MSN on September 03, 2014, 02:14:47 PM
โคคา-โคลาลงทุน 180 ล้านบาทใน ‘โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา’ เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการหญิงในประเทศไทย


 
           กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด และบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) เปิดตัว ‘โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา’ หรือ ‘Sustainable Business with Coca-Cola Program’ ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 180 ล้านบาทภายในระยะเวลา 7 ปี เพื่อพัฒนาทักษะการดำเนินธุรกิจให้กับผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่าหรือแวลูเชนของกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา พร้อมตั้งเป้าอบรมเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิงจำนวนกว่า 45,000 คน โดยเริ่มจากผู้หญิงเจ้าของร้านค้าปลีก เพื่อให้สามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจร้านค้าอย่างยั่งยืน

          ‘โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา’ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการระดับโลก ‘5by20’ ที่มุ่งพัฒนาศักยภาพของผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่าของโคคา-โคลา จำนวน 5 ล้านคน ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ภายในปีพ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) โครงการนี้เริ่มต้นในปีพ.ศ. 2553 ที่การประชุมประจำปีของโครงการคลินตัน โกลบอล อินนิชิเอทีฟ และปัจจุบันได้ฝึกอบรมการดำเนินธุรกิจให้กับผู้หญิงที่เป็นทั้งผู้ผลิตวัตถุดิบ ซัพพลายเออร์ ผู้แทนจำหน่าย ร้านค้าปลีก คนเก็บบรรจุภัณฑ์เพื่อไปนำรีไซเคิล และช่างฝีมือที่ใช้วัสดุจากผลิตภัณฑ์ของเราในการผลิตชิ้นงาน รวมกว่า 550,000 คนใน 44 ประเทศ ทั่วโลกแล้ว

          ในประเทศไทย โคคา-โคลาจะทำงานร่วมกับพันธมิตรผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อันได้แก่ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด และบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) อย่างใกล้ชิด โดยในปีนี้จะจัดการฝึกอบรมให้กับผู้หญิงเจ้าของร้านค้าปลีกทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 7,000 คน สำหรับในระยะที่สอง จะมีการขยายหลักสูตรไปสู่ผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่ากลุ่มอื่นๆ อาทิ กลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบ และช่างฝีมือที่ใช้วัสดุจากผลิตภัณฑ์ของเราในการผลิตชิ้นงาน เพื่อสร้างการเติบโตให้ห่วงโซ่คุณค่าของโคคา-โคลาอย่างยั่งยืน

          หลักสูตรฝึกอบรมประกอบไปด้วย การศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและคู่แข่ง การปรับปรุงการให้บริการ การจัดวางสินค้าและบริหารสินค้าคงเหลือทุกประเภทภายในร้าน ไม่เพียงเฉพาะผลิตภัณฑ์โคคา-โคลาเท่านั้น และรวมถึงการทำบัญชีรายรับรายจ่าย

          โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา’ ยังได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรจากหน่วยงานรัฐและหน่วยงานเอกชนอย่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในฐานะที่ปรึกษาหลักสูตรการฝึกยกระดับฝีมือ อำนวยความสะดวกสถานที่ฝึกอบรมทั่วประเทศ และมอบวุฒิบัตรร่วมเพื่อรับรองให้กับผู้ผ่านการอบรมทุกคน ส่วนทีเอ็มบี ทำหน้าที่ฝึกอบรมด้านการวางแผนและบริหารการเงิน อาทิ การทำบัญชีรายรับรายจ่าย

          มร.แอนโตนิโอ เดล โรซาริโอ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โคคา-โคลาพยายามช่วยเหลือพันธมิตรทางธุรกิจและชุมชนแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โครงการนี้ถือเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้กับผู้หญิงเจ้าของร้านค้าปลีก ซึ่งเป็นหัวใจหลักในธุรกิจของเรา เรามุ่งมั่นนำเสนอสิ่งดีๆ เพื่อสร้างคุณค่าร่วม รวมถึงการดำเนินธุรกิจแบบได้ประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย”

          “จากรายงานขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ ระบุว่า มูลค่าการใช้จ่ายทั่วโลกที่เกิดจากผู้หญิงสูงถึงกว่า 20 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และผู้หญิงคิดเป็นกำลังแรงงานกว่าร้อยละ 66 ของแรงงานทั่วโลก แต่พวกเขากลับมีรายได้เพียงร้อยละ 10 ของรายได้รวมทั่วโลก ในขณะเดียวกัน กว่าร้อยละ 90 ของรายได้ผู้หญิงจะนำไปใช้จ่ายในครัวเรือนเพื่อความเป็นอยู่ของครอบครัวและสังคม ดังนั้น การเพิ่มศักยภาพของผู้หญิงให้สามารถเพิ่มรายได้จึงถือเป็นการพัฒนาความเป็นอยู่ของสังคมในภาพรวม ในประเทศไทย เราเชื่อว่าโครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลาจะสามารถเข้าถึงและสร้างประโยชน์ให้กับผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่าของเราจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมต่อไป” มร.แอนโตนิโอกล่าวเสริม

          นายพรวุฒิ สารสิน ประธานกรรมการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โคคา-โคลาในประเทศไทย นอกจากการผลิตเครื่องดื่มของโคคา-โคลาตามมาตรฐานระดับโลก และกระจายสินค้าไปสู่ลูกค้าทั่วประเทศ เรายังต้องคำนึงถึงพันธมิตรอื่นในห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจของเรา รวมถึงร้านค้าปลีกรายย่อยที่จำหน่ายสินค้าของเราให้กับผู้บริโภค ซึ่งร้านค้าเหล่านี้มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เราดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในประเทศไทย”

          “ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลาฯ มีลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีกรวมกว่า 250,000 ร้านค้า โดยกว่าร้อยละ 60 มีผู้หญิงเป็นเจ้าของร้าน ดังนั้น การเพิ่มศักยภาพความรู้ทางธุรกิจรอบด้านให้กับคนกลุ่มนี้จะช่วยสร้างคุณค่าร่วมให้กับธุรกิจและสังคม” นายพรวุฒิกล่าว

          นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า “ร้านค้าปลีกเบ็ดเตล็ดหรือ “โชว์ห่วย” ต่างได้รับผลกระทบจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของร้านค้าสะดวกซื้อและห้างค้าปลีกสมัยใหม่ หลายร้านมีการปรับ กลยุทธ์เพื่อให้ดำรงอยู่ได้ แต่ก็มีหลายร้านต้องปิดตัวลงเพราะไม่สามารถปรับตัวได้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เล็งเห็นว่าควรมีการพัฒนาศักยภาพแรงงานและผู้ประกอบการที่ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้หญิงให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และหากได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนก็คงจะสำเร็จมากยิ่งขึ้น จึงผนึกกำลังกับกลุ่มธุรกิจ โคคา-โคลาในประเทศไทยในโครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลาซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสมานฉันท์ของภาครัฐและเอกชน ในการจะขับเคลื่อนกลไกด้านแรงงานให้มีศักยภาพและความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 อีกทั้งยังส่งเสริมบทบาทของสตรีให้มีความโดดเด่น”

          นางปริยา จีระพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “หาดทิพย์ได้เริ่มโครงการนำร่องไปแล้วเมื่อเดือน มิถุนายน ในปี 2557 จนถึงวันนี้มีผู้หญิงที่ผ่านการอบรมแล้วจำนวนกว่า 1,300 คน จาก 5 จังหวัดในภาคใต้ ในภาพรวม ผู้ผ่านการอบรมต่างรู้สึกพึงพอใจและมีผลตอบรับที่ดีต่อโครงการ โดยเห็นว่าหลักสูตรของโครงการออกแบบมาเพื่อให้พวกเขาสามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้จริง เช่น การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภครายบุคคล เพื่อสร้างจุดขายให้โดดเด่นและตรงกับความต้องการของลูกค้า ทำให้ร้านค้าของตนสามารถดำเนินธุรกิจได้อยู่บนผลกำไร”

          นายปพนธ์ มังคละธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสเอ็มอีและซัพพลายเชน ทีเอ็มบี กล่าวว่า “ความสามารถในการวางแผนและบริหารการเงินอย่างมีประสิทธิภาพคือหนึ่งในหัวใจหลักของความสำเร็จในธุรกิจ เรามีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา โดยทีเอ็มบีได้เริ่มฝึกอบรมการวางแผนและบริหารการเงินให้กับผู้หญิงเจ้าของร้านค้าปลีกในภาคใต้ไปแล้ว เรามอบหมายให้ผู้จัดการภาคและผู้จัดการเขตพัฒนาธุรกิจ SME ในภาคใต้เป็นผู้พูดคุยให้ความรู้ ผ่านหลักสูตรตั้งแต่การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเบื้องต้น สร้างความเข้าใจในรูปแบบของกระแสเงินสดและความต้องการทางการเงินภายในร้านค้าปลีกของตนเอง ไปจนถึงการเตรียมตัวขอสินเชื่อธุรกิจ และการใช้สินเชื่อให้ถูกประเภท ด้วยมุ่งหวังที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจของร้านค้ารายย่อย ที่สามารถเติบโตไปเป็นผู้ประกอบการ SME ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”
« Last Edit: September 04, 2014, 03:40:16 PM by MSN »

MSN on September 04, 2014, 03:41:19 PM
Coca-Cola commits to investing 180 million Baht in ‘Sustainable Business with Coca-Cola Program’ to empower Thailand’s female entrepreneurs


 
          The Coca-Cola system in Thailand, inclusive of Coca-Cola (Thailand) Ltd., ThaiNamthip Ltd. and Haad Thip Pcl., today launched the ‘Sustainable Business with Coca-Cola Program’ supported by an investment of more than 180 million Baht over seven years. The program aims to economically empower more than 45,000 Thai female entrepreneurs in Coca-Cola’s value chain by equipping them with the skills and training they need to grow their businesses.

          The ‘Sustainable Business with Coca-Cola Program’ is part of The Coca-Cola Company’s global ‘5by20’ program which aims to economically empower 5 million women entrepreneurs within the company’s value chain in more than 100 countries by 2020. Launched in 2010, the initiative has already reached 550,000 women producers, suppliers, distributors, retailers, recyclers and artisans in over 44 countries. It is intended to drive progress toward the company’s 2020 Vision and also toward broader national and international economic and social development goals.

          Coca-Cola will work closely with its bottling partners, Haad Thip Pcl. and ThaiNamthip, to deliver the training program across Thailand, in which it aims to train 7,000 by the end of this year. In the second phase of the roll-out in Thailand, the program will continue to train other partners such as producers and artisans and be offered to non-Coca-Cola traditional retailers.

          The training offered by ‘Sustainable Business with Coca-Cola Program’ includes customer behavior and competitor analysis, customer service improvement, merchandising and inventory management for the whole store, and financial training.

          Coca-Cola will also work closely with partners from public and private sectors including the Ministry of Labour’s Department of Skill Development who will provide training venues nationwide and certificates to entrepreneurs who successfully complete the training; and TMB as the program’s financial partner, which will implement the financial management module of the training requirements.

          Mr. Antonio Del Rosario, General Manager, Coca-Cola (Thailand) Limited, said, “In order to build a sustainable business, we strive to understand and help address the problems of our business partners and the communities we proudly serve. This exciting new program will provide sustainable solutions and economic empowerment to the small-scale women retailers who are the backbone of our business. Our intent is to enrich their lives in a positive and meaningful way, helping to create shared value and a win-win for their business and ours.”

          “According to the United Nations Children’s Fund (UNICEF), women control $US20 trillion of worldwide spending and do 66% of the world’s work, but earn only 10% of the world’s income, of which 90% is spent on the well-being of their family and community. Therefore, the benefits of helping further empower these women to maximize their income sources are bound to have more powerful and positive impacts on our community as a whole. In Thailand, we know there is huge potential for this program to reach a significant number of flourishing small business owners which will undoubtedly contribute a number of economic and social benefits to our community,” he said.

          “We are enthusiastic about Thailand’s contribution to the global growth of this worthwhile program and are very proud to be working alongside our business and program partners ThaiNamthip and Haad Thip, the Ministry of Labour’s Department of Skill Development, and TMB to help deliver the training and ensure the program yields all-inclusive benefits across all facets of our business,” Mr. Del Rosario said.

          Pornwut Sarasin, Chairman, ThaiNamthip Limited, said, “As one of Coca-Cola’s bottling partners in Thailand, we are responsible for producing a range of products for The Coca-Cola Company and manufacturing them to the brand’s world-class quality standards and distributing them nationwide. However we cannot achieve this alone. Our value chain partners, including the small retailers that sell Coca-Cola products directly to our consumers, are obviously very important in helping maintain our leading position in Thailand.”

          “Out of our current 250,000 retailers in the Coca-Cola system in Thailand, we estimate that 60% business owners are female. By equipping them with rounded business knowledge, we are confident the program will truly create shared value for both our business and the community,” he said.

          Nakorn Silpa-Archa, Director-General of Department of Skill Development, said, “At present, mom-and-pop-type shops are facing many tough business challenges including an increasingly competitive retail market. Some have adjusted their business strategies to survive; unfortunately many cannot and have been forced to close down or sell their business as a result. The department sees urgent need to help train these entrepreneurs, where women have a strong presence, in a sustainable manner. This program is a result of strong partnership between government and private sector to drive Thai labor empowerment, equipping them with skills and potential for the ASEAN Economic Community 2015 and promote women’s role. We have partnered with The Coca-Cola system in Thailand in Sustainable Business with Coca-Cola Program, based on the belief that a strong contribution from private sector should accelerate achieving the Program’s goal.”

          Pariya Chirabandhu, Senior Vice President, Haad Thip Public Company Limited, said, “We launched a pilot training program in June 2014 and to date we have trained 1,300 retailers in five southern provinces. The feedback from retailers who have completed the training so far has been very positive. They have shared with us that the program has truly equipped them with sustainable business skills, starting with individual consumer behavior analysis which has helped them to create their own unique selling point and therefore made them more competitive in their local communities.”

          Paphon Mangkhalathanakun, Chief SME and Supply Chain Officer, TMB, said, “Strong financial management is a core element to every successful business. We are happy to be a partner in the ‘Sustainable Business with Coca-Cola Program’. Our southern manager and SME development manager have already begun applying financial management training to retailers in the South, ranging from basic financial booking keeping, understanding cashflow and financial needs to prepare for loan applications. We aim to help improve small retailers in a way that they can grow to become SME in a future and contribute to the country’s economy.”

MSN on September 08, 2014, 03:19:29 PM
ภาพข่าว: โคคา-โคลาเปิดตัว ‘โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา’ พัฒนาศักยภาพของผู้หญิงเจ้าของร้านค้าปลีกอย่างยั่งยืน



            กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท โคคา-โคลา ประเทศไทย) จำกัด โดยมร. แอนโตนิโอ เดล โรซาริโอ ผู้จัดการทั่วไป (ที่ 2 จากซ้าย) บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด โดยนายพรวุฒิ สารสิน ประธานกรรมการ (ที่ 4 จากซ้าย) และบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) โดยนางปริยา จีระพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส (ที่ 5 จากซ้าย) ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดย นายนคร ศิลปอาชา อธิบดี (ที่ 3 จากซ้าย) และทีเอ็มบี โดย นายปพนธ์ มังคละธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสเอ็มอีและซัพพลายเชน (ที่ 6 จากซ้าย) เปิดตัว ‘โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา’ เพื่อพัฒนาทักษะการดำเนินธุรกิจและเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิงในแวลูเชนของโคคา-โคลา โดยเริ่มจากผู้หญิงเจ้าของร้านค้าปลีก และตั้งเป้าเพิ่มศักยภาพผู้หญิงจำนวน 45,000 คนทั่วประเทศ ภายในปีพ.ศ.2563 เพื่อสร้างคุณค่าร่วมให้กับทุกฝ่ายสู่ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคมต่อไป งานจัดขึ้น ณ ห้องฉัตรา1 โรงแรมสยามเคมพินสกี