10 ปีฟาลาเบลล่า และเมนูอร่อยยอดนิยม
เมื่อถามว่าหลังแสงสุดท้ายของวัน หนุ่มสาวย่านราชดำริมักจะไปนัดพบปะสังสรรค์กันที่ไหน เชื่อว่าหลายเสียงคงต้องพร้อมใจยกให้ “ฟาลาเบลล่า บาร์ แอนด์ เรสเตอรองต์” เป็นสถานที่อิ่มท้องแถมยังอิ่มกับความสุขสนุกแบบที่ทุกคนประทับใจและต่างยกให้ร้านอาหารแห่งนี้อยู่ในดวงใจมาตลอดระยะเวลา 10 ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน โดย “ฟาลาเบลล่า” เป็นร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนและไทย ตั้งอยู่ริมถนนราชดำริของสมาคมกรีฑาสโมสร หรืออีกชื่อที่คุ้นกันดีว่าโซน “100 ราชดำริ” การตกแต่งของร้านเรียบหรู แต่แฝงด้วยความดิบเท่ สำหรับเมนูอาหารได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเดินทางไปทั่วโลกของ คุณกอล์ฟ – ณชนก รัตนทารส ซึ่งได้เก็บเล็กผสมน้อยในทุกๆ รายละเอียดความอร่อยที่เคยได้สัมผัสมาต่อยอดสร้างสรรค์เมนูอาหารให้อาณาจักรฟาลาเบลล่าแห่งนี้
คุณกอล์ฟเล่าว่า “ร้านนี้เริ่มต้นจากการนำเอาเชฟอิตาเลียนเข้ามา ซึ่งเขาเป็นคนที่มีฝีมือมาก ตอนนั้นได้มานั่งคุยและวางแผนกันว่า อาหารอิตาเลียนในกรุงเทพเป็นอย่างไรและฟาลาเบลล่าจะทำอาหารอิตาเลียนแบบไหน โดยช่วงที่เริ่มต้นนั้น อาหารอิตาเลียนแบบไฮเอนด์ยังมีน้อยมากในเมืองไทยและอยากจะทำอาหารให้เป็นแบบอิตาเลียนดั้งเดิมที่ไม่ใช่แบบไสตล์ฟิวชั่น เลยเป็นที่มาของสไตล์อาหารอิตาเลียนของฟาลาเบลล่าที่เน้นรสชาติอิตาเลียนแบบดั้งเดิมขนานแท้”
นอกจากนี้คุณกอล์ฟยังได้กล่าวเสริมอีกด้วยว่า “หลายคนมักจะคิดว่ามาร้านฟาลาเบลล่าเป็นร้านที่มาแล้วต้องดริ้งค์กันอย่างเดียว แต่ก็มีอีกเยอะมากที่รู้ว่ามีอาหารอร่อยๆ ไว้บริการ ไม่ใช่สั่งมาเพื่อเป็นกับแกล้มเท่านั้น แต่ร้านเราแค่มาทานอาหารอย่างเดียวก็อิ่มแล้ว ซึ่งนอกจากมีอาหารอิตาเลียนไว้บริการ เรายังมีอาหารไทยที่เน้นรสชาติจัดจ้าน สำหรับแฟนพันธุ์แท้ของที่นี่คือ มาถึงสักหัวค่ำเพื่อทานอาหารให้อิ่มท้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยออกไปสนุกในโซนมังกี้ บาร์ ที่เอาไว้นั่งฟังเพลงชิลๆ หรือวันไหนนึกสนุกก็สามารถเต้นรำได้”
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมานั้น ฟาลาเบลล่าเป็นส่วนผสมระหว่าง ความหรูและความสนุกๆ ที่ลงตัว ผู้คนที่มาเยือนนอกจากมาพบปะเฮฮากับเพื่อนๆ แล้ว ยังประทับใจกับความอร่อยที่ร้านแห่งนี้มอบให้อีกต่างหาก ไปดูกันว่าเมนูยอดฮิตของที่นี่มีอะไรกันบ้าง และเชื่อว่าเมนูเหล่านี้เป็นความอร่อยที่คนเคยมาฟาลาเบลล่าทุกคนจดจำได้และประทับใจที่สุด
Rustica (รัสติกา) พิซซ่าสไตล์ฟาลาเบลล่า
หนึ่งในเมนูยอดนิยม ที่ใครมาฟาลาเบลล่าก็ต้องสั่ง สำหรับ Rustica (รัสติกา) จะมีชีส 3 แบบผสมกันอยู่ในพิซซ่าได้แก่ มอสซาเรลล่า ชีส, พาเมซาน ชีส และ กอร์กอนโซล่า ชีส หนึ่งในชีสที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอิตาลี แรกสัมผัสเนื้อแป้งจะมีความกรอบนอก แต่พอกัดเข้าไปที่เนื้อแป้งจะรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลชวนละมุนของชีสต่างๆ ที่ส่งกลิ่นมาทักทายปลายจมูกของเราและยังมีทีเด็ดคือ เห็ดไวท์ทรัฟเฟิล เป็นทีมเสริมมาช่วยให้การลิ้มรสแต่ละคำชวนประทับใจแบบลืมไม่ลงเลยทีเดียว
New Yorker Pizza Beef (นิวยอร์กเกอร์ พิซซ่า บีฟ)
จากความคิดที่ว่าคนอเมริกันชอบกินแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งคุณกอล์ฟได้ไปชิมอาหารประจำชาติของแดนลุงแซมมาก็หลายที่ ก็เกิดไอเดียสุดสร้างสรรค์ว่า ไส้ของแฮมเบอร์เกอร์นั้นน่าจะไปได้สวยกับแป้งพิซซ่า เรียกง่ายกว่าคือ พิซซ่าสไตล์เบอร์เกอร์ เมนูนี้ทำให้ได้อารมณ์กับการกินแฮมเบอร์เกอร์อีกแบบ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่หลายคนต้องชอบ
Australian Tenderloin Foie Gras (เทนเดอร์ลอยด์ ฟัว กราส์)
เมนูลำดับแรกๆ ที่เราคิดขึ้นมา ซึ่งเดิมทีเป็นเมนูแบบดั้งเดิมของคนอิตาเลียนและที่สำคัญเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ยังไม่เคยมีที่ไหนในกรุงเทพทำเมนูนี้มาก่อน สำหรับเมนูนี้ใช้เนื้อสันในสั่งตรงจากออสเตรเลีย คลุกเคล้ากับเครื่องเทศสูตรเฉพาะของฟาลาเบลล่า ตกแต่งด้วย ฟัว กราส์พร้อมราดน้ำซอสเกรวี่ทานแล้ว “หอมละมุนลิ้นมากๆ”
Rack of Lamb (แรค ออฟ แลมป์)
ว่ากันว่าเนื้อแกะที่ฟาลาเบลล่าถือว่าเป็นอีกหนึ่งความอร่อยของเมนูยอดฮิต โดยทางร้านจะสั่งซี่โครงเนื้อแกะแบบคัดพิเศษเข้ามาจากออสเตรเลีย แม้จะไม่ได้มีซอสราดให้ชุ่มฉ่ำแต่ว่า ความอร่อยอีกอย่างของเมนูนี้ก็คือ การนำเกร็ดขนมปังมาหมักเข้ากับสมุนไพร เวลาทานคู่กับเนื้อแกะจะได้รสชาติและความรู้สึกที่แปลกแต่ก็จะอยากลองอีกสักคำไปเรื่อยๆ จนหมดจานพอดี
Australian grain fed Fiorentina T-bone Steak (ออสเตรเลียน เกรน เฟด ฟิโอเรนติน่า ทีโบน สเต็ก)
จานนี้แนะนำว่า ควรพาเพื่อนมาอีกสัก 3-5 คน เพราะจานใหญ่จริง เนื่องจากเป็นอาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิม โดยเมนูนี้คนอิตาเลียนจะทำมาแบบจานใหญ่อยู่แล้ว เพื่อให้คนในครอบครัวได้ร่วมกันกินในวันอาทิตย์ เนื้อจะเป็นเนื้อสันกลางแบบติดกระดูก ซึ่งนักชิมเนื้อนั้น กล่าวไว้ว่า ความอร่อยที่แท้จริงของเนื้อคือ ส่วนที่ติดกระดูกนี่แหละ เพราะมีทั้งความนุ่มจากมันเนื้อ กลิ่นหอมๆ ของการย่าง และความฉ่ำของน้ำที่อยู่ในเนื้อ
เมนูธรรมดาที่วิธีทำไม่ธรรมดา ด้วยการนำเนื้อเป็ดไปหมักซอสเชอรี่แช่ให้แข็งประมาณ 3-4 วัน แล้วนำมาตุ่นด้วยน้ำมันที่มีอุณหภูมิคงที่ 4 ชั่วโมง ผลที่ได้คือ เนื้อเป็ดจะนุ่มในและด้านนอกจะกรอบมาก หลังจากนั้นก็นำเนื้อเป็ดไปผัดกับเส้นสปาเก็ตตี้ เติมกระเทียมและซอสพริกสูตรพิเศษ เพื่อเพิ่มความจัดจ้านที่คุ้นเคย และโรยหน้าด้วย พริกแห้งและกระเทียมผัดแห้ง เวลาทานจะได้ทั้งความนุ่มของเส้นสปาเก็ตตี้และความหอมนุ่มของเนื้อเป็ดที่เข้ากันอย่างลงตัว
สำหรับเมนูสไตล์ไทย ฟาลาเบลล่าก็สามารถหยิบจับวัตถุดิบแปลกใหม่มาใช้เป็นส่วนประกอบได้อย่างลงตัว เช่น ทูน่าจิ้มแจ่ว โดยนำเนื้อทูน่าไปย่างให้ข้างนอกสุกแต่ข้างในมีสีชมพูนิดๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วรสจัดสูตรฟาลาเบลล่า, มัสมั่นแกะ สำหรับเนื้อแกะเป็นแบบคัดเฉพาะนำเข้าจากออสเตรเลีย เชื่อหรือไม่ว่า เนื้อแกะของเมนูนี้มีความนุ่มกว่าเนื้อวัวปกติเสียอีก การสั่งมาทานพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ ถือเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างที่สุด และปิดท้ายเมนูฮิตกับ พะแนงเนื้อ ถ้ามัสมั่นแกะคือ “เจ้าหญิง” พะแนงเนื้อแห่งฟาลาเบลล่าก็คือ “เจ้าชาย” ที่ต้องสั่งมาคู่กัน กลิ่มหอมและความเข้มข้นของเครื่องเทศ เนื้อที่หั่นมาไม่เล็กและใหญ่เกินไปคือ เครื่องหมายการค้าชั้นดีที่ทำให้เราสามารถทานได้ง่ายจนติดใจเลยทีเดียว ฟาลาเบลล่า บาร์ แอนด์ เรสเตอรองต์ ถนนราชดำริ (ริมถนนบริเวณสมาคมกรีฑาสโมสร) โทร. 02-2525131-2www.fallabellabangkok.com