MSN on September 25, 2014, 03:10:53 PM
หลวงพ่อคูณ มอบ มรดกธรรม วิหารเทพวิทยาคม แหล่งเรียนรู้ธรรมและแก่นแท้พุทธศาสนาแก่ประชาชน





พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ มอบ มรดกธรรม “วิหารเทพวิทยาคม” แหล่งเรียนรู้พระธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งหลวงพ่อคูณท่านได้นำมาสั่งสอนและให้เป็นคติธรรม เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่สาธุชนและประชาชนทั่วไป เน้นความรู้ที่เข้าใจง่าย เข้าถึงได้ทุกวัย เป็นธรรมะที่สนุกและเพลิดเพลิน เปิดให้เข้าชมอย่างสมบูรณ์เต็มรูปแบบแล้ววันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ - พระครู ศรีปริยัติวิสุทธิ์ เจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายภาณุ แย้มศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร จารุทวี รองประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ และผู้อำนวยการโครงการอุทยานธรรม วิหารเทพวิทยาคม พร้อมด้วยนางสาวมยุริญ ผ่องผุดพันธ์ ดารานักแสดงและนักปฏิบัติธรรม ร่วมเสวนา “มรดกธรรม หลวงพ่อคูณ” เพื่อเฉลิมฉลองเกียรติคุณความดีและบารมีของหลวงพ่อคูณ เผยแพร่หลักธรรมพระพุทธศาสนา รวมทั้งแบ่งปันประสบการณ์ปฏิบัติธรรม อันนำไปสู่การสร้างความสุขและความเจริญในชีวิต หลังจากนั้น ร่วมกันเปิดนิทรรศการ “มรดกธรรม หลวงพ่อคูณ” จัดแสดงความรู้และแก่นแท้พระพุทธศาสนา ซึ่งปรากฏใน “วิหารเทพวิทยาคม” มรดกธรรมที่หลวงพ่อคูณประสงค์ให้สร้างขึ้นเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาอย่างมั่นคงสถิตสถาพรสืบไป

พระครู ศรีปริยัติวิสุทธิ์ เจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “หนึ่งในคำสอนของหลวงพ่อคูณที่อยู่ในใจชาวโคราชมาเสมอ นั่นคือ การทำตัวให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่นั้นง่าย แต่จะสร้างสมบุญให้มีบารมีนั้นเป็นเรื่องยาก… ต้องเป็นผู้ให้ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์จริง หลวงพ่อคูณ เป็นพระอาจารย์ นอกจากเป็นผู้ทรงคุณทางไสยเวทย์ แต่ในด้านธรรมะ หลวงพ่อคุณยิ่งมีความเป็นเลิศ โดยให้ความสำคัญต่อการศึกษาหาความรู้และการปฏิบัติกัมมัฏฐาน เน้นเรื่องการมี สติ ระลึกรู้ พิจารณาอารมณ์ต่างๆ ที่มากระทบเพื่อให้รู้เท่าทันในอารมณ์และใช้ความคิด ปัญญา เพื่อไม่ให้เกิดความหลง เพราะทุกสิ่งนั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์”

นายภาณุ แย้มศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่หลวงพ่อคูณได้บวชในบวรพระพุทธศาสนารวม 70 พรรษา ได้บำเพ็ญวัตรปฏิบัติที่เปี่ยมล้นด้วยมหาบารมีทาน สละทรัพย์สร้างสาธารณะประโยชน์เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นศาสนสถานโรงพยาบาล โรงเรียน และสถานที่ราชการต่างๆ มาโดยตลอด เนื่องในวาระศุภวัฒนมงคลครบ 91 ปี และ 70 พรรษาในบวรพระพุทธศาสนาของพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ที่จะเวียนมาบรรจบในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ก็จะเป็นอีกครั้งที่หลวงพ่อคูณได้ตั้งจิตมั่นที่จะมอบ วิหารเทพวิทยาคม ให้เป็นมรดกธรรมแห่งพระพุทธศาสนาสืบไปชั่วลูกหลาน”
สมฤดี ชาญชัย ผู้อำนวยการภูมิภาค ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “วิหารเทพวิทยาคม มรดกธรรมของหลวงพ่อคูณแห่งนี้ จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาที่สำคัญของภาคอีสาน สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมะของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพราะเป็นการท่องเที่ยวที่มีเรื่องราว ไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แต่ให้ทั้งความสุขและความสบายใจ ปลูกฝังความรู้ ความเข้าใจในศาสนา วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม และเป็นการร่วมสร้างสังคมที่ดี ตามแนวคิด “คุณธรรมนำสังคม” อีกทั้งกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่เกิดการตื่นตัวต่อการเห็นความสำคัญของรากฐานวัฒนธรรมภายในชาติ นอกเหนือจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดการหมุนเวียนก่อให้เกิดรายได้สู่ท้องถิ่นทั่วทุกภูมิภาค”

นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ผลการศึกษาพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวชาวไทยล่าสุดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า วัตถุประสงค์หลักของการท่องเที่ยว อันดับสองของคนไทย คือ การไหว้พระ ปฏิบัติธรรม รองจากอันดับแรก คือ การเยี่ยมญาติหรือเพื่อน รวมทั้ง เมื่อดูกิจกรรมระหว่างการท่องเที่ยวแล้ว สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ทำกิจกรรมทางศาสนา เช่น ทำบุญ นมัสการศาสนสถาน นั่งสมาธิ วิปัสสนา เป็นอันดับสอง รองจากอันดับแรก คือ การท่องเที่ยวทั่วไป เช่น กินอาหาร ซื้อของ ดังนั้น การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะ จึงเป็นกลุ่มที่น่าจับตามอง และควรได้รับการสนับสนุนและพัฒนาอย่างเป็นระบบและแบบแผน รวมทั้งเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ตามเส้นทางเข้าไว้ด้วยกัน”

นายเกรียงไกร จารุทวี รองประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ และผู้อำนวยการโครงการอุทยานธรรม วิหารเทพวิทยาคม กล่าวว่า “วิหารเทพวิทยาคม ก่อสร้างขึ้นด้วยปณิธานอันยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อคูณที่ต้องการจะให้เป็นวิหารที่เป็นศูนย์รวมของพระธรรมวินัยในพระไตรปิฎก หรืออีกนัยหนึ่งคือ ดินแดนที่รวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด วิหารเทพวิทยาคมนี้ จึงเป็นสถานที่แห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่นำเอาพระไตรปิฎกมาแสดงและให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป สมกับที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เมื่อเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วให้ถือเอาพระธรรมวินัยของพระพุทธองค์เป็นศาสดาตลอดไป พระธรรมวินัยในพระไตรปิฏกจัดแสดงไว้ในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่าย สวยงาม สนุกและเพลิดเพลินด้วยรูปแบบการนำเสนอผ่านงานศิลปะร่วมสมัยและการจัดแสดงด้วยเทคนิคสมัยใหม่ โดยจุดเด่นอีกประการของวิหารนี้ คือ สถาปัตยกรรมแบบโมเสกด้วยฝีมือเหล่าศิลปินและแรงศรัทธาของชาวบ้านท้องถิ่นที่มีต่อหลวงพ่อคูณ ช่วยการสร้างสรรค์ บรรจงติดกระเบื้องเซรามิค จำนวนมากกว่า 20 ล้านชิ้น ส่งผลให้เป็นวิหารเซรามิคที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

นางสาวมยุริญ ผ่องผุดพันธ์ ดารานักปฏิบัติธรรม เล่าถึงผลที่ได้จากการนำหลักธรรมมาใช้ในชีวิตว่า “ธรรมะทำให้ใจสงบ และเกิดปัญญา ทำให้รู้ว่าผลที่ไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับการกระทำของเราเอง คำว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” มีจริงๆ การเรียนรู้ธรรมะทำให้รู้ว่า ควรใช้ชีวิตอย่างไร ควรเดินไปทางไหน ชีวิตนั้นก็จะมีแต่ความสุขและก็สันติสุขโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มงคลชีวิต 38 ประการ เป็นหลักธรรมที่ง่ายต่อความเข้าใจและการนำไปใช้ อยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองทำกัน เชื่อว่า ทุกคนทำได้ หากตั้งใจเรียนรู้และฝึกจริงจัง”

สำหรับผู้ที่สนใจ วิหารเทพวิทยาคม ตั้งอยู่ที่ “วัดบ้านไร่” หรือ “วัดหลวงพ่อคูณ” ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เปิดให้เข้าเยี่ยมชมและสักการะอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไประหว่างเวลา 08.00-17.00 น. ผู้สนใจสอบถามข้อมูลหรือสำรองการเข้าชมเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 081-617-2122 หรือ www.watbaanrai.com
« Last Edit: September 26, 2014, 02:35:10 PM by MSN »

MSN on September 26, 2014, 02:35:47 PM
Luang Phor Koon has given the public a precious dharma treasure “Viharn Thep Wittayakom” as a learning center of dharma and the essence of Buddhism.



 
 
          Luang Phor Koon Paritsuttho, a highly revered Buddhist monk, has given the public a precious dharma treasure “Viharn Thep Wittayakom” as a learning center of dharma and the Buddhist teachings which Luang Phor Koon has been preaching for many years. Today, an enjoyable and simple version of dharma is accessible to people of all ages to learn and absorb these noble guidelines for life.

          Phra Kru Sri Pariyatwisutthi, head of abbot in Dan Koon Tot district, Nakhon Ratchasima province, Mrs. Somradee Chanchai, executive director - northeastern market division of the Tourism Authority of Thailand, Mr. Panu Yamsri, Deputy Governor of Nakhon Ratchasima province, Mrs.Somsong Sachaphimukh, Vice President - Special Activity of the Tourism Council of Thailand and Mr. Kraingkrai Charutawee, vice chairman of Ban Rai Temple committee and director of the Dharma Learning Park project, along with Ms. Mayurin Pongpudpunth, actress and dharma practitioner joined the seminar “Dharma Legacy of Luang Phor Koon” to celebrate the great honor and prestige of Luang Phor Koon, to disseminate the principles of Buddhism and to share dharma practice experiences which would lead to the happiness and prosperity in life. These distinguished figures later opened the exhibition named “Dharma Legacy of Luang Phor Koon” displaying the knowledge and the essence of Buddhism which was also included in the “Viharn Thep Wittayakom” a virtuous legacy of Luang Phor Koon’s wish to establish an everlasting dharma learning place for Buddhism in Thailand.

          Phra Kru Sri Pariyatwisutthi, head of abbot in Dan Koon Tot district, Nakhon Ratchasima province said that “one of the teachings of Luang Phor Koon that Korat people always keep in mind is that being a great person is easy, but accumulating good deeds to build up prestige is difficult… To achieve it, you must be a giver who possesses truly pure dharma. Luang Phor Koon is well-known as a religious teacher, an occultist, but he also excels in dharma. He puts emphasis on the importance of learning and meditating in order to be morally conscious and aware of any emotions that touch our mind. With a strong conscience, we will be ready to handle each emotion with wisdom and get rid of delusion. We will learn to accept the truth that everything is impermanent and full of suffering.”

          Mr. Panu Yamsri, Deputy Governor of Nakhon Ratchasima province added that “Throughout 70 years that Luang Phor Koon has been ordained in Buddhism, he has performed great meritorious acts, renouncing his property to build public facilities, whether a place of worship, hospitals, schools and government centers, to help people in distress. In this auspicious occasion of 91st birthday and 70th year in Buddhism of Phra Thep Wittayakom, or Luang Phor Koon Paritsuttho, the abbot of Wat Ban Rai, Luang Phor Koon is committed to providing Viharn Thep Wittayakom for future generations, as an eternal heritage of Buddhism on 4th October, 2014”

          Mrs. Somradee Chanchai, executive director - northeastern market division of the Tourism Authority of Thailand stated that “Viharn Thep Wittayakom, the dharma legacy from Luang Phor Koon, is regarded as one of the important resources and tourist attractions about Buddhism in northeastern Thailand. This new dharma center is also consistent with the policy of promoting dharma tourism by the Tourism Authority of Thailand because this kind of tourism has a story in it, does not require a very high expense, but gives pleasure and peace of mind to tourists. It helps people cultivate knowledge and understanding of religion, culture, tradition, and leads to the creation of a better society based on the concept of “virtuous society”. Young people will be encouraged to study Buddhism and understand that religion is the cultural foundation of the nation. In addition, money from tourists attracted to the center will become an economic stimulus and bring income to local people throughout the region.”

          Mrs.Somsong Sachaphimukh, Vice President - Special Activity of the Tourism Council of Thailand mentioned that “The recent study by the Tourism Authority of Thailand on behaviors of Thai tourists found that the second most popular objective of Thai travelers is to visit temples to practice dharma. The first objective is to visit their relatives or friends. The interesting point is that religious activities such as worshiping, making merit, vipassana, and meditation, altogether ranked at the second place after general tourist activities like eating and shopping. Therefore, the development of religion-related tourism is the one to watch and should be supported and developed in a systematic and structured way. There is also a need to link major attractions along each popular path.”

          Mr. Kraingkrai Charutawee, vice chairman of Ban Rai Temple committee and director of the Dharma Learning Park project said that “This Viharn Thep Wittayakom was built with the great determination of Luang Phor Koon who wants this place to keep all the code of monastic discipline in the Tripitaka (Buddhist Scriptures), in other words, a place that collects the history of Buddhism, Buddhist doctrine and all of the preaching of the Lord Buddha. Viharn Thep Wittayakom is going to be the first and only place in the world to display the Tripitaka to educate the general public just like what the Lord Buddha said before he stepped on the path to extinction that Buddhists must cherish the discipline of the Buddha as a prophet forever. The Tripitaka is presented in a way that is easy to understand, enjoyable to read, and beautiful to look at in a contemporary style and modern techniques. Another distinctive feature of this center is the mosaic art that was decorated by talented artists, and the faith of the local people towards Luang Phor Koon is the magic-like inspiration that attached over 20 million ceramic tiles to the edifice and makes it the largest ceramic temple that ever exists.”

          Ms. Mayurin Pongpudpunth, actress and dharma practitioner shared her experiences of applying dharma to her life that “Religion keeps the mind calm and makes us realize that either a bad or a good result will always depend on the actions of our own. The old saying, “You reap what you sow.” Is true. Learning dharma has really made me realize how to lead my life, which direction I should go to have a peaceful life. Especially, the 38 principles toward decent life are easy to understand and implement. I encourage everyone to try it. I believe that anyone can learn and practice dharma if you have a strong determination.”

          Viharn Thep Wittayakom is located at Baan Rai Temple or Luang Phor Koon Temple in Koot Pimarn district, Dan Koon Tot, Nakorn Ratchasima province. The temple is open to visitors from today onwards, between 8am-5pm. For more information or to book a visit, please call 081-617-2122 or www.watbaanrai.com.

MSN on October 05, 2014, 10:25:31 PM
ภาพข่าว: ททท. ร่วมสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะ มรดกธรรม วิหารเทพวิทยาคม แหล่งเรียนรู้ธรรมและแก่นแท้พุทธศาสนาแก่ประชาชน



          เมื่อเร็วๆ นี้ นางสมฤดี ชาญชัย (ที่สองจากขวา) ผู้อำนวยการภูมิภาค ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายภาณุ แย้มศรี (กลาง) รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นางสมทรง สัจจาภิมุข (ที่หนึ่งจากซ้าย) รองประธาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายเกรียงไกร จารุทวี (ที่สองจากซ้าย) ผู้อำนวยการโครงการอุทยานธรรม วิหารเทพวิทยาคม พร้อมด้วยนางสาวมยุริญ ผ่องผุดพันธ์ (ที่หนึ่งขวา) ดารานักแสดงและนักปฏิบัติธรรม ร่วมกันแนะนำ มรดกธรรม หลวงพ่อคูณ วิหารเทพวิทยาคม แหล่งเรียนรู้พระธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งหลวงพ่อคูณท่านได้นำมาสั่งสอนและให้เป็นคติธรรม เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่สาธุชนและประชาชนทั่วไป เน้นความรู้ที่เข้าใจง่าย เข้าถึงได้ทุกวัย เป็นธรรมะที่สนุกและเพลิดเพลิน เปิดให้เข้าชมอย่างสมบูรณ์เต็มรูปแบบแล้ววันนี้ ณ วัดบ้านไร่ หรือ “วัดหลวงพ่อคูณ” ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เปิดให้เข้าเยี่ยมชมและสักการะอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไประหว่างเวลา 08.00-17.00 น. ผู้สนใจสอบถามข้อมูลหรือสำรองการเข้าชมเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 081-617-2122 หรือ www.watbaanrai.com