมรายได้ทั้งปีของอุตสาหกรรมหนังสือคงจะยังอยู่ในระดับ 25,000 ล้านบาทเช่นเดิม เพราะมหกรรมหนังสือฯเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

          นายจรัญยังกล่าวอีกด้วยว่า ตนขอเสนอรัฐบาลให้ทำโครงการ “คูปองปัญญา” แจกคูปองให้ประชาชนคนละ 200 บาท เพื่อซื้อหนังสือที่ไหนก็ได้ เพราะมีคนไทยอีกมากที่อยากอ่านหนังสือ แต่ไม่สามารถซื้อได้ รวมถึงจัดงบการอ่านเป็นหนึ่งในงบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละจังหวัด เพื่อให้ได้ทำกิจกรรมด้านการอ่าน เช่นเดียวกับงบด้านวัฒนธรรม กีฬา และยาเสพติด และรณรงค์ให้มอบหนังสือเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

          “หนังสือเป็นของขวัญที่ดีที่สุด เพราะไม่ได้มอบแค่ความบันเทิง แต่ยังมอบปัญญาและความสุขให้แก่กัน อยากให้รัฐบาลช่วยรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมมอบหนังสือเป็นของขวัญ ถ้าหากรัฐบาลทำได้นั้นถือเป็นการมอบของขวัญให้กับสังคมไทยด้วย”

          นายจรัญยังเผยอีกว่า ปัจจุบันสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯได้พยายามกระจายการอ่านไปสู่ภูมิภาคด้วยงานหนังสือในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในทุกจังหวัด โดยโครงการล่าสุดคืองานเทศกาลหนังสืออุดรธานีครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7-16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ณ อุดรธานีฮอลล์ เซ็นทรัลพลาซ่า จ.อุดรธานี ทุกความสำเร็จชี้ชัดว่า ไม่ใช่คนไทยไม่อ่านหนังสือ เพียงแต่ไม่มีโอกาสเข้าถึงหนังสือที่อยากอ่านจริงๆ ซึ่งสมาคมฯพยายามร่วมสร้างวัฒนธรรมการอ่านในทุกทางในหลายโครงการ อาทิ“โครงการ๑ อ่าน ล้านตื่น” , “การจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาอาชีพธุรกิจหนังสือและสิ่งพิมพ์” แต่ส่วนที่จะสามารถทำให้วัฒนธรรมการอ่านเกิดขึ้นได้จริงๆนั้น จะต้องมาจากภาครัฐเป็นสำคัญ

          “หน้าที่หนึ่งของรัฐคือต้องสร้างคนคุณภาพให้เกิดขึ้นในสังคมด้วย การลงทุนด้วยหนังสือถือเป็นการลงทุนที่ถูกมากเมื่อเทียบกับการลงทุนอย่างอื่น และการที่มีคนมางานหนังสือมากขนาดนี้ น่าจะเป็นตัวเลขที่ทำให้รัฐบาลมองบ้างว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร ประชาชนต้องการอะไรจากประเทศนี้ และน่าจะเป็นความเห็นหนึ่งที่ส่งถึงรัฐบาลได้ว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะเหลียวมามองอุตสาหกรรมหนังสือบ้าง เพราะรัฐมีหน้าที่สร้างคนให้เป็นคนคุณภาพ” นายจรัญกล่าว