happy on September 19, 2015, 07:57:58 PM

ชื่อภาพยนตร์:    Straight Outta Compton
ชื่อไทย:       เมืองเดือดแร็ปเปอร์กบฎ
วันที่เข้าฉาย:    22 ตุลาคม 2558
จัดจำหน่าย:    บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด


ข้อมูลงานสร้าง

               ขอเชิญเป็นประจักษ์พยานการพุ่งทะยานสู่ความโด่งดังของศิลปินกลุ่มที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก

        ในปี 1987 ห้าหนุ่มที่ประกอบไปด้วยไอซ์ คิวบ์ (โอ’เชีย แจ็คสัน, จูเนียร์), ดร.เดร (คอรีย์ ฮอว์กินส์จาก Non-Stop), อีซี-อี (เจสัน มิทเชลจาก Contraband), ดีเจ เยลลา (นีล บราวน์, จูเนียร์จาก Fast & Furious) และเอ็มซี เรน (อัลดิส ฮ็อดจ์จาก A Good Day to Die Hard) ได้ใช้ท่วงทำนองที่เสียดทะลุจิตใจและจังหวะฮาร์ดคอร์ เปลี่ยนแปลงความคั่งแค้นและความโกรธขึ้งที่มีต่อชีวิตในย่านที่อยู่อาศัยของพวกเขาในลอสแองเจลิสให้กลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่พวกเขามี นั่นคือเสียงดนตรี

        ในช่วงปลายยุค 80s ท้องถนนของเมืองคอมป์ตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นหนึ่งในสถานที่ที่อันตรายที่สุดในประเทศ การแพร่ระบาดของโคเคนพุ่งสูงขึ้นในอัตราที่น่าตื่นตะลึงพอๆ กับธุรกิจสีดำที่อันตรายของพวกแก๊งอิทธิพลที่ขับเคลื่อนการใช้ยาเสพติด กรมตำรวจแอลเอและหน่วยปราบปรามแก๊งอิทธิพลพิเศษนำทีมทำสงครามต่อต้านยาเสพติดอย่างไม่ประนีประนอม ส่งผลให้ประชาชนในชุมชนย่านเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนียตกอยู่ในความตึงเครียด และตกตะลึง พวกเขาไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่รัฐ และรู้สึกขมขื่นอย่างมาก

        อีซี-อี พ่อค้ายามากเสน่ห์ ผู้ฉลาดเฉลียว มองเห็นอนาคตในวงการแร็ปที่กำลังเริ่มต้นของแอลเอ เขามีแผนการในใจแล้ว เมื่อตัดสินใจจะทิ้งชีวิตบนท้องถนนไว้เบื้องหลัง เขาก็ติดต่อดร.เดร เพื่อนของเขาที่เป็นดีเจในท้องถิ่น ผู้ทำหน้าที่เปิดแผ่นเสียงเป็นประจำตามคลับในคอมป์ตันร่วมกับดีเจ เยลลา พวกเขาเองก็เบื่อหน่ายกับทางตันและโหยหาความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน และอีซี-อีก็มีทั้งเงินและสายสัมพันธ์ที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงนั้นได้ ผู้ที่ร่วมวงกับพวกเขาด้วยคือสองเอ็มซีหนุ่มในย่านนั้น เอ็มซี เรนและไอซ์ คิวบ์ เด็กหนุ่มมากพรสวรรค์วัย 16 ปี ผู้ซึ่งท่วงทำนองที่มีชีวิตชีวาของเขาเป็นที่สนใจของดร.เดร ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะใช้ความขุ่นเคืองเป็นเชื้อเพลิงผลักดันศิลปะของพวกเขาและมอบสิ่งหนึ่งที่คนของพวกเขาต้องการเหลือเกิน นั่นคือเสียง

        Straight Outta Compton ที่นำเราย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง บอกเล่าเรื่องจริงว่าหัวขบถทางวัฒนธรรมเหล่านี้ ที่ใช้เพียงแค่เนื้อเพลง ลีลาและพรสวรรค์ล้วนๆ ได้ยืนหยัดต่อต้านผู้มีอำนาจ ผู้มุ่งมั่นที่จะสยบพวกเขา และก่อตั้ง N.W.A ซึ่งเป็นศิลปินกลุ่มที่อันตรายที่สุดของโลกได้อย่างไร เมื่อพวกเขาพูดความจริงที่ไม่เคยมีใครเผยมาก่อนและตีแผ่ชีวิตในย่านนั้นออกมา เสียงของพวกเขาก็จุดประกายการปฏิวัติทางสังคม ที่ยังคงก้องดังมาจนถึงปัจจุบัน

        Straight Outta Compton เป็นโปรเจ็กต์แห่งความรักที่กำกับโดยเอฟ. แกรี เกรย์ (Friday, Set It Off, The Italian Job, Law Abiding Citizen) และสร้างจากเรื่องาวโดยผู้ร่วมควบคุมงานสร้างของเรื่อง เอส. ลีห์ ซาวิดจ์ (Welcome to Death Row) และอลัน เวนคัส (Private Resort) รวมถึงแอนเดรีย เบอร์ลอฟฟ์ (World Trade Center) บทภาพยนตร์ของเรื่องเขียนโดยโจนาธาน เฮอร์แมน มือเขียนบทหน้าใหม่และเบอร์ลอฟฟ์

        ภาพยนตร์ดรามาเรื่องนี้ ร่วมแสดงโดยนักแสดงรางวัลลูกโลกทองคำ พอล จิอาแมตติ (ซีรีส์เอชบีโอเรื่อง John Adams) อำนวยการสร้างโดยสมาชิกดั้งเดิมของวง N.W.A ไอซ์ คิวบ์และดร.เดร ผู้ร่วมทีมโดยเพื่อนผู้อำนวยการสร้างโทมิกา วู้ดส์-ไรท์, แมทท์ อัลวาเรซ (แฟรนไชส์ Ride Along), เกรย์และสก็อต เบิร์นสไตน์ (ภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉายเรื่อง Ride Along 2)

        ทีมงานเบื้องหลัง   Straight Outta Compton นำทีมโดยผู้กำกับภาพ แมทธิว ลิบาทิค (Black Swan, Iron Man 2), ผู้ออกแบบงานสร้างเชน วาเลนติโน (Beginners, ซีรีส์ The Normal Heart), มือลำดับภาพบิลลี ฟ็อกซ์ (Hustle & Flow, Four Brothers), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เคลลี โจนส์ (ซีรีส์ Sons of Anarchy, Homefront), ผู้ประพันธ์เพลง โจเซฟ ทราพานิส (Oblivion, The Raid 2) และซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายดนตรี โจโจ้ วิลลานิววา (Horrible Bosses 2, Black or White)

        วิล แพ็คเกอร์ (แฟรนไชส์ Think Like a Man) รับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้าง ร่วมกับอดัม เมริมส์ (ภาพยนตร์โดยลี แดเนียลส์เรื่อง The Butler), เดวิด เอนเกล (Saint John of Las Vegas), บิล สเตราส์ (The Last Rites of Joe May), โธมัส ทัลล์ (Jurassic World) และจอน จาชนี (Godzilla)





เกี่ยวกับงานสร้าง

“Straight from the Streets”:
เรื่องราวที่ใช้เวลาบอกเล่าหลายทศวรรษ

               เรื่องราวของศิลปินกลุ่มวงN.W.Aมีหลากหลายมิติ ที่รวมเอาเรื่องราวส่วนตัวที่น่าติดตามของสมาชิกวง อีกทั้งยังร้อยเรียงภาพสะท้อนทางสังคม ซึ่งเป็นที่มาของดนตรีแปลกใหม่ของวงตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีอีกด้วย
        แม้กระทั่งระหว่างการทำงานที่ประสบความสำเร็จและยาวนานในฐานะศิลปินเจ้าของผลงานติดชาร์ต ผู้ทำงานหลากหลายในวงการบันเทิงทั้งในฐานะนักแสดง มือเขียนบท ผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับ ไอซ์ คิวบ์หรือโอ’เชีย แจ็คสัน มักรำลึกถึงเรื่องราวการเติบโตของN.W.Aในความคิดเสมอ
        ในปี 2009 ไอซ์ คิวบ์บังเอิญเจอกับบทภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เย้ายวนใจเกินกว่าจะมองข้ามได้ และเป็นครั้งแรกที่เขาริเริ่มไอเดียของภาพยนตร์ชีวประวัติที่สร้างจากประสบการณ์ของศิลปินกลุ่มนี้ ที่เริ่มต้นเมื่อเกือบสามทศวรรษที่ผ่านมา
        สำหรับคิวบ์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเวอร์ชันภาพยนตร์ของเรื่องราวเกี่ยวกับ N.W.A. ต้องอุทิศให้กับอีริค “อีซี-อี” ไรท์ ผู้ก่อตั้งวง ผู้จากไปในปี 1995 คิวบ์เล่าว่า “ต้องขอบคุณอีซี ผู้มีวิสัยทัศน์และมองดนตรีแนวนี้ว่าเป็นอนาคต ว่าเป็นอัลบัมที่คนอยากจะฟัง เขาแน่วแน่มากๆ ที่จะทำให้ชื่อของคอมป์ตันปรากฏในแผนที่ เขาเคยพูดทำนองว่า ‘ทุกคนมาจากบรู๊คลิน ควีนส์ บรองซ์ อัพทาวน์ แต่ไม่มีใครในที่นี้มาจากคอมป์ตัน คอมป์ตันมันเป็นยังไงล่ะ?’ เขาตั้งใจมากๆ กับการทำให้คอมป์ตันอยู่บนแผนที่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามครับ”
        ด้วยการมีส่วนร่วมของบุคคลสำคัญทั้งหลาย รวมถึงเพื่อนสมาชิกวงเอ็น.ดับบลิว.เอ ดร.เดรและภรรยาม่ายของอีซี-อี โทมิกา วู้ดส์-ไรท์ ผู้ร่วมงานนี้ด้วยในฐานะผู้อำนวยการสร้าง และสมาชิกดั้งเดิมของวง เอ็มซี เรนและดีเจ เยลลา ผู้ทำหน้าที่ที่ปรึกษา พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาสามารถนำเสนอเรื่องราวนี้อย่างเหมาะสมและแสดงความเคารพต่อเรื่องราวของพวกเขาได้
        บทภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่มีชื่อว่า Straight Outta Compton มีจุดเริ่มต้นจากบทสัมภาษณ์และการค้นคว้านานหลายปีโดยนักสารคดีเกี่ยวกับดนตรี เอส. ลีห์ ซาวิดจ์ (Welcome to Death Row) และมือเขียนบท อลัน เวนคัส ดราฟท์เริ่มแรกนั้นกลายเป็นรากฐานสำหรับสิ่งที่กลายเป็นเวอร์ชันที่ใช้งานของแอนเดรีย เบอร์ลอฟฟ์ ผู้ที่นำงานของมือเขียนบทของโจนาธาน เฮอร์แมน มาปรับรวมให้กลายเป็นบทภาพยนตร์ที่ใช้ถ่ายทำจริง
        ในการรวมเอาข้อมูลที่มีอย่างล้นเหลือ ที่เก็บรวบรวมจากทั่วสารทิศ ผลงานของมือเขียนบททุกคนได้กลายเป็นภาพสะท้อนชีวิตและช่วงเวลาของ N.W.A. สิ่งที่ทุกคนคิดเป็นอย่างแรกคือความเชื่อที่ว่าการบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาจะเป็นสิ่งที่ยกย่องตำนานของอีซี-อี เพื่อนของพวกเขา ในฐานะผู้มีวิสัยทัศน์มากเสน่ห์อย่างที่เขาเป็น อีซี-อีเป็นแกนหลักในการก่อตั้งวงนี้ขึ้นมาและเขาก็จะได้รับการถ่ายทอดด้วยความเคารพ
        ตั้งแต่เริ่มต้น เป้าหมายของอีซีคือการนำเสนอชีวิตในย่านที่อยู่อาศัยนั้นด้วยเนื้อเพลงที่ตรงไปตรงมาของไอซ์ คิวบ์และจังหวะเร้าใจโดยดร.เดร และสร้างแนวทางใหม่ที่นำเสนอประสบการณ์ของพวกเขาในคอมป์ตันด้วยความตรงไปตรงมาอย่างที่ไม่เคยมีการถ่ายทอดมาก่อน
        ด้วยมุมมองลึกซึ้งของเธอที่มีต่อชีวิตส่วนตัวของอีซี-อี รวมถึงความเข้าใจที่มีต่อชายผู้อยู่เบื้องหลังดนตรีผู้นี้ วู้ดส์-ไรท์ เป็นผู้ที่ทรงคุณค่ายิ่งสำหรับงานสร้าง เธอได้พูดถึงสิ่งที่เธออยากให้แฟนๆ ของเอ็น.ดับบลิว.เอ.และผู้ชมที่ไม่เคยรู้จักเรื่องราวชีวิตของพวกเขามาก่อน ได้รู้จักกับอีซี-อี “อีริคเป็นผู้มองโลกตามความเป็นจริง ผู้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่าอดทน ตำนานของอีซีเป็นภาพสะท้อนที่น่าทึ่งของแก่นแท้เบื้องหลังคำเปรียบเปรยที่ว่า อย่าตัดสินหนังสือจากปก...และถ้ามีโอกาสได้อ่านทุกหน้า คุณจะได้รับความรู้และความคิดอ่าน ที่จะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมค่ะ”
        อังเดร ยัง ผู้เป็นที่รู้จักของผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกในนามของดร.เดร รู้สึกลังเลมากกว่าคนอื่นๆ ในการนำเรื่องราวของพวกเขาขึ้นสู่จอเงิน สำหรับศิลปิน/โปรดิวเซอร์ ผู้ซึ่งอัลบัม “The Chronic” และ “2001” ยังคงส่งอิทธิพลต่อแวดวงแร็ปและฮิปฮ็อปฝั่งเวสต์โคสต์อย่างมาก วันเวลาในอดีตเหล่านั้นเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่มีความเป็นส่วนตัวอย่างเหลือเชื่อในชีวิตของเขา และเขาก็กังวลว่าช่วงเวลาเหล่านั้นจะได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างถูกต้องและสมศักด์ศรีหรือไม่
        หลังจากได้อ่านบทและได้พูดคุยหลายครั้งกับไอซ์ คิวบ์ และครอบครัวของเขาเอง ดร.เดรก็ตกลงเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อช่วยอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่จะทำให้คนทั้งโลกได้รู้จักกับเอ็น.ดับบลิว.เอ
        สก็อต เบิร์นสไตน์ ผู้สนับสนุนเรื่องราวนี้และผู้มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเรื่องราวนี้ที่ยูนิเวอร์แซล อดีตรองประธานบริหารฝ่ายโปรดักชันของสตูดิโอ ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์นี้ในตอนที่เขาโบกมือลาสตูดิโอเพื่อเริ่มต้นบริษัทโปรดักชันของตัวเองและอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Straight Outta Compton เขาอธิบายถึงสิ่งที่ทำให้เขาสนใจเรื่องราวนี้ว่า “เรื่องราวของเอ็น.ดับบลิว.เอไม่เพียงแต่รวมธีมสากลเกี่ยวกับมิตรภาพ ความเป็นพี่น้องและชัยชนะเข้าด้วยกันเท่านั้น แต่มันยังแสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบที่มืดหม่นกว่าของการหักหลังและโศกนาฏกรรมที่ห้อมล้อมศิลปินกลุ่มนี้ด้วย ผมทึ่งที่ว่าในขณะที่พวกเขากำลังไขว่คว้าอเมริกัน ดรีม พวกเขาก็ต้องประสบกับโศกนาฏกรรมแบบกรีก ในการนั้น อีซีเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องราวนี้ เขาเริ่มต้นด้วยเล่ห์เหลี่ยมและพลังงาน แต่ท้ายที่สุด เขาก็ถูกหักหลังจากอีโก้ของตัวเองและความเชื่อที่เขามีต่อเจอร์รี เฮลเลอร์ว่ารัธเลส เรคคอร์ดส์และอีซี-อีสำคัญกว่าวงนี้ พอถึงตอนที่เขาตระหนักได้ถึงความผิดพลาดของตัวเองและแก้ตัวใหม่ มันก็สายเกินไปแล้ว คิวบ์และเดรตั้งใจสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อยกย่องพี่น้องผู้จากไปและยกย่องตำนานการตอบโต้กลับของเขาครับ”
        แมทท์ อัลวาเรซ หุ้นส่วนงานสร้างของไอซ์ คิวบ์ ผู้ทำงานร่วมกับบริษัทโปรดักชันของคิวบ์มาตั้งแต่ Next Friday เห็นพ้องกับเพื่อนผู้อำนวยการสร้างของเขา โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่า “คิวบ์กับผมทำงานร่วมกันมานานและเราก็ไม่เคยพัฒนาโปรเจ็กต์ที่มีความสำคัญและมีความเป็นส่วนตัวสำหรับเขามากขนาดนี้ การได้เห็นทั้งหมดนี้บรรจบสมบูรณ์สำหรับเขาและสมาชิกคนอื่นๆ ของวงเอ็น.ดับบลิว.เอ เป็นอะไรที่น่าประทับใจอย่างเหลือเชื่อ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการบอกเล่าเรื่องราวจริงๆ ของพวกเขาครับ”
        ชายผู้รับผิดชอบต่อการนำทีมงานสู่การนำเรื่องราวที่ซับซ้อนนี้สู่โรงภาพยนตร์คือผู้กำกับเอฟ. แกรี เกรย์ ผู้ซึ่งผลงานภาพยนตร์ของเขาครอบคลุมแนวต่างๆ ตั้งแต่แอ็กชันอย่าง The Italian Job และดรามาทริลเลอร์อย่าง The Negotiator ไปจนถึงคอเมดีอย่าง Be Cool แกรี ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโปรเจ็กต์นี้อย่างลึกซึ้งมาตั้งแต่ปี 2011 มอง Straight Outta Compton ว่าเป็นภาพยนตร์ที่สำคัญที่สุดในอาชีพผู้กำกับที่ยาวนานหลายทศวรรษของเขา และเป็นผลงานที่รวมประสบการณ์และงานในชีวิตของเขาเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง
        ความสัมพันธ์ระหว่างผู้กำกับกับเรื่องราวที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้มีความเป็นส่วนตัวอย่างมาก และเป็นประเด็นที่เกรย์ตอบรับและรู้สึกถึงแก่นของมัน ตอนเป็นเด็ก เขาโตขึ้นมาในท้องถนนสายเดียวกับหนุ่มๆ ที่เราติดตามในเรื่องราวนี้ เขามองเห็นการแพร่ระบาดของโคเคน และอาวุธออโต้เมติคนำเข้าในยุค 80s ที่ทำลายครอบครัวและบ้านเรือนมากมาย เรื่องราวของพวกเขาก็เป็นเรื่องราวของเขาเช่นกัน มันเป็นเรื่องราวของการจดจำรายละเอียดของลักษณะและรุ่นของรถตำรวจนอกเครื่องแบบที่ขับเข้ามาในคอมป์ตัน การได้เห็นหน่วยจู่โจมของกรมตำรวจกวาดล้างบ้านเรือนต่างๆ ในย่านนั้น และการค้นพบว่าศิลปะของคุณอาจเป็นหนทางระบายความคั่งแค้นและความโกรธขึ้งในชีวิตประจำวันที่สมบูรณ์แบบได้
        เกรย์ ผู้รับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ดรามาเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เริ่มต้นทำงานในวงการภาพยนตร์เมื่อเขาอายุได้ 23 ปีด้วยภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่อง Legacy ซึ่งสำรวจผลเสียทางสังคมของความรุนแรงและเป็นจุดเริ่มต้นความหลงใหลของเขาในการใช้สื่อประเภทนี้ในการบอกเล่าเรื่องราวที่เขาและผู้คนที่เขารู้จักและรักเคยผ่านมาก่อน
       โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไอซ์ คิวบ์และดร.เดรเต็มไปด้วยมิตรภาพและความนับถือที่มีให้กันมาเนิ่นนาน ในตอนเป็นผู้กำกับหนุ่ม เกรย์ได้กำกับมิวสิค วิดีโอให้กับศิลปินฮิปฮ็อปและอาร์แอนด์บีมากมาย รวมถึงไอซ์ คิวบ์และดร.เดร และเขาก็ใช้ประสบการณ์นั้นเป็นพื้นที่ฝึกฝนฝีมือสำหรับงานภาพยนตร์ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นของเขา ผลงานของเขารวมถึง“It Was a Good Day” เพลงฮิตของไอซ์ คิวบ์ และผลงานการร่วมมือกันระหว่างไอซ์ คิวบ์และดร.เดร “Natural Born Killaz” ในความเป็นจริง เขาเปิดตัวผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาด้วยคอเมดีคลาสสิกปี 1995 เรื่อง Friday ที่เขียนบทและนำแสดงโดยไอซ์ คิวบ์ด้วยซ้ำไป
        ด้วยแรงจูงใจจากความหลังยาวนานที่เขามีร่วมกับศิลปินทั้งสอง เป้าหมายหลักของเกรย์คือการสร้างภาพยนตร์สมจริงที่บันทึกมิตรภาพที่ยั่งยืน และบอกเล่าว่าเงิน ชื่อเสียง อีโก้และโศกนาฏกรรมได้ท้าทายและเปลี่ยนแปลงความเป็นพี่น้องของศิลปินกลุ่มนี้อย่างไร นอกจากนี้ เขายังกระตือรือร้นที่จะแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ N.W.A. มีต่อวัฒนธรรมป็อปในปัจจุบัน และดึงเอาประสบการณ์ของตัวเองและความสัมพันธ์ภายในแวดวงดนตรีของเขา ซึ่งหลายคนรู้จักชีวิตแบบนี้อย่างลึกซึ้งไม่แพ้กัน
       “พอผมได้อ่านบทหนังเรื่องนี้ครั้งแรก มันให้ความรู้สึกเหมือนเรื่องราวการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงครับ” ผู้กำกับเล่า “มันให้ความรู้สึกเหมือนจุดเริ่มต้นสำหรับอดีตของพี่น้องทั้งห้าคน ผมไม่ได้คาดหวังถึงอารมณ์ที่ทำให้ผมอยากจะล้วงลึกลงไปอีก ดนตรีของเอ็น.ดับบลิว.เอยอดเยี่ยมก็จริง แต่ผมอยากจะนำเสนอความเป็นมนุษย์ของพวกเขา ทุกคนรู้จักดร.เดร, ไอซ์ คิวบ์และอีซี-อี พวกเขาเป็นไอคอนก็จริง แต่พวกเขาก็เป็นคนธรรมดาด้วย ในบทสนทนาครั้งหนึ่งระหว่างผมกับไอซ์ คิวบ์ ผมบอกว่า ‘ถ้าคุณให้ผมได้รู้จักกับโอ’เชีย แจ็คสัน, อังเดร ยังและอีริค ไรท์ ผมก็สนใจที่จะบอกเล่าเรื่องราวนี้’ น่ะครับ”
        เกรย์อธิบายว่า สำหรับเขา มันเป็นมากกว่าภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง “Straight Outta Compton เป็นเรื่องราวที่ติดอยู่ในความคิดผมตั้งแต่ผมยังเด็กแล้ว และมันก็เป็นหนังที่ผมเกิดมาเพื่อสร้างมัน เมื่อผมมองดูใบหน้าของนักแสดงในหนังเรื่องนี้ ผมก็ได้เห็นเด็กๆ จากถนนของผมเมื่อ 30 ปีก่อน นี่เป็นเรื่องราวการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเรา และคุณก็จะรู้สึกได้ถึงความรู้สึกเร่าร้อนของทุกคนที่เกี่ยวข้องและหัวใจที่เราใส่ลงไปในหนัง เรารู้ว่าเราจะต้องนำเสนอมันอย่างเหมาะสมเพื่อที่ผู้ชมที่ไม่ได้มาจากย่านนี้จะได้สัมผัสถึงสิ่งที่เราเคยผ่านมาและคนที่มาจากที่นี่จะรู้สึกว่าเรานำเสนอเรื่องราวของพวกเขาอย่างคู่ควรครับ ตั้งแต่หนังสั้นเรื่องแรกของผมมาจนถึงหนังเรื่องนี้ ผมรู้สึกเหมือนว่าผมเดินทางมาครบรอบแล้วและผมก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้บอกเล่าความจริงของเราครับ”
        นอกจากเนื้อเพลงของเอ็น.ดับบลิว.เอจะเป็นตัวแทนของชีวิตคนผิวสีในท้องถนนของย่านเซาธ์ลอสแองเจลิส พวกเขายังได้ก่อให้เกิดศิลปินสตรีทรุ่นใหม่ ผู้ซึ่งข้อคิดทางสังคมยังคงทรงพลังและเป็นจริงแม้หลายทศวรรษให้หลังอีกด้วย
        เรื่องราวเบื้องหลังดนตรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปินกลุ่มนี้ครอบคลุมเวลากว่าหนึ่งทศวรรษใน Straight Outta Compton ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเอ็มซีวัยรุ่น ผู้กลายเป็นตัวแทนของผู้สิ้นหวังกับโลก ดีเจผู้มีทักษะและแรงขับดันที่จะกลายเป็นโปรดิวเซอร์คนดังและปลุกกระแสวงการแร็ป และสุดท้าย พ่อค้ายาผู้ซึ่งวิสัยทัศน์ของเขานำทุกคนมารวมตัวกัน ร่วมด้วยสองหนุ่มพรสวรรค์จากท้องถนนของคอมป์ตัน พวกเขาร่วมกันปลุกกระแสดนตรีแนวนี้ที่กลายเป็นที่ยอมรับจากผู้ชมทั่วโลกและยืนยงนานหลายทศวรรษ
        “เราอยากให้ทุกคนสนใจ ผมเรียกมันว่า ‘ช็อค-ฮ็อป’ ครับ” ดร.เดรอธิบาย ความตกตะลึงนั้นขยายไปถึงศัพท์เฉพาะสำหรับวง ที่เข้าคู่กับข้อคิดที่กระตุ้นอารมณ์ของพวกเขา “เราอยากจะประกาศศักดาด้วยชื่อและดนตรีของเรา ทำให้ทุกคนสนใจและฟังในสิ่งที่เราจะพูดครับ”
        จากจุดเริ่มต้นของวง สมาชิกวงเอ็น.ดับบลิว.เอ รู้ว่าพวกเขามีปฏิกิริยาเคมีเข้ากันได้และแต่ละคนก็ค้นพบบทบาทของตัวเอง และสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่กลมกลืนขึ้นในวงได้อย่างง่ายดาย ไอซ์ คิวบ์และเอ็มซี เรน มีความสามารถในการแต่งเพลง, ดร. เดรและดีเจ เยลลา ผู้เริ่มต้นจากการเป็นดีเจด้วยกันในวงเวิลด์ คลาส เร็คกิ้ง ครู เป็นผู้ดูแลซาวน์และการโปรดิวซ์ ส่วนอีซี-อีก้าวเข้ามาในฐานะผู้นำทั้งในและนอกเวที เขาได้ทำการตลาดจากลุคและซาวน์ที่โดดเด่นของพวกเขา ไม่เพียงแต่กับเพื่อนพ้องของพวกเขาเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดเขาก็ได้เปิดตลาดสู่คอดนตรีเมนสตรีมทั่วโลกด้วย
        เอ็มซี เรน ศิลปินที่มีชื่อเดิมว่าลอเรนโซ แพทเทอร์สัน เป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ร้องแร็ปในย่านนั้นในตอนที่เขาได้รู้จักกับอีซี-อี ผู้อยู่แถวย่านที่พักอาศัยของเขาเป็นประจำ เอ็มซี เรน พูดถึงช่วงเวลาเริ่มแรกของวงที่ได้แสดงตามเวทีเล็กๆ ในท้องถิ่นว่า “ผมอยากแสดง ผมอยากเป็นแร็ปเปอร์ อีทำให้ผมมีเวทีในการแสดงออกและทำมันในรูปแบบที่ต่างออกไปครับ”
       สำหรับตัวเขา หลังจากอังตวน “ดีเจ เยลลา” คาร์ราบี้ ได้เปิดแผ่นเสียงที่คลับต่างๆ เคียงข้างดร.เดรมาหลายปี ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะขยับขยายเสียที ประกายวูบวาบของสาวสวยและการปาร์ตี้ถูกบดบังด้วยการขาดเงินและความปรารถนาที่จะสร้างดนตรีที่ดีขึ้นกว่าเดิม “ในยุค 80s มีแต่แร็ปฝั่งอีสต์โคสต์ เวสต์โคสต์กลับไม่มีอะไรเลย” เยลลาเล่า “เดรและผมเคยดูการแสดงของรัน-ดีเอ็มซีหลายครั้ง และมันก็ทำให้เรานึกถึงสิ่งที่เราอยากจะทำนอกเหนือจากเร็คกิ้ง ครู ผมคิดว่า ‘เราจะอยู่ถังแตกที่นี่หรือเริ่มต้นใหม่ล่ะ’ ตอนนั้นเองที่อีซีก้าวเข้ามาครับ”
        ถึงแม้ว่าเอ็น.ดับบลิว.เอจะมารวมตัวกันอย่างฉายแววอนาคตไกลแค่ไหน แต่จุดจบของศิลปินกลุ่มนี้ก็เป็นการแยกวงที่สับสนวุ่นวาย ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ไว้วางใจ การหักหลังที่ทำให้มิตรภาพของพวกเขาขาดสะบั้น ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างอีซี-อีและผู้จัดการวง เจอร์รี เฮลเลอร์ นำไปสู่จุดเปลี่ยนในเรื่องราวของ เอ็น.ดับบลิว.เอ และเร่งการล่มสลายของพวกเขาให้เร็วยิ่งขึ้น
        ความไว้วางใจระหว่างพวกเขาเริ่มสั่นคลอนเมื่อไอซ์ คิวบ์ตั้งคำถามเฮลเลอร์เกี่ยวกับสัญญาของเขากับรัธเลส เรคคอร์ดส์ ซึ่งเป็นค่ายเพลงที่เฮลเลอร์และไรท์ก่อตั้งขึ้นเพื่อจำหน่ายดนตรีของเอ็น.ดับบลิว.เอ และโบกมือลาวงในปี 1989 ไม่นานนัก ดร.เดรก็ก้าวตามเขาออกจากวงไป โดยเดรจะเริ่มต้นอาชีพนักร้องเดี่ยวที่มีเพลงฮิตติดชาร์ทที่เดธ โรว์ เรคคอร์ส์ ตามด้วยอัฟเตอร์แมธ เรคคอร์ดส์ ค่ายเพลงของเขาเอง
        มันเป็นเวลาหลายปีของความบาดหมางและความห่างเหิน แต่ท้ายที่สุด ไอซ์ คิวบ์, ดร.เดรและอีซี-อี ก็ได้ลืมอดีตที่เคยหมางใจกันไป การปรองดองกันที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่อีซี-อีจะป่วยเป็นข้อพิสูจน์สำหรับสมาชิกผู้ก่อตั้งวงว่าสายสัมพันธ์ของพวกเขาแน่นแฟ้นยิ่งกว่าความเป็นปรปักษ์ที่แยกพวกเขาจากกัน
        “ผมคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องของการเติบโตขึ้นเท่านั้นเอง” ดร.เดรพูดถึงการคืนดีกัน “โอเค ผมทำงานของผม ผมประสบความสำเร็จ ที่ผ่านมาก็แล้วกันไปก็แล้วกัน เราเป็นพี่น้องกัน เรามารวมตัวกัน เราเริ่มต้นวงนี้ด้วยกัน และผมก็จะไม่คิดแค้น เรากลับมาทำในสิ่งที่เราทำและสนุกกับสิ่งที่เรารักดีกว่าครับ”
        แม้ว่าการรวมตัวกันอีกครั้งไม่สามารถเกิดขึ้นได้ก่อนหน้าที่อีซี-อีจะเสียชีวิต ดนตรีของพวกเขาก็ยังคงมีชีวิตยืนยาวและสร้างแรงบันดาลใจให้กับวัยรุ่นผู้ไร้สิทธิ์ไร้เสียงรุ่นใหม่ต่อไป ด้วยเพลงที่ไม่เพียงแต่ระบายออกถึงความคั่งแค้นและความโกรธขึ้งที่มีต่อผู้มีอำนาจเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความสุขสม ความเยาว์วัยและความมุทะลุอีกด้วย
        ธุรกิจดนตรีเป็นธุรกิจที่สามารถกลืนกินผู้มีพรสวรรค์แต่ขาดประสบการณ์ได้ทั้งเป็น และโดยส่วนใหญ่แล้ว สมาชิกวงเอ็น.ดับบลิว.เอ ก็ไม่ต่างกัน เมื่อมองย้อนกลับไป พวกเขาเห็นพ้องกันว่าพวกเขาโฟกัสกับการใช้โอกาสในการทำงานดนตรีของพวกเขาให้ดีที่สุด การแสดงต่อหน้าผู้ชมและการเพลิดเพลินกับผลลัพธ์ความอุตสาหะของพวกเขามากเกินไปจนพวกเขามองข้ามแง่มุมด้านธุรกิจของมัน
        สำหรับดร.เดร ในเวลานั้น ทุกอย่างเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ จนกระทั่งถึงตอนนั้น เขายังไม่เคยได้สัมผัสกับสตูดิโอบันทึกเสียงและอุปกรณ์แบบใหม่เอี่ยมมาก่อน และความเป็นไปได้ก็ไร้ขอบเขต เขาเล่าว่า “ผมโฟกัสกับดนตรีมากเสียจนผมไม่ค่อยได้สนใจธุรกิจที่เกิดขึ้น ผมอยากจะอยู่ในสตูดิโอ เพื่อรักษาพลังงานความคิดสร้างสรรค์ให้คงอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อมองย้อนกลับไป ผมควรจะให้ความสนใจกับมัน แต่มันก็เป็นเรื่องของการเติบโตขึ้นครับ ตอนนั้น เรายังเด็กๆ กันอยู่ ผมก็แค่อยากเข้าสตูดิโอ ทำสิ่งที่เราทำ และสนุกกับเพลงฮิปฮ็อปที่เรารัก สำหรับผม มันเป็นเรื่องแค่นั้นเองครับ”
        ดีเจ เยลลากล่าวเห็นพ้องด้วยกับความเห็นของดร.เดร พลางตั้งข้อสังเกตว่า “เราทั้งอายุน้อย โง่เง่า และถูกเอารัดเอาเปรียบ พวกเราบางคนรู้ตัวเร็วกว่าคนอื่นๆ และท้ายที่สุด วงก็แตก มันน่าเสียดายก็จริง แต่บอกตามตรงนะครับ ผมรู้สึกว่าเอ็น.ดับบลิว.เอก่อตั้งมาเพื่อแยกวง นั่นเป็นหนทางเดียวสำหรับพวกเราในจุดๆ นั้นครับ”






« Last Edit: September 19, 2015, 08:15:15 PM by happy »